ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 343 เชื่อมั่นในตัวเอง เจ้าคือมืออาชีพ
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 343 เชื่อมั่นในตัวเอง เจ้าคือมืออาชีพ
ปู้ฟางสามารถสังหารมังกรปฐพีตัวที่ต้วนอวิ๋นต้องบู๊อยู่เป็นนานสองนานด้วยการฟันแค่สองฉับ ทำไมคนผู้นี้ถึงทรงพลังได้ขนาดนี้… นี่มันจะเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่า
ต้วนอวิ๋นออกอาการตกใจสุดขีด มีคำกล่าวไว้ว่า ‘ไม่เปรียบเทียบไม่เสียใจ’ ระหว่างปู้ฟางที่แทบไม่ต้องออกแรงกับตัวเขาที่ต่อสู้เลือดตาแทบกระเด็น แค่คิดความโศกเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ก็พุ่งเข้าเกาะกุมหัวใจแล้ว
ปู้ฟางไม่สนใจสักนิดว่าต้วนอวิ๋นกำลังอยู่ในอารมณ์ใด
ชายหนุ่มเดินวนรอบซากของมังกรปฐพี จากนั้นก็เดินทอดน่องไปที่ต้นผลเมฆาม่วง
แสงจางๆ ส่องเรืองรองหมุนวนอยู่เหนือลำต้น กลิ่นที่หอมอบอวลในอากาศแฝงไว้ด้วยความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของผลไม้พลังปราณ ปู้ฟางไม่รีรอที่จะเด็ดผลของมันมาชิม
เขาเด็ดผลเมฆาม่วงจากกิ่งมาผลหนึ่ง มันคือผลไม้ระดับเจ็ดซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังปราณ
ชายหนุ่มปอกเปลือกผลเมฆาม่วงอย่างง่ายดาย เทียบกับเนื้อในที่อ่อนนุ่มแล้ว เปลือกของผลเมฆสีม่วงหยาบกว่ามาก หนำซ้ำยังฝาดแถมรสชาติก็ไม่ได้เรื่อง
ทีเด็ดของมันคือเนื้อในซึ่งเป็นแก่นของผลไม้ชนิดนี้ เนื้อของผลเมฆาม่วงไม่ได้มีสีม่วง แต่โปร่งใสและซีดขาวราวก้อนน้ำแข็ง ลักษณะเหมือนเนื้อลิ้นจี่
ปู้ฟางกัดผลเมฆาม่วงหนึ่งคำ น้ำหวานภายในผลไหลออกมาเต็มปาก กลิ่นหอมรัญจวนเวียนวนอยู่ในปากเคียงคู่รสหวาน ถือว่าอร่อยเลยทีเดียว
หลังสวาปามผลเมฆาม่วงลงท้องอย่างรวดเร็ว ปู้ฟางก็หยิบชามกระเบื้องสีฟ้าขาวออกมา แล้วจัดการต้นผลเมฆาม่วงอย่างที่ควรจะทำ
มีดทำครัวกระดูกมังกรทองปรากฏในมือของชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมควันบางๆ ปู้ฟางไล้มือไปบนกิ่งเรียบๆ ของต้นผลเมฆาม่วงเพื่อหาจุดเหมาะๆ จากนั้นก็ใช้มีดปาดลงไป เนื้อไม้แยกออกอย่างง่ายดาย
เมื่อผิวถูกปาด น้ำเลี้ยงสีใสเป็นประกายก็พุ่งออกมาราวน้ำพุ
เทียบกับน้ำจากเทือกเขาแล้ว น้ำเลี้ยงมีความข้นกว่ามาก ปู้ฟางวางชามกระเบื้องสีฟ้าขาวไว้ใต้กิ่งที่ถูกปาดเพื่อรองรับน้ำเลี้ยงที่ทะลักออกมา
หลังจากเก็บน้ำเลี้ยงสดๆ ได้เต็มชาม ปู้ฟางก็ใช้นิ้วโป้งกดที่รอยปาดบนกิ่งเบาๆ
รอยปาดถูกผนึกด้วยอะไรสักอย่าง และหลังจากนั้นไม่นานน้ำเลี้ยงก็หยุดไหล
ต้วนอวิ๋นเดินเข้ามา เขาตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อได้เห็นน้ำเลี้ยงจากต้นผลเมฆาม่วงเต็มชาม
น้ำเลี้ยงจากต้นผลเมฆาม่วงมีสรรพคุณด้านการรักษาที่ยอดเยี่ยม นอกจากจุดเด่นเรื่องนี้แล้ว มันยังมีรสชาติอร่อยอย่างเหลือเชื่อ สามารถนำมาทำเครื่องดื่มชั้นดีได้
ปู้ฟางเมินใส่สายตาริษยาของต้วนอวิ๋นจากนั้นก็ยกชามกระเบื้องขึ้นมาดื่ม
อึกๆๆ
ปู้ฟางกระเดือกน้ำเลี้ยงเข้าปากอึกใหญ่ เขาถึงกับเบิกตาโพลงทันทีที่น้ำสัมผัสลิ้น
น้ำเลี้ยงจากต้นผลเมฆาม่วงเย็นเจี๊ยบราวกับถูกแช่แข็งมาก่อน มันมีรสสัมผัสสดชื่น ให้ทั้งความหวานและความเย็นเมื่อไหลลงลำคอ
มันคล้ายคลึงน้ำอ้อยที่ปู้ฟางเคยดื่มเมื่อชีวิตก่อนอยู่เล็กน้อย เพียงแต่ไม่หวานเท่า รสชาติของมันอบอวลในปาก กลิ่นหอมทำให้ปู้ฟางต้องหยีตา
น้ำเลี้ยงจากต้นผลเมฆาม่วงมีพลังปราณพอๆ กับผลเมฆาม่วง หลังจากดื่มเข้าไปหนึ่งอึกใหญ่ ปู้ฟางก็อ้าปากกว้างแล้วเรอเอาพลังปราณออกมาจำนวนมาก
หลังจากจิบน้ำเลี้ยงจากต้นผลเมฆาม่วง เขาก็รู้สึกว่าความเหน็ดเหนื่อยทั่วร่างกายถูกชะล้างออกไป
“ดีจริงๆ” ปู้ฟางชอบใจ เขายกชามกระเบื้องขึ้นมาอีกรอบเพื่อกระดกน้ำเลี้ยงที่เหลือ ไม่นานนักก็ดื่มจนเกลี้ยงชาม
น้ำเลี้ยงเมฆาม่วงดับกระหายได้ดีมาก มันมีรสสัมผัสที่พิเศษเหมาะกับการทำเครื่องดื่ม
ปู้ฟางขุดต้นผลเมฆาม่วงออกมาแล้วใส่ลงไปในกระเป๋าคลังเก็บ เขาวางแผนเอามันกลับไปปลูกที่ร้านเพื่อเพิ่มบรรยากาศความเขียวขจีภายในร้าน
ตอนขดตัวนอนอาบแดดบนเก้าอี้ในวันปกติ เขาจะได้จิบน้ำเลี้ยงผลเมฆาม่วงไปด้วย ช่างเป็นชีวิตที่สุขีจริงๆ
ต้วนอวิ๋นกระหายอยากจะจิบน้ำเลี้ยงผลเมฆาม่วงบ้าง แต่ปู้ฟางไม่ใส่ใจอีกฝ่ายเลยเอาแต่ง่วนกับการเก็บต้นผลเมฆาม่วงเข้ากระเป๋า ต้วนอวิ๋นจึงรู้สึกเหมือนถูกเตะผ่าหมากอย่างไรอย่างนั้น
“แบกมังกรปฐพีไปด้วย มันคือมื้อค่ำของเรา” ปู้ฟางออกคำสั่งอย่างจริงจังแล้วเดินนำหน้าพร้อมเอามือไพล่หลังไว้
สีหน้าของต้วนอวิ๋นถึงกับหมองลง
ขนาดตัวของมังกรปฐพีนั้นค่อนข้างใหญ่ กระนั้นพลังปราณของต้วนอวิ๋นก็อยู่ในชั้นสูงสุดของระดับแปดขั้นเทพแห่งสงคราม การแบกเจ้านี่ไปด้วยจึงไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
ทั้งสองคนเดินผ่านป่าพร้อมหุ่นเชิดและซากมังกรปฐพี ตอนนี้เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว ดวงตะวันที่แผดเผาล่วงลับจากขอบฟ้าในที่สุด
ดวงอาทิตย์ลาลับไปพร้อมแสงโพล้เพล้ของยามเย็น ทิ้งไว้เพียงความมืดและความเงียบสงัดเท่านั้น
ดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงค่อยๆ ทอแสงสอดประสานกันบนท้องฟ้ายามราตรี
กองไฟถูกจุด
กระทะสีดำขนาดใหญ่ใบหนึ่งตั้งอยู่บนกองไฟ น้ำที่อยู่ภายในกระทะเดือดเป็นฟองปุดๆ ต้วนอวิ๋นนั่งอยู่ข้างๆ คอยโยนกิ่งไม้เข้ากองไฟเป็นครั้งคราว
เขายังไม่ค่อยเข้าใจทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องฝีมือการต่อสู้ที่ไร้เทียมทานของปู้ฟาง แต่เป็นการแล่เนื้อมังกรยักษ์อย่างหมดจดด้วยท่าทางผึ่งผายของอีกฝ่าย สุดท้ายมังกรปฐพีก็เหลือเพียงกองกระดูก
วิธีการชำแหละและตัดเนื้อของปู้ฟาง… ทำเอาหนังศีรษะของต้วนอวิ๋นรู้สึกเสียวแปลบๆ
ปู้ฟางไม่ได้เก็บหนังของมังกรปฐพีไว้ มังกรปฐพีตัวนี้อาศัยอยู่ใต้ดินตลอดทั้งปี หนังของมันจึงหนาและหยาบกร้านไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เขาจึงโยนมันทิ้งไปหลังจากเลาะเนื้อหมดแล้ว
สำหรับอาหารวันนี้ ปู้ฟางจะทำเนื้อมังกรปฐพีตุ๋นน้ำแดง
ต้วนอวิ๋นที่ใจยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้กลิ่นหอมละมุนกระจายผ่านอากาศ การได้ดูปู้ฟางทำอาหารอย่างช่ำชองทำให้เขาไม่อยากเชื่อว่ากำลังอยู่ในสนามฝึกซ้อม
แม้ว่าสนามฝึกซ้อมแห่งนี้จะมีอันตรายเพียงน้อยนิดกับเหล่าศิษย์มากฝีมือของสำนักมหาพิภพ แต่ระดับพลังปราณของต้วนอวิ๋นจัดได้ว่ายังไม่ดีเลิศ เขาจึงรู้สึกว่าสนามฝึกซ้อมแห่งนี้ยังค่อนข้างอันตรายอยู่
นี่เป็นครั้งแรกที่ต้วนอวิ๋นเจอคนแบบปู้ฟาง… คนที่เปลี่ยนสนามฝึกซ้อมเป็นห้องครัวและทำอาหารอย่างสบายอกสบายใจ
เนื้อของมังกรปฐพีมีสีเข้ม ถึงไม่เติมเครื่องปรุงรสก็มีสีสวยอยู่แล้ว เนื้อสัมผัสมีทั้งความมันและวาววับ เมื่อลอกหนังออกมา เนื้อมังกรปฐพีที่อยู่ใต้หนังซึ่งลอกทิ้งไปแล้วนั้นนุ่มนิ่มสุดขีด ชิ้นเนื้อแวววาวในชามสั่นเบาๆ ราวกับเป็นวุ้นอย่างไรอย่างนั้น
มันทอแสงระยิบระยับล้อเปลวไฟและถูกอาบด้วยน้ำมันเงาวับ เพียงแค่มองก็ทำให้ท้องร้องแล้ว
ปู้ฟางชำเลืองมองต้วนอวิ๋นที่กำลังน้ำลายสออย่างไม่อาจห้ามตัวเองได้ ก่อนโยนชามและตะเกียบหนึ่งคู่ให้อีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจนัก
ต้วนอวิ๋นรับไว้พลางจ้องมองปู้ฟางด้วยความรู้สึกประหลาด ‘หมอนี่มีเครื่องครัวติดตัวพร้อมสรรพ นี่เขา… ไม่ได้ตั้งใจจะเอาสนามฝึกซ้อมแห่งนี้มาใช้เป็นครัวส่วนตัวจริงๆ หรอกใช่ไหม’
กระนั้นต้วนอวิ๋นก็หยุดความคิดเพียงเท่านี้ เขาเลือกเลียนแบบปู้ฟาง คีบชิ้นเนื้อมังกรปฐพีที่ร้อนจัดและมันวาวยัดเข้าปาก
เนื้อมังกรสดและนุ่มลิ้นยิ่งนัก เนื้อสัมผัสของมันเกือบคล้ายวุ้น เมื่อสุกเต็มที่จะเด้งสู้ฟัน แถมกระเด้งกระดอนอยู่ในปาก ชายหนุ่มจมอยู่กับความพอใจอย่างปรี่ล้น
กลิ่นหอมของเนื้อกระจายไปทั่วปากและพุ่งขึ้นสู่จมูก ราวกับทุกอณูของกลิ่นหอมกลายร่างเป็นเสื้อกันหนาวตัวหนาที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ ทำให้รู้สึกอบอุ่นสุขสบาย
“ทำไมอร่อยเช่นนี้! เนื้อของมังกรปฐพีช่างหวานฉ่ำเสียจริง…”
ต้วนอวิ๋นเคี้ยวเนื้อเสียงดังไม่หยุดปาก จากนั้นก็อ้าปากค้างด้วยความชื่นชม คราบมันไหลเลอะอยู่ตรงมุมปาก ส่วนแววตาก็เป็นประกายวิบวับไม่หยุด
ยิ่งกินมากเท่าไร ต้วนอวิ๋นก็ยิ่งสั่นสะท้านไปถึงทรวงใน
ต้วนอวิ๋นเคยอึ้งกับมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬเผามาแล้ว แต่ทักษะที่ใช้ทำอาหารจานนั้นไม่ได้สูงส่งนัก หรือพูดอีกอย่างคือ ถึงมันจะซับซ้อนเขาก็ดูไม่ออกอยู่ดี เขาถือว่ามันเป็นความโชคดีโดยบังเอิญ เพราะเนื้อสัมผัสและรสชาติของมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬนั้นถือว่าดีพอตัวอยู่แล้ว
ทว่าครั้งนี้เนื้อมังกรปฐพีตุ๋นน้ำแดงเผยความสามารถที่แท้จริงของปู้ฟางให้เห็น การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มตอนทำอาหารลื่นไหลดั่งสายน้ำ ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติไม่ขัดตา
‘คนผู้นี้… เป็นพ่อครัวจริงๆ’
ในฐานะศิษย์สำนักเล่นแร่แปรธาตุ การพ่ายแพ้ให้พ่อครัวเช่นนี้… ช่างน่าอดสูยิ่งนัก
ทว่าถึงแม้เรื่องนี้จะทำให้ต้วนอวิ๋นรู้สึกท้อแท้เพียงใด เขาก็อดใจไม่ไหวกับความเย้ายวนของอาหารชั้นเลิศ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้ แน่นอนว่าปู้ฟางสามารถเกลี้ยกล่อมให้ชายหนุ่มใช้เพลิงสังเคราะห์ได้อีกครั้ง
หากแต่ครั้งนี้ปู้ฟางใช้เพลิงสังเคราะห์ของต้วนอวิ๋นเพื่อย่างเนื้อ
ตอนแรกต้วนอวิ๋นปฏิเสธเสียงแข็งเพราะรู้สึกว่าต้องรักษาเกียรติภูมิแห่งนักเล่นแร่แปรธาตุ กระนั้นภาพชวนน้ำลายสอของเนื้อมังกรปฐพีตุ๋นน้ำแดงก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าเกียรติภูมิแห่งนักเล่นแร่แปรธาตุนั้น… สามารถพักไว้ก่อนได้
ไหนๆ ก็เคยถูกบังคับให้จุดไฟเพื่อย่างมันฝรั่งแล้ว ย่างเนื้ออีกสักครั้งจะเป็นไรไป
เมื่อเนื้อมังกรปฐพีถูกย่างจนมีสีแดงสุกใส น้ำมันวับวาวที่อยู่ภายในเนื้อก็หยดลงมา
กลิ่นหอมของเนื้อเข้มข้นฟุ้งกระจายและพุ่งเข้าปะทะต้วนอวิ๋นราวกับเป็นอสรพิษตัวน้อยๆ แม้กำลังปล่อยไฟอยู่ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าน้ำลายนั้นไหลท่วมปาก กลิ่นของเนื้อที่ย่างด้วยเพลิงสังเคราะห์… ช่างน่าลิ้มลองนัก กลิ่นหอมนี้มีพลังล่อลวงทุกคน การสูดกลิ่นหอมเข้าไปทำให้ต้วนอวิ๋นเริ่มตัวสั่นเทาจนเกือบควบคุมไฟไว้ไม่ได้
ปู้ฟางขมวดคิ้วใส่ “ทำดีๆ ควบคุมไฟให้ดีๆ เชื่อมั่นในตัวเอง เจ้าเป็นมืออาชีพนะ”
ต้วนอวิ๋นแทบกระอักเลือด ภายในใจกรีดร้องบ้าคลั่ง ‘ข้าไม่ได้มีอาชีพเป็นคนจุดไฟ ข้าคือนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ทรงเกียรติ โธ่เว้ย!’
ตอนที่เนื้อมังกรปฐพีกำลังจะสุกพอดี ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวภายในดินแดนแสนภูผา ตรงจุดที่เกิดระเบิดมีเปลวไฟพุ่งสูงสู่ท้องฟ้า เปลวไฟเจิดจ้าเกือบบดบังนภาจนมิดทำให้กลางคืนกลับสว่างราวกับเป็นกลางวัน
ต้วนอวิ๋นสะดุ้งเฮือก “หรือว่า… หมื่นไฟบรรลัยกัลป์จะอุบัติขึ้นแล้ว”
ปู้ฟางชำเลืองมองเปลวไฟที่ส่องแสงเจิดจ้าแล้วหันกลับมาอย่างเยือกเย็น เขามองเนื้อมังกรปฐพีที่ถูกย่างจนเป็นสีแดงเข้มแล้วย่นคิ้ว
“ตั้งใจและคุมไฟให้นิ่งๆ ถึงหมื่นไฟบรรลัยกัลป์จะอุบัติขึ้นจริงๆ แต่เราก็ต้องย่างเนื้อให้เสร็จก่อน”