ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 328 ไม่มีแล้ว
ลุงซ่งตื่นสาย
ต้องโทษพั่งยาหลานตัวแสบ ดึกๆ ดื่นๆ ก็ยังจะเล่าเรื่อง
พอฟังดูรู้สึกแปลกใหม่ดี
คิดอยู่ครึ่งคืนว่าคนพวกนั้นที่กระโดดร่มลงมาจากนกเหล็กจะตายหรือเปล่า
ยังไม่ทันจะได้รบก็แพ้แล้ว สาเหตุการตายคือ ตกนกเหล็กตาย
เกาถูฮูไปตามเขา ชายชราจึงวิ่งเหยาะๆ ไปทางหลังบ้าน
“ไอ๊หยา แย่แล้ว รองผู้บัญชาการตกลงไปในหลุมได้ยังไง ใครก็ได้มาช่วยหน่อย มาเร็ว”
ชายชรากลัวรองผู้บัญชาการเกิ่งได้รับบาดเจ็บ
ต้องทราบก่อนว่า ตอนนั้นที่พวกเขาขุดหลุม เปลืองสมองคิดกันไปไม่น้อย เป็นหลุมที่รวมความคิดชั่วร้ายของทุกคนเอาไว้
เกิ่งเหลียงรีบห้าม “ไม่เป็นไร เท้าข้าลอยอยู่ ไม่ถูกทิ่ม” ขณะพูดสองมือก็ยันตัวเองขึ้นมา
เขาก็แค่อยากลองหลุมนี้ดูเท่านั้น
ลุงซ่งรู้สึกอาย “ข้านอนเพลินไปหน่อย เพิ่งจะตื่น ขออภัยรองผู้บัญชาการ เอ่อคือ ไป ปาท่องโก๋เสร็จแล้ว พวกเราไปกินกัน”
พอพูดจบซ่งฝูเซิงก็ตะโกนมาจากหน้าบ้าน “รองผู้บัญชาการเกิ่ง ท่านลุงซ่ง ท่านหลี่เจิ้งมาขอรับ”
หัวหน้าตระกูลเหรินตื่นแต่เช้าตรู่ พาแรงงานชายฉกรรจ์สามสิบกว่าคนมาด้วย
เขาคิดว่า อีกประเดี๋ยวให้คนหนุ่มพวกนี้นำทางเข้าไปในภูเขา
อย่างไรเสีย อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นคนที่นี่ตั้งแต่เกิด
เกิ่งเหลียงเลือกคนที่หัวหน้าตระกูลเหรินเสนอมาอย่างพิถีพิถันไปไว้ด้านข้าง “เจ้า”
ซื่อจ้วงหันมอง
ท่านลุงซ่งรีบยิ้มพลางพูด “นี่เป็นคนของเรา”
“ข้ารู้ ข้าเรียกไว้ อีกประเดี๋ยวให้ขึ้นเขาไปกับเราด้วย”
ในบรรดาชายฉกรรจ์สามสิบกว่าคนที่หัวหน้าตระกูลเหรินพามา เกิ่งเหลียงเลือกไปแค่ห้าคน ส่วนที่เหลือให้หัวหน้าตระกูลเหรินพากลับไป
แต่เขากลับเลือกคนมาทั้งหมดยี่สิบคน ซึ่งก็หมายความว่าอีกสิบห้าคนที่เหลือ ล้วนเป็นพวกซ่งฝูเซิงทั้งหมด
เวลานี้ซ่งฝูเซิงรู้สึกว่า แม้ว่าอายุยังน้อยแต่รองผู้บัญชาการคนนี้สายตาเฉียบคมไม่เบา
เพราะเกิ่งเหลียงไม่ได้เลือกคนที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาพวกเขา อย่างเช่น ลูกชายคนโตของเกาถูฮู เขาไม่เอา
และก็ไม่ได้เลือกคนตัวสูงที่สุด อย่างเช่น ซ่งฝูไฉพี่ชายคนโตของเขา ไหนจะพี่ใหญ่บ้านลุงใหญ่อีก
ในบรรดาพวกพี่ชายในตระกูลซ่ง เขาตัวเตี้ยที่สุด ส่วนคนที่เหลือล้วนตัวสูงใหญ่
แล้วเลือกคนแบบไหนมาบ้างน่ะเหรอ
ซื่อจ้วงคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ตัวสูงมาก บึกบึนมาก ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็ต้องเลือกเขา อันนี้ไม่แปลกใจ
เถียนสี่ฟา ก็ไม่แปลกใจเท่าไร เกิดในครอบครัวนายพราน
แต่ในบรรดาคนที่เลือกมา มีหลายคนที่ตัวเตี้ย รูปร่างผอมแห้ง
ซึ่งในบรรดาคนเหล่านี้ ก็มีที่ตอนนั้นอยู่บนเขาลงมาแย่งน้ำข้างล่าง กล้าใช้ไม้กระบองช่วยซื่อจ้วงเอาเลือดออกจากหัวคนแย่ง และก็มีคนที่เอามีดหั่นผักสับเข้าไปที่หัวขโมยในระหว่างทางลี้ภัย
และก็มีซ่งฝูกุ้ย
ซ่งฝูกุ้ยมองผิวเผินเหมือนคนอารมณ์ดียิ้มง่าย คล้ายคนซื่อบื้อ ความรู้สึกช้ากว่าคนอื่นทุกเรื่อง ทว่าแม้แต่ซ่งฝูเซิงยังรู้สึกว่าเมื่อถึงยามมีภัย คนผู้นี้ก็กล้าฆ่าคนได้ ทั้งโหดทั้งกล้าเอาถึงตาย
รองผู้บัญชาการเกิ่งเมื่อวานเพิ่งมาถึง ไม่ได้คลุกคลีกับทุกคนมากนักกลับมีแววตาเฉียบคมเลือก ‘คนมีความสามารถ’ ในบรรดาพวกเขาออกมาได้
คิดดูแล้วกัน คนผู้นี้อายุยังน้อย ไม่แปลกที่จะได้เป็นรองผู้บัญชาการ ความสามารถจะธรรมดาๆ ได้เหรอ
เตรียมอาหารเช้าให้พวกทหารกินแบบนี้ พวกเขารังเกียจอาหารในค่ายมาก อีกหน่อยกลับไปจะกินลงได้อย่างไร
ปาท่องโก๋ ซาลาเปาไส้ถั่ว
ปาท่องโก๋ ทางนี้กิน ทางนั้นทอด ใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาจากกระทะ วางใส่ถาดที่มีกระดาษไขรอง
ถั่วแดงที่อยู่ในซาลาเปาถูกกวนจนเนื้อเนียน ห่อไว้ข้างใน กัดคำแรกก็ถึงไส้ถั่วแดง
อีกทั้งมีความเหนียวหนึบมาก เอาตะเกียบคีบขึ้นมาจึงติดกันมาหลายอัน
ข้างใต้ซาลาเปาไส้ถั่วรองด้วยข้าวโพด ความหอมหวานของข้าวโพดทำให้ไม่ต้องจิ้มน้ำตาลทรายอีก
ข้าวต้มถูกต้มจนเหนียวข้นพร้อมกับธัญพืชทั้งที่ขัดสีและไม่ขัดสี รวมถึงถั่วนานาชนิด
ส่วนผักดองนั้น เป็นหัวไชเท้าเส้นที่ดองเอง ยังมีแกนผักดองที่เหลือจากหมูติดมันต้มผักดองเมื่อวาน เอามาคลุกเคล้ากับเกลือเม็ดและน้ำมันงา พร้อมใส่ต้นหอมซอย
พวกชาวบ้านมักจะเสียดายไม่กล้าใส่น้ำมันงาเยอะ ก็จริง มันแพงพอสมควร
แต่นั่นก็หอมเหมือนกัน เอาแกนผักดองใส่ในโจ๊ก ซดทีเดียวก็หมดไปกว่าครึ่งชาม
อาหารมื้อนี้พวกผู้หญิงทำกันตั้งแต่เช้ามืด กลัวว่าจะไม่ทันพวกทหารขึ้นเขา
บอกกันว่าพวกทหารช่วยกวาดหิมะให้ เกรงใจ มีมารยาทกับพวกซ่งฝูเซิงมากทีเดียว
พวกทหารรู้สึกได้จากใจ ดูจากของกินก็รู้ว่าพวกชาวบ้านตั้งใจทำให้หรือไม่ วัตถุดิบแบบเดียวกัน ทำแบบขอไปทีกับใช้ใจทำ พวกเขาจะมองไม่ออกเลยเชียวหรือ
แค่เรื่องนี้ลุงซ่งก็ยิ้ม พลางพูดกับเกิ่งเหลียง “พวกเรามีห้องทำขนมสองห้องใช่ไหมล่ะ คนคุมเป็นแม่ของท่านพี่ซ่งของพวกท่าน เมื่อวานนางกลับมาเวลาเย็น วันนี้ก็ออกไปแต่เช้าอีก ท่านเลยไม่ได้เจอ นางเป็นคนใจกว้างมากเลยล่ะ”
เล่นเอาพวกผู้หญิงที่กำลังทอดปาท่องโก๋พากันหัวเราะ
“ข้าเพิ่งได้ยินมาว่า ก่อนนางจะออกไปได้กำชับเป็นพิเศษว่าให้อบเสร็จใหม่ๆ มันเรียกว่าอะไรนะ อ๋อ ขนมปัง บอกพวกคนทำขนมว่าอย่าเพิ่งรีบทำขนมของวันพรุ่งนี้ อบขนมปังสิบกว่าก้อนให้พวกท่านก่อน ให้เอาขนมปังขึ้นเขาไปด้วย ออกจากเตาแล้วล่ะ กำลังใส่ถุงให้ พี่ซ่งของท่านกำลังจัดการให้อยู่”
เกิ่งเหลียงรู้สึกเกรงใจจริงๆ ขนมขายตั้งแพงจะให้เอาไปกินด้วยได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อเช้าที่ได้ฟังหนิวจั่งกุ้ยอธิบายของพวกนั้น
พวกเขาขึ้นเขา พกแต่ของที่ไม่ใช่ของกิน ถึงขนาดที่ไม่เอาของกินไปเลยก็ได้
ขึ้นไปครู่เดียวเดี๋ยวก็หมดวัน กลับมากินข้าวก่อนฟ้ามืดได้
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก นั่นของซื้อของขาย”
ลุงซ่งคาบกระบอกยาสูบพลางพูด “ข้าถามมาแล้ว ไม่เหมือนของที่เอาไปขาย เป็นแบบที่ทนต่อการกดทับ กันหิวได้ ทั้งยังไม่ต้องกลัวว่าเย็นชืดจะไม่อร่อย เป็นอาหารแห้งอย่างหนึ่ง มันเรียกว่าขนมปัง มันๆ หอมๆ ดีกว่าเอาพวกแป้งทอดขึ้นเขา เชื่อพวกเราเถอะ”
ทั้งยังยิ้มพลางกระซิบ
“ไม่แพงๆ ใช้วัตถุดิบที่ในหมู่บ้านให้มาทั้งนั้น กลัวอะไรล่ะ อีกเดี๋ยวพวกท่านขึ้นเขาไปแล้วข้าก็จะเอาน้ำมันกับวัตถุดิบที่ห้องทำขนมใช้เติมกลับไป ก็แค่เปลืองแรงนิดหน่อย แต่พวกเรามีเตาเยอะ ครู่เดียวก็อบเสร็จแล้วสิบกว่าก้อน”
เกิ่งเหลียงหัวเราะ
คิดในใจ พอพี่ซ่งไม่อยู่ ท่านลุงก็เริ่มเปิดเผยความจริงให้คนนอกรู้
คิดดูก็รู้ว่า ปกติท่านพี่ซ่งเอาใจใส่ขนาดไหน
รู้สึกว่าความใจกว้างของคนพวกนี้ล้วนได้มาจากซ่งฝูเซิง
พวกทหารเริ่มแจกชุดคลุมที่มีหมวกสีขาว
ตอนซ่งฝูเซิงเอาขนมปังสองถุงมาส่งให้ พอเห็น นี่มันเหมือนในละครเรื่อง ‘ปฏิบัติการบุกป่าหิมะ’ เลยแฮะ
ท่านลุงซ่งเตะไปหนึ่งทีก็วิ่งหนีไปไม่เห็นเงา พอหันกลับมา ในมือมีผ้าสีขาวผืนใหญ่หลายผืน และยังมีผ้าขาวบางอีกด้วย
แจกให้พวกหนุ่มๆ ที่ตามขึ้นเขา
ซ่งฝูกุ้ยรับผ้าขาวบางมาอย่างรังเกียจ “ท่านลุงซ่ง พวกเขาใส่ชุดคลุมสีขาวมีหมวก หมอบในหิมะก็มองไม่เห็นแล้ว แล้วนี่ท่านลุงเอาอะไรมาให้เรา หนึ่งคนได้ผ้าผืนนิดเดียว พวกเราจะปิดหัวมิดเหรอ พอปิดหัวตูดก้โผล่”
เกิ่งเหลียงตะโกนบอกลูกน้อง “ถ้าเหลือก็แบ่งให้พวกเขาด้วย”
ออกเดินทาง
ระหว่างทางขึ้นเขา พกทั้งอาวุธ แบกเสบียง ลากแคร่เลื่อน เกิ่งเหลียงรวมถึงคนที่อยู่ใกล้เกิ่งเหลียงยังได้ฟังเรื่องเล่าอีกด้วย
ต้าหลังเป็นคนเล่า
เพราะหลานชายคนโตของยายรองซ่ง เมื่อคืนนอนที่ห้องฝั่งตะวันตกของบ้านซ่งฝูเซิง เขาวางมาดเล่า ‘เรื่อง’ ที่ฟังมาจากเมื่อคืน
แต่ความสามารถในการถ่ายทอดของเขาไม่ดี เด็กคนนี้พูดติดอ่าง
ไม่อย่างนั้นความสามารถก็ดี แต่ทำไมตั้งแต่ลี้ภัยจนมาถึงที่นี่ถึงไม่ค่อยได้ยินเขาพูดล่ะ ก็เพราะเขาพูดติดอ่างนิดหน่อยนี่เอง
ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งพูดติดๆ ขัดๆ
ต้าหลังจนปัญญาแล้ว ฟังแบบไม่ต่อเนื่องก็เหนื่อย จึงพูดเอาแต่ใจความสำคัญ
“นกเหล็กรึ”
“ใช่ บินอยู่บนฟ้า หน้าตาเหมือนนกตัวใหญ่ ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันอย่างหนึ่งก็บินได้ น้องสาวข้าแต่งเอง”
มีทหารคนหนึ่งแปลกใจมาก “แต่งเก่งนะเนี่ย”
พอต้าหลังเล่าถึงการกระโดดร่มก็ยิ่งมีทหารหลายคนเริ่มถาม “สะพายกระเป๋าแล้วกระโดดลงไปเหรอ”
“อือ น้องสาวข้าแต่ง”
เกิ่งเหลียงเดินไปได้สักพักก็อยากฟังให้ละเอียดว่า หลังจากคนพวกนี้กระโดดลงไปแล้ว กางร่มออกมาจะมีสภาพเป็นแบบไหน ปรากฏว่าต้าหลังกลับไม่พูดแล้ว เขาหันไปมอง “เล่าต่อสิ”
ต้าหลัง “ไม่มีแล้ว”