ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1303 เจ้าคือน้องชายของข้า (1) ตอนที่ 1304 เจ้าคือน้องชายของข้า (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1303 เจ้าคือน้องชายของข้า (1) ตอนที่ 1304 เจ้าคือน้องชายของข้า (2)
ตอนที่ 1303 เจ้าคือน้องชายของข้า (1) / ตอนที่ 1304 เจ้าคือน้องชายของข้า (2)
ตอนที่ 1303 เจ้าคือน้องชายของข้า (1)
มารโลหิตไม่ได้เป็นอันตรายต่อวิญญาณของคน แต่โลหิตแดงเป็น!
โลหิตแดงเป็นของที่ไม่สมบูรณ์ มันขาดวัตถุดิบหนึ่งอย่าง และเป็นวัตถุดิบที่สำคัญที่สุด
นั่นก็คือ โลหิตหนึ่งหยด แค่นั้นก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายแล้ว
จากที่เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยเห็น สถานการณ์ของเสี่ยวเจว๋ดูมั่นคงดีแล้ว แม้ว่าวิญญาณของเขาจะไม่สมบูรณ์และไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์อย่างเต็มที่ แต่จิตสำนึกของเขาก็ชัดเจน ไม่มีอาการสับสนปั่นป่วนอะไรให้เห็นเลย
เขาเป็นแค่เด็กที่วิญญาณไม่สมบูรณ์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้
ถ้าจวินอู๋เสียเห็นเสี่ยวเจว๋เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่ง นางคงดีใจที่เสี่ยวเจว๋อยู่ในสภาพนั้น แต่นางเห็นเด็กน้อยเป็น ‘น้องชาย’ ของนาง
คำพูดของจวินอู๋เย่าทำให้จวินอู๋เสียจมอยู่กับความคิด นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วทันใดนั้นก็ลุกขึ้น เดินตรงไปที่รถม้าของฟ่านจัว
นางกระโดดขึ้นไปบนรถม้าอย่างคล่องแคล่วและดึงม่านเปิดออก ทันใดนั้นนางก็เห็นร่างเล็กๆ นั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่ในมุมที่ไกลที่สุดของรถม้า บนใบหน้าเล็กๆ นั่นมีน้ำตาใสๆ ไหลรินลงมาจากดวงตากลมโต เขานั่งร้องไห้เงียบๆ อยู่ตรงนั้นคนเดียว พร้อมกับกอดเข่าแน่น ร่างกายสั่นด้วยแรงสะอื้น
เมื่อเห็นจวินอู๋เสียโผล่มา ดวงตาของเสี่ยวเจว๋ก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขามองไปที่จวินอู๋เสียอย่างร้อนรน แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลและไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ได้มีความเศร้าในแววตาแล้ว
เขาอ้าปากเล็กน้อยราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้า น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม
ขณะที่จวินอู๋เสียมองดูร่างเล็กๆ นั้น ปฏิกิริยาของเขาทำให้นางนึกถึงฮ่องเต้น้อยตอนที่นางพบกับเขาครั้งแรก
เขาดูขี้กลัวเหมือนตอนนี้เลย
เขาไม่ได้เปลี่ยนไป
“อย่า…อย่าโกรธนะ…” เสี่ยวเจว๋พูดเบาๆ เสียงสั่น เขามองจวินอู๋เสียอย่างอ้อนวอน เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกไม่สบายใจนี้มาจากไหน แต่เขากลัวมากจริงๆ กลัวว่าจวินอู๋เสียจะทิ้งเขา
“พี่ชาย…อย่าโกรธ…ข้า…เลยนะ…”
เสียงของเขาสั่น แทรกด้วยเสียงสูดหายใจ เขาไม่กล้าร้องไห้ออกมาดังๆ จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้
จวินอู๋เสียรู้สึกเหมือนถูกบีบหัวใจ นางเดินเข้าไปข้างในแล้วนั่งลงมองเสี่ยวเจว๋ที่ร้องไห้อย่างหมดสิ้นหนทาง
“ข้าไม่ได้โกรธ” จวินอู๋เสียพูดขณะที่มองเสี่ยวเจว๋ด้วยสายตาจริงจัง “ถึงโกรธ ก็ไม่ได้โกรธเจ้า ข้าแค่…”
จวินอู๋เสียไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังจากช่วยฮ่องเต้น้อยจากเมืองหลวงรัฐจิ้ว จวินอู๋เสียก็ได้รู้จากราชครูเหอว่าคนพิษที่แลกชีวิตของเขาเพื่อปกป้องฮ่องเต้น้อยนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่ชายของฮ่องเต้น้อยนั่นเอง
พิษได้แทรกซึมลึกเกินไป เขาได้สูญเสียการรับรู้ไปแล้วจนไม่สามารถจำใครได้
แต่ตอนที่ฮ่องเต้น้อยตกอยู่ในอันตราย พี่ชายของเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในทันที ใช้ไหล่กว้างของเขาปกป้องคุ้มครองฮ่องเต้น้อยที่ไร้เดียงสา
ขนาดจิตวิญญาณถูกทำลายไปแล้ว ก็ยังคงมีจิตใจที่จะทำเช่นนั้นได้ ในสายตาของจวินอู๋เสีย นั่นเกือบจะเป็นปาฏิหาริย์
แต่…
นางไม่สามารถช่วยปาฏิหาริย์นั้นเอาไว้ได้
นั่นเป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แม้ว่าจะมีทักษะและความรู้ด้านการแพทย์ แต่ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เลย
นั่นเป็นกรณีของพี่ชายของฮ่องเต้น้อย และกรณีของฮ่องเต้น้อยก็เหมือนกัน
จวินอู๋เสียโกรธ แต่โกรธตัวเอง นางไม่เคยโทษคนอื่นเลย
นางเคยคิดว่า ถ้าหากนางมีทักษะทางการแพทย์มากกว่านี้ นางจะสามารถช่วยพี่ชายของฮ่องเต้น้อยเอาไว้ได้หรือเปล่า นางจะรักษาฮ่องเต้น้อยได้หรือไม่
แบบนั้นฮ่องเต้น้อยก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ เขาจะได้กลับไปที่รัฐจิ้วพร้อมกับพี่ชายของเขา หรือเขาอาจจะได้สนุกกับชีวิตในฐานะฮ่องเต้น้อย หรืออาจจะกลายเป็นท่านอ๋องที่ตั้งเป้าจะเป็นผู้ฝึกสัตว์วิญญาณ ฝึกฝนอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพี่ชาย
ตอนที่ 1304 เจ้าคือน้องชายของข้า (2)
แบบนั้นฮ่องเต้น้อยก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ เขาจะได้กลับไปที่รัฐจิ้วพร้อมกับพี่ชายของเขา หรือเขาอาจจะได้สนุกกับชีวิตในฐานะฮ่องเต้น้อย หรืออาจจะกลายเป็นท่านอ๋องที่ตั้งเป้าจะเป็นผู้ฝึกสัตว์วิญญาณ ฝึกฝนอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพี่ชาย
โชคร้ายที่นางไม่สามารถช่วยพี่ชายของฮ่องเต้น้อยเอาไว้ได้ และเกือบจะเสียฮ่องเต้น้อยไปด้วย…
จวินอู๋เสียที่มีชีวิตอยู่มาสองชาติ ทั้งอดีตและปัจจุบัน มีแค่สองเคสนี้เท่านั้นที่นางรู้สึกว่าความรู้ความสามารถทางการแพทย์ของนางช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี
“พี่ชายตัวเล็ก…ไม่โกรธ…” เสี่ยวเจว๋เหมือนจะรู้สึกได้ว่าท่าทางของจวินอู๋เสียไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทำให้เขารู้สึกว่าจวินอู๋เสียในตอนนี้ไม่ได้รังเกียจที่เขาเข้าใกล้ แต่เขาก็ยังคงขยับก้นเล็กๆ ของเขาเข้าไปอย่างระมัดระวังมากอยู่ดี ค่อยๆ เขยิบเข้าไปทีละนิดเพื่อทดสอบระยะห่าง
จวินอู๋เสียมองใบหน้าประหม่าเล็กๆ และดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ดูกลัวว่านางจะปฏิเสธและทิ้งเขาไป แล้วอยู่ๆ จวินอู๋เสียก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยกมือขึ้นเลียนแบบท่าทางของจวินอู๋เย่า ลูบหัวของเสี่ยวเจว๋
เสี่ยวเจว๋ทำตาโตจ้องมองจวินอู๋เสีย นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียทำกับเขาอย่างอบอุ่นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจความหมายของการกระทำดังกล่าว แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขาชอบมันมาก
“เจ้าคือน้องชายของข้า ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้า แล้วก็เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวข้าแล้วนะ” จวินอู๋เสียพูด พยายามทำแววตาให้ดูอบอุ่นมากที่สุด
นาง ‘เสีย’ พี่ชายไป แต่ได้น้องชายมาคนหนึ่ง สวรรค์เมตตานางมากเลยไม่ใช่หรือ
ไม่รู้ว่าเสี่ยวเจว๋เข้าใจคำพูดของจวินอู๋เสียหรือเปล่า แต่หลังจากได้ฟัง เขาก็หยุดร้องไห้และมองจวินอู๋เสียด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
ความรู้สึกไม่สบายใจดูเหมือนจะจางหายไปแล้ว
……
เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ นั่งอยู่ข้างกองไฟ ไม่กล้าเข้าไปรบกวนจวินอู๋เสียกับเสี่ยวเจว๋ พวกเขาไม่มีทางเลือก ได้แต่นั่งมองตากันไปมา แล้วสายตาของพวกเขาก็ไปจบอยู่ที่ร่างของจวินอู๋เย่าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนต่างอยากรู้ว่าจวินอู๋เย่าทำอะไรที่ผาสุดขอบฟ้า
เสียงร้องโหยหวนนั่นยังคงแจ่มชัดอยู่ในใจของพวกเขา
แต่จวินอู๋เย่าไม่คิดที่จะพูดอะไร หลังจากรออยู่นานก็ยังไม่เห็นจวินอู๋เสียออกมาจากรถม้า เขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปดู
พอเขายกผ้าม่านขึ้น ก็เจอกับภาพที่ทำให้หัวใจอบอุ่นอย่างมาก
ด้านในรถม้า จวินอู๋เสียนั่งเอนไปด้านหนึ่ง หลับสนิท ขณะที่เสี่ยวเจว๋ซึ่งร้องไห้จนเหนื่อยก็นอนตักนางและล่องลอยไปในความฝัน
ภาพที่เงียบสงบนั้นทำให้จวินอู๋เย่ามีรอยยิ้มอยู่ในแววตา เขาปล่อยม่านลงเบาๆ และหันหลังเดินกลับไปยังทางที่มา
“วันนี้เราจะพักผ่อนกันที่นี่ พรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทางไปผาสุดขอบฟ้า”
เขาจะปล่อยให้เด็กน้อยสองคนได้พักผ่อนดีๆ สักหน่อย
ไม่มีใครกล้าคัดค้านคำพูดของจวินอู๋เย่าเลยแม้แต่น้อย พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจวินอู๋เสียและเสี่ยวเจว๋ในรถม้า และรอจนถึงค่ำก็ยังไม่เห็นสองคนนั้นออกมา ฟ่านจัวจะกลับไปที่รถม้าเพื่อพักผ่อน จวินอู๋เย่าก็บอกเขาว่าให้มาพักที่รถม้าของเขาแทนในคืนนี้
คำเชิญนั้น…
ทำให้ฟ่านจัวตกใจกลัวจนหนาวเย็นไปทั้งร่าง เขารีบส่ายหน้าและปฏิเสธอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วิ่งไปหาฮวาเหยาและเฉียวฉู่ ขอร้องให้พวกเขาแบ่งที่ให้เขาพักด้วย
ชายหนุ่มทั้งสามเบียดกันอยู่ในรถม้าคันเดียวตลอดทั้งคืน
อย่ามาล้อเล่นน่า!
นอนอยู่ในรถม้าคันเดียวกับพี่ใหญ่อู๋เย่า ใครจะไปหลับลง!
คืนนั้น จวินอู๋เย่าจึงมีเพียงใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะและกระต่ายโลหิตที่กลัวเขามากจนพากันสั่นตลอดทั้งคืนอยู่ในรถม้าเป็นสหาย เขานอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะและกระต่ายโลหิตก็กลัวจนไม่อาจหลับตาลงได้เช่นกัน…