ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 428: มองให้ดี อย่ากะพริบตา (1)
โรเอลที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยตกตะลึงกับการแจ้งเตือนของระบบ เขาไม่คิดว่าคําแนะนําของเทพธิดาแห่งโชคชะตาจะทํางานอย่าง มหัศจรรย์ในวินาทีสุดท้ายก่อนจะหมดอายุ มันช่วยเขาได้มากในการสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับนักเรียนที่ ย้ายมาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ ทําให้เขาเทความสนใจ ไปที่ระบบอย่างรวดเร็ว และคําแนะนําใหม่ก็ได้ปรากฏขึ้น
【 กริ๊ง! 】【 คําแนะนําของเทพธิดาแห่งโชคชะตา
จ้องมองวิลเลียมอย่างเงียบๆ นานกว่าสิบห้าวินาทีในระหว่างงาน เลี้ยงฉลอง โดยที่เธอรู้ตัวว่าคุณกําลังจ้องเธอ 】
“หืม? จ้องที่วิลเลียมเป็นเวลาสิบห้าวินาที?”
โรเอลไม่ค่อยจะเข้าใจคําแนะนําเท่าไรนัก แต่เขาก็คิดที่จะปฏิบัติ ตามนั้นเนื่องจากคําแนะนําได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเชื่อถือได้จาก ประสบการณ์ครั้งก่อนๆ แต่มันก็ยังค่อนข้างแปลกที่เขาจะต้องจ้องมอง ใครสักคนเงียบๆ
มันน่าอึดอัดที่จะถูกใครบางคนเอาแต่จ้อง แต่เราต้องทําโดยที่เธอ รู้ตัวด้วยงั้นเหรอ? การทํากับผู้ชายมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การถูกผู้หญิง จับได้ว่าจ้องอยู่… ไม่สิ มันคงแย่กว่าอีก ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย
โรเอลส่ายหัวและตรวจสอบคําแนะนําอย่างละเอียดอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถทํางานนี้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการในระหว่าง งานเลี้ยงฉลอง ด้วยสภาพแวดล้อมที่แออัด ไม่น่าจะยากเกินไปสําหรับ เขาที่จะหาโอกาสที่จะจ้องมองเธอเป็นเวลาสิบห้าวินาที
โรเอลได้เปิดใช้งานคําแนะนําของเทพธิดาแห่งโชคชะตา โดยมี เป้าหมายเพื่อช่วยแอสตริด แม้จะมีอุปสรรคตลอดทาง การทําตาม คําแนะนําก็มักจะนําผลลัพธ์ในเชิงบวกมาสู่เขา ซึ่งผลักดันให้เขาเข้า ใกล้เป้าหมายมากขึ้น ตอนนี้โรเอลชนะงานประลองศึกชิงถ้วยแล้ว ก็น่า ถึงเวลาปิดท้ายเต็มที
หลังจากยืนยันเป้าหมายแล้ว โรเอลก็เริ่มเตรียมตัวสําหรับงาน ฉลอง
…
มันเป็นประเพณีที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าจะจัดงานเลี้ยง ฉลองหลังจากศึกชิงถ้วยจบลง หลังจากสามวันของศึกอันดุเดือด นักเรียนก็แทบอดใจรอให้งานเลี้ยงเริ่มไม่ไหว
มันจะเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมหลายพันคน สถานที่ จัดงานขยายจากห้องจัดเลี้ยงไปยังสนามหญ้า มันคือคืนแห่งความ สนุกสนานโดยแท้จริง
ก่อนเวลาเย็น รถม้าที่สถาบันการศึกษาเตรียมขึ้นเป็นพิเศษได้หยุด ลงด้านนอกคฤหาสน์สีกรมท่า หลายนาทีต่อมา โรเอลที่แต่งตัวเป็น อย่างดีก็เดินออกมา พร้อมกับพอลและเกอรัล ทั้งสามคนเดินขึ้นรถม้า และเริ่มเดินทางไปลานจัดเลี้ยง
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าได้ประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุด เพื่อให้นักเรียนทําทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ นักเรียนบางคนเลือกที่จะ พักผ่อนล้มตัวนอนบนเตียง แต่ส่วนใหญ่รู้สึกตื่นเต้นและต้องการมีส่วน ร่วมในงานเฉลิมฉลอง
ขณะที่รถม้าของโรเอลแล่นไปตามถนน เขาได้ยินเสียงปรบมือดัง และเสียงตะโกนเรียกชื่อของตน ทําให้เขาเปิดม่านออกและมองออกไป นอกหน้าต่าง หลายคนโบกมือให้เขา แม้เขาจะชื่นชมในความเป็นมิตร แต่มันก็มากเกินไปสําหรับเด็กหนุ่มที่จะทนได้
ดูเหมือนว่าศึกชิงถ้วยจะมีอิทธิพลอย่างมากในหมู่วัยรุ่นสินะ
มันเป็นเรื่องปกติที่เยาวชนเลือดร้อนจะไม่ยอมก้มหัวให้คนอื่น แม้ โรเอลมีชื่อเสียงมากในฐานะผู้ถือแหวน แต่เขาไม่เคยได้รับการต้อนรับ อย่างอบอุ่นขนาดนี้จากคนรอบข้างมาก่อน
ชื่อเสียงของโรเอลยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วแม้ในขณะนี้ ผู้ชมงาน ประลองศึกชิงถ้วยล้วนกล่าวถึงการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นระหว่างโรเอล และวิลเลียมเมื่อพวกเขากลับไปยังอาณาจักรของตน ซึ่งทําให้ชื่อเสียง ของเด็กหนุ่มยิ่งสูงขึ้นไปอีก
นอกจากนี้โรเอลยังเป็นแชมป์ที่มีอายุน้อยที่สุดของศึกชิงถ้วย ความสําเร็จที่ทําลายสถิตินี้จะผูกชื่อของเขา กับสถาบันการศึกษาเซนต์ เฟรย่า เมืองเลนสเตอร์ และศึกชิงถ้วยไปอีกนาน
นี่คือชื่อเสียงอันแสนสําคัญที่จะได้จากการชนะงานประลองศึกชิง ถ้วย รวมถึงเหตุผลที่ทําให้นอร่า ชาร์ล็อต และคนอื่นๆ ต้องการชนะ งานประลองนี้ทั้งๆ ที่พวกเขามีตําแหน่งสูงส่งอยู่แล้ว
ดังที่กล่าวไป ชื่อเสียงของโรเอลแพร่กระจายเป็นวงกว้างอย่างมาก และเหนือกว่าผู้ชนะครั้งก่อนๆ มาก อัตรานี้คงจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่ผลงานจะไปถึงนอร่าที่จักรวรรดิเซนต์เมซิท
โรเอลดีใจที่ตนเองสามารถบรรลุภารกิจที่ทูตสวรรค์ตัวน้อย มอบหมายให้เขาก่อนที่เธอจะจากไปได้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวลว่า สิ่งต่างๆ จะดําเนินไปอย่างราบรื่นในด้านของเธอหรือไม่
บริเวณโดยรอบยิ่งเนืองแน่นมากขึ้นเมื่อรถม้าเข้าใกล้ลานจัดงาน ทําให้รถม้าของโรเอลต้องหยุดที่ทางเข้าด้านข้างของลานแทน เจ้าหน้าที่ได้นําพวกโรเอลเข้าไปยังลานจัดเลี้ยงจากทางเข้าภายใน ซึ่ง เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของสถาบันชั้นนํา
งานเลี้ยงฉลองยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ แต่ห้องโถงจัดเลี้ยงก็ พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ผู้เข้าแข่งขันจากสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เริ่มมาถึงกันแล้ว รวมทั้งตัวเต็งหลายๆ คน
ผู้ถือแหวนทั้งสี่ เอ็ดเวิร์ด กลินท์ ลิเลียน และชาร์ล็อตทยอยเข้ามา ทีละคน และพวกเขาก็ได้เริ่มสร้างแวดวงสังคมของตนเองขึ้นอย่าง รวดเร็วพร้อมกับผู้สนับสนุนของพวกเขา ส่วนบรรดาขุนนางจาก จักรวรรดิเซนต์เมซิทดูเหมือนหลงทางด้วยที่สูญเสียบุคคลสําคัญไป
แม้จะมีการจัดแบ่งอย่างชัดเจนในห้องจัดเลี้ยง แต่ทุกคนก็พุ่งเข้า หาโรเอลทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง
ขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิทรุมล้อมเขาทันทีราวกับว่าได้พบ ผู้นําของพวกเขาแล้ว
ต่อจากนั้นชาร์ล็อตก็เดินไปถามไถ่อาการของเขา ซึ่งโรเอลก็ตอบ คําถามของเธออย่างจริงจังเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวลลลง
ด้วยการแสดงออกถึงความปรารถนาดีที่หาได้ยาก ลิเลียนเองก็เดิน ไปทักทายเขาเช่นกัน เธอต้องรักษาภาพลักษณ์ที่เป็นทางการเนื่องจาก มีสายตามองมาที่เธอมากมาย แต่คนที่อยู่ใกล้เธอจริงๆ ล้วนสังเกตเห็น ว่าดวงตาสีอเมทิสต์นั้นกําลังฉายถึงความอ่อนโยน
อาจเป็นเพราะมีลิเลียนเป็นคนนํา ผู้ถือแหวนกุหลาบเขียวอย่างก ลินท์จึงมีความคิดในการเข้าหาโรเอลเพื่อสนทนาแม้ว่าท่าทางของเขา จะยังคงงุ่มง่ามก็ตาม กลับกันแล้วผู้ถือแหวนกุหลาบสีเทา เอ็ดเวิร์ด มี ทักษะในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“รุ่นพี่เอ็ดเวิร์ด คุณตั้งใจจะเข้าร่วมกองทัพหลังจากสําเร็จ การศึกษาใช่ไหมครับ?”
“ก็คิดว่าแบบนั้นล่ะนะ เพราะมีการต่อสู้อย่างต่อเนื่องที่ชายแดน ตะวันออก อาณาจักรส่วนใหญ่กําลังเพิ่มผลประโยชน์ให้กับทหาร เพื่อ ส่งเสริมให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติธรรมชาติเข้าร่วมกับกองกําลังของ พวกเขา ตรงกันข้ามกับเลนสเตอร์ ที่มีผู้สําเร็จการศึกษามากมาย ที่นั่น การแข่งขันมันน้อยกว่าน่ะ”
เรื่องนี้ทําให้โรเอลนึกถึงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยในอดีตชาติของ ตัวเอง ซึ่งเขาและเพื่อนๆ มักจะพูดคุยเกี่ยวกับการหางาน
โดยรวมแล้ว โรเอลคิดว่ามันดีแล้วที่เลนสเตอร์เสนอผลประโยชน์ ต�ากว่า หากเปรียบเทียบแล้ว เลนสเตอร์นับเป็นศูนย์กลางทางวิชาการ ของทวีปเซีย ดังนั้นพวกเขาจึงมีบทบาทในการให้คําปรึกษาด้านการ สงคราม ด้วยเหตุนี้เลนสเตอร์จึงไม่ถูกคาดหวังให้ส่งทหารไปที่แนวหน้า
มนุษย์มักไม่ชอบความเสี่ยง หาก
เลนสเตอร์เสนอผลประโยชน์ที่สูงกว่า และมีเงื่อนไขที่ปลอดภัย กว่า เห็นได้ชัดว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงคงจะเลือกที่จะเข้า ร่วมกันเลนสเตอร์ แทนที่จะต่อสู้ในแนวหน้า
การปรับผลประโยชน์นี้น่าจะเกิดจากข้อตกลงระหว่างอาณาจักร ต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเข้าร่วมในแนวหน้ามากขึ้น มันคงจะเป็นหายนะแน่ หากมีกําลังคนไม่เพียงพอที่จะปกป้องเขตแดน ของมนุษยชาติ
“แต่ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เลนสเตอร์จะไม่ทุ่มเท ทรัพยากร เพื่อดึงตัวผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีความสามารถแบบรุ่นพี่ เอ็ดเวิร์ด จริงไหมครับ?”
โรเอลถาม
คําชมโดยนัยนั้นทําให้เอ็ดเวิร์ดหัวเราะด้วยความเขินอาย
“ฮ่าๆๆๆ บอกตามตรงว่าฉันได้รับข้อเสนอดีๆ มากมายจาก กองทัพต่างๆ ต้องขอบคุณศึกชิงถ้วยนั่นล่ะ แต่นายเองก็รู้นี่ว่า สถานการณ์ที่ชายแดนตะวันออกน่ะต้องการกําลังพล ฉันรู้สึกหายใจไม่ ค่อยทั่วท้องสักเท่าไรหลังจากขลุกอยู่แต่ในเลนสเตอร์ตลอดช่วงสี่ปีที่ ผ่านมา ฉันต้องการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ บ้าง ออกไปเผชิญโลก กว้างหาประสบการณ์”
“ดูเหมือนว่าการเข้าร่วมกองทัพจะเป็นทางเลือกที่ดีสําหรับรุ่นพี่ จริงๆ สินะครับ”
โรเอลพบว่าตัวเองกําลังยิ้มให้กับคําพูดของเอ็ดเวิร์ด มันเป็นเรื่อง ยากที่จะเห็นใครสักคนแสดงความรักต่อโลกอันกว้างใหญ่ แม้ว่าพวก เขาจะอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่สงบ ทว่าเอ็ดเวิร์ดก็มีทางเลือกมากมาย เพราะเขาไม่มีดินแดนที่จะต้องสืบทอด ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันไม่มีอะไรมาผูกมัดเขา ทําให้เขามีอิสระ
การพูดคุยกับเอ็ดเวิร์ดผู้ไร้กังวลทําให้โรเอลมีกําลังใจมากขึ้น