ถนนสู่อาณาจักร – Oukoku e Tsuzuku Michi - ตอนที่ 226 ศึกแวนโดเลีย ④ เหตุการณ์ไม่ปรกติ
–มุมมองบุคคลที่สาม–
สหพันธรัฐคนแวนโดเลียเขตกลาง กองทัพแวนโดเลีย
「พื้นสั่นอีกแล้ว」 「มันค่อนข้างมากด้วยครั้งนี้……」
พื้นสั่นไปหลายครั้งแล้ววันนี้
คนอาจชิน แต่ยิ่งมันสั่นแรงขึ้นทหารก็ยิ่งกังวลมากขึ้น
มีแม้แต่ม้าบางตัวที่ร้องเพราะเครียดออกมาขณะผู้ดูแลม้าทำให้พวกมันสงบ
「นี่ไม่ได้เป็นเพียงพื้นสั่น……」
เบเซกกัดเล็บที่เยินของนิ้วโป้งเขาระหว่างเขาจับหัววิตกกังวล
ข้างเขาเป็นคาซาโน่ดูมืดมนขณะจ้องแผนที่และจดหมายอย่าตั้งใจ
「ถ้าอย่างนั้น เราจะไม่ได้กำลังเสริมจากบ้านแน่นอน?」
「อืม พวกเขาบอกเราให้หนียิ่งไกลขึ้นจากที่ที่เราอยู่ เราถูกทำเป็นทหารหนีทัพ」
ทันทีที่พวกเขาพ่ายแพ้บนพรมแดน เบเซกและพรรคพวกไม่มีโอกาสชนะ
อย่างดีที่สุดที่พวกเขาทำได้คือเก็บแถวต่อสู้ให้เป็นแถวโดยไม่ถูกกวาดล้างหมดขณะเขาโดนดันกลับไปอยู่ฝ่ายเดียวและส่งกองกำลังแยกออกไปเพื่อทำให้ศัตรูช้าลงระหว่างถอยทัพ
「ฉันได้ยินมาว่าคนพวกนั้นจากอัลแตร์เริ่มโจมตีเต็มกำลังจากทางตะวันตก กองทัพหลักไม่น่ามีทหารเหลือแบ่ง」
「……มันน่าจะเป็นการกระทำของพวกสกปรกลิบาติส พวกเขาพูดสันติแต่ปากแต่จริงๆแล้วเก่งในการลวงหลอกคนอื่นหลังม่าน」
เบเซกประกาศกร้าวด้วยเสียงดังใส่โต๊ะ
คำพูดใหม่ไม่ออกมาจากเอกสารแม้เขาจะมองนานกว่านี้
「ฉันรวมคนจากยามและนักนักเลงจากหมู่บ้านแล้ว…… ในที่สุดจำนวนก็กลับไป 15,000 แต่คุณภาพทหารมันน่าเกลียด ถ้าปะทะฮาร์ดเลตต์ตอนนี้มันจะเป็นฆ่าตัวตายไม่ว่าดูยังไง」
เบเซกยกมือเพื่อให้คาสซาโน่รู้ว่าเขาเข้าใจและจากนั้นออกนอกเต็นท์
จากนั้นเขาชี้ไปทางใต้
「ดูสิ…… เราใกล้ภูเขาดาร์ดมากแล้ว เราถูกขับไล่มาไกลถึงที่แบบนี้」
ภูเขาเด่นตาปลายทางไกลๆที่นิ้วเบเซกกำลังชี้ไม่ได้สูงเท่าเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ แต่มันยังใหญ่เมื่อเห็นมันลางๆจากระยะไกล
ภูเขาสูงตะหง่านที่อยู่ระหว่างพรมแดนอัลแตร์และแวนโดเลีย มันก็เป็นจุดยุทธ์ศาสตร์หนึ่งที่กองทัพทั้งสองฝั่งสู้บนชีวิตและความตายหลายครั้งที่ตีนเขา
「ถ้าเราไม่หยุดพวกเขาที่นี่ เราไม่มีที่ไหนให้วิ่งไปแล้ว เราจะปล่อยให้พวกเขาวิ่งไปไกลถึงเมืองหลวงแวนโดเลีย」
「……สหายเบเซก คุณโยนชีวิตทิ้งเพื่อชาติได้มั้ย?」
คาซาโน่และเบเซกรู้ว่าประเทศของเขาทิ้งพวกเขาแล้ว
พวกเขาก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่พวกเขาถูกสั่งให้รุกรานดินแดนศัตรูด้วยกองกำลังด้อยกว่าอย่างมากมาย
「ถ้าเราหนีตอนนี้ ดินแดนพ่อจะไม่มีกำลังเหลือมาขับไล่เรา」
「นายน่าจะพูดถูก」
เบเซกเทียบภาพแถวธงดำที่เรียงกันทางเหนือและที่ราบกว้างที่อยู่หน้าเขา
「พวกเขาอาจทิ้งเรา แต่พวกเขายังคงเป็นดินแดนพ่อเรา เราแค่วิ่งหนีโดยไม่ได้สู้ไม่ได้」
「แม้นั่นหมายถึงมอบชีวิตนายเองเรอะ?」
พวกเขาทั้งสองคนรู้ความแข็งแกร่งและความโหดเหี้ยมของกองทัพฮาร์ดเลตต์
แน่นอนว่าพวกเขาจะเสียชีวิตถ้าพวกเขาสู้อีกครั้ง
「เราสามารถรอดและหนีจากชาติและประเทศของเรา แต่เราต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในสภาพยอมจำนน ฉันมันคนเล็กๆ…… ฉันทนบางอย่างแบบนั้นไม่ได้」
「อย่างนั้นเหรอ……」
มันเกิดขึ้นเมื่อคาซาโน่กำลังจะพูดบางอย่าง
「พื้นดินกำลังสั่น! มันสั่นเยอะอีกแล้ว!!」
การสั่นมันแรงพอทำให้ชายสองคนยืนดีๆไม่ได้และมันนานไป 20 วินาที
พวกเขาทั้งสองยิ้มไม่เต็มปากตอนเขาหาอะไรจับบนโต๊ะด้วยมือ
「ฉันพูดให้ดูเท่เมื่อฉันพูดมันด้วย แต่พระเจ้าของโลกเข้ามาแทรกเลย」
「เขาต้องบอกเราว่าอย่ามาคุยไร้ความหมาย บางทีพระเจ้าก็บอกเราให้เราสู้…… นอกจากสหาย แดนพ่อเราไม่รับรู้ตัวตนของพระเจ้า」
พวกเขาทั้งสองยิ้มให้กันอีกครั้ง
โดยใช้กองทัพจับมั่วๆรวมกันจากตามหมู่บ้านเมื่อพวกเขาตั้งแถวต่อสู้ พวกเขาเตรียมศึกที่น่าจะเป็นศึกสุดท้าย
–มุมมองเกอเกอร์–
ฝั่งโกลโดเนีย
หน่วยหลักของศัตรูหยุดเดินทัพแล้วในที่สุด
เราเตรียมเริ่มเปิดศึกอีกครั้งเมื่อลีโอโพลต์ยืนยันว่าศัตรูเข้าขบวนแถวป้องกัน
「ที่นี่ ที่ไม่มีเมืองหรือป้อมปราการ? มีกับดักบางอย่างมั้ย…… บางทีฉันไม่น่าถามด้วยซ้ำ」
ถ้ามีความเสี่ยงลีโอโพลต์ควรเตรียมการให้เหมาะสมแล้ว
หน่วยสอดแนมเฝ้าดูการเคลื่อนไหวศัตรูอยู่ตลอด ไม่ได้เห็นการเคลื่อนไหวน่าสงสัย พวกเขาใช้ภูมิประเทศซุ่มโจมตีไม่ได้ด้วยเหมือนกัน
「ถ้าอย่างนั้น พวกเขาแค่อยู่ดีๆอยากจัดศึกตัดสินนตรงนี้?」
「บางทีมันเหตุผลทางการเมือง」
ทริสตันที่ผมฝืนใจเขาให้มาทั้งๆที่ไม่อยากมา ออกความเห็นระหว่างอ่านหนังสือเขา
ซีเลียกำลังจะตีเขา แต่การสนทนามันจะไม่ไปไหนถ้าเขาสลบไปผมเลยให้เขาพูด
「ตั้งแต่แรก กองทัพที่อยู่ใต้สถานการณ์ปรกติจะถอยทัพชั่วคราวเพื่อรอกำลังเสริมหรือเตรียมอาวุธล้อมเมือง แต่พวกเขาแค่พุ่งเข้าตีเราอย่างไม่คิด มันแค่ไม่มีเหตุผลทางกลยุทธ์
「เพื่อให้เหตุผลแน่นขึ้นไปอีก อัลแตร์ทำการบุกเต็มที่ไม่นานจะทำให้พวกเขาแบ่งกำลังมาไม่ได้สักที่เลย」
มันดูเหมือนพวกเขาดิ้นรนที่แนวหน้าอื่นด้วย
ศัตรูหยุดวิ่งหนีและท้าทายเรา ถ้าอย่างนั้นเราแค่ต้องขยี้พวกเขาตรงๆ
ยังมีระยะอยู่กว่าจะถึงเมืองหลวงของแวนโดเลีย แต่ถ้าเรากำจัดคนนี้ที่นี่ จะไม่มีอะไรอื่นมาขวางทาง
แม้ว่ามันจะมีผลลัพธ์เป็นสัญญาหยุดโจมตี เราสร้างเงื่อนไขของการหยุดโจมตีได้
「การเตรียมการเสร็จแล้วเหรอ?」
「ทุกอย่างพร้อม」
ไมล่าเด้งยืนให้ตัวตรง
「เราจะพาชัยชนะมาสู่หัวหน้า」
มันดูเหมือนลูน่าพร้อมลุยด้วยเหมือนกัน
「หน่วยคุ้มกัน พร้อมและรอคำสั่ง!」
ซีเลียก็ยืนให้ตรงอย่างน่ารักด้วย
เรื่องดีที่ส่งเธอออกไปสู่สนามรบคือเธอชินกับกฎเกณฑ์ของกองทัพและท่ายืนเธอพัฒนา
หลังผอมๆและหน้าอกแน่นอนๆ ความเซ็กซี่มีกล้ามสุขภาพดีนุ่มๆและรูปลักษณ์ทำทั้งหมดผสมกันในร่างกายเดียว
ช่างเป็นผู้หญิงที่มหัศจรรย์
「อ-อืม……」
「มึ ขอโทษ」
ผมผมเริ่มจับหลังและตูดเธอเอง
มาเก็บเซ็กส์ไว้หลังจากสงครามเถอะ
「หลักๆแล้วเราชนะแล้วล่ะ!!」
อิริจิน่าที่เสียงดังสะท้านอากาศ
มันรู้สึกเหมือนมันจะไปถึงภูเขาดาร์ดเลย
「……มุน」
「ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ」
「ผมจะไม่แพ้ครั้งนี้」
แม็ก, กิโด้, และคริสตอฟก็พร้อมด้วย
ไม่มีอะไรมาขวางดาบผม
ครอลควรไม่เป็นไรเท่าทีเขาบอกว่าไม่เป็นไร
อืม ตอนนี้ มาเริมศึกเถอะ
「คย๊าา」 「โอ่ะว้า!」
「มุ……」
พื้นสั่นอีกครั้งหนึ่ง
ผมสังสัยว่ากี่ครั้งแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตำแหน่งได้เปรียบเราไม่ควรเปลี่ยนไป
ศัตรูส่งกองกำลังในขบวนแถวกว้างมีสองปีก
มีทหารออยู่ห้าพันหน้าหน้าเรา และจำนวนเกือบเท่ากันอยู่ทั้งสองฝั่ง
แม้ว่าจำนวนดูเหมือนพอๆกัน มันดูเหมือนพวกเขาหาทหารเอาระหว่างทาง เพราะผมเห็นว่าพวกเขาหลายคนใส่เกราะดูห่วยๆแม้จากไกลๆ
「พวกเขาคอยระวังทหารม้าอ้อมแล้วล้อมพวกเขา เพราะแนวหน้าดูแถวไม่หนาที่มีหอกอยู่ เราควรสามารถฝ่าพวกเขาเป็นสองซีกได้ถ้าเราตีฝ่า」
ลีโอโพลต์เห็นเป้าหมายและจุดอ่อนขบวนแถวศัตรูแค่จากการมองผ่านๆ
「เมื่อคิดถึงความคล่องตัวของทหารม้าธนู ไม่ใช่เราอ้อมไปหลังทั้งสองปีกได้เหรอ?」
ผมเห็นอยู่ว่าลูน่าคิดอะไร แต่ผมปฏิเสธข้อเสอ
ศัตรูระวังถูกอ้อมเป็นพิเศษ
การฝืนใช้กลยุทธ์ที่ศัตรูคอยระวังไม่ใช่ความคิดที่ดี
「อืมอืม ถ้าคิดได้ว่าศัตรูไม่ชอบอะไร ส่วนใหญ่ก็ชนะตลอดแหละ」
「พูดกับเอเกอร์ซามะให้สุภาพกว่านี้!!」
ผมมองลีโอโพลต์ระหว่างซีเลียและทริสตันมีปัญหาเล็กๆน้อยๆ
เขาพยักหน้าและออกคำสั่งทุกคน
「การโจมตีเราจะเกิดขึ้นกับด้านหน้า ทหารม้าธนูจะเน้นยิงแถวหน้าและทำให้พวกเขาแตกแถว ฉันไม่คิดว่าศัตรูมีทหารม้าเหลือ แต่ทำให้พวกเขาเป็นเป้าสำคัญที่สุดถ้าเกิดมีโผล่มา ทหารราบจะสนับสนุนโดยการโจมตีตรงๆ」
แผนง่ายแต่ระดับความยากนั้นสูง
ทหารม้าจะยิงจากข้างหลังขณะทหารราบไปข้างหน้า ดังนั้นมีโอกาสยิงพลาดโดนพวกเดียวกันถ้าฝึกมาไม่ดี
ถ้านั่นเกิดขึ้นทหารราบจะกังวลว่าจะโดนโจมตีและไม่สามารถสู้ได้ดีๆ
พลธนูต้องการทักษะและความแม่นยำเพื่อโจมตีให้โดนแค่ศัตรูเท่านั้นระหว่างทหารราบต้องกล้าหาญที่จะเชื่อใจพวกเดียวกันแและเน้นสู้ศัตรูหน้าพวกเขา
กองทัพผมทำทั้งสองอย่างนั้น
「บุกกกกก!!」
ทหารม้าธนูบุกศัตรูก่อน
ทหารม้าธนู 4000 คนพุ่งไปข้างหน้าระหว่างเตะฝุ่นขึ้นมาก็ลดกำลังใจศัตรู
「ป้องกัน! เข้าขบวนแถวป้องกันทหารม้า!」
เป็นธรรมดา กองทัพศัตรูจะไม่ให้ตีฝ่าและตั้งแถวหอกเพื่อป้องกันการโจมตี
อย่างที่คิด ศูตรูมีหน่วยที่มีทักษะอยู่ข้างหน้าที่พวกเขาใส่เกราะเหล็กและเคลื่อนไหวพร้อมกันหมด
「ทุกหน่วยหยุด ยิงสามชุด」
ทหารม้าธนูหยุดกระทันหันและยิงธนูใส่เป็นชุด
เหมือนที่ชื่อมันบ่งบอก หอกยาวมันยาวและหนักทหารเลยถือพวกมันกับถือโล่ดีๆไม่ได้
โล่ใหญ่ธรรมดาๆถูกนำมาตั้งปักพื้นเพื่อปกป้องร่างกายทหารบางส่วน แต่การเล็งช่องว่างที่ไม่ได้ป้องกันคืองานง่ายสำหรับชาติภูเขาที่เรียนใช้ธนูตั้งแต่ยังเด็ก
「กุว้า!」 「กว้า!!」
「พวกเขายิงแม่น! ซ่อนหลังโล่!!」
ทหารพยายามซ่อนหลังโล่อย่างสุดความสามารถแต่ไม่ใช่ก่อนที่ทหารมากมายจะถูกจัดการไปก่อน ขบวนแถวเริ่มเละอย่างช้าๆขณะที่เหล่าทหารเคลื่อนที่ออกจากแนวยิง
「มันเป็นเวลาดีที่ทหารม้าจะพุ่งเข้าตีแล้ว」
「ผมว่ามันไม่เป็นไรถ้าไม่มีปีกซ้ายหรือขวา」
ลีโอโพลต์เห็นด้วยและออกคำสั่ง
ณ เวลาเดียวกัน ทหารม้าตะโกนและพุ่งเข้าตี ระหว่างทหารม้าธนูเปลี่ยนจากยิงแนวนอนสู่การยิงมุมสูงใส่แถวศัตรู
หน่วยพลหอกที่แตกแถวหวังหยุดพวกเขาไม่ไหว
หอกที่ยื่นออกถูกฟันหักสะบั้นและทหารที่ถือพวกมันถูกแทงแทน
เพิ่มเติมจากนั้น ทหารที่ถือหน้าไม้ที่ปนอยู่กับทหารราบยิงผู้บัญชาการศัตรูตายทีละคนเพื่อทำให้ขั้นตอนเร็วขึ้น
ปรกติแล้ว ฝั่งป้องกันจะส่งทหารราบเพื่อเจอกับเรา
「บัดซบ! เราเคลื่อนไหวดีๆไม่ได้เพราะธนูมาไม่หยุดเลย!」
「ถ้าพวกเรามัวถือแต่โล่พวกเขาจะฝ่าด้านหน้า! เราควรเดินหน้า- เกว้!」
ทหารม้าธนูเล็งหน้าทหารราบที่ปะทะศัตรูอยู่ที่แนวหน้านิดหน่อยและยิงอย่างไม่หยุดยั้้ง
เพราะนั้น ทหารราบศัตรูค้างอยู่กับที่ในระหว่างโล่พวกเขาช่วยแนวหน้าไม่ได้
ทหารราบพยายามให้กำลังใจคนรอบๆแต่ตายจากลูกธนูที่ไม่เข้าหน้าก็เข้าหน้าอกและทหารสร้างผลลัพธ์ตรงข้ามกันแทน
ทริสตันใส่ที่คั่นหนังสือพิเศษจากขนนกในหนังสือเขาก่อนเขาปิดมัน
ณ เวลาเดียวกัน ปีกทั้งสองของศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนทหารแนวหน้า
พวกเขาน่าจะอ้อมเราและทำการตีวงล้อม
「ถ้าเราไม่อ้อม ทั้งสองปีกของพวกเขาที่มีแต่ทหารใหม่จะล้อมเราได้ การเคลื่อนไหวพวกเขาค่อนข้างช้า มาคอยตั้งใจดูก่อน」
ศัตรูพยายามประชิดทหารราบที่สู้อยู่จากทั้งสองฝั่งแต่ลีโอโพลต์รู้การเคลื่อนไหวพวกเขาล่วงหน้าแล้ว
「ทหารม้าธนู เปลี่ยนเป้าหมาย」
ทหารม้าธนูเปลี่ยนเป้าหมายครั้งละ 1000 คนและเริ่มยิงทั้งสองปีกศัตรู สาดธนูใส่ทหารที่เคลื่อนไหว
ทริสตันที่สังเกตอยู่ดูจริงจังชั่วครู่เดียวก่อนตาเขาชี้ลงเหมือนคนขี้เกียจ
มันหายากที่เห็นบางคนบนสนามรบดูผ่อนคลายแบบนั้น
「ปีกซ้ายอ่อนแอ เป็นพวกไร้ระเบียบสุดๆ」
เห็นได้ชัดว่าทริสตันมองขาดจากประสบการณ์ศึกป้อมปราการว่าศัตรูมีทหารมีทักษะอยู่คร่าวๆแค่ 5000 คนจากทั้งกองทัพ
「ทหาร 5000 ข้างหน้าเราเป็นทหารมีทักษะแน่นอน ซึ่งหมายถึงทหารที่สองปีกคือ 5000 ที่ทักษะน้อยกว่ากับอีก 5000 ที่ไล่เกณฑ์มาตามทาง」
「ทหารม้าหอกและหน่วยคุ้มกันจะตามฉันมาเพื่อบุกปีกขวา บอกกองทัพลอร์ดบริวารให้ปะทะปีกซ้าย」
ผมมองลีโอโพลต์ว่าทำได้มั้ย
「มันอยู่ในที่ผมคาดไว้ก่อนแล้วแม้ว่ากองทัพลอร์ดบริวารอาจแพ้ เราจะรับมือมันเมื่อมันเกิดขึ้นเอา มันจะไม่เป็นปัญหา」
เจ้าคนนี้ไม่มีความเห็นใจเลย
พวกเขาพยายามกันเต็มที่ด้วยนะรู้ไหม
「ทำเลยแล้วกันถ้าอย่างนั้น เราจะบุก ตามฉันมา」
ทหารม้าหอกบุกไปข้างหน้า ตีคู่ด้วยหน่วยคุ้มกันวิ่งกลางขบวนแถว
พลหอกควรรวมกันอยู่ข้างนอกของปีกขวาศัตรูเพื่อหยุดไว้ไม่ให้เราล้อมพวกเขา
ถ้าเราให้ทหารม้าธนูวิ่งทะลุพวกเขาแล้วโจมตีจากข้างใน มันจะยากที่ทหารม้าจะถูกหยุด
แนวหน้าศัตรูควรอยากชะลอการเคลื่อนไหวของเราแต่ตอนนี้กำลังต่อสู้กับทหารราบ เขาไม่ควรมีปัญญามาสนใจเรา
「เราจะตีฝ่าแล้วก่อกวนข้างใน คิดซะว่าแทงเจี๊ยวใส่ผู้หญิงสวยๆ!」
「「โอออออ้!」」
「ซั่มพวกมันซ้า!」 「ทำให้เธอน้ำพุ่งเหมือนคนบ้าเล้ย!」
「เออออ๋……」
ซีเลียหน้าแปลกๆเมื่อคนอื่นตะโกนคำพูดลามก
เอ่อ อย่าฟังมันจริงจัง
ดูอิริจิน่าเป็นตัวอย่าง เธอไปร่วมวงกับพวกผู้ชายและตะโกน ‘ซั่มซ้า’
เมื่อศัตรูเข้าใกล้ขึ้น ทหารม้าหอกพร้อมหอกระหว่างเร่งความเร็ว
ทหารฝ่ายตรงข้างขยับขยุกขยิกเหมือนจะทำบางอย่าง แต่สายเกินไปแล้ว
เราฝ่าทะลุปีกขวาและทำขบวนแถวแตก
แค่เมื่อเราแน่ใจว่าเราโจมตีเสร็จแล้ว มันเกิดขึ้น
「อุโออ้」 「โอ่ะว้า!」 「อะไรกันวะ-!!?」
มีเสียงดังสับสนจากพวกเดียวกันเมื่อพื้นดินสั่นแรงกว่าครั้งก่อน
「น-นี่มันสั่นหนักเลย」 「ฉันยืนไม่ไหว!」
ทุกคนหยุดระหว่างพุ่งบุกและทหารหลายคนตกม้า
แม้แต่ขาชวาร์ซยังขยับย้ายไปมาหาหลักเพื่อให้เขายืนอยู่ไหว
นี่ไม่ดีแล้ว
แผ่นดินไหวดำเนินต่อไป 30 วินาทีก่อนเงียบลง
เพราะไม่มีประสบการณ์กับเหตุการณ์แบบนี้เลย พวกม้าไม่เป็นระเบียบ ทำให้ขบวนแถวเราเละ
ไม่ต้องพูดถึงว่าเรากำลังจะพุ่งบุกใส่ขบวนแถวศัตรูด้วย ซึ่งหมายถึงเรามาหยุดกันหน้าทหารเมื่อมันเริ่มสั่น
「ต-ตอนนี้เป็นโอกาสเราแล้ว!!」
ผู้บัญชาการศัตรูและทหารม้าศัตรูวิ่งเข้าใส่เรา
เพราะพวกเขาอยู่ระหว่างป้องกันเลยยืนกันแบบหลักมั่นๆแล้ว การสั่นไม่มีผลกับพวกเขา
「จึ……. ตอนนี้ถอยก่ออน ออกคำสั่งเลย!」
「ค่ะท่าน!!」
ผมปล่อยการบัญชาการให้ซีเลียขณะผมเตรียมหยุดศัตรูที่เข้าหา
ชวาร์ซไม่ได้ละอ่อนพอจะลนลานนานแล้วก็เริ่มกลับมาพร้อมเมื่อมันหยุดสั่นแล้วด้วย
「เข้ามาเลย」
「อุโออออออ้!!」
ผมยกหอกเพื่อฟันศัตรูที่พุ่งบุกตรงๆ
แต่บางอย่างไม่ถูกต้อง
「เฮ้ ทำไมพวกเขามองอีกทางเมื่อบุก ดูถูกฉันเหรอ……」
ศัตรูวิ่งถอยหลังมาหาผม
ผมคิดว่าพวกเขาแค่ล้อเล่นแต่เมื่อผมดูว่าเขาดูอะไร ผมก็หยุดดูไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทหารม้าศัตรูฟันใส่กันและเสียงเหล็กเบาๆดังก่อนเราหยุดมองหน้ากันโง่ๆ
「นั่นอะไร?」
「ไม่รู้เลย…… ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน」
ศัตรูและผมเรียงม้าคู่กันแล้วดูภาพที่คลี่คลายหน้าเราอย่างงงๆ
ศัตรูที่ล้อมและพวกเดียวกันหยุดทปะทะกันแล้วและไม่มีเสียงเหล็กดังมาให้ได้ยินแล้ว
ผมไม่โทษพวกเขา
「ภูเขาดาร์ด…… ระเบิดเหรอ……?」
ส่วนบนของภูเขาดาร์ดที่สูงหลายพันเมตรระเบิดดและควันมหาศาล…… ไม่ใช่สิ คำว่ามหาศาลไม่พอเอามาพูดถึงจำนวนควันที่ขึ้นมาจากด้านบนด้วย
และเมื่อตาทุกคนมองจุดนั้นบนภูเขา มันเกิดขึ้น
「โด่ะว้า!!」 「กุว้า!!」
แรงสั่นสะท้านแรงมากจนผมรู้สึกเหมือนโดยต่อยหน้า
เสียงดังสนันน่ากลัวดังพอที่ทำให้ปืนใหญ่เหมือนเงียบ
ชวาร์ซตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่สามารถุทนเสียงระเบิด อย่างไรก็ตามม้าของทหารศัตรูข้างผมดีดคนขี่ทิ้งและวิ่งหนี
ผมว่าผมยื่นมือช่วยเขายืนได้
มันไม่ได้ดูเหมือนเขาเป็นใครที่อยากสู้ตอนนี้อยู่ดี
เสียงมันช้ากว่าเมื่อเอามาวัดกับภาพระเบิดที่เกิดขึ้นบนภูเขา…… มีหลายอย่างที่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้
「ดูสิ…… ท้องฟ้าเปิด」
「โอ้พระเจ้า…… ได้โปรดอย่าโมโห……」
มันเป็นวันที่ดีอยู่วันนี้แต่มีเมฆเยอะ
อย่างไรก็ตามเสียงสนั่นที่เกิดขึ้นดูเหมือนเป่าเมฆรอบภูเขาดาร์ดเปิดออก
ศูนย์กลางการระเบิดดูเหมือนเป็นยอดเขาที่คล้ายบางอย่างเหมือนเสาไฟปะทุก็เห็นได้
มันมัวๆผมเลยเห็นไม่ชัดแต่มันดูเหมือนทรงภูเขาก็เปลี่ยนด้วย
「หัวหน้า」
「เอเกอร์ซามะ」
「ฉ-ฉันแน่ใจว่าไม่มีอะไรให้กังวล!」
「พวกเธอปลอดภัยใช่มั้ย?」
ปีปี้, ซีเลีย, และแม้แต่อิริจิน่าวิ่งมาให้เห็นว่ากลัว
เมื่อมองดูสนามรบ ทหารฝั่งศัตรูและฝั่งเดียวกันทั้งสองปีกรวมถึงแถวหน้าหยุดต่อสู้และมองภูเขา
「นั่นมันดังไม่น่าเชื่อเลย…… หนูนึกว่าหูแตกแล้ว」
ปีปี้ส่ายหัวระหว่างปิดหู
ผมรู้สึกไม่สบายใจด้วย
เราสมควรอยู่ 50 กิโลเมตรจากภูเขาตอนนี้
「ดูควันทั้งหมดดิ…… มันจะสูงไปอีกแค่ไหน?」
「ด้านบนภูเขาหายไปแล้วอ่ะ」
ซีเลียและอิริจิน่ากอดแขนผม
「รวมทุกคนก่อน การต่อสู้…… ไม่ได้ดูเหมือนเป็นไปได้」
ศัตรูและพวกเดียวกันเรียงแถวกันไหล่ชนไหล่พร้อมเอาอาวุธไว้ก่อนและมองภูเขาอ้าปากค้าง
「มันดูเหมือนอีกฝั่งก็คิดเหมือนกัน」
ทหารหลายคนก้าวมาข้างหน้าหลังการต่อสู้หยุดลง
จากหน้าตา พวกเขาต้องเป็นนายพลศัตรู แต่ไม่มีใครสนใจ
เรามีเจตนาจะกวาดล้างศัตรูตอนนี้เมื่อดูอะไรที่เกิดขึ้น……
เราควรจะไม่เป็นอะไร
–มุมมองบุคคลที่สาม–
เวลาเดียวกัน เมืองหลวงโกลโดเนีย
「ราชาของผม ลอร์ดฮาร์ดเลตต์กำลังสู้กับแวนโดเลียทางเขตใต้ด้วยตัวเอง ผมคิดว่าเราควรส่งกองทัพหลวง……」
อีริชก้าวไปหน้าราชาเพื่อขออครั้งที่เก้าให้กองทัพถูกส่งออกไป
อย่างไรก็ตาม คำตอบของราชายังเหมือนเดิม
「ไม่จำเป็น ไม่ใช่เขาดันศัตรูกลับแล้วเหรอ? ในความเป็นจริง บอกฮาร์ดเลตต์ว่าอย่าขยายการต่อสู้ไปมากกว่านี้」
อีริชทำหน้าบูดแล้วพูดอีกครั้ง
「แต่พระองค์ครับ ลอร์ดฮาร์ดเลตต์มีความได้เปรียบที่ท่วมท้นในการต่อสู้อยู่ตอนนี้ ถ้าเราส่งกำลังเสริม เรายึดดินแดนแวนโดเลียได้ด้วยเหมือนกัน……」
「ซ้ำไปซ้ำมาจริง!! ฉันจะไม่ทำ!」
ราชากำหมัดทุบโต๊ะ
อีริชไม่พูดมากไปกว่านี้
เมื่อเห็นว่าคู่อริโดนตำหนิ เคนเน็ธก้าวมาข้างหน้า ยิ้มอยู่ในใจระหว่างมีสีหน้านิ่งภายนอก
「การใช้อำนาจทางทหารมันไม่ฉลาด มันจะดีที่สุดที่เราจะใช้แผนการแทนการพึ่งพากำลังเพื่อยึดดินแดน…..」
ราชาหันไปมองเคนเน็ธและตะโกนใส่ในน้ำเสียงโมโหโทโส
「ไม่เข้าใจหรือไงวะว่าหมายถึงไม่ด้วยเหมือนกัน!? ไม่มีความจำเป็นต้องแทรกแซงกับเรื่องทางใต้!」
「ท่านครับ ผมอาจพูดมากไป……」
เคนเน็ธเงียบหลังจากตะลึงกับการดุที่ไม่คิดว่าจะโดนเลย
ราชาดื่มชาและดูเหมือนว่าใจเย็นลง อย่างน้อยความโมโหเขาดูเหมือนบรรเทาไปแล้วผิวเผินและน้ำเสียงกลับเป็นปรกติ
「ประเทศของฉันขยายมากไป มีศัตรูนับไม่ถ้วนในประเทศ แม้อย่างนั้นฉันยังสร้างศัตรูภายนอกอีก」
「มีศัตรู…… อยู่ในประเทศเหรอ?」
อีริชเอียงหัว
เขาคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่ไม่ได้ดูเหมือนจะเข้าใจว่าราชาพูดถึงใคร
การกบฏเกิดขึ้นบ่อยกับดินแดนมากราโดเก่า แต่มันก็เหมือนกับแผนที่มีแต่แรกแล้ว และในที่สุดพวกเขาก็ถูกระงับไปแล้ว
เคนเน็ธก็ทำเหมือนกันและมองอีริชเงียบๆด้วย
「ศัตรูก็แอบมาอยู่ข้างฉันแล้ว ลืมเหตุการอัศวินคนนั้นเหรอ?」
「ห-เหตุการณ์นั้นมัน-…….」
「คุณหมายถึงความไม่ภักดีของพฤติกรรมอัศวินคนนั้นเหรอ……?」
เหตุการณ์ที่ราชาพูดถึงเกี่ยวข้องกับข่าวที่เขาได้ยินเกี่ยวกับอัศวินหลวงที่ทำงานเป็นยามแล้วบ่นในบาร์ในเมืองและตะโกนไปทั่วว่าเงินค่าจ้างและตำแหน่งของเขาต่ำเกินไป
มันเห็นได้ชัดว่าเขาเมาไม่มีสติและทำไปใต้ผลลัพธ์ของแอลกอฮอล์ แต่ราชาเอาคำพูดเขาเป็นการก่อกบฏแและประหารเขาด้วยกันพร้อมครอบครัวทั้งหมดของเขา
「ในความเห็นจากผมน้อยๆ อัศวินคนนั้นไม่ฉลาดพอทำอะไรทะเยอทะยานเหมือนก่อกบฏหรอกครับ」
「นายพูดถูกที่สุด เขาไม่ฉลาดพอและนั่นทำไมเขากำลังถูกใช้โดยบางคนที่ฉลาด แน่นอนว่ามีคนที่มีอำนาจใช้เส้นสายอยู่หลังเขา วางแผนมาลอบสังหารฉัน」
อีริชพยายามอธิบายว่าทุกอย่างมันแค่เป็นการกระทำของอัศวินโง่ๆ แต่ราชาไม่ได้ดูเหมือนจะยอมรับเหตุผล
「มีการสืบสวนแบบทั่วถึงกับความสัมพันธ์คนหนุนหลังเขา แต่ไม่มีร่องรอยของการสมคบคิด การค้นหาของเจ้าหน้าที่ข้อมูลไปถึงไหน?」
「พวกเขาพูดว่าไม่มีอะไรถูกพบเลย เขาไม่ได้แค่หลบเค็นเน็ธ แต่ตาข่ายเจ้าหน้าที่ข้อมูลของฉันด้วยเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็หมายถึงไอ้เจ้านี้ฉลาดสุดขีด ฉันต้องทำให้แน่ใจว่าระวังซ้อนระวัง」
เคนเน็ธพยายาอธิบายว่าไม่มีความสัมพันธ์อะไรอยู่กับคนหนุนหลังของเขา แต่ราชาไม่ฟังเลย
「ตอนนี้มันเป็นเวลากำจัดปัญหาภายในให้สิ้นซาก และทำให้การปกครองของชาติมั่นคง ฉันไปมีสมาธิกับสงครามต่างประเทศไม่ได้ มันดีพอที่เป็นอย่างนี้ได้ในสภาพปัจจุบัน」
「「ค-……ครับท่าน」」
อีริชและเคนเน็ธต่างก็ผิดหวังกับคำตอบครึ่งๆกลางๆ
หลังจากราชาพูดเสร็จ เขาดึงอีริชไปข้างๆและกระซิบใส่หูของเขา
「เคนเน็ธมีทักษะในการใช้หัววางแผน การใช้แผนการเป็นสนามที่เขาเชี่ยวชาญ ดังนั้นให้ฉันรู้ทันทีถ้าเจอการกระทำที่เห็นแล้วไม่สบายใจของเขา」
ราชาดึงเคนเน็ธไปข้างๆต่อ
「อีริชมีกองทัพในมือ เขาน่าจะคิดกำจัดฉันถ้าเขาเริ่มก่อกบฏได้ คอยระวังอยู่ตลอดด้วย」
และจากนั้นราชาให้ทั้งสองคนเลิกเข้าเฝ้า
สีหน้าเครียดของราชาผ่อนคลายช้าๆเมื่อเขากลับไปห้องเขา
เขาเท้าเด้งเหมือนเขาเดินเด้ง
「พระองค์ ทำได้ดีมากวันนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ」
「โอ้ ขอโทษที่ให้รอ โรซาริโอ้」
คนที่คุกเข่าคำนับบนพื้นในห้องราชาเป็นผู้หญิงหนึ่งคน
ราชายกผู้หญิงขึ้นแล้วจูบด้วยไฟแรง
「อ๊าา พระองค์…… โรซาริโอ้จะตายถ้าท่านทำอย่างนั้น」
「อย่าพูดแบบนั้นเลย ฉันจะตายจากความเหงาถ้าฉันเสียเธอไป」
ราชาหยุดจูบโรซาริโอ้แล้วกอดเธอแน่นๆ
「ฉันพูดกับบริวารโดดเด่นที่สุดแล้วแต่พวกเขาก็ไม่เชื่อฉันเหมือนกัน แต่คำขู่จะไปถึงพวกเขาในไม่นานแหละ……」
「โรซาริโอ้นั่นโง่เง่าเมื่อเทียบกันความคิดที่ชาญฉลาดของพระองค์ค่ะดังนั้นสถานการณ์ซับซ้อนแบบนี้ไม่มีเหตุผลกับหนูเลย」
หน้าเศร้าของราชาดีขึ้นเมื่อเขาพาพูดหญิงไปขึ้นเตียง
「นั่นทำให้เธอน่ารัก เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นที่เชื่อฉันอย่างไม่มีเงื่อนไข ตอนนี้ มาสร้างรักกันเถอะ」
「ได้โปรดประทานความรักให้หนูคืนนี้มากๆด้วยเหมือนกันนะคะ พระองค์……」
ผู้หญิงครางกับการเข้าหาเชิงใช้กำลังของราชา
ทันทีที่ของของราชาเข้าไปในเธอ เธอครางเหมือนแสดงละครอยู่เหมือนบางคนที่ร้องเมื่อโดนแทง
「พระองค์ลำแท่งของท่านมันสุดยอดไปเลยค่ะ….. หนูว่าหนูตายแน่!」
「มันน่ารักที่เธอพูดซื่อๆเหลือเกิน! เธอไม่รู้อะไรสักอย่างก็ไม่เป็นไร ฉัน……. ฉันจะปกป้องเธอ!」
ไม่นานราชาก็ไปถึงจุดสุดยอดและหลับบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย
โรซาลิโอ้มองหัวเขาด้วยสายตาเย็นชาและลูบหัวราชาเหมือนแม่ลูบลูก
–มุมมองเอเกอร์–
เรื่องราวด้านข้าง: หาผู้ก่อเหตุ
ผมสบายๆอยู่ในห้องนั่งเล่นกับสาวๆ
พวกเธอบางคนกำลังมีความสุขกับชาและขนม, บางคนดูแลลูก, บางคนอ่านหนังสือเงียบๆ, บางคนเล่นกัน, และอิริจิน่ากำลังกินเนื้อย่างทั้งชิ้น
ทุกคนมีความสุขอย่างสงบสุข
อย่างไรก็ตาม เวลาที่สงบถูกก่อกวนโดยการกระทำป่าเถื่อนที่ไม่ยุติธรรม
ปรื้ดดดดดดปิ๊~~
เสียงเปลี่ยนอารมณ์ในห้องทันใด มันไม่ได้ดังแต่มันดังพอที่ทุกคนได้ยิน
「「「「……」」」」
เวลาทุกคนหยุดลง
คนที่เล่นอยู่ก็หยุดเล่น ระหว่างมือนนน่าชักกลับโดยไม่ได้จับแก้วชา
อิริจิน่าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สะทกสะท้านและเคี้ยวเนื้อเธอต่อ
ทุกคนมองไปรอบๆและถาม ‘ใคร’ ด้วยสายตา
อย่างไรก็ตามไม่มีใครพูดอะไรเพราะกลัวไปกล่าวหาบางคนว่ามาตดหน้าผม
ตอนแรกพวกเธอไม่เอาประเด็นขึ้นมาก่อนและมีสมาธิอยู่กับการพูดที่พูดอยู่
ทุกคนเริ่มกลับไปทำอะไรที่ทำอยู่ก่อนเสียงตด
นั่นถูกแล้ว มันถูกต้องที่แกล้งงทำว่ามันไม่เกิดขึ้น
นั่นจะทำให้บรรยากาศสงบๆกลับมาอีกครั้ง…… หรือมันควรเป็นอย่างนั้น
「กุ……」
มันเหม็น กลิ่นเหมือนบางอย่างเน่า
ตดเหม็นๆประเภทนี้ค่อนข้างหายาก
「……อ๊าาา ให้ตายเหอะน่า! มันเหม็นสุดๆไปเลย!! ใครตด!!?」
ในที่สุดก็ทนไม่ได้ คาร์ล่าตะโกธโกรธๆและเป็นการเปิดประเด็น
「มันไม่ใช่ฉัน」
นนน่าเป็นคนแรกที่ปฏิเสธและดื่มชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้ว่า คิ้วเธอยังคงขมวดเพราะกลิ่น
「มันไม่ใช่หนูด้วย!」
ซีเลียก็พูดขึ้นมาและอิงมาซบผม
น่าน่า พี่รู้ว่าไม่ใช่หนู
นั่นควรพอแล้วสำหรับสาวๆที่ปฏิเสธการกระทำอย่างรุนแรง
「หม่าม๊าไม่เหม็น ถูกมั้ย?」
「ไม่~」 「ไม่เอาอึอึ๊~」
เมลและมาเรียร้องว่าบริษุทธิ์ระหว่างเล่นกับลูก
และการหาผู้ก่อเหตุเริ่ม
「ไม่ใช่มันโยกุริซังเหอร? มันเหม็นมาก」
「ม-ไม่ใช่เลย! ถ้าฉันต้องพูด มันน่าจะมาจากเธอ……」
「อะไรกัน มันไม่ใช่ฉันด้วย!?」
「กลิ่นแรงขนาดนี้ มันต้องมาจากเหนือลมแน่…… หมายถึงเป็นบางคนอยู่ใกล้ประตู……」
「ไม่ใช่ฉันนะ! ฉันไม่โกหก!」
ผมรับไม่ได้ถ้าตดเดียวสร้างความร้าวฉานมากขนาดนี้ระหว่างเรา
「ขอโทษ มันฉันเอง」
ถ้าผมทำ ไม่มีใครจะมีปัญหา
ผู้ก่อเหตุควรจะเป็นหนึ่งในสาวๆถ้าไม่ใช่ผม
และผมแน่ใจว่าไม่มีพวกเธอสักคนจะยอมรับมัน
「ห-ให้ตายเธอน่า หยาบอ่ะเอเกอร์ซามะ」
「ถ้ามันเอเกอร์ซามะก็ไม่เป็นไร……」
「หนูเห็นด้วยไม่ได้!」
ซีเลียแทรกเพื่อทำลายสันติชั่วคราวที่ผมสร้าง
「หนูอยู่ข้างเอเกอร์ตลอดเวลาและหน้าทุกคนยู่ก่อนกลิ่นมาทางเรา! หนูจะไม่ให้โทษเอเกอร์ซามะแน่นอน!」
ผมซาบซึ้งกับเจตนาดีแต่มันไม่จำเป็น…… แค่เมื่อผมสรุปการถกเถียงตรงนั้นแล้ว
สาวๆเริ่มเถียงกันอีกครั้ง
「กลิ่นมาจากตรงนั้น! ไม่ใช่มันแคทเธอรีนซังเหรอ!?」
「พูดอะไรน่ะ? คนที่ปฏิเสธเสียมากมายนั่นแหละทำมัน」
การจ้องกันทั้งหมดไร้สาระ
ผมแก้ปัญหานี้อย่างไรดี?
「ฮ่าฮ่าฮ่า มันเหม็น มันอร่อยและเหม็น!」
อิริจิน่ากินเนื้อต่อไม่รู้เรื่องความเอะอะที่เกิดขึ้น ถ้ามันเธอผมว่าเธอไม่ถือหรอก
「อิริจิน่า เธอเป็นคนที่ตด」
「อะไร!? หนูไม่ได้ทำสักหน่อย」
「ตูดเธอตดเองโดยที่เธอไม่รู้ ไม่ต้องกังวลน่า มันเกิดขึ้นกับทุกคน」
「……อ-อย่างนั้นเหรอ? ขอโทษ! ดูเหมือนตูดฉันตดเอง!」
ขอโทษด้วยะ อิริจิน่า ถ้ามันเธอ คนอื่นน่าจะไม่โทษเธอมาก ฉันจะไปดื่มกับเธอทีหลัง
「ฉันว่ามันเป็นไปได้ถ้าเป็นอิริจิน่าซัง」
「มันช่วยไม่ได้」
สาวๆสร้างสันติอีกครั้ง
「ฉันรับนั่นไม่ได้!」
คนที่แทรกแซงครั้งนี้คือไมล่า
「ฉันอยู่กับอิริจิน่าบ่อยจนฉันรู้ว่าเสียงที่เธอทำดังพอให้หยุดพูดดังนั้นถ้าเธอทำจะเห็นชัดๆ!」
「อืม นั่นก็จริง……」
「อิริจิน่าไม่ค่อยเหนียมอายด้วย……」
「ไม่ไมล่า นี่ไม่ใช่ที่-」
「ไม่ หนูจะไม่ให้คนไร้เดียวสากลายเป็นคนก่อเหตุเมื่อหนูเห็น เราควรหาคนทำจริง!」
โอ้ใช่ ไมล่าเป็นคนแบบนั้น
นั่นทำไมเธอมีชื่อเสียงว่าเข้มงวดเกินไปตอนเธอบังคับสร้างความสงบของประชาชน
「ตอนนี้ มายืนยันคำพูดทุกคนก่อน!!」
อะไรก็ช่าง ทำตามสบาย
พี่ไม่สนว่าใครทำ
หลังจากนั้น แม้แต่การสืบสวนเข้มงวดของไมล่าก็ไม่เปิดเผยคนตดจริงและคดีกลายเป็นปัญหาลึกลับที่ไม่ได้แก้
นั่นทำให้ผมจำได้ ปรกติเคซี่จะเอะอะในเวลาแบบนี้แต่ผมไม่เห็นเธอเลย
ครั้งสุดท้ายเมื่อผมเห็นเธอ เธอกินบางอย่างระหว่างหลีกอิริจิน่า
ผมมองดูรอบๆและเห็นแม่บ้านในลานหน้ากับกองไฟ
「เราจะปิ้งมันฝรั่ง」
「เราปิ้งไป 10 ลูกแล้ว…… แต่หายไปลูกนึง นั่นแปลกอ่ะ ไม่มีใครมาเลยสักนิด」
「ไม่ใช่วิญญาณคฤหาสน์เอาไปเหรอ? รู้มั้ยว่าอาหารหายไปบ่อยๆ? โดยเฉพาะคนที่ทำฟักทองอ่ะ」
ช่างเป็นเรื่องลึกลับ
ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง
สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย เจ้าศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส
พลเมือง: 163,000 เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4500
กองทัพ: 14,300 คน
ทหารราบ:7200 คน, ทหารม้า 800 คน, พลธนู: 1000 คน, ทหารม้าธนู: 3900 คน (กองทัพลอร์ดบริวาร: 1400)
ปืนใหญ่: 30 กระบอก, ปืนใหญ่มาก: 10 กระบอก
ทรัพย์สิน: 470 ทอง
คู่นอน: 233, ลูกเกิดแล้ว: 48 + ปลา 555 ตัว
แปลโดย: wayuwayu
tipme : tipme.in.th/wayuwayutl
patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu
ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: http://linktr.ee/wayuwayu