ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 81 นึกว่าหนีได้อย่างราบรื่น แต่กลับถูกหลอก!
บทที่ 81 นึกว่าหนีได้อย่างราบรื่น แต่กลับถูกหลอก!
สามเดือนแห่ง ‘การเคี่ยวกรำ’ ฮวาหลิงมู่ซึ่งอายุยังน้อยนั้น… ถือได้ว่าคือความทรมานยิ่ง
เมื่อได้ยินว่าจะออกไปได้แล้ว นางก็ดีใจจนลิงโลด
ลู่เฉินมองนางด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่ง!”
ที่ใด?
ฮวาหลิงมู่สงสัย แต่ลู่เฉินไม่ได้พูดอันใด เพียงสั่งให้ฮวาหลิงมู่ช่วยเก็บข้าวของทันที
เมื่อได้ยินคำนั้น เด็กสาวก็รีบเข้าไปเก็บเสื้อผ้าในคฤหาสน์อย่างมีความสุข
“เฮ้ ท่านจะไปไหน เหตุใดต้องลึกลับเช่นนี้ด้วย?” หนานเหยาเองก็สนใจเช่นกัน
”แดนวิญญาณ!”
“อันใดนะ? ท่านจะไปที่แดนวิญญาณหรือ?” ดวงตาของหนานเหยาเบิกกว้าง
แดนวิญญาณ คือลานฝึกซ้อมที่ใหญ่ที่สุดในมหาทวีปจิ่วโหยว และกระจายไปตามที่ต่าง ๆ ในมหาทวีป
สิ่งนี้ดำรงอยู่มาตั้งแต่หนึ่งแสนปีก่อนแล้ว
เพราะมันไม่ได้อยู่ใต้สังกัดกองกำลังใด ๆ และด้านในก็สามารถต่อสู้กันได้ตามต้องการ
ด้วยเหตุนี้แดนวิญญาณหรือที่เรียกว่าหุบเขาเป็นตาย โดยทั่วไปแล้วจึงมีเพียงผู้ที่ไม่กลัวความตาย ผู้ที่แสวงหาความตาย หรือแม้กระทั่งผู้ที่ต้องการทะลวงขั้นผ่านความเป็นตายเท่านั้นถึงจะไปที่แห่งนั้น
ส่วนที่มาของแดนวิญญาณนี้ย่อมไม่มีผู้ใดรู้
ทุกคนรู้เพียงว่าพลังปราณภายในนั้นมีมากมายกว่าโลกภายนอก และในขณะเดียวกันก็สามารถพบเจอกับปีศาจที่ทรงพลัง วิญญาณ รวมทั้งสิ่งแปลกประหลาดแม้กระทั่งสมุนไพรวิญญาณได้ในบางครั้ง
ดังนั้นสถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้ฝึกตนที่เที่ยงธรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ฝึกวิถีมาร ผู้ฝึกวิถีภูตผี แม้กระทั่งปีศาจและสัตว์อสูรด้วย
และเนื่องจากที่นี่ไม่มีกฎเกณฑ์ ทำให้อาจเสียชีวิตขณะเดินอยู่บนถนน หรือคนข้างกายอาจชักมีดออกมาแทงกันได้
ดังนั้นสถานที่เช่นนี้จึงมีแต่คนที่อยากตายเท่านั้นที่จะไป
แต่ตอนนี้เมื่อนางได้ยินว่าลู่เฉินจะไปที่นั่น และยังพาฮวาหลิงมู่ไปด้วย หนานเหยาก็พลันคิดว่าลู่เฉินคงบ้าไปแล้ว
ทว่าลู่เฉินไม่สนใจท่าทีของหนานเหยา และเข้าไปในหมอกที่มุมคฤหาสน์แทน เขามองไปที่โจวกังที่ถูกขังมาเป็นเวลาสามเดือนและจวนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
เมื่อเห็นลู่เฉินปรากฏตัว โจวกังก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “น้องชาย ได้โปรด ปล่อยข้า ปล่อยข้าออกไปเถิด!”
”ข้าว่าสองสามเดือนที่ผ่านมา อาการบาดเจ็บของเจ้าคงหายดีแล้วสินะ” ลู่เฉินมองดูเขา และพบว่าอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายดีขึ้น จึงฉีกยิ้มออกมา
”ปล่อยให้ได้เห็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว” โจวกังดูเขินอาย
”ช่างปะไร เพียงแค่ว่าข้ามีบางอย่างจะพูดกับเจ้า!” ลู่เฉินเขม่นจ้องโจวกัง ริมฝีปากพลันฉีกยิ้มออกมา
โจวกังที่ได้ยินก็พูดอย่างกระวนกระวายว่า “พูดมา เจ้าต้องการให้ข้าทำอันใด!”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าใช้ยันต์หุ่นเชิดเป็นหรือ?”
”ใช่!”
“ดี เพราะข้าอยากจะเขียนยันต์นั่นในร่างกายเจ้าเหมือนกัน เจ้าคงเห็นด้วยสินะ?!”
โจวกังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “เจ้าก็ใช้เป็นหรือ?”
”เป็น!”
โจวกังได้ยินแล้วก็พลันขบคิดอย่างหนัก เพราะขั้นพลังของลู่เฉินนั้นอ่อนแอมาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะสร้างยันต์หุ่นเชิดในกายตน เขาก็ย่อมสามารถป้องกันมันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นโจวกังจึงเอ่ยโดยไม่ลังเลว่า “เอาเลย ข้ายินดีเป็นหุ่นเชิดของเจ้า!”
”อืม ดีมาก!” ลู่เฉินพอใจมาก แล้วขอให้โจวกังนั่งลง
พลันโจวกังก็นั่งลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลู่เฉินจะเข้ามาอยู่ด้านหลังของเขา และใช้นิ้วกดบนหลังทันที
หนานเหยาที่มองดูอยู่พลันสับสน “ชายผู้นี้กำลังทำอะไร?”
ส่วนโจวกังเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน “เหตุใดวิธีที่เขาสร้างยันต์หุ่นเชิดจึงแตกต่างจากที่อาวุโสฟางสอนข้า!”
สิ่งที่ลู่เฉินใช้ย่อมแตกต่างจากคนอื่น
เพราะสิ่งที่เขาใช้คือ ‘เคล็ดวิชาหุ่นเชิดสวรรค์’ หนึ่งในสิบอักขระยันต์อันเลื่องลือ
เนื่องจาก ‘เคล็ดวิชาหุ่นเชิดสวรรค์’ ต้องมีพลังอย่างน้อยในขั้นสร้างรากฐาน ดังนั้นก่อนหน้านี้ลู่เฉินจึงยังไม่ได้ใช้มันกับโจวกัง แต่ตอนนี้เขาทำได้แล้ว และเนื่องจากขั้นพลังของโจวกังนั้นสูงกว่าของตนไม่น้อย
…ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงใช้เวลาค่อนข้างนาน
หลังใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยาม เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นราบรื่น ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา ขณะที่มีเหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้า “เรียบร้อย!”
เมื่อโจวกังได้ยิน เขาก็ดีใจทันที “เช่นนั้น ข้าไปได้แล้ว?”
“ได้แล้ว ทว่าหากข้าเรียกเจ้าต้องมาทันที!”
”แน่นอน!” โจวกังมีความสุขยิ่ง และรีบขอให้ลู่เฉินพาตัวเขาออกจากค่ายกล
แน่นอนว่าลู่เฉินย่อมไม่ขัด ชายหนุ่มพาโจวกังออกไปจากคฤหาสน์โดยไม่คิดกังวลแม้แต่น้อย
ทันทีที่โจวกังออกมาจากคฤหาสน์ เจ้าตัวก็หัวเราะร่าดั่งวิหคได้โบยบิน ทำให้ทหารยามที่มาลาดตระเวนใกล้เคียงคิดว่าพวกเขาเจอผีสุราเข้าอย่างไรอย่างนั้น
“นี่ท่านจะปล่อยเขาไปจริง ๆ หรือ?”
”วางใจเถอะ พรุ่งนี้เขาจะมายืนที่หน้าประตู” หลังจากที่ลู่เฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาก็หันหลังและจากไป
หนานเหยาเกาหัวของนางด้วยความสับสน “พรุ่งนี้เช้า? ที่หน้าประตู?”
…
หลังจากที่โจวกังออกมา สิ่งแรกที่เขาทำคือตามหาจางเชียนและตู๋ซานชิง เพื่อให้พวกเขาชดเชยความเสียหายให้แก่ตน
อีกด้านหนึ่ง จางเชียนและตู๋ซานชิงขณะนี้ต่างรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้าในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
เพราะโจวกังไม่เคยปรากฏตัว และพวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปในคฤหาสน์ จึงทำได้เพียงไปด้อม ๆ มอง ๆ แถวคฤหาสน์เป็นครั้งคราวยามที่พวกเขาไม่มีอะไรทำ จากนั้นก็กลับไปที่หอสมบัติสวรรค์ด้วยความเบื่อหน่าย
ด้วยเหตุนี้ เมื่อทั้งสองเห็นโจวกังปรากฏตัวที่ลานและจ้องมองมาที่พวกเขา คนทั้งคู่ก็นึกว่าเจอผีเข้าให้แล้ว!
”ข้าเอง!” โจวกังอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาเมื่อเห็นทั้งสองคนตกตะลึง
และเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย คนทั้งสองก็พลันก้าวไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น รีบถามโจวกังทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
โจวกังทราบดีว่าหากบอกว่าตนเองถูกลู่เฉินกักไว้ในคฤหาสน์ มันก็รังแต่ที่ตัวเขาเองจะเสียหน้า ดังนั้นจึงพูดว่า “คืนนั้นสำนักค่ายกลสวรรค์เกิดเรื่อง ข้าจึงรีบจากไปก่อน!”
“อันใดนะ?” ใบหน้าของตู๋ซานชิงพลันกลายเป็นดูไม่ได้ในทันที
จางเชียนยิ่งรู้สึกราวกับว่าเขาถูกหลอกมาสามเดือนเต็ม ดังนั้นจึงร้อนใจทันที “ปรมาจารย์โจว พวกเรารอท่านมาสามเดือนแล้ว ท่าน…”
“รีบอะไรนักหนา?” โจวกังตวาดอย่างหน้าด้าน
หากทั้งสองไม่ต้องพึ่งพาโจวกัง พวกเขาคงกระโจนเข้าไปสู้กับโจวกังจนตายกันไปข้างอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองทำได้เพียงสะกดอารมณ์เอาไว้
”เอาวัตถุดิบให้ข้า ข้าจะเตรียมทำลายค่ายกล” โจวกังกระแอมไอเบา ๆ
ทั้งสองพูดพร้อมกันว่า “ไม่มี!”
”ถ้าไม่มี ข้าคงไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ และพวกเจ้าก็ไม่อาจเข้าไปในคฤหาสน์ได้” โจวกังเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งสองคนก็ทำได้เพียงระงับโทสะไว้ และหยิบสิ่งที่พวกเขาสะสมไว้ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาออกมา
โจวกังนับคร่าว ๆ ของทั้งหมดนี้มีค่าแค่ศิลาวิญญาณสิบกว่าล้านเท่านั้น “หมดแล้ว?”
”ให้ไปหมดแล้ว!” ตู๋ซานชิงถึงกับขุ่นเคือง
”ได้ งั้นข้าขอรับไว้ก่อน พรุ่งนี้ พวกเจ้าไปที่คฤหาสน์ เจ้าจะเห็นว่าค่ายกลถูกทำลายแล้ว!” โจวกังพูดจบ เขาก็หยิบของขึ้นมา จากนั้นก็หายตัวไปในพริบตา
“เชื่อถือได้หรือไม่?” จางเชียนอดไม่ไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
ตู๋ซานชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “พรุ่งนี้เช้าต้องไปดูที่คฤหาสน์!”
”ได้!” จางเชียนตอบรับ ส่วนโจวกังก็ออกจากเมืองจวนสวรรค์ด้วยรอยยิ้ม และยังพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “โชคดีที่ทักษะการหลอกลวงของข้าไม่เลว!”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โจวกังเดินไปได้ระยะหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในตัวเขาว่า “พรุ่งนี้เช้า นำสิ่งของทั้งหมดที่เจ้าเพิ่งได้มาไปที่คฤหาสน์”
”เจ้า เจ้า… เจ้าอยู่ที่ใด?” โจวกังตกตะลึง
”เจ้าลืมหรือ? ข้าติดยันต์หุ่นเชิดไว้ที่ตัวเจ้า!” ลู่เฉินหัวเราะ
”ใช่ แต่ข้าปิดกั้นยันต์หุ่นเชิดแล้ว!” เหตุผลที่โจวกังจากไปอย่างมั่นใจ เพราะเขาคิดว่าตนเองปิดกั้นยันต์นั้นโดยที่ลู่เฉินไม่รู้สึกตัว