ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 74 วิธีที่จะทำให้แก่นไม้แข็งแรง และจำเป็นต้องปล้นสักครั้ง!
- Home
- ตำนานจอมราชันย์อหังการ
- บทที่ 74 วิธีที่จะทำให้แก่นไม้แข็งแรง และจำเป็นต้องปล้นสักครั้ง!
บทที่ 74 วิธีที่จะทำให้แก่นไม้แข็งแรง และจำเป็นต้องปล้นสักครั้ง!
เมื่อลู่เฉินวางมือข้างหนึ่งลงบนบ่าของฮวาหลิงมู่ เขาก็โคจรพลังปราณเข้าไปสำรวจภายในร่างของนาง
กวาดสายตาออกไปหนึ่งครั้ง
ลู่เฉินค้นพบว่าตันเถียนของฮวาหลิงมู่นั้นค่อนข้างพิเศษ
เพราะเดิมทีนางเป็นต้นไม้วิญญาณ วิธีการฝึกฝนจึงแตกต่างกับมนุษย์
เมื่อลู่เฉินเห็นแสงสีเขียวกะพริบอ่อน ๆ ที่บริเวณจุดตันเถียนของนาง เขาก็พึมพำออกมาเบา ๆ “นี่ น่าจะเป็นแก่นไม้ของนาง”
ทว่าเมื่อปราณมากมายหลั่งไหลเข้าไปในจุดตันเถียน แก่นไม้นี้ก็จะดูดซับเข้าไป ทำให้เด็กสาวมีพลังปราณไม่มากพอที่จะฝึกวิชาคุมจิตวิญญาณ
“ดูหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่แก่นไม้”
ลู่เฉินคิดแล้วจึงเอามือออก ก่อนจะหันไปพูดกับฮวาหลิงมู่ “เจ้าไปนั่งพักด้านข้างเสียก่อน”
“อืม”นางขานรับแล้วเดินไปรอด้านข้าง
ส่วนลู่เฉิน เขาก็ได้หยิบกระบี่ซึ่งเป็นร่างแปลงของต้นไม้วิญญาณที่แก่ชราออกมา และพูดถึงปัญหาที่พบ “เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?”
“ปัญหานี้ สำหรับเผ่าต้นไม้วิญญาณของข้า คิดว่าคงมีเพียงแต่ต้องกลับไปยังภูเขา และทำการดูดซับแก่นไม้ของต้นไม้อื่น ๆ เพื่อให้แก่นไม้ของนางแข็งแกร่งขึ้น ทว่าข้าก็ไม่รับประกันว่าจะส่งผลกระทบต่อพลังปราณภายในร่างกายของนางหรือไม่”
ลู่เฉินส่ายหัว “ข้าคิดว่าจะต้องสอนวิธีการฝึกฝนวิธีใหม่แก่นาง”
“วิธีการฝึกฝนใหม่?” ต้นไม้วิญญาณที่แก่ชราสงสัย
“ข้าก็เคยฝึกฝนอะไรเช่นนี้มาก่อน” ลู่เฉินเคยมีชีวิตหนึ่งในแดนภูเขาพันวิญญาณ เขาจุติเป็นต้นอ่อนต้นหนึ่ง ก่อนบรรลุทะยานฟ้ากลายเป็นจักรพรรดิวิญญาณ! ดังนั้นเขาย่อมมีประสบการณ์และวิธีการฝึกฝนที่ล้ำค่ามากมาย
แต่ต้นไม้วิญญาณที่แก่ชรายังคงสงสัย “คืออะไร?”
“วิธีที่จะทำให้แก่นไม้แข็งแกร่งขึ้น”
“วิธีที่จะทำให้แก่นไม้แข็งแกร่งขึ้น?”
ลู่เฉินจึงอธิบาย “ก็คือการกลืนกินพลังวิญญาณพฤกษาจากวัตถุธาตุไม้ สิ่งนี้จะทำให้แก่นไม้สร้าง ‘เปลือก’ ชั้นนอกอันแข็งแกร่ง ซึ่งมันจะทำให้สามารถควบคุมการดูดซับพลังปราณ และปกป้องแก่นไม้”
“ฟังแล้วดูล้ำค่านัก” ต้นไม้วิญญาณที่แก่ชรารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ลู่เฉินคลี่ยิ้ม “แต่ขั้นตอนนี้ จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรไม่น้อย”
“นั่นคงไม่ใช่…”
“ไม่จำเป็นต้องกังวลไป ข้าจะคิดหาวิธีเอง” เมื่อลู่เฉินเอ่ยจบเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปทางฮวาหลิงมู่ ปากก็กล่าวว่า “ต่อไป ข้าจะสอนวิธีการฝึกฝนวิธีหนึ่งให้เจ้า”
“วิธีการฝึกฝนอันใด?”
“มันคือการบ่มเพาะที่จะทำให้แสงสีเขียวนั่นของเจ้าสร้าง ‘เปลือก’ ที่ทำให้ควบคุมการดูดซึมพลังปราณและปกป้องแสงสีเขียวนั้นได้” ลู่เฉินยิ้มพลางมองไปยังนาง
เห็นได้ชัดว่าฮวาหลิงมู่ไม่รับรู้ถึง ‘แก่นไม้’ ของตน ส่วนลู่เฉิน เขาก็ยังไม่อยากพูดถึงมัน ดังนั้นชายหนุ่มจึงสามารถพูดได้เพียงเท่านี้
“วิชานี้มีนามว่าอันใด?”
“เจ้าเรียกมันว่า ‘แก่นหทัยพฤกษาควบแน่น’ ก็ได้!” ลู่เฉินยอมบอกชื่อของมันออกไป
“เช่นนั้นก็รีบเถอะ!” เมื่อฮวาหลิงมู่ได้ยินนามของมัน นางก็พลันเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
ว่าแล้วลู่เฉินก็เริ่มการสอน เขาหยิบวัตถุธาตุไม้ที่นำมาจากสำนักพฤกษาสวรรค์ออกมาเพื่อให้นางได้ดูดซับเข้าไป
เมื่อไอวิญญาณพฤกษาของวัตถุธาตุไม้พวกนี้ถูกดูดออก มันก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ และแค่เพียงสัมผัสเบา ๆ พวกมันก็พลันสลายหายไปฝุ่นผง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฮวาหลิงมู่ตื่นเต้น “พี่ใหญ่ประหลาด พลังนี้ช่างมหัศจรรย์นัก!”
“ข้ายังมีวัตถุธาตุไม้อีกนิดหน่อย เจ้าค่อย ๆ กลืนลงไป ส่วนข้าจะไปหาให้เจ้าเพิ่มอีก” ลู่เฉินพูดจบก็ลุกขึ้น
ส่วนฮวาหลิงมู่ก็ขานรับและรีบหันไปฝึกฝนต่อทันที
หนานเหยาที่อยู่ภายในสร้อยคอรู้สึกแปลกใจ “ท่านให้นางฝึกวิชาใด เหตุใดพอสัมผัสวัตถุธาตุไม้เหล่านั้น พลังวิญญาณพฤกษาก็พลันถูกดูดซับจนแห้งไป”
“ความลับ” ลู่เฉินไม่คิดจะอธิบายให้นางฟัง
หนานเหยาเพียงแค่ยิ้ม “แล้วท่านจะไปหาวัตถุธาตุไม้มากมายมาให้นางฝึกจากที่ใด?”
เห็นได้ชัดว่าหนานเหยานั้นดูออกว่าถ้าหากต้องการฝึกฝน ‘แก่นหทัยพฤกษาควบแน่น’ อะไรนั่น ลำพังแค่วัตถุธาตุไม้ของลู่เฉินนั้นไม่อาจสำเร็จได้
แต่ลู่เฉินกลับยิ้มออกมา “มีวิธีมากมาย!” พูดจบ ลู่เฉินจึงเขียนป้ายประกาศแผ่นหนึ่ง และนำไปติดไว้ที่หน้าประตู
เมื่อหนานเหยาเห็นเนื้อหาในนั้นก็เบิกตากว้าง “ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นเสียเลยเล่า?”
“ทำไมหรือ?”
“มาหาหมอหนึ่งครั้ง วัตถุธาตุไม้อายุหนึ่งพันปีขึ้นไป หรือสมบัติวิญญาณสักชิ้น และต้องเป็นของคุณภาพชั้นเลิศ! หรือไม่ก็เม็ดยาชั้นเลิศ!” หนานเหยารู้สึกว่าลู่เฉินคิดราคาเช่นนี้มันก็ไม่ต่างอันใดกับการปล้นสักนิด!
“หากคิดถูกไป ใคร ๆ ก็คงมาหาข้ากันมากมาย เช่นนั้นข้าจะเอาเวลาที่ไหนไปฝึกฝน วัน ๆ คงต้องเสียไปกับการรักษาให้กับใครหน้าไหนก็ไม่รู้!” ลู่เฉินยิ้ม
“ท่านนี่นะ ใจดำเสียจริง!” เมื่อฟังแล้วหนานเหยาก็ตำหนิลู่เฉินออกมา
“นี่เรียกว่าการค้า และข้ามีป้ายราคาชัดเจน ไม่ได้หลอกลวงใคร จะใจดำได้เช่นไร?”
หนานเหยาพูดไม่ออก แต่นางยังอดไม่ได้ที่จะพูดโจมตีออกมา “ข้าคิดว่า ไม่มีใครโง่เช่นนี้หรอก จะยอมจ่ายมากมายขนาดนี้เพื่อตรวจเพียงหนึ่งครั้งงั้นหรือ? ยาก!”
“มาตรวจโรคที่นี่ ต้องเป็นโรคที่ผู้อื่นตรวจไม่พบ และการที่ผู้อื่นตรวจไม่พบ ก็ต้องเป็นอาการป่วยที่ร้ายแรง และอาการป่วยที่ร้ายแรง ยอมจ่ายเพิ่มสักนิดก็ไม่เห็นเป็นอะไร”
หนานเหยาตกตะลึงขึ้นมา “ดูเหมือน… จะมีเหตุผล”
ลู่เฉินตั้งท่าจะพูดบางอย่าง ทว่าในขณะนั้น…
ที่ด้านนอกพลันกลายเป็นคึกคักขึ้นมา
บางคนบอกว่าจะรีบไปหาสมุนไพรวิญญาณ บ้างก็บอกว่าจะรีบไปหาสมบัติวิญญาณ หรือแม้แต่กระทั่งเม็ดยาชั้นเลิศ
เพียงไม่นาน เรื่องที่ลู่เฉินจะทำการรักษาให้ผู้คนนั้นก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว
แม้แต่ภายในจวนเจ้าเมืองนั้น เมื่อว่านจินได้รับข่าวนี้ เขาก็ยิ้มออกมาพลางมองไปยังหนิวเถิง “เขาเริ่มเปิดราคาในการรักษาผู้คนแล้ว”
“อืม”
“ราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อมองจากวิชาแพทย์ของเขาก็นับว่าสมราคานัก” ว่านจินหวนคิดขึ้นมา
“ท่านเจ้าเมือง คนผู้นี้ต้องเอาใจเขาให้ดี” หนิวเถิงที่รับเงินมาก่อนหน้านี้ก็ได้กล่าวเยินยอขึ้นมา
“เรื่องนี้แน่นอน เพียงแต่ข้าได้ยินมาว่า เขามีปัญหากับหอสมบัติสวรรค์เสียแล้วใช่หรือไม่?” ว่านจินเอ่ยถามอย่างสงสัย
หนิวเถิงขานรับ และยังเล่าเรื่องที่รับรู้ออกมา
ส่วนว่านจินฟังแล้วก็พลันสงสัยขึ้นมา “หอสมบัติสวรรค์นับว่ามีอำนาจมาก แม้กระทั่งสามารถแทรกซึมเข้าไปยังภายในราชสำนักได้ ถ้าหากจัดการไม่ดี พวกเราอาจเกิดเรื่องวุ่นวายได้”
“ควรทำเช่นไรดี?”
“ไม่ว่าหอสมบัติสวรรค์จะเป็นเช่นไร ก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง ดังนั้นเมื่อพวกเขาอยู่ที่นี่ย่อมไม่กล้าก่อความวุ่นวาย ส่วนพวกเราก็ไม่ต้องไปใส่ใจมาก นอกเสียจากว่าพวกเขาทำผิดกฎ ครานั้นค่อยออกไปขัดขวางก็ยังไม่สาย” ว่านจินถ่ายทอดคำสั่งแก่คนข้างกาย
หนิวเถิงตอบรับทันที “ข้าจะส่งคนไปคอยจับตาดูพวกเขา ถ้าหากเกิดความเคลื่อนไหว ข้าจะหยุดมันทันที”
“อืม ไปเถอะ”
หนิวเถิงออกไปโดยไม่รอช้า
ขณะนั้นเอง ว่านจินก็กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก “หอสมบัติสวรรค์ก็ทำให้ขุ่นเคืองไม่ได้… หมออัจฉริยะผู้นี้ก็ยิ่งทำให้ขุ่นเคืองไม่ได้!”
ตอนนี้ว่านจินกำลังคาดเดาว่าเบื้องหลังของหมออัจฉริยะผู้นี้จะต้องมีอำนาจที่แข็งแกร่งแน่ มิเช่นนั้นคงไม่สามารถเลี้ยงดูคนที่น่ากลัวขนาดนี้ได้
ดังนั้นว่านจินจึงยิ่งรู้สึกหวั่นเกรงลู่เฉิน
สำหรับหอสมบัติสวรรค์นั้น เพียงแค่พวกเขาไม่ทำผิดกฎ ว่านจินก็จะไม่เข้าไปทำเรื่องยุ่งยากให้พวกเขา แต่ถ้าหากทำผิดกฎ… เขาก็มีอำนาจในการเข้าไปหยุดมันได้!!
ดังนั้นว่านจินจึงตัดสินใจไม่ทำเรื่องขุ่นเคืองใจให้หอสมบัติสวรรค์ และขณะเดียวกันก็รักษาความสัมพันธ์กับลู่เฉินไว้
อย่างไรก็ตาม ภายในหอสมบัติสวรรค์ จางเชียนไม่คิดนำเรื่องวุ่นวายนี้ไปแจ้งเบื้องบน เขาทำเพียงแค่จัดการปัญหานี้ด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นถ้าหากเบื้องบนรู้ว่าเกิดความเสียหายนับร้อยล้าน ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่านี้ก็เป็นได้!
ดังนั้นจางเชียนและตู๋ซานชิงจึงเพียงช่วยกันคิดหาวิธีการที่นี่
แต่ก็ไม่มีวิธีใดที่ดีเลย จนกระทั่งเมื่อมีเสี่ยวเอ้อคนหนึ่งเข้ามาบอกเรื่องที่ลู่เฉินเปิด ‘โรงหมอ’ รักษาอาการป่วย จางเชียนก็พลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา “โอกาสดี!”
ตู๋ซานชิงเองก็แสยะยิ้มออกมา “ไปเถอะ ไปดูกันว่าวิชาแพทย์ของเขาเก่ง หรือข้าจะเก่งกว่า!”
“ไป!” จางเชียนรู้สึกชอบใจ รีบนำตู๋ซานชิงไปสร้างความวุ่นวายให้ลู่เฉินทันที