ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 38 ต้นกล้าน้อยกลายเป็นต้นไม้วิญญาณ แก่นไม้หายไป
บทที่ 38 ต้นกล้าน้อยกลายเป็นต้นไม้วิญญาณ แก่นไม้หายไป
เมื่อลู่เฉินเห็นคนเหล่านี้ เขาก็หัวเราะลั่น “ตาแก่นั่นเริ่มเลี้ยงสตรีเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน! แถมยังมากขนาดนี้อีก!”
ตาแก่ที่ลู่เฉินเรียก แท้จริงแล้วคือต้นไม้วิญญาณเก่าแก่ ซึ่งชายหนุ่มเคยปลูกมันไว้เมื่อหนึ่งแสนปีก่อน และหลังจากที่เขากลายเป็นเซียน มันก็เติบโตขึ้นจนแข็งแกร่ง ณ ที่แห่งนี้
ลู่เฉินมาหามันที่นี่ แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะมันจัดอยู่ในวิถีวิญญาณ และสามารถใช้พลังของมันสร้างคลื่นน้ำวนโปร่งแสงลูกที่หกขึ้นได้!
แต่สตรีเหล่านี้กลับมองหน้ากันด้วยความฉงน “ตาแก่?”
แม้แต่เจี่ยลัวก็ยังงุนงง
เด็กสาวตัวน้อยจึงจ้องเขม็งพลางเอ่ยว่า “เจ้ากำลังพูดถึงใคร”
ลู่เฉินถามด้วยรอยยิ้มประหลาด “ที่นี่มีต้นไม้วิญญาณอยู่หรือไม่”
สตรีเหล่านั้นพลันตกใจ เพราะเรื่องต้นไม้วิญญาณเก่าแก่นั้นเป็นความลับ!
เด็กสาวตัวน้อยจึงเริ่มกังวล “เจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้า? ให้ข้าขึ้นไปแล้วเจ้าจะรู้เอง” ลู่เฉินยิ้มขณะมองภูเขาเบื้องหน้า ทว่าเด็กสาวตัวน้อยยังเอ่ยอย่างดื้อรั้นว่า “ไม่ได้!”
“ทำไม?”
“ท่านปู่ไม่รับแขก!” เด็กสาวพูดอย่างดื้อรั้น ขณะที่ลู่เฉินมองนางด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากเขาได้พบกับบางสิ่งที่น่าสนใจ! “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นรากวิญญาณกลายพันธุ์หกดาว!”
เมื่อได้ยินคำว่ากลายพันธุ์ เจี่ยลัวพลันตกตะลึง
ถึงอย่างไรรากวิญญาณทั่วไปจะมีหนึ่งดาวถึงเก้าดาว แต่จะมีบางชนิดที่พิเศษ อย่างเช่น ‘รากวิญญาณกลายพันธุ์’ ซึ่งแข็งแกร่งกว่ารากวิญญาณในระดับเดียวกันโดยธรรมชาติ
ไม่เพียงแค่เจี่ยลัวเท่านั้นที่ประหลาดใจ แม้แต่สตรีเหล่านั้นก็ตกใจเช่นกัน เพราะพวกนางไม่เคยรู้มาก่อนว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหน้าพวกนางนี้มีรากวิญญาณอะไร ส่วนเด็กสาวตัวน้อยก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะผู้ที่รู้ความลับนี้ นอกจากตัวเองแล้วก็มีเพียงท่านปู่เท่านั้น!
เด็กสาวตัวน้อยจึงร้อนใจ “เจ้าเป็นใครกันแน่!”
“บอกท่านปู่ที่เจ้าเรียก ว่าคนที่ปลูกเขากลับมาแล้ว!” ลู่เฉินพลันอมยิ้ม
“ปลูกเขาหรือ?” เด็กสาวตัวน้อยมึนงง ส่วนสตรีคนอื่น ๆ ก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“หากท่านปู่นั่นได้พบข้า เขาจะต้องดีใจมากแน่” ลู่เฉินยิ้มให้เด็กสาวตัวน้อย ทว่านางกลับไม่เชื่อ “เจ้าหยุดหลอกข้าเถอะ ข้าไม่หลงกลหรอก!”
หลังจากเอ่ยจบ ร่างของเด็กสาวตัวน้อยก็เปล่งแสงสีเขียวของพฤกษาวูบวาบออกมา ครู่ต่อมาใต้ฝ่าเท้าของลู่เฉินพลันปรากฏเถาวัลย์สีเขียวพันรอบสองขาของเขาเอาไว้ทีละเส้น
เจี่ยลัวถึงกับหน้าซีดทันที ส่วนบรรดาสตรีที่เหลือก็หัวเราะอย่างแปลกประหลาด
บางคนถึงกับเยาะเย้ยว่า “คุณชายน้อย ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถก็อย่าทำเหมือนว่าเจ้าทำได้!”
”ใช่”
“ดูสิ พวกที่มาที่นี่ล้วนกลายเป็นโครงกระดูกไปหมดแล้ว!”
“หากข้าเป็นเจ้า ข้าคงจะรีบร้องขอความเมตตาแล้วหนีไปเสีย!”
“ข้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะอ่อนแอขนาดนี้!” เด็กสาวตัวน้อยเอ่ยอย่างโกรธเคือง
ทว่าลู่เฉินกลับฉีกยิ้ม “เจ้าก็เพิ่งจะอยู่ในขั้นสร้างรากฐานระดับกลางเท่านั้น!”
“ข้าอายุสิบขวบก็อยู่ในขั้นสร้างฐานรากระดับกลางเแล้ว ดังนั้นข้าจึงนับว่าเก่งกาจมากพรสวรรค์!” เด็กสาวตัวน้อยโอ้อวดอย่างพึงพอใจ แต่ลู่เฉินกลับยิ้มจนตาหยีและกล่าวว่า “เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถทุบเถาวัลย์ของเจ้าให้แตกได้!”
“ฝันไปเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!” เด็กสาวตัวน้อยไม่เชื่อเลยสักนิด ส่วนพวกสตรีด้านหลังก็หัวเราะเยาะเย้ย “คุณชายน้อย พลังของหนูน้อยของเราไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถต้านทานได้หรอกนะ”
“ใช่ ความสามารถของนางทรงพลังมาก”
เมื่อเผชิญกับการเยาะเย้ยของคนเหล่านี้ นอกจากลู่เฉินจะไม่หวาดกลัวแล้ว เขากลับหัวเราะออกมา “พวกเจ้าดูให้ดีล่ะ!”
หลังจากเอ่ยจบ กระบี่สยบเก้าทิศของลู่เฉินก็บินออกไป และเมื่อมันสัมผัสได้ถึงลู่เฉิน กระบี่สยบเก้าทิศก็พลันตัดเถาวัลย์เหล่านี้ออกทีละต้นอย่างรวดเร็ว!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สตรีทั้งหลายก็เริ่มกระซิบกระซาบกันทันที
แต่หนูน้อยกลับไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก “เจ้ามันขี้โกง!”
“ขี้โกง?”
“ใช่ เจ้าพึ่งพาสมบัติล้ำค่า เช่นนั้นไม่นับ!” เด็กสาวตัวน้อยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ในขณะที่ลู่เฉินฉีกยิ้มมองนาง “โอ้? ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หรือ?”
“ใช่ ข้าไม่ยอมรับ!” หลังจากที่เด็กสาวเอ่ยจบก็เตรียมจะสำแดงเถาวัลย์ออกมาอีกครั้ง แต่ลู่เฉินกลับยิ้มอย่างชั่วร้าย “หนูน้อย เจ้ายังอ่อนหัดนัก!”
สิ้นเสียงนั้น ลู่เฉินก็เคลื่อนไหวลงมือทันที เถาวัลย์สีดำจากใต้เท้าของเด็กสาวตัวน้อยปรากฏขึ้นทันทีและเข้าโอบล้อมรอบร่างของนางไว้!
เด็กสาวพยายามดิ้นรน “นี่มันอะไร!”
“เจ้าใช้มันได้ แล้วข้าเล่า?” ลู่เฉินมองนางยิ้ม ๆ ในขณะที่อีกฝ่ายถึงกับตกใจ “เจ้ารู้จักเคล็ดวิชาเถาวัลย์ธรณี?”
“ใช่ หากเจ้าใช้มัน ข้าก็ใช้มันได้” ลู่เฉินมองนางยิ้ม ๆ
เด็กสาวตัวน้อยเริ่มกังวล “เป็นไปไม่ได้ เคล็ดวิชาเถาวัลย์ของข้าเป็นสิ่งที่ท่านปู่ถ่ายทอดมาให้โดยตรง เจ้าเป็นคนนอกจะใช้เป็นได้อย่างไร?”
“เคล็ดวิชาเถาวัลย์ธรณีเป็นวิชาธาตุไม้ชนิดหนึ่ง หากฝึกถึงระดับสูงสุดจะสามารถสร้างเถาวัลย์ได้เก้าเส้น”
“เจ้า!” เด็กสาวตัวเล็กตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าลู่เฉินจะรู้จักเคล็ดวิชานี้ได้ดีขนาดนี้!
ลู่เฉินคล้ายยังไม่พอใจ เขายังยั่วยุนางต่อ “ดูสิ เถาวัลย์ของข้ากับเถาวัลย์ของเจ้ามีอานุภาพต่างกันแค่ไหน?”
เด็กสาวตัวน้อยดิ้นรนไปมา ทว่าก็ไม่อาจหลุดพ้นออกมาได้ “เจ้าเพิ่งอยู่ในขั้นกลั่นลมปราณเท่านั้น เหตุใดเถาวัลย์ของเจ้าจึงแข็งแกร่งกว่าของข้า?!”
ลู่เฉินมีรากวิญญาณสวรรค์ผกผัน ดังนั้นเคล็ดวิชาของเขาจะด้อยกว่าได้อย่างไร?
ทว่าลู่เฉินไม่มีทางเอ่ยออกไปให้ทราบ เขาเพียงมองนางยิ้ม ๆ “เพราะเจ้าอ่อนแอ!”
“อ่อนแอ?” เด็กสาวตัวน้อยเริ่มไม่สมอารมณ์ นางพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง หมายจะฉีกเถาวัลย์เหล่านั้นให้แหลกละเอียดแต่กลับทำสิ่งใดไม่ได้ เหล่าสตรีที่อยู่ด้านหลังจึงร้อนใจขึ้นมา
หนูน้อยพลันกรีดร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด
เสียงร้องอันดังนี้ทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปในฉับพลัน!
ครู่ต่อมา รอบด้านพลันมีไฟสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และภายใต้แสงสีเขียวนี้ก็มีต้นไม้ใหญ่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกด้วย!
ไม่เพียงแค่นั้น รอบด้านยังมีภาพลวงบางอย่างที่ทำให้สภาพแวดล้อมรอบด้านกลายเป็นป่าลึก
ในขณะเดียวกัน ต้นไม้เหล่านั้นก็พากันขยับเคลื่อนไหวไปมาด้วยท่าทีข่มขู่!
สตรีเหล่านั้นเริ่มขู่ลู่เฉิน “คุณชายน้อย เจ้าเห็นมันไหม?”
“บอกให้เจ้ารีบไป แต่เจ้ากลับไม่ไป ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ?”
“เจ้าน่ะ รอความตายเสียเถอะ!”
ลู่เฉินหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัวจนสตรีเหล่านั้นถึงกับสงสัย ส่วนเด็กสาวตัวน้อยก็ยิ่งร้อนใจกว่าใครเพื่อน นางตวาดลั่น “ปล่อยข้า!”
“หนูน้อย ไม่ต้องห่วง ข้าจะปล่อยเจ้าไปหลังจากที่คุยกับตาแก่นั่นแล้ว!” หลังจากที่ลู่เฉินกล่าวจบ เขาก็ปล่อยให้เจี่ยลัวอยู่ที่นี่ ส่วนตนเองก็พุ่งหายเข้าไปในป่าทันที
ทุกคนพลันมองหน้ากันไปมา จะเห็นก็เพียงความกลัดกลุ้มและจนใจฉาบอยู่บนใบหน้าของพวกเขาเท่านั้น
…
ครั้นลู่เฉินเดินผ่านป่าเข้ามา ในที่สุดเขาก็มายืนอยู่นอกม่านลำแสงโปร่งใสและคลี่ยิ้ม “ข้าพบเจ้าแล้ว!”
จากนั้นก็เดินผ่านม่านลำแสงโปร่งใสเข้ามาข้างใน ก่อนจะพบต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ต้นหนึ่ง!
ต้นไม้เก่าแก่นี้ตั้งมั่นอยู่ที่นั่นราวกับเนินเขาขนาดย่อม
ลู่เฉินเหลือบมองมันแวบหนึ่งแล้วฉีกยิ้ม “ลำต้นของเจ้าใหญ่เกินไปหน่อยกระมัง!”
สิ้นคำนั้น ต้นไม้แก่ก็คล้ายกับมีชีวิตชีวาขึ้นมา อีกทั้งลำต้นของมันพลันสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม “เจ้าเป็นใคร!”
มันแผ่กลิ่นอายอันทรงพลังออกมา
เมื่อชายหนุ่มพบว่ากลิ่นอายที่ต้นไม้นี้ปลดปล่อยออกมาดูอ่อนแอผิดปกติ เขาก็รู้สึกสงสัย “ตาแก่ แก่นไม้ของเจ้าอยู่ไหน?”
แก่นไม้คือต้นไม้วิญญาณ มันคือรากฐานของต้นไม้วิญญาณ หากแก่นไม้หายไป ต้นไม้ชนิดนี้จะไม่เติบโต และจะค่อย ๆ แก่ชราลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบชีวิตลง
“เจ้าเป็นใคร เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแก่นไม้ของข้าหายไป?!” อีกฝ่ายดูตื่นตระหนก ส่วนลู่เฉินก็คลี่ยิ้มออกมาพลางเอ่ยว่า “ตอนนั้นข้าปลูกเจ้าที่นี่ ทำไม? หลายปีมานี้ลืมไปแล้วหรือ?”
คำพูดเหล่านั้นทำให้อีกฝ่ายถึงกับตกใจ “เจ้าคือ ลู่… เซียนลู่หรือ?”
เซียนลู่เป็นชื่อที่ต้นไม้วิญญาณเรียกเขา ดังนั้นลู่เฉินจึงไม่แปลกใจ “ใช่ ข้าเอง ต้นกล้าน้อย!”
ต้นกล้าน้อย! คือสิ่งที่ลู่เฉินเคยเรียกอีกฝ่ายในอดีต
ความลับนี้มีเพียงมีเพียงต้นไม้วิญญาณที่แก่ชราและลู่เฉินเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นเมื่อต้นไม้วิญญาณแก่ชราได้ยินสิ่งนี้จึงมั่นใจมากขึ้นว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าคือลู่เฉินตัวจริง!
อีกฝ่ายตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้า… เจ้าคือ… เซียนลู่จริง ๆ!”
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดแก่นไม้จึงหายไป?” ลู่เฉินถามด้วยความกังวล