ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 255 ราชาแมลงมารของศิษย์มารสามสิบหก
บทที่ 255 ราชาแมลงมารของศิษย์มารสามสิบหก
ร่างของซูหนานเริ่มใหญ่ขึ้นก่อนจะกลายเป็นแมลงสีเลือดขนาดใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีม่านหมอกสีโลหิตล้อมรอบอยู่ด้วย
ทุกคนถอยหนีด้วยความตกใจ ขณะที่เหล่าทหารรักษาการณ์พลันตื่นตัวมากขึ้น
หนานหลิวตื่นตระหนกและถามขึ้นทันทีว่า “นี่มันเกิดอันใดขึ้น!?”
หนานเหยาจ้องมองมันพลางกล่าวว่า “แมลงตัวนี้น่าเกลียดมาก!”
น่าเกลียด? ทหารรักษาการณ์เหล่านั้นสงสัยว่าเหตุใดหนานเหยาคนนี้ถึงยังมีอารมณ์ที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของมัน แต่ในยามนี้เอง แมลงตัวนั้นพลันเปล่งเสียงของซูหนานว่า “ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”
ครู่ต่อมา หนวดสีแดงเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนบนตัวแมลงก็เข้าไปพันรัดลู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงนั้น
หนานหลิวตกตะลึง “แย่แล้ว ผู้อาวุโสถูกจับแล้ว!”
หนานลัวเองก็ตกใจมากเช่นกัน ร่างทั้งร่างปรี่เข้าไปโจมตีแมลงเปิดฉากต่อสู้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ซูหนานหัวเราะเสียงดัง “ข้าเป็นแมลงเปลือกแข็ง การโจมตีของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผล!”
หนานหลิวและคนอื่น ๆ ขนลุกกลัว ทว่าหนานเหยากลับหัวเราะและพูดว่า “ดูเสียก่อนว่าท่านอาจารย์ของข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!”
ทุกคนไม่รู้จริงๆ ว่าหนานเหยาคนนี้ขวัญกล้าใจใหญ่หรือลู่เฉินมีความสามารถเช่นนั้นจริง ๆ ในขณะที่เลี่ยอิงมองดูลู่เฉินที่ไม่ขยับเขยื้อนอย่างอยากรู้อยากเห็น
สำหรับชายหนุ่ม เขาแค่ยิ้มให้ซูหนานที่สูงเท่าคนห้าหรือหกคนแล้วพูดว่า “แมลงโลหิตเปลือกแข็ง?”
“ใช่แล้ว! แมลงโลหิตเปลือกแข็งมีพลังป้องกันขั้นสุดยอด!”
“เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้หรือ?” ลู่เฉินมองซูหนานด้วยรอยยิ้ม ส่วนซูหนานก็พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอน!”
เขาแสยะยิ้มชั่วร้ายทันที “ข้าแนะนำให้เจ้าปล่อยข้าโดยเร็ว มิฉะนั้นข้าจะขับไล่แมลงเหล่านั้นออกจากร่างกายเจ้า ถึงครานั้นจะเป็นเจ้าเองที่ต้องทนทุกข์ทรมาน!”
“ไม่มีทาง!” ซูหนานไม่เชื่อ
ไม่ใช่แค่ซูหนานเท่านั้น แต่ทหารรักษาการณ์ก็รู้สึกว่าลู่เฉินเพิ่งอยู่ในขั้นสร้างรากฐาน ย่อมไม่อาจต่อกรกับแมลงตัวนี้ได้
ทว่าฉากที่ไม่คาดฝันพลันปรากฏขึ้น
เห็นเพียงชายหนุ่มแผ่กลิ่นอายของราชันย์แมลงออกมา ทำให้แมลงเหล่านั้นทยอยกันหนีออกจากร่างของซูหนาน ทำให้ร่างของซูหนานหดเล็กลงกลับมาเป็นมนุษย์ แต่เนื่องจากร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงอ่อนแอลงมาก
“นี่… มันเกิดอันใดขึ้น!?” ซูหนานตกใจกลัว
ลู่เฉินมองเขาด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ “หากไม่มีแมลงเหล่านี้ เจ้าจะมีความสามารถมากแค่ไหน?”
ซูหนานตกใจจนหน้าถอดสีและคิดจะหนี แต่พอหันกลับมาก็ถูกเลี่ยอิงแทงกระบี่เข้ามาแล้ว สีหน้าของเขาดูไม่ได้ทันที แต่ด้วยความไม่อยากยอมแพ้จึงระเบิดร่างดัง ‘ตูม!’
มวลพลังอันทรงอานุภาพกระแทกทุกคนจนกระเด็นออกไป แต่หลังจากที่ทุกคนกรีดร้องได้สติ ลู่เฉินกลับถือกู่ฉินเพลิงโบราณยืนอยู่ในซากปรักหักพัง
ทุกคนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่ม และเขาถือกู่ฉินเพลิงโบราณไว้เพื่ออันใด?
หนานเหยาก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอาจารย์ ท่านจับวิญญาณของเขาแล้วหรือ?”
“อืม!” ลู่เฉินส่งเสียงตอบรับ ขณะที่หนานเหยารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะมองไปที่หนานหลิวและคนอื่น ๆ ที่กำลังตกตะลึง “เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว!”
หนานหลิวรู้สึกสงสัย “คนผู้นั้นล่ะ?”
“เขาระเบิดร่างของตนเอง และผลก็คือวิญญาณของเขาถูกท่านอาจารย์จับเอาไว้ได้!” หนานเหยาชี้ไปที่กู่ฉินเพลิงโบราณ ทุกคนอ้าปากค้างทันทีเมื่อได้ยินว่าซูหนานถูกจับไปแล้ว
เลี่ยอิงประจบอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโสช่างร้ายกาจจริง ๆ”
ทุกคนล้วนรู้นิสัยของเลี่ยอิง เมื่อเห็นเขายกยอผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐาน สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจยิ่ง ทว่าลู่เฉินกลับมองไปที่หนานหลิว “ชายคนนั้นพูดว่าอีกหนึ่งเดือน ถ้าคนของที่นี่ไม่ออกไป คนจากสำนักแมลงมารจะมาเยือนเอง”
เรื่องนี้หนานหลิวรู้เมื่อครู่ ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างกังวลว่า “ผู้อาวุโส ท่านมีมาตรการรับมือหรือไม่?”
“ข้าจะใช้ค่ายกลของภูเขาโดยรอบปรับปรุงเมืองพำนักเซียนเพื่อไม่ให้แมลงเข้ามาที่นี่ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็จะจัดการกับคนพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของพวกเขาพลันเบิกกว้าง ทหารรักษาการณ์บางคนถึงกับกระซิบว่า “เขาบ้าไปแล้วหรือ? ใช้ค่ายกลเหล่านั้นน่ะนะ?”
“ข้าว่าเขาบ้าไปแล้วจริง ๆ!”
แต่เลี่ยอิงพลันถลึงตาใส่ทหารรักษาการณ์เหล่านั้น “เงียบปาก!”
ทหารรักษาการณ์หยุดพูดทันที ในขณะที่หนานหลิวรู้สึกขอบคุณลู่เฉิน “รบกวนแล้ว!”
ชายหนุ่มให้องค์ชายหกเตรียมวัตถุดิบอย่างรวดเร็ว หลังจากเสร็จเรื่องยุ่ง ๆ ในเมืองพำนักเซียนแล้ว เขาก็ออกจากที่นี่พร้อมกับหนานลัวและคนอื่น ๆ ในวันรุ่งขึ้น
แต่หลังจากที่หนานหลิวส่งพวกเขาไปแล้ว เจ้าตัวก็ตะโกนบอกพวกเขาว่า “เจอกันพรุ่งนี้!”
หนานเหยารู้ว่าองค์ชายหกจะไปที่พระราชวังในวันพรุ่งนี้เช่นกัน นางจึงตอบกลับไปว่า “ได้ ลาก่อน”
ลู่เฉินและคนอื่น ๆ พลันออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ในขณะที่หนานหลิวมองดูค่ายกลต่าง ๆ รอบเมืองพำนักเซียนอย่างตื่นเต้นพลางเอ่ยว่า “น่าทึ่งมาก!”
ทหารรักษาการณ์เหล่านั้นตะลึงงันไปทีละคน
บางคนถึงกับพูดว่า “องค์ชายหก ชายผู้นี้คือใครหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เลี่ยอิงอยากทราบคำตอบเช่นกัน แต่หนานหลิวกลับยิ้มอย่างมีเลศนัย “พวกเจ้าถามข้า ข้าจะถามใครดี?”
เลี่ยอิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองลู่เฉินที่จากไปไกลแล้ว “เขา… ไม่ธรรมดาเลย”
“ข้าบอกแล้ว แต่พวกเจ้าก็ไม่เชื่อ” องค์ชายหกแย้มยิ้ม ขณะนั้นเลี่ยอิงก็หันกลับมาขอบคุณองค์ชายหก “ขอบพระคุณองค์ชายหกที่หยุดข้าไว้ ไม่ปล่อยให้ข้าก่อหายนะใหญ่”
“อันใดนะ? ไม่ประลองกับเขาแล้วหรือ?” องค์ชายหกถามด้วยความขบขัน
เลี่ยอิงยิ้มอย่างขมขื่น “ประลอง? ข้าเดาว่าข้าไม่สามารถแม้แต่จะฝ่าการป้องกันของเขาได้!”
“โอ้? ผู้อาวุโสมีการป้องกันที่แข็งแกร่งสินะ?” องค์ชายหกพึมพำอย่างสงสัย เลี่ยอิงจึงอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในภูเขาบ้าง
เมื่อทุกคนได้ยินว่าลู่เฉินสามารถต้านทานการโจมตีต่าง ๆ จากซูหนานได้ก็พลันตกใจ ส่วนองค์ชายหกถึงกับอุทานว่า “ช่างเป็นคนที่อัศจรรย์อันใดเยี่ยงนี้!”
…
บนรถม้าในยามนี้ หนานเหยาถามอย่างสงสัยว่า “ท่านอาจารย์ เหตุใดคนของสำนักแมลงมารถึงมุ่งความสนใจไปที่เมืองพำนักเซียน”
“ข้าเดาว่าที่นี่มีสมุนไพรวิญญาณมากมาย ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับเลี้ยงดูแมลงเหล่านั้น” ลู่เฉินคาดเดา
หนานเหยารู้สึกคันยิบ ๆ ทันที “แมลงเหล่านี้ ดูน่าขยะแขยงจริง ๆ”
ชายหนุ่มเพียงยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าซูหนานที่อยู่ในกู่ฉินเพลิงโบราณผู้นี้พลันตะโกนต่าง ๆ นานาว่า “ปล่อยข้าไปนะ!”
ทว่าลู่เฉินไม่สนใจ
หลังจากกลับมาที่นครทักษิณาแล้ว เขาก็ขอให้หนานลัวเตรียมห้องลับให้ตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องลับ
หนานหลัวนั้นรู้สึกสงสัย “ท่านอาจารย์เจ้า ต้องการห้องลับไปเพื่ออันใด?”
“อาจจะฝึกฝนกระมัง?” หนานเหยาเองก็สงสัยเช่นกัน แต่ลู่เฉินพลันเปิดกู่ฉินเพลิงโบราณ จากนั้นก็ปล่อยให้จิตวิญญาณของซูหนานลอยออกมา
เห็นเพียงซูหนานจ้องมองลู่เฉินด้วยความหวาดกลัว “เจ้าต้องการอันใด?”
“แมลงพิษหมอกโลหิตมาจากไหน?” ชายหนุ่มจ้องซูหนาน เพราะไข่ชนิดนี้ได้รับการเลี้ยงดูโดยคนคนหนึ่งเมื่อแสนปีก่อน และบุคคลนี้มีนามว่า ‘กู่หลิงเทียน’ หรืออีกนามที่เรียกว่า ‘ราชาแมลงมาร’
ในเวลาเดียวกันก็เป็นหนึ่งในศิษย์มารสามสิบหกของมหาทวีปจิ่วโหยว
“ข้า ข้าไม่รู้!” ซูหนานพูดอย่างประหม่า แต่ลู่เฉินกลับรู้สึกฉงนใจ “เจ้าไม่รู้จริงหรือ?”
“ใช่ มันคือไข่ที่เจ้าสำนักของพวกเรามอบให้ข้า” ซูหนานกล่าว ส่วนลู่เฉินก็ครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะถามว่า “แล้วเจ้าสำนักของพวกเจ้าเคยเอ่ยถึงราชาแมลงมารหรือไม่?”
“เมื่อหนึ่งแสนปีก่อน หนึ่งในศิษย์มารสามสิบหกคนที่จอมมารผู้ยิ่งใหญ่เลี้ยงดูเป็นการส่วนตัว?”
“ใช่!” ลู่เฉินตอบรับ ส่วนซูหนานก็ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มเคร่งขรึม ขณะที่ซูหนานพูดด้วยความตื่นตระหนก “ยามนี้ปล่อยข้าไปได้หรือยัง?”
“ปล่อยเจ้า? เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ?” ลู่เฉินมองซูหนานด้วยรอยยิ้ม แต่ซูหนานกลับกระวนกระวายไม่หยุด “แล้วเจ้าต้องการอันใด?”
“ไม่ต้องห่วง เจ้ายังมีประโยชน์!” ลู่เฉินผุดลุกขึ้น เก็บกู่ฉินเพลิงโบราณแล้วเดินออกจากห้องลับ จากนั้นก็มองไปที่หนานลัวและหนานเหยาซึ่งรออยู่ข้างนอก “พวกเจ้ารู้จักศิษย์มารสามสิบหกหรือไม่?”