ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 253 ความสามารถที่น่ากลัวทำให้เลี่ยอิงประหลาดใจ!
บทที่ 253 ความสามารถที่น่ากลัวทำให้เลี่ยอิงประหลาดใจ!
เลี่ยอิงดูขัดเขิน แต่ไม่รู้จะเอ่ยอันใด เขาจึงได้แต่กลัดกลุ้มอยู่ตรงนั้น “เอ่อ… ช่วยข้าด้วย”
“เจ้าขอร้องข้าหรือ?” ลู่เฉินมองไปที่เลี่ยอิงด้วยรอยยิ้ม ทำให้ใบหน้าของเลี่ยอิงพลันแดงก่ำ แต่เมื่อคิดว่าคนร้ายจะหนีไปก็ร้อนใจ รีบพูดว่า “รีบมาช่วยข้า! มิฉะนั้นคนคนนั้นจะหนีไป”
“เจ้าบอกว่าตนเองทรงพลังมากไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มมองไปที่หัวหน้าองครักษ์ด้วยรอยยิ้ม ส่วนเลี่ยอิงยามนี้อับจนปัญญายิ่งนัก “ข้าผิดไปแล้ว… ไม่ได้หรือ?”
“ยอมรับผิด?”
“ข้า ข้าไม่ควรพูดว่าผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานอย่างเจ้าไม่เก่ง” เลี่ยอิงทำได้เพียงยอมเสียหน้า
ลู่เฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า จับไหล่ของอีกฝ่ายด้วยมือข้างหนึ่ง กลิ่นอายของราชันย์แมลงในร่างกายของเขาแผ่ออกมา และแมลงพิษเหล่านั้นก็หนีออกจากร่างเลี่ยอิง ทำให้เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าเลี่ยอิงกลับฉงนใจ “เจ้าทำได้อย่างไร?”
“แมลงพวกนั้นกลัวข้า” หลังจากที่ลู่เฉินเอ่ยจบ เขาก็ออกไปจากที่นี่ทันที
หลังจากที่เลี่ยอิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็มองไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีร่องรอยใดเหลืออยู่ ทำให้เขาทำได้เพียงวิ่งไปที่ทางเดินด้วยอาการหดหู่ แล้วมองไปยังลู่เฉินที่เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ พร้อมถาม “แล้วเขาอยู่ที่ใด?”
“เจ้ากำลังขอคำแนะนำ? หรือว่า?”
แม้ว่าเลี่ยอิงจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าลู่เฉินนั้นทรงพลัง แต่เขาก็ต้องก้มศีรษะของตนให้อีกฝ่าย “ข้าขอคำแนะนำจากเจ้า”
“โอ้ นี่เป็นท่าทีของการขอคำแนะนำจากผู้อื่นงั้นหรือ?” ลู่เฉินมองไปที่เลี่ยอิงด้วยรอยยิ้ม ส่วนเลี่ยอิงนั้นกัดฟันแน่น “ข้าขอร้องให้เจ้าบอกข้า!”
“หากอยากรู้ก็ตามข้ามา” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็ไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ อีก
เลี่ยอิงคิดสงสัย ‘เขารู้จริง ๆ หรือว่าชายคนนั้นไปที่ไหน?’
แต่ลู่เฉินกลับเงียบไปตลอดทาง ซึ่งทำให้เลี่ยอิงที่อยากคุยกับเขาหลายครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ดังนั้นเขาจึงได้แต่เดินตามไปอย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เฉินก็เดินออกมาจากเมือง
เลี่ยอิงงุนงง “จะออกไปนอกเมืองหรือ?”
“อืม เขาออกจากเมืองไปแล้ว!” ชายหนุ่มตอบ แต่หัวหน้าองครักษ์กลับพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “บอกคนอื่นก่อนดีหรือไม่?”
ลู่เฉินส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่จำเป็น!”
เลี่ยอิงสงสัย “แต่เขาไปจากที่นี่แล้ว พวกเราจะหาเขาเจอได้อย่างไร?”
“อันใดนะ? ไม่เชื่อข้าหรือ?” เขาแย้มยิ้มให้เลี่ยอิง แต่เลี่ยอิงไม่กล้าที่จะสงสัยลู่เฉิน ดังนั้นจึงได้แต่ส่ายหัว “ไม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่…”
“ถ้าเจ้าอยากหาเขาพบ ก็แค่ตามไป อย่าได้พูดไร้สาระอีก” หลังจากที่ลู่เฉินพูดจบ เขาก็เดินไปที่ภูเขาใกล้ ๆ มุ่งตรงไปยังภูเขาที่มีค่ายกลจำนวนไม่น้อยเปล่งแสงสว่างวาบอยู่
ด้วยเหตุนี้อิงเลี่ยที่เดินมาถึงตีนเขาจึงตกตะลึง “ขึ้นไปที่นี่ไม่ได้”
“เพราะเหตุใด?”
“ภูเขานี้เป็นหนึ่งในเก้าภูเขาที่อันตรายของเรา ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าขึ้นไป” เลี่ยอิงอธิบาย ทว่าลู่เฉินเพียงมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ไว้ใจข้าเถิด ตามข้ามา”
หลังจากพูดจบเขาก็เดินขึ้นไปบนภูเขา แต่เลี่ยอิงกลับร้อนใจเพราะเขาสัญญากับองค์ชายหกว่าจะรับผิดชอบความปลอดภัยของลู่เฉิน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังจะขึ้นไปบนภูเขาที่อันตรายเสียอย่างนั้น!
สิ่งนี้ทำให้เลี่ยอิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่ลู่เฉินได้ก้าวไปห้าหรือหกก้าวแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรีบไป
หลังจากที่ขึ้นไปบนภูเขาแล้ว เลี่ยอิงก็มองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เผลอเหยียบหรือหลงเข้าไปในค่ายกลอันตรายใด ๆ
ผู้ใดจะรู้ว่าฝีเท้าของลู่เฉินก็ยิ่งรวดเร็วขึ้น ทำให้เลี่ยอิงตื่นตะลึง “เอ่อ ช้าๆ หน่อย”
“คนคนนั้นอยู่บนยอดเขา”
หลังจากลู่เฉินพูดจบ เขาก็ก้าวเร็วกว่าเดิม ส่วนเลี่ยอิงก็เริ่มร้อนใจขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่ลู่เฉินเดินไปจนสุดทางและไม่เป็นอันใดนั้น เลี่ยอิงพลันรู้สึกแปลก ๆ และบ่นในใจว่า ‘ไม่เป็นไรได้อย่างไร?’
ขณะที่เลี่ยอิงรู้สึกไม่เข้าใจ ลู่เฉินกลับพูดขึ้นว่า “จากนี้ทางที่เดินได้จะเล็กลงเรื่อย ๆ ดังนั้นเจ้าต้องติดตามข้าทุกย่างก้าว มิฉะนั้นเจ้าจะหลงเข้าไปในค่ายกล แล้วอย่ามาโทษว่าข้าไม่เตือนเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เลี่ยอิงก็ถามแปลก ๆ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าค่ายกลอยู่ตำแหน่งใด?”
“มันอยู่รอบ ๆ!”
“อันใดนะ!?” เลี่ยอิงตกใจเพราะเขามองไปรอบ ๆ ทว่าก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ แต่เพื่อให้แน่ใจ เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาก่อนจะขว้างไปรอบ ๆ ชั่วพริบตานั้นเงากระบี่สีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ส่งการโจมตีบางส่วนไปที่ก้อนหิน
ครู่ต่อมา ก้อนหินเหล่านั้นก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ
ฉากนี้ทำให้หัวหน้าองครักษ์อ้าปากค้าง “นี่มัน…”
ลู่เฉินไม่สนใจ แต่เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
เลี่ยอิงมองเงาแผ่นหลังของอีกฝ่าย พลางพึมพำกับตัวเองว่า “คิดไม่ถึงว่าเขาจะค้นพบค่ายกลรอบตัวด้วย?”
สิ่งนี้ทำให้เลี่ยอิงตกตะลึงอย่างมาก จนกระทั่งลู่เฉินเดินมาถึงยอดเขา เมื่อมองเห็นคนที่นั่งขัดสมาธิพักผ่อนอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างทันที “ทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลวเลย”
ชายสวมงอบรู้สึกประหลาดใจ “พวกเจ้าพบที่นี่ได้อย่างไร?”
ลู่เฉินไม่ได้อธิบาย แต่เลี่ยอิงกลับรู้สึกโกรธยิ่งนัก “ในที่สุดก็พบเจ้าแล้ว!”
ชายหนุ่มพูดขัดอีกคนที่กำลังจะพุ่งเข้าไปทันทีว่า “เจ้ายังอยากลองพลังของแมลงพิษอีกหรือ?”
ครั้นได้ยินเช่นนั้น เลี่ยอิงก็กลัวเกินกว่าจะก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่ชายภายใต้งอบยิ้มแปลก ๆ “อันใดนะ? ไม่กล้าหรือ?”
เลี่ยอิงโกรธจนรวบรวมปราณกระบี่ของเขาและวางแผนที่จะโจมตีจากระยะไกล ส่วนชายสวมงอบก็หยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมา เพียงหลังจากเปิดออก กลุ่มแมลงสีดำก็บินออกมาอย่างรวดเร็ว
อิงเลี่ยตกใจมาก เขารีบโจมตีแมลงเหล่านี้อย่างดุเดือด แต่แมลงเหล่านี้กลับมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้เลี่ยอิงตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
ทว่าผู้ใดจะล่วงรู้ว่าเมื่อลู่เฉินก้าวไปข้างหน้า เลี่ยอิงก็เอ่ยอย่างตระหนกทันที “อย่าเข้าใกล้! แมลงพวกนั้นอันตราย!”
คนที่อยู่ภายใต้ ‘งอบ’ ยิ่งหัวเราะเยาะเย้ย “ไม่ประเมินความสามารถตัวเอง!”
จากนั้นแมลงทั้งหมดก็บินเข้าไปโจมตีลู่เฉิน ฉับพลันนั้นก็บังเกิดฉากอันน่าอัศจรรย์ใจ มันเป็นภาพที่แมลงพิษล้อมรอบลู่เฉินแต่กลับไม่โจมตีชายหนุ่ม สิ่งนี้ทำให้อิงเลี่ยตกใจมากกว่าเดิม “นี่… มันเกิดอันใดขึ้น!?”
คนที่อยู่ใต้งอบยิ่งประหลาดใจกว่า “เป็นไปไม่ได้!”
ลู่เฉินแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “จะต่อหรือไม่?”
ผู้ที่อยู่ใต้งอบไม่เชื่อ เขาเปิดกระบอกไม้ไผ่อีกอัน จากนั้นแมลงตัวอื่น ๆ ก็บินออกจากกระบอกไม้ไผ่ ชายสวมงอบตะคอกเสียงดังว่า “คราวนี้ข้าจะให้เจ้าลิ้มลองสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า!”
แต่ผลที่ตามมาคือแมลงเหล่านี้มาถึงตัวลู่เฉินแล้วก็แค่บินล้อมรอบชายหนุ่มเท่านั้น ส่วนคนที่ถูกแมลงพิษล้อมรอบก็เดินไปเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างทะนงองอาจ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีอีกหรือไม่?”
ชายสวมงอบตกใจ ขณะที่อิงเลี่ยกลับคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ร้ายกาจยิ่ง..”
ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ชายสวมงอบก็เก็บแมลงกลับไป ก่อนจะขว้างมีดบินในมือออกมาแทน มีดบินเปล่งแสงสีทอง และความเร็วในการโจมตียังรวดเร็วมาก เพียงชั่วครู่ก็มาถึงตรงหน้าลู่เฉินแล้ว
เลี่ยอิงตกใจทันที “ระวัง!”
ชายสวมงอบมีพละกำลังขั้นสูงสุดในขั้นก่อกำเนิด ดังนั้นเลี่ยอิงจึงรู้สึกว่าการโจมตีของคู่ต่อสู้จะสังหารลู่เฉินทันที แต่เมื่อเขาจะลงมือช่วย มันก็สายเกินไปแล้ว!
ด้วยเหตุนี้สีหน้าของเลี่ยอิงจึงซีดลงทันที
ส่วนชายสวมงอบก็หัวเราะเสียงดัง “ไปตายเสีย!”
ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อ ‘กำแพงพันชั้น’ ของลู่เฉินเปิดออก มีดบินก็พุ่งไปชน ‘กำแพง’ เหล่านั้นทันที จากนั้นจึงกระเด็นออกไป
“อันใดกัน!?” ชายสวมงอบดวงตาเบิกกว้าง แต่เลี่ยอิงคิดว่าเขาตาพร่ามัวจึงลองขยี้ตาดูและพูดด้วยความงุนงง “นี่คือการป้องกันอันใด?”
ลู่เฉินเอ่ยยุชายสวมงอบอีกครา “เอาเลย เจ้ามีวิธีใดอีกก็เข้ามา!”
ทว่านี่ยิ่งทำให้ชายสวมงอบอับอายจนกลายเป็นโกรธแค้น “รนหาที่ตาย!”