ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 839 สถานที่ที่เหมาะสมที่สุด
หงจุนคาดเดาได้ว่า ไป๋ยี่เฟยคิดอยากจะอาศัยเวลานี้ปราบเขตที่สาม ดังนั้นเกรงว่าอยู่ในบริเวณโรงเลื่อยไม้นี้ คนของเมืองเจาหยางดักซุ่มไว้เรียบร้อยแล้ว
“ผมจะไม่ให้คุณทำสำเร็จ!” หงจุนจ้องมองไป๋ยี่เฟยหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง จากนั้นเงียบสงบเดินออกจากฝูงชน
……
เพราะว่าคนทั้งหลายล้วนไปข้างในโรงเลื่อยไม้แล้ว ดูการต่อสู้กันตัวต่อตัวของไป๋ยี่เฟยกับเต้าจ่าง ดังนั้นนอกโรงเลื่อยไม้ นอกจากไม้ที่กองไว้เท่านั้น ไม่มีใครเลย
หงจุนยอตัวอยู่ ในมือจับมีดไว้ด้ามหนึ่ง อาศัยไม้ที่กองไว้แอบซ่อนอยู่ ค่อยๆเลื่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เพราะว่าอยู่ในทิศทางนั้น พอดีเป็นสถานที่ที่ดักซุ่มเหมาะสมที่สุด
หงจุนเป็นยอดฝีมือระดับที่สองชั้นกลาง ภายใต้ที่เขาตั้งใจแอบซ่อนอยู่ คนทั่วไปจะพบเห็นการคงอยู่ของเขาไม่ได้
ดั่งที่หงจุนคาดเดาไว้ หลังจากเขาเข้าไปแล้ว อยู่ซอกของไม้ที่กองไว้มองเห็นผ้าสีดำที่เข้ากันไม่ได้
หลังจากหงจุนมองเห็นปรากฏยิ้มแสยะหนึ่งที “ไป๋ยี่เฟย คุณฆ่าล้าง ตระกูลหง ฆ่าภรรยาของผม วันนี้ผมก็จะฆ่าคนทั้งหลายของคุณเช่นกัน ล้างแค้นให้กับพวกเขา!”
จากนั้นหงจุนก็ดุเดือดกระโดดโลดเต้นข้ามไม้กองนั้นไป
จากนั้น ตอนที่ข้ามไม้พุ่งเข้าไปแล้ว หลังจากมองคนเหล่านั้นชัดแล้วกลับตลึงตาค้างเลย
เขาคิดว่าคนที่ดักซุ่มจะเป็นคนเสื้อดำเหล่านั้นของไป๋ยี่เฟย แต่ว่าไม่ใช่เลย
คนเหล่านี้ล้วนเคยพึ่งพาอาศัยตระกูลหง จากนั้นพึ่งพาอาศัยพวกผู้มีชื่อเสียงอิทธิพลของท่านฉวี่ และลูกน้องของพวกเขาอีก แต่ตอนนี้พวกเขาหลบอยู่ข้างหลังกองไม้ ไม่ใช่ดักซุ่มเลย แต่คือเล่นไพ่โต้วตี้จู่อยู่
พวกเขาแบ่งเป็นหลายทีม สามคนหนึ่งทีม ทั้งหมดล้วนถือไพ่โต้วตี้จู่
เพราะว่าฉากนี้ทำให้เขานิ่งอึ้งโดยตรงไปเลย ดังนั้นไม่ทันที่จะยั้งมือ หนึ่งมีดฟันตายไปหนึ่งคน
คนทั้งหลายล้วนหยุดชะงักหนึ่งวินาที จากนั้นหยิบอาวุธที่อยู่ข้างกายตนเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าการเคลื่อนไหวของหงจุนเร็วกว่าพวกเขาเยอะเลย พวกเขาเพิ่งหยิบอาวุธของตนเองขึ้นมามีดของหงจุนก็วางอยู่บนคอของผู้มีชื่อเสียงอิทธิพลในนั้นคนหนึ่งโดยตรงแล้ว
คนคนนั้นตกใจจนแข็งทื่อไปทั้งตัว ตาจ้องมองมีดที่อยู่ข้างคอ เสียงสั่นระริกขอร้องพูดว่า “คุณ……คุณชายใหญ่ โปรดไว้ชีวิตล่ะ โปรดไว้ชีวิตล่ะ!”
ในเวลานี้หงจุนโกรธแค้นมาก จ้องมองคนเหล่านี้ แทบอยากจะหนึ่งมีดฟันพวกเขาเลยใจจะขาด
เขาหาที่แก้แค้นกับไป๋ยี่เฟยกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ งั้นเขาก็คิดอยากจะมาฆ่าคนของเขาระบายความแค้น ใครจะรู้ว่าคนที่ดักซุ่มเหล่านี้ไม่ใช่คนของไป๋ยี่เฟยเลยสักนิด
หงจุนถามเสียงเย็นชาว่า “พวกคุณอยู่นี่ได้ยังไงหรือ?”
คนคนนั้นรีบตอบกลับว่า “คุณชายใหญ่ นี่……นี่เป็น……คนต่างถิ่นเหล่านั้นบีบบังคับพวกเราล่ะ ยังไงพวกเขาก็จะให้พวกเราซ่อนอยู่ที่นี่พวกเราก็ไม่มีทางอื่นล่ะ ……”
“อีกทั้ง ถ้าหากว่าพวกเราไม่ทำตามล่ะก็ พวกเขาก็จะ…….ฆ่าพวกเราเลย…….”
หงจุนล้วนนิ่งอึ้งไปเลยทั้งตัว
ในเวลาเดียวกัน เขาก็เข้าใจในทันที พวกเขาจะลอบฆ่าคนเขตที่สามอยู่ที่นี่ เพียงแค่อำพรางอย่างหนึ่งเท่านั้น!
นึกถึงก่อนหน้านั้นตอนที่ไป๋ยี่เฟยล้อมโจมตีตระกูลหงไม่ต่างกันกับอันนี้เท่าไหร่เลย ชั่วพริบตาเดียวหงจุนก็โมโหแล้ว ความโกรธมากกว่าแต่ก่อนอีก
“แม่มึงเอ่ย เป็นอย่างนี้อีกแล้ว!” หงจุนจับมีดที่อยู่ในมืออย่างแน่น แทบอยากจะให้คนที่อยู่ใต้มีดเป็นไป๋ยี่เฟยเลยใจจะขาด เพราะว่าเขาหลงกลไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ถึงขนาดหลงกลอีกครั้ง!
“แม่มึงเอ่ย ก็เปลี่ยนเป็นวิธีอื่นไม่ได้หรือ?” หงจุนอดไม่ได้ที่จะโมโหร้องตะโกนเสียงต่ำ
เพิ่งพูดคำนี้จบ อยู่ดีๆข้างๆส่งเสียงเสียงหนึ่งมา “มีคำหนึ่งกล่าวว่า แผนการไม่ต้องเยอะ มีประสิทธิผลก็พอ”
หงจุนหันหน้าไปมองทันที พบเห็นเป็นคนที่อยู่ข้างกายไป๋ยี่เฟยที่ชื่อว่าเฉินห้าวคนนั้น เฉินห้าวกำลังนั่งพิงอยู่บนท่อนไม้ท่อนหนึ่ง สายตาสบายอกสบายใจ ในมือถึงขนาดยังถือกล้วยหอมลูกหนึ่ง
หลังจากมองเห็นเขาแล้ว หงจุนยิ้มแล้ว ก็มีส่วนที่โมโหก็มีส่วนที่ว่าเฉินห้าวเป็นคนของไป๋ยี่เฟย “ในเมื่อคุณเป็นลูกน้องของเขา งั้นฆ่าคุณไปเลย สามารถระบายความแค้นได้เหมือนเดิม!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยกเท้าเตะคนคนนั้นที่อยู่ภายใต้มีดออก ยกเท้าจะเตะไปยังเฉินห้าวทางโน้น
กลับอยู่ในเวลานี้ มีอีกคนหนึ่งที่ถือกล้วยหอมเดินออกมาจากข้างหลัง เขานั่งอยู่ข้างกายเฉินห้าวพูดว่า “บวกผมอีกคนหนึ่ง คุณยิ่งจะระบายความแค้นได้”
และผู้ชายคนนี้เป็นซาเฟยหยางนั่นเอง
นอกจากเขาแล้ว ข้างหลังท่อนไม้เดินออกมาอีกหลายคน ไป๋หู่ สวีลั่ง เฉินอ้าวเจียว
หลังจากหงจุนมองเห็นพวกเขา เพิ่งก้าวออกไปก้าวหนึ่งก็หยุดแล้ว
“ผมคนเดียวก็พอแล้ว” เฉินอ้าวเจียวโบกมือพูด
หงจุนจ้องมองพวกเขาสีหน้าดูแย่มากพูดว่า “ไป๋ยี่เฟยรู้มานานแล้วว่าผมจะมานี่หรือ?”
ซาเฟยหยางกลับส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “นี่เพียงแค่บังเอิญเท่านั้น เพราะว่าคนที่พวกเราจะวางแผนทำร้ายไม่ใช่คุณ”
“คุณโผล่ออกมาพอดี พวกเราก็มาทันพอดี” ดังนั้นนี่เป็นเรื่องบังเอิญมากจริงๆ
หงจุนแค้นมากเลย ยังมีความรู้สึกที่อึดอัดเป็นทุกข์เป็นพิเศษอย่างหนึ่ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ฆ่าผมไปเลย! พอดีพวกคุณก็จะมีศัตรูน้อยลงอีกคนหนึ่ง!”
หงจุนโมโหมากจริงๆเลย ร้องตะโกนเสียงต่ำหนึ่งที
แต่ว่าซาเฟยหยางส่ายหัวเหมือนเดิมพูดว่า “ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ให้พวกเราฆ่าคุณ นอกจากคุณเป็นฝ่ายรุกเอง ไม่งั้นคุณก็ออกไปเลยดีกว่า”
ออกไปหรือ?
หมายความว่าอะไร?
ไป๋ยี่เฟยไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาก่อนเลยหรือ?
หงจุนอึ้งชะงักเลย
การคุกคามของเขาก็ไม่ใช่เป็นการคุกคามเลยหรือ?
ทำไมล่ะ?
หงจุนยิ่งโมโหแล้ว ความโมโหนั้นดูเหมือนจะเผ่าไหม้เขาไปเลย
และก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆเฉินห้าวเอ่ยปากพูดว่า “แท้ที่จริงในหนึ่งเดือนก่อน พี่ใหญ่ก็เคยบอกกับผม ถ้าหากว่าพบเจอกับหงจุนก็บอกกับเขา พวกเราไม่ได้ฆ่าลู่เชี่ยน”
“และสำหรับคุณจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของคุณแล้ว พี่ใหญ่ยังบอกว่า คุณเป็นคนของตระกูลหง ถ้าหากว่าจำเป็นต้องมาแก้แค้นกับพวกเรา พวกเราก็ไม่ถือสาที่จะโต้กลับเช่นกัน”
หงจุนฟังคำพูดเหล่านี้จบ มีดที่อยู่ในมือยิ่งกำแน่นขึ้น กัดฟันอย่างแน่น ดูเหมือนเลือดใกล้จะไหลแล้ว
……
และกำลังอยู่ตอนที่หงจุนค่อยๆจะถอยจากโรงเลื่อยไม้ ฉุงลี่หย่ากับผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอก็ออกไปแล้วเช่นกัน
ครึ่งหนึ่งนั้นที่เป็นของเขตที่สาม มีโรงงานเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะไม่ค่อยใหญ่มากแห่งหนึ่ง สาเหตุที่สร้างอยู่ที่นี่ ก็เนื่องเพราะใกล้กับโรงเลื่อยไม้ สามารถลดช่วงการขนส่งได้เยอะ
และเวลานี้ฉุงลี่หย่าก็พาผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเธอมาถึงข้างนอกของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ทั้งยังพูดกับผู้ชายที่อยู่ข้างหลังว่า “ให้คนที่ถืออาวุธปืนรีบเดินทาง รุมไป๋ยี่เฟย”
“แต่ว่าต้องระวัง ห้ามทำให้คนที่อยู่บนจุดชมวิวได้รับบาดเจ็บ”
แต่ผู้ชายคนนั้นกลับพูดว่า “อย่างนี้ล่ะก็ เต้าจ่างจะไม่พอใจ”
ฉุงลี่หย่าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “ตอนนี้สภาพการณ์เป็นแบบไหนคุณยังไม่เข้าใจหรือ? เต้าจ่างมีโอกาสที่จะรบชนะไป๋ยี่เฟย แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดโอกาสชนะน้อยลงแล้ว และเต้าจ่างระวังรอบคอบมาโดยตลอด พวกเราช่วยเขาฆ่าไป๋ยี่เฟย ด้านหนึ่งถือว่าช่วยเขา อีกด้านหนึ่งได้กอบกู้หน้าตาของเขา เขาควรดีใจจึงจะถูก”
“ยิ่งกว่านั้นอีก พวกเราทำไมต้องคำนึงถึงเต้าจ่างล่ะ? อยู่ต่อหน้าเถ้าแก่ เขากับพ่อของฉันเป็นระดับเดียวกัน ไม่มีใครต้องฟังใครล่ะ”
ผู้ชายได้ยินคำพูดนี้ พยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “งั้นได้ล่ะ”
ฉุงลี่หย่าพูดเสียงเย็นชาว่า “งั้นยังไม่รีบไปรวบรวมคนของพวกเรา!”
“ครับ!” หลังจากผู้ชายขานรับแล้วเข้าไปในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ แต่ว่าเพิ่งเข้าไปไม่นาน ก็ตาลีตาเหลือกวิ่งออกมาอีก “คุณหนูใหญ่ เกิดเรื่องแล้ว!”
ฉุงลี่หย่ามองเห็นลักษณะท่าทางแบบนี้ของเขา ขมวดคิ้วขึ้นมาดังนั้นเดินเข้าไปในโรงงานเฟอร์นิเจอร์พร้อมเขา
หลังจากพวกเขาเดินเข้าไปมองเห็นคนนอนเต็มพื้นอยู่ข้างใน และอาวุธปืนที่อยู่ในมือของพวกเขาล้วนหายไปแล้ว
ฉุงลี่หย่ามึนงงพริบตาเดียว จากนั้นยากที่จะเชื่อร้องว่า “นี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่? ใครเป็นคนทำล่ะ?”
เพิ่งพูดคำนี้จบ อยู่ดีๆมีคนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามาจากทางเข้าแต่ละที่ของโรงงาน ปิดทุกทางไว้หมดเลย และในมือของพวกเขาล้วนถืออาวุธปืนด้วย
ฉุงลี่หย่ากับผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอชั่วพริบตาเดียวถูกล้อมรอบแล้ว
ในเวลานี้ มีเสียงเสียงหนึ่งที่ฉุงลี่หย่าคุ้นเคยดังขึ้นอยู่บนบันได “อาวุธปืนสิ่งของแบบนี้ ไม่เพียงแค่พวกคุณตระกูลฉุงมีเท่านั้น พวกเราตระกูลเย่กับตระกูลหลินก็มีเช่นกัน”
ฉุงลี่หย่าหันหน้าไปมอง พบเห็นเย่ฮวนกับหลินขวางยืนอยู่บนบันไดทั้งสองคนสีหน้าราบเรียบจ้องมองเธอ
ฉุงลี่หย่าสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง “เป็นพวกคุณ พวกคุณเตรียมตัวพร้อมมานานแล้วหรือ”
หลินขวางพูดเบาๆว่า “นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ พวกเราจะมาซุ่มโจมตีคนของพวกจ้าวเห้อ นึกไม่ถึงที่นี่กลายเป็นของคุณ”
เย่ฮวนก็พูดตามว่า “ทุกคนล้วนไม่ใช่ปะทะกับไป๋ยี่เฟยเป็นครั้งแรก ทำไมจนถึงตอนนี้แล้วยังดูถูกเขาขนาดนี้ล่ะ?”
“สิ่งที่พวกคุณได้นึกถึง เขาจะนึกไม่ถึงหรือ?”
“ตั้งแต่ที่เขารับปากต่อสู้กันตัวต่อตัวในครั้งนี้ ก็นึกได้แล้ว เขาไม่กลัวว่าพวกคุณจะคาดเดาได้ถึงจุดประสงค์ของเขา ไม่เพียงแค่การต่อสู้กันตัวต่อตัวเท่านั้น ดังนั้นคิดไว้ว่าควรจะไปโต้ตอบยังไงมานานแล้ว”