ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 822 ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่
กัปตันเฒ่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังตามไป ในเมื่อล่ายเคอก็กลับมาแล้ว เขาไปก็ไม่มีความสำคัญอะไรอีก เพียงแค่ภาวนาว่าลูกสาวของตัวเองคงไม่ถูกพวกเขารังแก
ล่ายเคอพาพวกเขาเดินไปถึงป่าอีกฟากหนึ่ง มองเห็นใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เหมือนกับมีผลไม้ป่าตกกระจัดกระจายและบนพื้นดินก็มีร่องรอยอยู่บ้าง
แต่รอยเท้าเหล่านี้เป็นรอยเท้าของสัตว์ป่า
“นี่เป็นรอยสัตว์ป่ากัด?”ยอดฝีมือระดับที่สองข้างกายของเต้าจ่างอีกคนหนึ่งถามกับล่ายเคอ
ล่ายเคอพยักหน้าพูดว่า “ไม่แน่ใจ แต่ฉันเห็นทางนั้นและทางนี้เหมือนจะมีผลไม้ป่าตกกระจัดกระจายอยู่ใต้ต้นไม้”
“ที่ตรงนี้ก็เล็กขนาดนี้ ห่างจากผืนดินไกลมาก จะมีสัตว์ป่าได้อย่างไร?”ยอดฝีมือระดับที่สองถามด้วยความสงสัย
ล่ายเคอกางมือทั้งสองแล้วพูดว่า: “ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร?สัตว์ประเภทนี้ฉันไม่เคยเจอมาก่อน ไม่แน่ใจว่ามันมีความเคยชินอะไรบางอย่าง เด็ดผลไม้ก็เด็ดอยู่เพียงต้นเดียว”
“สงสัยเป็นสิ่งมีชีวิตที่พวกเราไม่รู้จักไม่เคยเจอมาก่อน” คนที่สวมแว่นตาคนหนึ่งพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้สิ่งที่ชนเรือของพวกเราสิ่งนั้นก็ไม่เคยพบมาก่อน”
“ใช่ ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกนั้นมาก่อน” ยังมีคนพูดสนับสนุนอีก
พูดจบ เต้าจ่างขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเหมือนจะผิดหวังอยู่บ้าง
หากเป็นสัตว์ป่า ร่องรอยบนตะไคร่น้ำก็เหมือนจะกระจ่าง เพิ่งเริ่มคิดว่าเป็นร่องรอยของคนแน่ ๆ แต่คิดดูตอนนี้ อาจจะเป็นสัตว์ป่าจริง ๆก็ได้
อย่างไรก็ตาม สัตว์ป่าเดินบนตะไคร่น้ำก็อาจจะตกลงได้ใช่ไหม?
และยอดฝีมือระดับที่สอง เหมือนจะคิดได้ ยิ้มอย่างดีใจ: “ก็ว่าอยู่แล้ว เด็กคนนั้นไม่น่าจะมีชีวิตรอด!”
……
อีกด้านหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยนำเอาอาหารและยา มาถึงที่ซ่อนตัวของลู่เหมียวเหมียวและลู่หยาง หลังจากนั้นทั้งสามคนก็กลับไปยังด้านล่างหินก้อนใหญ่ก่อนหน้านี้
รอบ ๆบริเวณนี้ล้วนเป็นก้อนหินขนาดใหญ่มหึมา และยังวางสลับซับซ้อนไปมา พวกเขาหลบอยู่ด้านล่าง แค่เพียงไม่ได้เดินมาตรวจสอบดู ก็ไม่สามารถพบพวกเขาได้
ลู่หยางกลับสงสัยต่อเรื่องนี้ “ที่นี่ไม่มีตรงไหนสามารถหลบได้เลย มองครั้งเดียวก็เห็นแล้ว พวกเราก็จะถูกพบตัวได้ง่ายไม่ใช่เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดเบา ๆ ว่า: “มีคำพูดหนึ่งเคยได้ยินหรือไม่ ที่อันตรายที่สุดเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
“ก้อนหินใหญ่ขนาดนั้น พวกเราหลบอยู่ข้างล่าง ตราบใดที่เราไม่ออกมา มองไม่เห็นพวกเราแน่นอน” ไป๋ยี่เฟยอธิบาย “เต้าจ่างไม่แน่ใจว่าพวกเราอยู่ที่เกาะนี้หรือไม่ เขาก็ไม่มีทางเสียเวลา ให้คนมาตามหาอีกรอบหรอก”
ลู่หยางยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย “เมื่อครู่คุณพูดกับพวกเราว่ายังมีร่องรอยเหลือไว้ไม่ใช่เหรอ?เต้าจ่างต้องเดาอกแน่นอนว่าพวกเราต้องอยู่บนเกาะ”
ไป๋ยี่เฟยฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่พอใจยิ่งนัก แต่ไม่ได้อธิบายอะไรกับเขาอีก
เขาเอาน้ำแร่สองขวด และขนมปังสองชิ้นออกมาจากกระเป๋า ส่งให้กับลู่เหมียวเหมียวและลู่หยาง หลังจากนั้น ตัวเองก็ถือไว้เองส่วนหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยหยิบของพลางและพูดพลางว่า: “กินอาหารก่อน หลังกินเสร็จแล้ว ฉันจะทำแผลให้คุณใหม่ เมื่อครู่นำยาบางส่วนออกมาจากเรือ”
ลู่เหมียวเหมียวได้ฟังแล้วหน้าแดงอย่างเสียไม่ได้ แม้ว่าบาดแผลจะไม่อยู่ในตำแหน่งที่ซ่อนเร้น แต่ก็ต้องแตะต้องตัวกัน เป็นหญิงสาวหน้าแดงบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
ลู่หยางรีบมองไปยังไป๋ยี่เฟย “ไม่ได้ คุณเอายามาให้ฉัน ฉันจัดการเอง จะได้ไม่ให้คุณล่วงเกินพี่สาวของฉัน!”
ฟังคำพูดนี้แล้ว หลังจากไป๋ยี่เฟยกินขนมปังเสร็จแล้ว เอายาทาลดการอักเสบ และผ้าพันแผลมอบให้ลู่หยาง “เอาไปเถอะ”
ลู่หยางถือผ้าพันแผล และยาทาแก้อักเสบไว้ในมือ ท่าทางไม่ค่อยรู้เรื่อง หลังจากนั้นหันศีรษะถามลู่เหมียวเหมียวด้วยความเขินอายว่า “พี่สาว นี่……ต้องทำยังไง?”
ลู่เหมียวเหมียวถอนหายใจแล้วพูดว่า: “ให้พี่ไป๋ทำไปเถอะ”
ลู่หยางก้มหน้า
ไม่มีหนทางอื่น เขาทำไม่เป็น ทำได้เพียงมอบของคืนให้ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเรื่องเมื่อครู่ หลังจากรับของมาแล้ว พูดกับลู่หยางว่า: “แม้ว่าพวกคุณจะเป็นพี่น้องกัน แต่ตอนนี้เธออายุก็มากแล้ว ก็ควรจะหลีกไปสักหน่อย”
ลู่หยางใบหน้าหมองคล้ำ มองไป๋ยี่เฟยด้วยความโกรธ
นั้นเป็นพี่สาวของเขา เขาไม่ล่วงเกินแน่นอน แต่เขาก็ยังโกรธไป๋ยี่เฟยอยู่ดี สุดท้ายคนที่อับอายก็เป็นลู่เหมียวเหมียว
ลู่หยางทำหน้าแบะ ทำท่าทีกระฟัดกระเฟียดเดินออกจากก้อนหิน จากนั้นก็นั่งลงบนก้อนหินอีกก้อนหนึ่ง
“สารเลว!”ลู่หยางเก็บก้อนหินขึ้นจากพื้น แล้วโยนไปไกล ๆ “พี่สาวต้องหลงในตัวเขาแน่ ๆ ฉันจะต้องคิดวิธีอะไรสักอย่าง ให้ฉันถามความจริงให้ชัดเจนเสียก่อนเถอะ!”
ทางนี้ ไป๋ยี่เฟยกำลังทำแผลให้กับลู่เหมียวเหมียว
ไป๋ยี่เฟยเปิดกระโปรงของลู่เหมียวเหมียว จู่ๆ ใบหน้าของลู่เหมียวเหมียวก็แดงขึ้น ก้มหน้าด้วยความเขินอาย ยังคงไม่กล้ามองไปที่ไป๋ยี่เฟย
จากวิธีการทำแผลอย่างเมื่อวานนั้น วันนี้ทั้งคู่อ่อนโยนต่อกันมากขึ้น ลู่เหมียวเหมียวเองก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากขนาดนั้นแล้ว
รอจนทำแผลเสร็จแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ปล่อยชายกระโปรงลง จากนั้นจู่ ๆก็ยื่นมือออกมา
ลู่เหมียวเหมียวอึ้งไปพักหนึ่ง เขาจะทำอะไร?
ขณะที่ยิ่งเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น เข้ามาใกล้ร่างกายส่วนบน ลู่เหมียวเหมียวหัวใจเต้นแรงขึ้น
เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?
ทำอย่างไรดี?
ขณะที่กำลังตกใจอยู่นั้น มือของไป๋ยี่เฟยวางไว้บนศีรษะของเธอ จากนั้นเธอได้ยินไป๋ยี่เฟยพูดเบา ๆ : “ตอนนี้ไข้ลดลง ไม่ต้องกินยาลดไข้แล้ว ”
ไป๋ยี่เฟยเอามือออกไปแล้ว แต่ลู่เหมียวเหมียวยังตกใจอยู่
ที่แท้เขาแค่จะแตะที่หน้าผากของเธอ ว่าตอนนี้เธอยังมีไข้อยู่อีกหรือไม่
ชั่วครู่เดียว ลู่เหมียวเหมียวหายใจยาวและหัวใจที่เต้นเร็ว ค่อย ๆ กลับสู่สภาวะปกติ
ที่แท้เป็นตนเองที่คิดมากเกินไป
แต่ไม่รู้ทำไม ภายในใจผิดหวังอยู่เล็กน้อย
ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ไป๋ยี่เฟย ภายในใจเกิดอารมณ์อะไรบางอย่างบอกไม่ถูก
และไป๋ยี่เฟยในเวลานั้นเอง กำลังเตรียมทำแผลให้กับตัวเอง
ไป๋ยี่เฟยเปิดเสื้อของตัวเองออก ฉีกผ้าพันแผล หลังจากนั้นค่อย ๆใช้เหล้าฆ่าเชื้อ
ตลอดทุกขั้นตอน ไป๋ยี่เฟยมีท่าทีที่เรียบเฉย ทำให้คนที่เห็นกลับรู้สึกไม่เหมือนการทำบาดแผล
ลู่เหมียวเหมียวมองแล้วก็งุนงง หรือว่าเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยเหรอ?
หลังจากไป๋ยี่เฟยทำแผลเสร็จแล้ว ดื่มน้ำแร่ไปอึกใหญ่
ในเวลานี้นั่นเอง ลู่เหมียวเหมียวได้สังเกตเห็น ไป๋ยี่เฟยไม่มีใช่ว่าไม่เจ็บปวด เพียงแค่เขาสามารถอดทนไว้ สิ่งที่ยืนยันที่ดีที่สุดก็คือหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ไป๋ยี่เฟยพูดกับลู่เหมียวเหมียวว่า: “คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
ขณะที่พูดก็หาซองบุหรี่จากกระเป๋าออกมา นี่เป็นของที่เขาพบตอนที่ไปเอาของที่คลังเก็บของ
นำบุหรี่ออกมา ไป๋ยี่เฟยก็หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน ลุกขึ้นเดินออกมานั่งอยู่ริมทะเล จุดบุหรี่
มองทะเลกว้างใหญ่เบื้องหน้า ไป๋ยี่เฟยสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมา
เขาคิดถึงบ้าน
คิดถึงภรรยา
ไม่รู้ว่าตอนนี้หลี่เสว่เป็นอย่างไรบ้าง?ไม่รู้ว่าท้องจะโตขึ้นบ้างหรือยัง?
“เฮ้อ……” ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก
ลู่เหมียวเหมียวที่นั่งอยู่ด้านล่างของก้อนหินมองไปทางด้านหลังของไป๋ยี่เฟย จิตใจเริ่มหวั่นไหว
ในตอนนั้น ลู่หยางกลับมาแล้ว
เขาเห็นลู่เหมียวเหมียวมองด้านหลังของไป๋ยี่เฟยด้วยความหวั่นไหว สีหน้าเปลี่ยนไปรีบเดินไปหา ตั้งใจส่งเสียง “พี่สาวมองอะไรอยู่?”
“เอ่อ!”ทำให้ลู่เหมียวเหมียวตกใจและได้สติกลับมา “เธอทำอะไร?”
ลู่หยางมองเธอโดยไม่เชื่อสายตา “พี่สาว เธอคงไม่ได้ชอบเขาเข้าแล้วใช่มั้ย?เขาเป็นศัตรูของพวกเรานะ!”
“เธอพูดบ้าอะไร?”ลู่เหมียวเหมียวหน้าแดงอีกครั้ง ปฏิเสธในทันที
เห็นดังนั้นแล้ว ลู่หยางยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก อดไม่ได้ที่จะใช้น้ำเสียงเย็นชาถามว่า: “พี่ เธออย่าลืมสิ เขาเป็นศัตรูของเรา หากเกิดมีใจให้เขาแล้ว พ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์จะสงบสุขได้อย่างไร?”
ลู่เหมียวเหมียวพบว่าลู่หยางปักใจแน่ชัดว่าเธอมีใจต่อไป๋ยี่เฟย จะพูดอย่างไรให้เขาเชื่อ จึงเมินหน้าหนี ใช้น้ำเสียงดุด่าไปว่า: “ไม่เชื่อก็ตามใจเลย!”
ลู่หยางจ้องมองไปที่ลู่เหมียวเหมียวนิ่ง ๆ แล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง กรอกสายตา เหมือนกับได้ตัดสินใจแล้ว
ลู่หยางลุกขึ้นยืน เดินออกไปพร้อมกับพูดว่า “พี่ ฉันจะไม่ให้เธอเดินออกนอกลู่นอกทาง!”
หลังจากพูดจบก็เดินจากไป
ในใจของลู่เหมียวเหมียวมีความโกรธอยู่บ้าง ก็ไม่ได้ทำเป็นเรื่องจริงจังอะไร แต่รอจนฟ้ามืดแล้ว เขาพบว่าลู่หยาง ยังไม่กลับมา
รู้สึกเป็นกังวลมาก
และไป๋ยี่เฟยยังนั่งอยู่บนก้อนหินริมทะเล มองดูทะเลที่กว้างสุดสายตา
และบนทะเล พระจันทร์ค่อย ๆ ลอยเด่นขึ้น