ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 761 มีโอกาสกินข้าวมื้อที่อิ่มหมีพีมัน
ชายตัวเตี้ยทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก “เป็นหมากที่เดินได้ดีจริงๆ”
“งั้นต่อไปนี้จะทำยังไงดีล่ะ?” ชายตัวเตี้ยถามอีก
ชายตัวสูงพูดเบาๆว่า “จับตามองเธอไว้ก่อน ส่งตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้ของพวกเราให้กับพี่ใหญ่ รอให้พี่ใหญ่มาค่อยลงมือด้วยกัน”
“ทำไมต้องรอพี่ใหญ่มาล่ะ? พวกเราสองคนก็ทำได้เช่นกัน” ชายตัวเตี้ยดูเหมือนไม่เห็นด้วย
ชายตัวสูงส่ายหัวนิดๆพูดว่า “แม้ว่าพวกเราล้วนเป็นยอดฝีมือระดับที่สองเช่นกัน แต่ตามที่ผมรู้ ยอดฝีมือระดับที่สองชั้นต่ำทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้”
ชายตัวเตี้ยไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ “พวกเรามีสองคนนะ อีกทั้งยังเป็นผู้ชาย จะสู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้หรือ?”
ชายตัวสูงเหลือบตามองชายตัวเตี้ยหนึ่งที ขมวดคิ้วพูดว่า “ทุกอย่างระมัดระวังหน่อยดีกว่า ต้องรู้ว่า เถ้าแก่ใหญ่ที่อยู่ภายใต้พี่ใหญ่ล้วนหกคะเมนตีลังกาแล้ว พวกเราจะทำผิดอีกไม่ได้”
ชายตัวเตี้ยได้ยินคำพูดนี้คิดแล้วคิดอีก ได้เพียงแต่พยักหน้า “งั้นรีบส่งตำแหน่งที่อยู่ให้กับพี่ใหญ่เถอะ”
และก็กำลังอยู่ตอนที่พวกเขาหยิบมือถือออกมาเตรียมตัวจะส่งตำแหน่งที่อยู่ อยู่ดีๆมีคนคนหนึ่งโผล่ออกมาจากข้างหลังของพวกเขา เขาตบไหล่ของชายตัวสูงตบแล้วตบอีก
“ใครหรือ?”
ชายตัวสูงกับชายตัวเตี้ยหันหน้าไปด้วยจิตใต้สำนึก เตรียมพร้อมที่จะทำการโจมตี
ทันทีที่หันหน้าไปกลับมองเห็นผู้ชายหน้าตาหล่อมากคนหนึ่ง
ชายรูปหล่อคนนั้นหัวเราะหนึ่งที แฮ่ๆ ถามว่า “พี่น้องทั้งสอง ก็มากินข้าวมื้อที่อิ่มหมีพีมันเช่นกันหรือ?”
กินข้าวมื้อที่อิ่มหมีพีมันแท้ที่จริงก็คือขโมยของ เพียงแค่พูดให้ดูดีเท่านั้น
ได้ยินคำพูดนี้ ชายทั้งสองคนลดหย่อนความระวังตัว คิดว่าพวกเขาเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย
ดังนั้นชายตัวเตี้ยคนนั้นใบหน้าขึงลับอยู่พูดว่า “พวกเราไม่ใช่ รีบออกไป! มิฉะนั้นพวกเราจะเรียกเจ้าหน้าที่นิติคอนโดแล้ว”
“ผมว่าพี่น้องครับ พวกคุณไม่ใช่ครัวเรือนของที่นี่ใช่ไหม?” ชายเยาว์วัยจ้องมองมือถือของพวกเขา “นี่เห็นได้ชัดก็คือจะส่งตำแหน่งที่อยู่ให้กับคนอื่นล่ะ!”
“ยังไงหรือ? พี่น้องก็คือจะเอาชุดใหญ่ เตรียมตัวจะเรียกพี่น้องคนอื่นๆมาหรือ?”
ทันใดนั้นชายตัวเตี้ยโมโหพูดว่า “แม่มึงเอ่ยมึงรีบไสหัวออกไป อย่าสนใจมากขนาดนั้น!”
ระหว่างการพูด ชายตัวเตี้ยดูเหมือนจะลงมือ แต่ว่าชายตัวสูงกดตัวไว้
“ในเมื่อเป็นพี่น้อง กฎเกณฑ์ที่ไม่ขโมยที่เดียว คิดว่าล้วนรู้ล่ะ?” ชายตัวสูงแกล้งทำเป็นแก๊งขโมย พูดเบาๆ
ชายรูปหล่อหัวเราะหนึ่งที แฮ่ๆ รู้สึกเขินมากพูดว่า “แท้ที่จริงผมหลงทางแล้ว หาทางออกไม่เจอ ผมยืมมือถือของพวกคุณมาดูหน่อยได้ไหม?”
“เขตคฤหาสน์ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีป้ายชี้ทาง จะหลงทางด้วยหรือ?” ชายตัวสูงเย็นชาจ้องมองเขา
ชายรูปหล่อรู้สึกเขินยิ้มแล้วยิ้มอีก จากนั้นพูดว่า “ไอ้หยะ ให้ผมดูสักหน่อยล่ะ!”
พูดอยู่ แย่งมือถือของพวกเขาจากในมือของชายตัวเตี้ยเสียเลย เขาก้มหัวจ้องมองหนึ่งที ขยายแผนที่ “ที่แท้ไปอย่างนี้นี่เองล่ะ!”
จากนั้นชายตัวสูงกับชายตัวเตี้ยสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง
พวกเขาทั้งสองคนเป็นยอดฝีมือระดับที่สองนะ แต่มือถือที่อยู่ในมือกลับถูกฝั่งตรงข้ามแย่งไปอย่างง่ายดาย
ดังนั้นพวกเขารู้สึกได้ทันที ชายที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ไม่ธรรมดา ดังนั้นชายตัวสูงเสียงเข้มถามว่า “ตกลงว่าคุณเป็นใครกันแน่?”
ชายรูปหล่ออมยิ้มหนึ่งทีพูดว่า “ผมคือเมิ่งฉิง”
“เมิ่งฉิงหรือ? ชายทั้งสองคนขมวดคิ้วขึ้นมา เพราะว่าพวกเขาดูเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่กลับนึกขึ้นมาไม่ได้ทันที”
ชายตัวเตี้ยเปลี่ยนทิศทางหนึ่งทีกลายเป็นหน้าหลังกับชายตัวสูง พอดีจะได้กั้นหน้าหลังผู้ชายที่ชื่อว่าเมิ่งฉิงนี้ไว้ ชายตัวเตี้ยถามไปคำหนึ่งว่า “คุณอยากจะทำอะไรหรือ?”
เมิ่งฉิงยักไหล่แล้วยักไหล่อีกพูดว่า “ผมไม่อยากจะทำอะไร ก็แค่ดูว่าพวกคุณอยากจะทำอะไร แต่ว่าล่ะ ผมพบเห็นว่าพวกคุณดูเหมือนจะทำเรื่องไม่ดี”
“แต่เรื่องไม่ดีที่พวกคุณจะทำ คือทำร้ายภรรยาในอนาคตของผม อย่างนี้ก็เเย่เเล้วล่ะ”
“เพื่อความปลอดภัยของภรรยาในอนาคตของผม ได้เพียงแค่ฆ่าพวกคุณแล้ว”
ตอนที่เมิ่งฉิงพูดตามสบายมาก ดูเหมือนอยู่ในสายตาของเขา ฆ่าไปสองคนสะเปะสะปะเป็นเรื่องธรรมดามาก
ชายตัวเตี้ยได้ยินคำพูดนี้ ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ยิ้มแล้ว “ก็แค่คุณยังอยากจะฆ่าพวกเราหรือ? แม่มึงเอ่ยมึงเป็นใครล่ะ? รู้จักพวกเราหรือไม่…….”
คำพูดของชายตัวเตี้ยยังพูดไม่จบ เมิ่งฉิงก็เอาฝ่ามือของเขาผ่านทะลุหน้าอกของชายตัวเตี้ยโดยตรงอย่างเบาๆก็เป็นตำแหน่งของหัวใจเช่นกัน
ชายตัวเตี้ยยากที่จะเชื่อก้มหัวลง
ชายตัวสูงก็ยากที่จะเชื่อก้มหัวลงเช่นกัน
มือทั้งสองข้างของเมิ่งฉิง ทั้งซ้ายทั้งขวาสอดเข้าไปในหัวใจของพวกเขาทั้งสอง
เมิ่งฉิงบ่นอยู่พูดไปคำหนึ่งว่า “ตกลงว่านี่คือใครปกป้องใครกันแน่ล่ะ?”
……
เรื่องของพื้นที่สีเขียวนอกคฤหาสน์ที่เกิดขึ้น ฉีฉีล้วนไม่รู้
หลังจากรอฉีฉีกลับมาจากหยางเฉียวที่นั่น เมิ่งฉิงกำลังใช้มือถือดูหนังอยู่ แต่ว่าหนังนี้ไม่ใช่หนังทั่วไป แต่ไม่เหมาะกับเด็กอย่างนั้น
ไม่เพียงแค่นี้ เมิ่งฉิงเปิดเสียงดังมาก ใครที่ให้คฤหาสน์ก็มีแต่เขาคนเดียวล่ะ?
แต่ว่าหลังจากมองเห็นฉีฉีกลับมา เขาปิดเสียงทันที แม้แต่ภาพก็ปิดด้วย โยนมือถือทิ้งไป ยิ้มลุกขึ้นมา “คุณหนูฉีฉีกลับมาแล้วหรือ?”
ฉีฉีย่อมได้ยินเสียงนั้นอยู่แล้ว เย็นชาจ้องมองเขา “สกปรก!”
หลังจากพูดจบฉีฉีขึ้นข้างบนเลย
หลังจากรอฉีฉีปิดประตูห้องนอนแล้วเมิ่งฉิงจึงพูดว่า “นี่เป็นปกติของความเป็นคน ทำไมสกปรกแล้วล่ะ?”
……
เวลาสองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยกำลังอยู่ในคลังเก็บทองที่สามของหลันเต่า
เขาล้วนคิดไม่ถึงว่าสถานที่ที่ตนเองหลบหลีกในท้ายสุด กลับกลายเป็นคลังเก็บทองที่สาม
ตอนนั้นคำอธิบายของจื่ออีคือ “พวกเรามาที่นี่ก็ไม่ใช่เพียงแค่หลบหลีกเท่านั้น ยังต้องเฝ้าด้วย เพราะว่าเหลียงเหว่ยชาวกับเต้าจ่างยังอยู่ในหลันเต่า แต่เพราะว่าสาเหตุเหล่านี้ ประเทศไม่สะดวกที่จะเข้าแทรกเข้าร่วมเรื่องของหลันเต่า”
แท้ที่จริงคลังเก็บทองที่สามไม่ควรให้ผู้เฝ้าคลังของคลังเก็บทองที่หนึ่งมาเฝ้า แต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางอื่นเช่นกัน
เพราะว่าในตอนนี้ผู้เฝ้าคลังของคลังเก็บทองที่สามตายแล้ว พลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยกลับยังไม่พอ
แต่ฉินหัวถ้าหากว่าต่อสู้กับเต้าจ่างตามลำพังล่ะก็ งั้นไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากเจอยอดฝีมือระดับที่หนึ่งอย่างเหลียงเหว่ยชาวแบบนั้นก็ไม่ได้แล้ว
ดังนั้นจื่ออีจึงมาหลันเต่าพร้อมกับพวกเขาไป๋ยี่เฟยด้วยกัน
ประเด็นหลักของภารกิจที่มาที่นี่คือเพื่อที่จะร่วมมือตกปลากับคนข้างบนและเฝ้ารักษาคลังเก็บทอง บวกเพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือยกระดับพลังความสามารถของไป๋ยี่เฟย
สำหรับหลิวเสี่ยวอิง ย่อมต้องรับผิดชอบอาการบาดเจ็บของไป๋ยี่เฟยแล้ว
เวลาสองเดือน สำหรับไป๋ยี่เฟยมากล่าวแล้ว 1 วันอย่างกับ 1 ปีแท้ๆเลย
ไป๋ยี่เฟยยังเคยถามจื่ออีมาก่อนว่า “อาจารย์ ผมล้วนอายุมากขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ฝึกก็ช้าไปแล้ว จะยกระดับก็ยกระดับไม่ถึงไหนแล้วล่ะ?”
“คุณไม่เหมือนกัน” จื่ออีอมยิ้มหนึ่งที “เริ่มแรกผมก็คิดว่าเป็นอย่างนี้เช่นกัน แต่หลังๆพบเห็นคุณทำได้”
ไป๋ยี่เฟย “…….”
ไป๋ยี่เฟยอยากจะพูดมากว่า “ไม่ ผมไม่ได้”
แท้ที่จริงน่ะ สภาพของไป๋ยี่เฟยก็เหมือนดั่งที่ไป๋หู่พูด ถึงแม้ว่าคุณพยายามขนาดไหนก็เทียบกับสิ่งที่เป็นพรสวรรค์แบบนี้ไม่ได้
ความจริงพิสูจน์ว่า ไป๋ยี่เฟยก็เป็นเช่นนี้
อยู่ภายใต้การอบรมของซาเฟยหยาง ไป๋ยี่เฟยใช้เพียงเดือนเดียวก็กระจ่างวิชาเสริมพลังอ้านจิ้งแล้ว ทั้งฝึกออกมาได้ด้วย
วิชาเสริมพลังอ้านจิ้งไม่ใช่กำลังภายในในโลกแห่งจอมยุทธ์เลย แต่เป็นแรงระเบิดอย่างหนึ่ง เขาจะทำให้ตอนที่คุณโจมตีระเบิดครั้งที่สอง
แต่ว่าตอนที่ฝึกวิชาเสริมพลังอ้านจิ้งก็ต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายทุกเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเกิด เหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นมา ดังนั้นซาเฟยหยางจะเรียกร้องให้ไป๋ยี่เฟยถอดเสื้อผ้าให้หมด
โชคดีว่าคลังเก็บทองใหญ่พอ และมีห้องนอนหลายห้องด้วย ก็คงจะไม่มีปัญหาที่จะถูกหลิวเสี่ยวอิงมองเห็นแล้วอึดอัดเหล่านั้น
ตอนที่ฝึกฝนในครั้งหนึ่ง ระหว่างเวลาพักกลางคัน ไป๋ยี่เฟยนั่งดื่มน้ำอยู่ข้างๆ อยู่ดีๆสังเกตเห็นนิ้วเท้าของซาเฟยหยางมีหกนิ้ว
จากนั้นไป๋ยี่เฟยอยากรู้อยากเห็นถามว่า “นายซา ท่านมีนิ้วเท้าหกนิ้วหรือ?”
ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงที่หลี่เสว่เคยบอกกับเขาเรื่องนั้นมาก่อน
ในเวลานั้นหลี่เสว่สืบได้ว่าซาเฟยหยางตายแล้ว อีกทั้งยังไปที่หลุมฝังศพของเขาหาศพเจอด้วย นิ้วเท้าที่อยู่บนศพก็เป็นหกนิ้วเช่นกัน ดังนั้นจึงคิดว่าซาเฟยหยางตายแล้ว
ซาเฟยหยางได้ยินคำถามของไป๋ยี่เฟย ทันทีนั้นก็เข้าใจแล้ว จากนั้นยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “นี่เป็นกรรมพันธุ์ประจำตระกูลอย่างหนึ่ง”
เพียงแค่เคยได้เรียนมัธยมศึกษาตอนปลายก็รู้ว่า ลักษณะเฉพาะของนิ้วเท้าหกนิ้วที่เห็นได้ชัดแบบนี้ เป็นกรรมพันธุ์ประจำตระกูล
หลังจากไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ก็ตื่นตะลึงในทันทีเลย
ดังนั้นอยู่ดีๆเขามีการคาดเดาอย่างหนึ่ง