ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 366
บทที่ 366
เวลาบ่ายสามโมงกว่า พิธีแต่งงานจึงเสร็จสิ้น
แขกเหรื่อแทบจะกลับกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงพวกคนของตัวเอง
“วันนี้ ลำบากทุกคนแล้ว” ฉินหัวยิ้มกล่าว
ไป๋ยี่เฟยโบกมือ “ไม่ลำบากเลย แต่พวกพี่……”
“พวกเราทำไม?” ฉินหัวไม่เข้าใจ
ไป๋ยี่เฟยยักคิ้วหลิ่วตา “คืนนี้ลำบากแย่เลย!”
ฉินหัวพลันถึงบางอ้อ หน้าแดงขึ้นมาในพริบตา
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะหึหึ “พวกพี่รีบกลับไปเถอะ! ค่ำคืนวสันต์มีค่าดั่งทองพันชั่ง!”
พูดจบ ไม่รอให้โจวฉวี่เอ๋อระเบิดอารมณ์ ไป๋ยี่เฟยก็ลากหลี่เสว่หนีไป
……
ไป๋ยี่เฟยลากหลี่เสว่วิ่งไปที่ลานจอดรถ
เมื่อขึ้นรถแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็พาหลี่เสว่กลับไปส่งที่วิลล่า ส่วนตัวเขาเองก็ไปที่โหวจวี๋กรุ๊ป
ในห้องทำงาน ไป๋ยี่เฟยถามหลงหลิงหลิงว่า “ทางตัวเมืองมีข่าวอะไรบ้างไหม?”
“ระยะนี้ไม่มีค่ะ”
คำตอบของหลงหลิงหลิงทำให้ไป๋ยี่เฟยเกิดความกังขาขึ้นมาในใจ คนพวกนั้นคิดจะนั่งตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจ ถ้าอย่างนั้น ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด สิ่งนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกไม่สบายใจนัก
เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะถอดใจ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เดียว นั่นก็คือพวกเขากำลังเตรียมการจะก่อการใหญ่บางอย่างขึ้น การใหญ่ที่กระทบจิตใจได้เลยทีเดียว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ไป๋ยี่เฟยก็โทรหาจงเหลียน เพื่อยืนยันว่าตอนนี้เธออยู่ที่วิลล่าหลันโปกั่งคอยปกป้องหลี่เสว่ เขาถึงค่อยวางใจลงได้ จากนั้นก็กำชับเธอว่า ห้ามให้หลี่เสว่ออกห่างจากสายตาเธอเด็ดขาด
หลังวางสาย ไป๋ยี่เฟยก็มองดูเวลา ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว จึงลุกขึ้นเดินออกไป
ไป๋หู่กับสวีลั่งตามมาที่โหวจวี๋พร้อมกับเขาด้วย เวลานี้จึงกลับไปพร้อมกัน
ระหว่างทาง ไป๋ยี่เฟยรับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง
เป็นจางหัวปินโทรมา และเสียงในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของไป๋หู่กับสวีลั่ง
“มีคนสะกดรอยตามที่ด้านหลัง”
ไป๋ยี่เฟยตระหนกวาบ มองไปที่กระจกมองหลังทันที เห็นว่ามีรถเก๋งสีดำสองสามคันขับตามพวกเขาอย่างไม่เร็วไม่ช้าอยู่จริงๆ จึงถามว่า “รู้ไหมว่าเป็นใคร?”
“ยังสืบไม่เจอชั่วคราว”
ไป๋ยี่เฟยตอบว่า’ รู้แล้ว’ ก็วางสายไป
สำหรับเรื่องนี้ เขากลับไม่กังวลใจเลย รู้อยู่แล้วว่าคนพวกนั้นไม่มีทางรามือ ดังนั้นการถูกสะกดรอยตามจึงไม่ได้เหนือความคาดหมายเท่าไหร่นัก เพียงแค่ไม่รู้ว่าเป็นคนของใครเท่านั้น?
ไป๋ยี่เฟยมองอยู่สองสามครั้ง “หาที่เปลี่ยวๆ สักแห่ง แล้วจัดการคนซะ”
“อืม” ไป๋หู่ตอบรับ เพิ่มความเร็วขึ้น เลี้ยวไปที่เขตชานเมือง
รถสองสามคันที่ด้านหลังเห็นเช่นนี้ก็พากันเร่งความเร็วตามไป
สิบกว่านาทีให้หลัง รถของไป๋ยี่เฟยก็จอดอยู่ตรงข้างทางในเขตชานเมือง ขณะเดียวกัน รถสองสามคันที่อยู่ด้านหลังก็จอดแล้วเช่นกัน
จากนั้น คนของทั้งสองฝ่ายก็ลงจากรถ
คนของอีกฝ่ายมีประมาณสิบกว่าคน ส่วนทางไป๋ยี่เฟย มีเพียงสามคน
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็ไม่หวั่นใจเช่นกัน สวีลั่งกับไป๋หู่สู้สิบคนก็ยังไม่มีปัญหา มิหนำซ้ำ เขาในตอนนี้ยังเป็นกำลังสู้รบได้บ้าง ดังนั้นคนเหล่านี้ ไม่เห็นจะมีอะไร
“เร็วหน่อยล่ะ”
พอไป๋ยี่เฟยพูดออกมา สวีลั่งกับไป๋หู่ก็พุ่งออกไปในพริบตา
คนพวกนั้นเห็นเช่นนี้ ก็พากันยกไม้ตะบองที่อยู่ในมือขึ้นต่อสู้กับไป๋หู่และสวีลั่ง
ความสามารถของไป๋หู่กับสวีลั่งไม่ต้องพูดกันมาก แค่ออกท่าทีสองทีก็จัดการไปได้คนหนึ่งแล้ว
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็รู้สึกหัวใจคันยุบยิบ ฝึกกับไป๋หู่มานานขนาดนี้ อยากจะลองดูว่าผลของการฝึกจะเป็นยังไง
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงวิ่งเข้าไปสองสามก้าว สู้กับคนที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุด
ฝ่ายตรงข้ามหยิบไม้ตะบองตีลงไปที่ศีรษะของไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยยกมือรับไว้ มืออีกข้างกำหมัดชกเข้าไปที่ท้องของอีกฝ่ายทันที จากนั้นก็อาศัยไม้ตะบอง หันตัว ยกเท้าเตะเข้าไปที่หว่างขาหนึ่งที
ย่อมต้องหาจุดอ่อนที่สุดในการโจมตีคน
“อ๊าก!”
คนคนนั้นร้องโหยหวน กุมเป้าตัวเอง เจ็บจนหน้าเหยเก
เวลานี้ มีคนลอบโจมตีที่ด้านหลังไป๋ยี่เฟย
ตอนที่รู้สึกว่ามีคนอยู่ด้านหลัง มีดก็พุ่งมาที่ด้านหน้าตัวเองแล้ว จึงไม่ทันได้รับมือ
“ฉึก!”