ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 324
บทที่324
ทันใดนั้น พวกบอดี้การ์ดก็เอาพลองเหล็กออกมา แล้วพุ่งเข้ามา
พอเห็นอย่างนั้นไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องออมมือแล้ว”
ไป๋หู่กับสวีลั่งหันมาจ้องตากันอย่างรู้ใจ แววตาที่กระหายเลือดของทั้งคู่ก็ปรากฏออกมา
พอบอดี้การ์ดคนหนึ่งพุ่งเข้ามา มีดพกในมือของสวีลั่งก็ตวัดออกไป แสงวูบวาบวิ่งผ่านสายตาของบอดี้การ์ดคนนั้นไป แล้วเขาก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกสะกดเอาไว้
แล้วบอดี้การ์ดคนนั้นก็ล้มลงแทบจะทันที
ในเวลาเดียวกัน ไป๋หู่ก็ชกกำปั้นเข้าไปที่ลอยคอของบอดี้การ์ดคนละหมัด ลำคอที่ถูกชกแหลกละเอียดไปในทันที ทำให้คนที่โดนตายคาที่ไปเลย
เมื่อหญิงสาวเห็นบอดี้การ์ดรอบตัวเหลือแค่สามคนสุดท้าย เธอก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกว่า “พวกแก……คิดจะทำอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยเดินตรงมาข้างหน้า “ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ? เมื่อกี้ผมก็พูดแล้วไง ว่าคุยกันดีๆ ก็ได้!”
“ผมแค่มาหาผู้อาวุโสหวังเท่านั้น”
ดวงตาของหญิงสาวหรี่เล็กลง “นี่แกเป็นใครกันแน่?”
“ผมชื่อไป๋ยี่เฟย ไม่ทราบว่าคุณจะบอกผมได้ไหมว่าผู้อาวุโสหวังอยู่ที่ไหน?”
ต่อให้ไป๋ยี่เฟยไม่ถาม เขาก็พอจะเดาออกบ้างแล้ว ที่อยู่นี้ผู้อาวุโสหวังให้มาถูกต้องแน่นอน และเขาก็มาตรงเวลาด้วย แต่คนที่เขาเจอกลับเป็นผู้หญิงคนนี้ ถ้าพอมีสมองบ้างก็น่าจะพอเข้าในสถานการณ์ได้
หญิงสาวยังคงไม่ตอบ เธอแค่ทำเสียงฮึดฮัดเท่านั้น “ต้องยอมรับจริงๆ ว่าบอดี้การ์ดของแกมีฝีมือที่ดีเลยทีเดียว แต่ก็แค่ดีเท่านั้นแหละ”
หลังจากทิ้งช่วงแปบหนึ่ง หญิงสาวก็ได้ตะโกนขึ้นว่า “ออกมาได้!”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาก็มองไปทางหน้าต่างของห้องรับแขก ตรงนั้นมีชายชุดดำที่มีร่างกายกำยำคนหนึ่งกำลังเดินมา รังสีที่แผ่ออกมาดูแตกต่างจากพวกเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง แค่ดูก็รู้แล้วว่าชายคนนี้อยู่คนละระดับกับพวกนั้น
หญิงสาวมองไปที่ชายคนนั้น จากนั้นก็พูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “บอดี้การ์ดของฉันคนนี้ เคยฆ่าฟันกับทหารรับจ้างมาห้าปี และเคยสังหารนักฆ่าที่ติดท็อปเท็นของโลกมาแล้วด้วย”
“วันนี้พวกแกอย่าคิด……” ในขณะที่หญิงสาวยังพูดไม่ทันจบ เธอก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก สวีลั่งเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า แล้วมีเสียง “เอื้อ” ดังขึ้น บอดี้การ์ดคนนั้นตัวแข็งทื่อยืนนิ่งอยู่กับที่
หญิงสาวที่เห็นอย่างนั้นถึงกับอึ้งจนตาค้าง
ไป๋ยี่เฟยแค่ใช้นิ้วผลักเบาๆ ชายคนนั้นก็ล้มลงในทันที ตรงลำคอมีรอยแดงเล็กๆ เส้นหนึ่งปรากฏขึ้น เลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลทะลักออกมา ดวงตาทั้งสองข้างยังไม่ปิด หรือก็คือตายตาไม่หลับนั่นเอง
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะครับ? ผมได้ยินไม่ถนัดเลย”
หญิงสาวพูดออกมาด้วยความตื่นตระหนก “เป็นไปได้ยังไง? มันเป็นไปไม่ได้……”
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกครับ คุณต้องรู้ไว้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน”
ใช่ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!
คำๆ นี้มันได้เตือนสติไป๋ยี่เฟยด้วยเหมือนกัน เขาคิดมาตลอดว่าไป๋หู่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่หลังจากที่ได้เจอกับราชาแห่งหลิงหนาน ไป๋หยุนเผิงกับฉินหัวแล้ว……
ในตอนนี้ หญิงสาวได้เปลี่ยนมาจ้องที่ไป๋ยี่เฟยแล้ว “แกมาทำแบบนี้กับฉัน ผู้อาวุโสหวังไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่!”
“หือ?” ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำว่า ‘ผู้อาวุโสหวัง’ “แสดงว่าคุณรู้จักผู้อาวุโสหวังสินะ? แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ?”
แล้วหญิงสาวก็ทำตัววางท่าใหญ่โตขึ้นมาทันที “ผู้อาวุโสหวังชอบฉันมาก ถ้าฉันไม่พอใจอะไร ผู้อาวุโสหวังก็พร้อมที่จะจัดการให้ฉันทันที! วันนี้แกตายแน่!”
ไป๋ยี่เฟยจ้องไปที่หญิงสาว แล้วเขาก็ได้รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์แบบไหนกับหวังไห่ จากนั้นเขาก็สบถเงียบๆ ว่า “หน้าด้าน แก่ปูนนี้แล้วยังจะมาทำลายชีวิตของสาวน้อยแบบนี้อีก”
พอหญิงสาวเห็นไป๋ยี่เฟยไม่พูดอะไร เธอเลยคิดว่าเขาคงกำลังกลัว จากนั้นเธอก็พูดด้วยความมั่นใจที่มากกว่าเดิม “ถ้าคุณสำนึกแล้ว ก็รีบคุกเข่าลง ฉันกำลังอารมณ์ดีแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปขอร้องให้ผู้อาวุโสหวังให้ไว้ชีวิตคุณแล้วกัน!”
“แต่ถ้าคุณไม่ทำ คุณก็จะได้ตายอย่างอนาถ!”
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คุณช่วยเข้าใจสถานการณ์หน่อยได้ไหมครับ? ตอนนี้ก็เห็นๆ กันอยู่ ว่าคุณอยู่ในกำมือผม ไม่ใช่ผมอยู่ในกำมือคุณ!”
“ถ้าผมอยากฆ่าคุณ มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก!”
หลังผ่านการฆ่าคนมาแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกว่าการฆ่าคนไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวขนาดนั้น แต่เขาก็ยังให้ความสำคัญกับทุกชีวิตอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ ถ้ามีใครที่วอนหาที่ขนาดนั้น เขาก็ยินดีจัดให้
และในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดออกจากทางด้านนอก
“โอ้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หวังไห่เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อหญิงสาวมองเห็นทางรอดของตัวเองแล้ว เธอก็รีบวิ่งเข้าไปกอดแขนของหวังไห่ไว้ทันที “ผู้อาวุโสหวังคะ ในที่สุดคุณก็มาได้สักที คนๆ นี่เขารังแกฉันค่ะ คุณช่วยจัดการแทนฉันทีนะคะ!”
ไป๋ยี่เฟยพูดอะไรไม่ออก ทำไมคำพูดนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนนางสนมที่ต้องการให้ฮ่องเต้จัดการธุระแทนนะ?
“ผู้อาวุโสหวัง” ระหว่างที่คิดอยู่ ไป๋ยี่เฟยก็ยังกล่าวทักทายหวังไห่ไปด้วยความเคารพ
หวังไห่เมินเฉยกับคำพูดของหญิงสาว และหันมาพยักหน้าให้ไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดว่า “ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ พอดีฉันมีธุระด่วนเลยต้องออกไปข้างนอก เลยไม่ทันได้บอกเธอไว้ก่อนจนทำให้พวกเธอต้องเข้าใจผิดกัน”
ไป๋ยี่เฟยมองไปยังพวกบอดี้การ์ดที่นอนอยู่รอบๆ แล้วขำออกมาในใจ เข้าใจผิดเหรอ? ตั้งใจทดสอบดูละสิไม่ว่า
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา เขาแค่ยิ้ม “ผู้อาวุโสหวัง ผมเสียมารยาทแล้วจริงๆ”
“เฮ้อ มันเป็นความผิดฉันเอง เพื่อเป็นการไถ่โทษ มา เดี๋ยวฉันดื่มชาเป็นเพื่อน” หวังไห่ตบๆ ที่บ่าของไป๋ยี่เฟย
หญิงสาวที่เห็น หวังไห่เอาแต่คุยกับไป๋ยี่เฟยและไม่ช่วยตัวเองพูดอะไรเลยสักนิด เธอจึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที แล้วเธอก็พูดอ้อนไปว่า “ผู้อาวุโสหวังคะ คุณได้ยินไหมคะ? ว่าเมื่อกี้เขาอยากจะฆ่าฉัน แถมยังล่วงเกินกับคุณอีก!”
มุมปากของไป๋ยี่เฟยถึงกับกระตุก ผู้หญิงคนนี้นี่ช่างกุเรื่องเก่งเหลือเกิน
“ผู้อาวุโสหวัง เมื่อกี้ผม……” ไป๋ยี่เฟยอยากจะแก้ต่างให้ตัวเอง ยังไงหวังไห่ก็ไม่ใช่คนที่ควรล่วงเกิน แต่แล้วสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
หวังไห่ยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้ และพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “ไม่เป็นไร”
จากนั้นก็หันไปขึ้นเสียงกับหญิงสาวในทันที “นังสาระเลว! เสี่ยวไป๋เป็นคนยังไงเธอคิดว่าฉันไม่รู้รึไง? เขาล่วงเกินเธอรึเปล่า เธอน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี! เขาเป็นแขกคนสำคัญของฉัน! ฉันทนไม่ได้หรอกนะที่เธอจะมาพูดจาใส่ร้ายเขาแบบนี้!”
พอหญิงสาวถูกหวังไห่ต่อว่า เธอก็ดูหงอยไปเลย “ผู้อาวุโสหวัง ฉัน…เขาคิดจะฆ่าฉันจริงๆ ……”
พอเห็นอย่างนั้น หวังไห่ก็ตบเข้าที่หน้าเธออย่างจัง
“แพร๊ะ!”
เสียงดังสนั่น
หญิงสาวถึงกับงง
หวังไห่พูดด้วยความโมโห “อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ เธออยู่สำนึกผิดตรงนี้ซะ ส่วนผลที่ตามมาจะเป็นยังไงเธอน่าจะรู้ดี!”
พูดจบ หวังไห่ก็หันมาบอกกับไป๋ยี่เฟยว่า “ไป เราเข้าไปในห้องนอนกัน”
ที่หน้าประตูห้องนอน ไป๋หู่กับสวีลั่งยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดที่ร่างกายผอมบางคนหนึ่งที่ติดตามหวังไห่มาโดยตลอดก็ได้ลุกขึ้น
ทั้งสามคนสบตากัน เพื่อประเมินความสามารถของอีกฝ่าย
ไป๋หู่หันมามองสวีลั่ง สวีลั่งก็เข้าใจความหมายของเขาทันที บอดี้การ์ดที่ผอมบางคนนี้ดูภายนอกอาจจะดูอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วเขาแกร่งมาก!
……
ภายในห้องนอนก็ยังมีห้องรับแขก ไม่เสียแรงที่เป็นห้องหรู มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
หวังไห่เชิญให้ไป๋ยี่เฟยนั่งลง จากนั้นก็ใช้กาต้มน้ำที่อยู่ตรงหน้าต้มน้ำเพื่อที่จะชงชา “ผู้หญิงนั้นรู้น้อย อย่าไปถือสาเธอเลยนะ”
ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ “ผมไม่ถือสาหรอกครับ”
หวังไห่ขำอย่างดีอกดีใจ แล้วใช้น้ำที่ต้มเดือด จากนั้นเขาก็หยิบชาหลงจิ่งออกมาชง มือไม้ของเขาดูคล่องแคล่วมาก รู้เลยว่าเป็นคนที่ชงชาอยู่ตลอดเวลา
ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “ผู้อาวุโสหวังนี่ช่างมีอารมณ์ที่สุนทรีย์มากเลยนะครับ”
“เฮ้อ ก็แค่ฉันฆ่าเวลาเท่านั้นแหละ” หวังไห่ตอบ ชาก็ชงเสร็จพอดี เขารินให้ไป๋ยี่เฟยแก้วหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยรับมาแล้วจิบเบาๆ “ฝีมือการชงชาของผู้อาวุโสหวังเยี่ยมยอดมากครับ”
แต่หวังไห่กลับวางกาน้ำชาลง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “รู้ไหมว่าฉันเรียกเธอมาเธอเพราะเรื่องอะไร?”