ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1047 ส่งเธอกลับบ้าน
ส่วนในคฤหาสน์ ฉุงเฉ่าซินกับฉุงโยวหมิงกำลังโต้เถียงกันหน้าแดง
“งั้นนายบอกฉันมา คนๆหนึ่งทำไมถึงหายตัวไปอย่างลึกลับได้? หา? อ้อ นายไม่ใช่ว่าไปขอพึ่งพาเจ้านายหรือ? ตอนนี้ก็ไปถามสิ!”
“คุณพ่อ ฉันไม่ได้เต็มใจนะ ตอนนี้สามารถปกป้องพวกท่านได้ก็ไม่เลวแล้ว!” ฉุงโยวหมิงยิ่งพูดยิ่งน้อยใจ “อีกทั้งน้องสาวก็แค่หายไป ส่งคนออกไปหามากหน่อย จะต้องหาเจอแน่”
แม่ของฉุงโยวหมิงเป็นหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาดี เห็นเธอก็รู้แล้วว่าทำไมฉุงลี่ซือถึงเกิดมางดงามขนาดนั้น
“ที่รัก คุณอย่าโทษหมิงหมิงเลย เขาเพียงแค่ทำเพื่อตระกูลฉุงของพวกเรา ไม่เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าพวกเราตอนนี้ทั้งหมดล้วน….” แม่ของฉุงโยวหมิงเอ่ยเกลี้ยกล่อม
ฟางหยัน ภรรยาของฉุงโยวหมิง เธอยืนอยู่ด้านข้างไม่กล้าสอดคำ
ฉุงโยวหมิงเอ่ยประโยคหนึ่งอย่างไม่พอใจยิ่งว่า “ยิ่งไปกว่านั้นน้องสาวก็แต่งออกไปแล้วด้วย เธอเป็นคนของตระกูลอื่นแล้ว ยังจะกังวลขนาดนี้อีกทำไม?”
“ไอ้สารเลว!”
ฉุงเฉ่าซินชี้หน้าฉุงโยวหมิงคำรามว่า “ถ้าไม่ใช่ว่าน้องสาวของนายแต่งให้กับคุณชายของหนานเหมิน นายยังคิดว่าตระกูลของพวกเราทั้งแก่ทั้งเด็กยังจะรักษาไว้ได้อยู่หรือ?”
“ตอนนี้จีซือตายไปแล้ว น้องสาวนายอยู่ที่นั่นคนเดียว เธอควรจะทำอย่างไร?”
แต่ทว่าฉุงโยวหมิงกลับสมองแล่นคิดออกมาว่า “คุณพ่อ ฉันวิเคราะห์ให้คุณพ่อฟัง”
“น้องสาวแต่งให้กับจีซือ แต่จีซือตายไปแล้ว แต่น้องสาวก็นับว่าเป็นคนของตระกูลจี เป็นคุณนายน้อยของสหพันธ์วรยุทธที่ถูกต้อง งั้นคุณพ่อก็ลองคิดดูถึงสถานะตอนนี้ของเธอ?”
“ถึงจะบอกว่าเทียบไม่ได้กับจีซือ แต่ว่าดีร้ายอย่างไรก็เอ่ยคำพูดออกมาได้ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ใช่มีผู้ประสานภายในของสหพันธ์วรยุทธแล้วหรือ? ถึงเวลานั้นทำธุรกิจก็ไม่ใช่ว่ายิ่งสะดวกหรือ?”
ฉุงโยวหมิงชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง เดิมทีสีหน้าที่เต็มไปด้วยโกรธเกรี้ยว ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งขึ้น
แต่ว่าเขายังพูดอีกประโยค “ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องหาน้องสาวของนายให้เจอก่อน อีกอย่างถ้าเกิดจีไซให้น้องสาวของนายเป็นม่ายต่อไป ภายหลังก็พูดยากแล้ว”
ฉุงโยวหมิงยิ้มเอ่ย “คุณพ่อ วางใจเถอะ น้องสาวก็แต่งให้กับจีซือแล้ว จีไซไม่มีทางให้คนมาคุกคามเพราะเรื่องเล็กน้อยนี่หรอก”
“น้องสาวเป็นภรรยาของจีซือ พวกจีไซจะต้องดีต่อน้องสาวแน่”
ฉุงเฉ่าซินถอนหายใจแผ่วเบา “ฉันหวังว่าแบบนั้น”
แม่ของฉุงโยวหมิงรินชาถ้วยหนึ่งให้ฉุงเฉ่าซิน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มีลูกชายอยู่ ก็อย่ากังวลใจขนาดนั้นเลย ฉันก็รู้ว่าคุณกังวลเรื่องลูกสาว แต่ว่าตอนนี้เธอแต่งให้จีซือแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเรามากมายแล้วจริงๆ”
หลังจากฉุงเฉ่าซินดื่มชาไปอึกหนึ่งก็ถอนหายใจออกมา
หลังจากตอนนี้ ทั้งครอบครัวก็ค่อยๆกลับมาสู่ความสงบ กลับไปสู้ครอบครัวที่ดูอบอุ่นในอดีต
ในระหว่างที่ทั้งครอบครัวกำลังเป็นบรรยากาศอบอุ่นนั้น พลันนึกถึงเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งขึ้นมา
“เธอเห็นหรือยัง? นี่คือบ้านที่เธออยากจะกลับมา”
ได้ยินเสียง คนในห้องนั่งเล่นก็ตกใจขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นก็มองไปยังทิศทางที่เสียงดังเข้ามา
ไป๋ยี่เฟยผลักประตูออก ในมือถือโถเซรามิกขนาดเล็กที่ห่อผ้าสีขาวไว้
“ไป๋ยี่เฟย!”
ฉุงเฉ่าซินและฉุงโยวหมิงต่างเรียกด้วยความตกใจและลุกขึ้นมา
หลังจากไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวสีหน้าเฉยเมยยืนอยู่ตรงนั้นมองที่พวกเขา “ฉันไม่ตายแปลกใจมากใช่ไหม?”
ฉุงโยวหมิงแปลกใจมากจริงๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก “นาย….นายถึงกับไม่ตาย?”
ต่อมาเขาก็มีสติกลับมา “ใครก็ได้! ใครก็ได้รีบเข้ามา!”
ด้วยเสียงร้องดังของเขา บอดี้การ์ดชุดสูทสีดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องรับแขก หลังจากนั้นก็ล้อมไป๋ยี่เฟยไว้ตรงกลาง
ไป๋ยี่เฟยมองผ่านบอดี้การ์ดที่ล้อมอยู่ เพียงแค่มองฉุงโยวหมิงเอ่ยว่า “ฉันไม่ตาย แล้วก็ไม่อาจตาย”
“เพราะว่าฉันรับปากเธอไว้แล้ว จะพาเธอกลับบ้าน”
“เธอคือใคร?” ฉุงเฉ่าซินในใจตื่นตระหนก รีบเอ่ยถาม
ไป๋ยี่เฟยใช้สีหน้าเรียบเฉยมองฉุงเฉ่าซิน “ฉุงลี่ซือ”
ฉุงเฉ่าซินมึนงงชั่วครู่ จากนั้นรีบเอ่ยถาม “เธอกลับมากับนายแล้ว? เธออยู่ที่ไหน?”
ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว บอดี้การ์ดด้านหน้าไม่ได้รับคำสั่งก็ถอยไปด้านหลัง จนกระทั่งไป๋ยี่เฟยมาถึงด้านหน้าโต๊ะ หลังจากนั้นเขาเอาสิ่งที่อยู่ในมือวางลงไป เปิดผ้าที่ห่ออยู่ด้านนอกออก
ไป๋ยี่เฟยเอ่ย “เธอก็อยู่ในนี้ไง หรือว่าพวกนายมองไม่เห็นหรือ?”
ฉุงเฉ่าซินโง่งมไปแล้ว
แม่ของฉุงโยวหมิงเหม่อไปแล้ว
ก็แม้ขนาดฟางหยันที่ดีใจทันทีที่ได้เห็นไป๋ยี่เฟยนั้นก็ตกตะลึงไปแล้ว
กลับเป็นในตอนนี้ ฉุงโยวหมิงตะโกนชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟย “เป็นนายที่ฆ่าน้องสาวของฉัน!”
จากนั้นเขาก็ตะโกนในบอดี้การ์ด “เร็ว! รีบฆ่าเขา!”
เหล่าบอดี้การ์ดนั้นก็ฟังคำสั่ง ดังนั้นทั้งหมดจึงควักอาวุธออกมา พุ่งไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยกลับมีสีหน้าเย็นชา เดินขึ้นหน้าไปทันที พริบตาเดียวมาถึงด้านหน้าของฉุงโยวหมิง ยื่นมือออกไปบีบคอของเขาไว้
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ใช้แรงอื่นใดช่วย บีบคอเขาไว้เท่านั้น ยกฉุงโยวหมิงขึ้นมา
เพราะว่าความเร็วของเขาเร็วเกินไป การโจมตีของบอดี้การ์ดเหล่านั้นต่างล้มเหลว
ฉุงโยวหมิงถูกไป๋ยี่เฟยบีบคอยกขึ้นมา ก็ดิ้นรนโดยไม่รู้ตัว มือทั้งคู่ตีแขนของไป๋ยี่เฟยไม่หยุด สองเท้าก็เตะไปมาวุ่นวาย
ส่วนไป๋ยี่เฟยเอ่ยถามอย่างเย็นชา “นายรู้ตั้งนานแล้วว่าเธอตายไปแล้ว แต่นายไม่กล้าบอกพ่อแม่มาโดยตลอด ใช่ไหม?”
หลังจากเหล่าบอดี้การ์ดโจมตีล้มเหลว เห็นคุณชายของตนเองถูกจับไว้ ก็คิดจะขึ้นหน้ามาช่วยเหลือ
“ไม่อยากตายก็อย่าเข้ามา!” ไป๋ยี่เฟยตะคอกใส่บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้นประโยคหนึ่ง
เหล่าบอดี้การ์ดถูกกลิ่นอายบนร่างของไป๋ยี่เฟยทำให้ตกใจแล้ว ทั้งหมดล้วนหยุดฝีเท้าลงโดยไม่รู้ตัว
ส่วนฉุงเฉ่าซินและนายหญิงฉุงอีกด้านพวกเขาก็มองไปที่กล่องเถ้ากระดูกด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เดินอย่างสั่นสะท้านเข้าไป กระบอกตาแดงขึ้นมาทันที
“ฮือๆ….ลูกสาวของฉัน เป็นแม่ที่ผิดต่อลูก!”
“ลี่ลี่เอ๊ย….”
ทั้งสองคนร้องไห้เสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยกลับเอ่ยเสียงเย็น “ตอนนี้ร้องไห้มีประโยชน์อะไร?”
“อีกอย่าง ฉุงเฉ่าซิน ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่นายที่วางแผนไว้หรอกหรือ?”
คำพูดของไป๋ยี่เฟยทำให้คนทั้งคู่ที่ร้องไห้อยู่เงียบลงทันที
คนที่เหลือต่างก็ตกตะลึง เผยสีหน้าที่ตกใจและสงสัยออกมา
ฉุงเฉ่าซินแววตาสั่นสะท้าน เอ่ยถาม “นายหมายความว่ายังไง?”
ไป๋ยี่เฟยโยนฉุงโยวหมิงลงบนพื้นราวกับโยนขยะทิ้งเช่นนั้น หลังจากนั้นหมุนกายเดินไปทางฉุงเฉ่าซิน
เหล่าบอดี้การ์ดถูกกลิ่นอายที่แผ่ออกมาของไป๋ยี่เฟยตรึงไว้ อย่าเอ่ยว่าให้หยุดไว้ ไม่ถอยหลังไปก็ใช้ความกล้าอย่างมากแล้ว
มองไป๋ยี่เฟยที่เดินเข้ามาหาพวกเขา ฉุงเฉ่าซินสามีภรรยาทั้งสองก็ถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่าตอนที่ไป๋ยี่เฟยเดินมาถึงข้างโต๊ะก็หยุดลง เขาก้มหน้ามองกล่องเถ้ากระดูกของฉุงลี่ซือ เอ่ยว่า “ฉันทำตามสัญญาที่รับปากไว้กับเธอแล้ว พาเธอส่งกลับบ้านแล้ว”
“แต่ยังมีคำสัญญาหนึ่งของฉันที่มีกับฉันเอง”
“ฉันจะแก้แค้นให้เธอ!”
“ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ล้วนต้องลงไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ!”
คำพูดสุดท้ายเอ่ยจบ ไป๋ยี่เฟยสายตาเย็นชา ราวกับว่าแม้แต่อุณหภูมิในห้องทั้งหมดล้วนเย็นเยียบขึ้นมา
ฉุงโยวหมิงที่ถูกโยนไว้ที่พื้นตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ตะโกนอย่างโมโหไปทางเหล่าบอดี้การ์ด “ยังจะตะลึงอยู่ทำไม? รีบฆ่าเขาเร็วเข้าสิ!”
แต่ทว่าเหล่าบอดี้การ์ดพวกนั้นไม่มีสักคนที่กล้าขยับ เพราะว่าหลังจากตอนที่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือไป๋ยี่เฟยนั้น พวกเขาก็ถูกทำให้ตกใจจนความกล้าพังทลายนานแล้ว
ถามหน่อย พวกเขาใครจะไปกล้ากับผู้แข็งแกร่งที่สามารถฆ่าเต้าจ่างหลายคนได้ด้วยตัวคนเดียว?
ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยอยู่ที่สหพันธ์ใหญ่ถูกเต้าหลายคนจ่างปิดล้อมไว้ในการต่อสู้นั้น จนถึงตอนนี้ทำให้ทุกคนในเมืองหลวงมีภาพความทรงจำฝังลึก
แต่ว่า ใจคนมักจะคาดเดาไม่ได้เสมอ
บางคนกลัวความตาย บางคนกลับเพื่อชื่อเสียงเงินทองแล้ว ไม่เสียดายค่าตอบแทนใดๆ รวมทั้งชีวิตของตัวเอง
ดังนั้น ในกลุ่มบอดี้การ์ดเหล่านี้ มีคนหนึ่งที่ขยับเคลื่อนไหวแล้ว
เขายืนอยู่ที่ด้านหลังของไป๋ยี่เฟย ในมือถือมีดเล่มหนึ่ง ในขณะที่ใจเต้นก็ฟันลงไปที่หลังของไป๋ยี่เฟยในครั้งเดียว
“ปัง!”
ส่วนไป๋ยี่เฟยเพียงแค่โบกมือเบาๆ คนผู้นั้นก็ลอยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืนใหญ่ หน้าต่างของห้องนั่งเล่นแตกกระจายหล่นลงไปในสวน