ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 95 พี่รองขายของ ไม่ทำให้ผิดหวัง
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 95 พี่รองขายของ ไม่ทำให้ผิดหวัง
บทที่ 95 พี่รองขายของ ไม่ทำให้ผิดหวัง
……….
บทที่ 95 พี่รองขายของ ไม่ทำให้ผิดหวัง
อีกด้านหนึ่ง
เย่ฉางอันมาถึงอำเภอแล้ว
เขาตรงไปที่ตลาดสดทันที
เขาวางถังน้ำและตะกร้าสตรอว์เบอร์รีลงบนพื้น แล้วหยิบตาชั่งออกมา
ตอนเช้ามีคนเยอะมาก
“มีเห็ดสนแต่เช้าแบบนี้เลยเหรอ?” มีคนหยุดเดิน “จินละเท่าไหร่?”
เย่ฉางอันรีบหยิบตาชั่ง ยิ้มพลางพูดว่า “5 เฟินต่อจินครับ จะเอากี่จินดีครับ? มีแค่ผมที่ขายนะ”
“ที่อื่นยังไม่มีเห็ดสนเลย”
คนนั้นลังเลเล็กน้อย “ซื้อสองจินแล้วกัน”
เย่ฉางอันหยิบใบตองออกมา แล้วตักเห็ดสนให้ลูกค้าประมาณสองจินกว่า ๆ
เขาห่อเห็ดด้วยใบตอง แล้วใส่ลงในตะกร้าของลูกค้า
ลูกค้าจ่ายเงิน 1 เหมา แล้วก็จากไป
สองถังนี้มีเห็ดประมาณ 50 กว่าจิน ที่เอามาแค่นี้เพราะคนที่บ้านกลัวว่าเขาจะแบกไม่ไหว
ที่บ้านยังมีเห็ดอีกหนึ่งถัง
คนอื่น ๆ ก็ซื้อไปบ้าง
เห็ดพวกนี้ราคาไม่แพง แค่รอบแรกที่ออกมาใหม่ ๆ เท่านั้น
ดังนั้นจึงขายได้ค่อนข้างเร็ว
ช่วงเช้าก็ขายไปได้เกือบหมดแล้ว
ส่วนสตรอว์เบอร์รีที่เอามา 20 จิน ขายได้แค่ 5 จินเท่านั้น
เย่ฉางอันรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง
เขาเห็นคู่รักหนุ่มสาวและคนแก่ที่พาเด็กมาด้วย ต่างก็ตะโกนขายของกันอย่างขะมักเขม้น
วิธีนี้ก็ได้ผลอยู่เหมือนกัน
ขายไปได้อีก 5 จิน
เมื่อเหลืออยู่ 10 จินเห็ดก็ขายไปเกือบหมดแล้ว
เหลือแค่ 1-2 จิน ก็ไม่ต้องรีบขายแล้ว
เย่ฉางอันจำได้ว่าพ่อแม่เคยบอกถึงที่ที่ขายของได้ดี เขาจึงหอบถังกับสตรอว์เบอร์รีไปที่สำนักงานธัญพืช
พอดีเป็นเวลาอาหารกลางวัน
คนที่นี่คุ้นเคยกันดีแล้ว ก็มาซื้อไป 6 จิน
ในตะกร้าเหลือแค่ 4 จินเท่านั้น
มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า “นี่คืออะไร? ดูสวยจังเลย”
แต่กลับพบว่าเป็นคนคุ้นหน้า
เย่เหวินชางเดินมากับเพื่อนร่วมชั้นหลายคน
พวกเขากำลังคุยกันอยู่
เย่เหวินชางมองดูหนึ่งครั้ง ดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ก็รีบทำเป็นไม่รู้จักอย่างรวดเร็ว สีหน้าเฉยเมย
เขาเป็นคนมีการศึกษา อนาคตไกล จะมาคลุกคลีกับชาวนาไร้การศึกษาพวกนี้ได้อย่างไร
เขาก็หวังว่าเย่ฉางอันจะไม่มาอ้างความเป็นญาติกับตน
“ราคาเท่าไหร่คะ?” ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาถามอย่างสนใจ
เย่ฉางอันบอกราคา สาวคนนั้นตกใจทันที “แพงขนาดนี้เลยเหรอ? ราคานี้ยังขายออกอีกเหรอ?”
คนจากสำนักงานธัญพืชที่อยู่ข้าง ๆ พูดว่า “ขายดีมากเลยละ ครอบครัวนี้เขาเก่งเรื่องทำธุรกิจ สองสามเดือนนี้คงทำเงินได้เยอะเลยทีเดียว”
เย่ฉางอันยิ้มน้อย ๆ “ไม่หรอกครับ ก็แค่เงินที่ได้มาจากความเหนื่อยยากเท่านั้น”
สาวคนนั้นก็ไม่อยากซื้อของแพงขนาดนั้น เธอหันไปมองเย่เหวินชาง
เย่เหวินชางเพิ่งได้รับเงินช่วยเหลือจากโรงเรียนมา ในกระเป๋ายังมีเงินอยู่บ้าง
“ซื้อหนึ่งจิน”
เย่ฉางอันเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากคุยกับตัวเองมาก
เขาชั่งให้หนึ่งจิน แล้วก็เพิ่มให้เย่เหวินชางอีกสองสามลูก “รสชาตินี่อร่อยมากเลยนะ ลองดูสิ”
เย่เหวินชางพยักหน้า แล้วลุกขึ้นพาคนไปเลย
เหยาซิ่วซิ่วที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย “น้องชาย ฉันอุดหนุนของของครอบครัวนายขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นนายเพิ่มให้ฉันอีกสักสองสามลูกบ้างล่ะ?”
เย่ฉางอันยิ้มอย่างจนใจ “เด็กหนุ่มคนเมื่อกี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของผม”
“ไม่งั้นพวกเขาหลายคนแบบนั้น หนึ่งจินก็คงไม่พอแบ่งกัน”
เหยาซิ่วซิ่วพยักหน้า เพิ่งนึกขึ้นได้ “งั้นเขาก็แย่มากนะ นายอุตส่าห์ให้เขาเยอะเป็นพิเศษ แต่เขากลับทำเป็นไม่รู้จักนาย”
“นี่เป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยมต้นไม่ใช่เหรอ? ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”
เย่ฉางอันโบกมือ “ไม่เป็นไร เขาอยู่ต่อหน้าเพื่อน ๆ คงไม่กล้าพูดกับผมหรอก”
เย่ฉางอันพูดแบบนั้น แต่ในใจรู้ดี
ครอบครัวลุงใหญ่ล้วนดูถูกพวกเขา
เย่เหวินชางก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ ไม่ได้บังคับให้คนอื่นต้องสนใจเขาเสมอไป
“ขอบคุณพี่สาวที่ช่วยอุดหนุนนะครับ”
“ผมยังมีเห็ดเหลืออยู่นิดหน่อย ถ้าคุณไม่รังเกียจ เอากลับไปกินที่บ้านไหมครับ?”
เหยาซิ่วซิ่วเข้าไปดูใกล้ ๆ “เป็นเห็ดสนด้วย! ฉันชอบกินมากเลย”
“งั้นขอบคุณมากนะ”
เย่ฉางอันห่อให้เธอเรียบร้อยแล้วส่งให้
สตรอว์เบอร์รียังขายไม่หมด
เย่ฉางอันเดินไปทั่วเมืองเพื่อเปลี่ยนสถานที่ขาย
ในที่สุดก็ขายหมดทุกอย่าง
เขารู้สึกโล่งอก คิดว่าไม่ทำให้คนที่บ้านผิดหวัง
“โชคดีที่ขายหมด ไม่งั้นของมีค่าแบบนี้ ถ้าเก็บไว้นานก็จะไม่สดแล้ว”
“โครกคราก”
เย่ฉางอันเดินอยู่บนถนน ท้องของเขาร้องดังขึ้นมาด้วยความหิว
เขาเดินเข้าไปในร้านบะหมี่แห่งหนึ่ง “เถ้าแก่ ขอบะหมี่หนึ่งชามครับ”
“ได้เลย นั่งก่อนนะ”
บะหมี่ถูกยกมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เย่ฉางอันกำลังกินอย่างตะกละตะกลาม มีคนคนหนึ่งเดินมานั่งลงตรงข้ามเขา
“เถ้าแก่ ขอเสี่ยวหลงเปาหนึ่งที่ครับ” คนที่พูดสวมเสื้อเชิ้ตลายดอก ผมจัดทรงแข็งตั้งขึ้น
ในมือถือกระเป๋าหนัง พอนั่งลงก็เริ่มสั่นขา
“น้องชาย มาทำธุรกิจในเมืองเหรอ?”
เย่ฉางอันมีเงินอยู่ในกระเป๋า เขาขายเห็ดได้ 50 กว่าจิน ได้เงินมา 2 หยวน 6 เหมา
แต่สตรอว์เบอร์รี 20 จิน ขายได้ 16 หยวน
ตอนนี้เขามีเงินติดตัวมากมาย จึงไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้า
“น้องชาย ระวังตัวมากเลยนะ ไม่ต้องกังวลไป พี่ชายก็เป็นคนทำธุรกิจเหมือนกัน”
“พวกเราเป็นคนในวงการเดียวกัน พี่ก็เคยผ่านมาเหมือนเธอ จะหลอกเธอได้ยังไง”
“พี่เห็นเธอเก่งเรื่องการขายของ ขายของอย่างขยันขันแข็ง เลยสนใจเธอขึ้นมา”
หลี่เย่ยิ้มแย้มพูดว่า “มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ถือว่าเป็นการผูกมิตรกันนะ”
เย่ฉางอันไม่เคยเชื่อว่าจะมีเรื่องโชคดีแบบลาภลอยตกลงมาจากฟ้า
เขาทำเป็นไม่ได้ยิน กินบะหมี่เข้าคำใหญ่ ๆ
กินเสร็จแล้ว ก็หยิบถังกับตะกร้าเดินจากไป
เถ้าแก่พูดว่า “เขาจ่ายเงินไปนานแล้ว คงมาจากชนบท ระแวงคนมาก”
“ชิ” หลี่เย่มีท่าทีอับจนหนทาง “ไอ้หนุ่มคนนี้ พูดด้วยยากจริง ๆ ถ้าตามฉันมาจะได้เงินเยอะนะ”
“สังคมนี้ซับซ้อนนัก ไม่รู้จักวิธีคบคน รวยไม่ได้หรอก”
“แน่นอนสิ” เถ้าแก่ถือชามบะหมี่ พลางหัวเราะเออออ “เขาที่ไหนจะเหมือนคุณล่ะ”
“เถ้าแก่หลิน ได้ยินว่าช่วงนี้รวยแล้ว ซื้อจักรยานคันใหม่ด้วยนะ”
“ดูฉันสิ มีคุณสมบัติยังไงบ้าง? เมื่อไหร่จะพาฉันไปด้วยล่ะ?”
หลี่เย่หัวเราะฮ่า ๆ ท่าทางภูมิใจ “แน่นอนสิ นี่เรียกว่ามีหัวการค้าไง”
เถ้าแก่รู้ว่าหลี่เย่เป็นคนใจดำ จึงไม่พูดอะไรมาก
เย่ฉางอันยังจำคำสั่งของพ่อแม่ได้ ไปซื้อลูกอมสิบเม็ดกับเนื้อหมูสองจิน
พอรถมาถึง เขาก็ขึ้นเกวียนวัวไป ไม่กล้าอยู่ในเมืองนาน
คนขับเกวียนแก่ ๆ ก็ขับรถไป พูดว่า “เห็ดของนายขายดีนี่ ขายหมดเลย”
“ใช่แล้ว พอดีมาทันช่วงที่ยังสดใหม่ พอเห็ดมีมากขึ้น ก็จะไม่มีใครซื้อแล้ว”
“แต่ละบ้านก็คงไม่ได้กินเห็ดกันทุกวันหรอก”
คนขับเกวียนยิ้มน้อย ๆ “ครอบครัวของพวกคุณขยันจริง ๆ ฉันมาเมืองบ่อย คนที่พามาส่วนใหญ่มาทำธุระหรือมารักษาตัว”
“แบบพวกคุณที่มาค้าขายบ่อย ๆ แบบนี้ยังหายากอยู่”
เย่ฉางอันไม่ได้พูดอะไรมาก
เขากลัวว่าจะมีคนได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อ
เพราะเขาเข้าใจดีถึงหลักการที่ว่าไม่ควรอวดรวย
เมื่อกลับถึงบ้าน
เย่ฉางอันเอาเนื้อหมูไปให้แม่จัดการ
แล้วหยิบลูกอมมาให้เย่เสี่ยวจิ่นทั้งหมด
“เจ้ารอง ดูสิ ถังของลูกว่างเปล่า ตะกร้าก็ว่างเปล่า”
“ดูเหมือนว่าวันนี้ไปขายของในเมืองคงราบรื่นดีสินะ?”
เย่ฉางอันยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่แล้วครับ เหลือเห็ดประมาณ 2 จินที่ขายไม่หมด ผมเลยเอาไปให้เหยาซิ่วซิ่วน่ะ”
“เธอใจดีมาก บอกว่าอุดหนุนของของบ้านเราเป็นประจำ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบพยักหน้าทันที “ใช่แล้ว หญิงสาวคนนั้นใจดีมาก ทุกครั้งที่ไปก็ซื้อของ”
“ถือว่าเป็นลูกค้าประจำของเราแล้วละ”
เย่เสี่ยวจิ่นกินลูกอมไปหนึ่งเม็ด “พี่ชายเก่งจังเลย ต่อไปงานขายของ ต้องมอบให้พี่ได้เลยนะ”
เย่ฉางอันลูบท้ายทอย “ได้สิ แต่ครั้งนี้พี่ทำได้ยังไม่ดีพอหรอก คราวหน้าต้องทำให้ดีกว่านี้แน่”
เย่ฉางอันเล่าให้เย่เสี่ยวจิ่นฟังอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับการเจอคนที่อยากจะคุยกับเขา
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างระแวง “คนนั้นต้องเห็นผมหาเงินได้ แล้วอยากจะหลอกผมแน่ ๆ”
“พ่อแม่เคยไปในเมืองมาก่อน คงเคยเจอเขามาแล้วใช่ไหม?”
“เป็นคนท่าทางเหลวไหล อายุราว 20 ปี ดูเหมือนเป็นพวกนักเลงเกเรน่ะ”
……….