ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 177 เย่เสี่ยวจิ่นร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่ชายคนรอง
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 177 เย่เสี่ยวจิ่นร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่ชายคนรอง
บทที่ 177 เย่เสี่ยวจิ่นร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่ชายคนรอง
…………….
บทที่ 177 เย่เสี่ยวจิ่นร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่ชายคนรอง
มือของเย่จู๋สั่นไปหมด หล่อนหนีไปอย่างรวดเร็วด้วยดวงตาแดงก่ำ
ขนมเหล่านี้หล่อนแอบเอามาโดยที่พ่อแม่ไม่รู้
แต่ไม่คิดว่าจะเปิดเผยความลับของพี่ชายออกมาตรงๆ…
จิ่นเป่าฉลาดเกินไป ถึงกับคิดออกในไม่ช้า
หัวใจของเย่จู๋ปั่นป่วนราวกับคลื่นยักษ์ หล่อนต้องรีบไปปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อแม่โดยด่วน
หลี่ชุ่ยชุ่ยขมวดคิ้ว “จิ่นเป่า นี่เป็นฝีมือของเย่เหวินชางจริงๆ หรือ?”
หลิวเยว่ก็รู้สึกหวาดกลัว “นี่มันชัดเจนอยู่แล้ว เขาทำเกินไปจริงๆ ฉางอันกับเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ทำไมถึงได้แทงข้างหลังกันแบบนี้?”
ดวงตาของหลี่ชุ่ยชุ่ยเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “หลายปีมานี้ครอบครัวพี่ใหญ่รังแกพวกเรามามาก ฉันแค่ไม่อยากพูดถึง”
“แต่ครั้งนี้ทำถึงขนาดนี้เลย เป็นการทำร้ายคนอื่นโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย!”
“เย่เหวินชางอ่านหนังสือมามากมาย แต่กลับกลายเป็นคนเลวไปเสียอย่างนั้น!”
แม้หล่อนจะโกรธแค้น แต่ก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง “ติดที่พวกเราไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะพิสูจน์ว่าเป็นฝีมือของเย่เหวินชาง ถ้าเขาไม่ยอมรับ พวกเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้สินะ?”
“พวกเราต้องการหลักฐานด้วยหรือ? พวกเราแค่รู้ความจริงก็พอแล้ว”
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองดู เห็นว่าลูกสาวมีวิธีของตัวเอง “ดีนะที่จิ่นเป่าฉลาด ตอนนี้แม่คิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ”
“แม่ วางใจได้เลยค่ะ” เย่เสี่ยวจิ่นแค่นเสียงฮึ กำมือแน่น
เธอไม่ต้องการวิธีอะไรทั้งนั้น
วันนี้เธอจะใช้ความรุนแรงต่อต้านความรุนแรง!
ช่วงนี้ค่าพลังกายของเธอเต็มเปี่ยมแล้ว 10 คะแนนเท่ากับพละกำลัง 100 กิโลกรัม แรงของเธอมีมากพอๆ กับคนหนุ่มทั่วไปแล้ว
รวมกับศิลปะการต่อสู้ระดับปรมาจารย์ที่เธอเชี่ยวชาญ
วันนี้ถ้าไม่ทำให้หัวของเย่เหวินชางแตก เธอยอมเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างอื่น!
เย่จื้อผิงพาเย่จวินไปด้วยระหว่างทาง
พ่อลูกสองคนไปที่ตำบลด้วยกัน
เย่ฉางอันไม่มีทางแก้ตัวได้เลย เขาถูกส่งตัวไปยังไซต์ก่อสร้างแห่งหนึ่งเพื่อขนดินและหินอย่างงงๆ
ที่นี่กำลังสร้างถนนใหม่ คนที่ทำงานที่นี่ล้วนเป็นนักโทษที่ถูกส่งมาใช้แรงงาน
เย่ฉางอันหิวจนตาลาย แต่ผู้คุมรอบๆ ก็จ้องมองเขาไม่วางตา
แม้แต่จะพักสักครู่ก็ไม่ได้
“พี่ชาย คุณมาใช้แรงงานที่นี่เพราะอะไรหรือ?” หลินต๋ามองเย่ฉางอันอย่างสงสัย “หนุ่มๆ แบบนี้ คงเป็นเพราะตีกันทำร้ายคนอื่นสินะ?”
เย่ฉางอันมองหลินต๋าแวบหนึ่ง “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมบริสุทธิ์”
“เฮอะ มีอะไรต้องปิดบังด้วย” หลินต๋าพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก็หนุ่มๆ กันทั้งนั้น ใครบ้างไม่เคยตีกันช่วงวัยรุ่น?”
เย่ฉางอันส่ายหน้า เขาคิดว่าการต่อสู้ทำร้ายกันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายนั้น เป็นพฤติกรรมของคนโง่เท่านั้น
เขาไม่มีทางไปตีกันหรอก ถ้าตีกันแล้วทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ก็จะทำงานไม่ได้ หาเงินไม่ได้
ถ้าทำให้คนอื่นบาดเจ็บ ก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คนอื่น
ข้าวยังกินไม่อิ่มเลย เขาไม่มีเวลาว่างไปตีกันหรอก
“พวกคุณหยุดคุยกันได้แล้ว ทำงานให้ดีๆ!”
หลินต๋าดูเหมือนจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขายิ้มแหยๆ แล้วไม่นานก็ไปคุยกับคนอื่นอีก
เย่ฉางอันหิวจนไส้กิ่ว ขมวดคิ้วมองคนที่คอยควบคุม “ผมหิวมากจริงๆ ขอไปหาอะไรกินหน่อยได้ไหมครับ?”
“ไม่ได้ นายคิดว่ามาเล่นเหรอ? นายมาใช้แรงงานเพื่อชดใช้ความผิด ห้ามไปไหนทั้งนั้น!”
เย่ฉางอันรู้สึกหมดคำพูด
ในใจคิดว่าถ้ารู้ว่าใครเป็นคนทำให้ตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้ จะต้องไม่ปล่อยคนคนนั้นไปง่ายๆ แน่
เขาก้มหน้าทำงาน ผ่านไปสักพัก คนคุมงานก็เดินมา
“เย่ฉางอัน รีบไปเถอะ”
เย่ฉางอันเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเป็นพ่อและพี่ชายคนโตที่กำลังยืนชะเง้อคอมองเขาอยู่ไม่ไกล
เขารู้สึกจมูกแสบร้อนทันที โยนเครื่องมือทิ้งแล้วรีบเดินตรงไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เย่จื้อผิงรีบเปิดถุงหมั่นโถว “เจ้ารีบกินอะไรหน่อยสิ คงหิวมากแล้วสินะ? แม่ทำหมั่นโถวมาให้เยอะเลย ถ้าตอนกลางคืนเจ้าหิวก็กินนี่แหละ”
“พรุ่งนี้พ่อจะให้เสี่ยวหวายเอาเนื้อและผักมาส่งให้กิน แต่เขาต้องเรียนหนังสือ จึงส่งอาหารให้ลูกได้แค่วันละมื้อเท่านั้น”
“เวลาอื่นลูกก็กินหมั่นโถวนี่แหละ มะรืนนี้แม่จะทำแผ่นแป้งให้ลูก”
เย่จื้อผิงพูดพลางมองเย่ฉางอันที่ใช้มือสกปรกหยิบหมั่นโถวออกมากินอย่างตะกละตะกลาม
เขาอดรู้สึกสงสารลูกชายไม่ได้ “ค่อยๆ กินสิ ระวังจะสำลัก”
“พ่อ พวกเขาช่างไร้มนุษยธรรมเหลือเกิน ให้คนทำงานหนักแต่ไม่ให้ข้าวกิน”
เย่ฉางอันยัดหมั่นโถวเข้าปากเต็มๆ กลืนลงไปทีละคำใหญ่ๆ ราวกับอยากจะกินทีละชิ้นเลยทีเดียว
“แม่เอาผักดองมาให้ด้วย กินกับผักดองสิ”
เย่ฉางอันเปิดกระปุก แกะหมั่นโถวออก แล้วเทผักดองลงบนหมั่นโถว
กินอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยจัง หมั่นโถวนี่อร่อยมาก เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ นุ่มฟูมากเลย”
เย่จื้อผิงถอนหายใจ “ลูกหิวมากแล้วล่ะสิ ถึงได้รู้สึกว่ากินอะไรก็อร่อยไปหมด”
“ไม่ใช่หรอก ผมคิดมาตลอดว่าหมั่นโถวแป้งขาวเป็นของอร่อย” เย่ฉางอันพูดพลางยิ้ม “พวกพ่ออย่าทำหน้าเศร้าๆ มองผมแบบนี้สิ ผมไม่เป็นไรหรอก”
“แค่มาทำงานซ่อมถนนที่นี่เท่านั้นเอง จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เหนื่อยมากหรอก”
“พวกพ่อไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ อีกไม่กี่วันผมก็จะได้กลับไปแล้ว”
เย่จวินมองน้องชาย พูดอย่างจริงจัง “ครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ทั้งหมดเป็นเพราะมีคนคอยทำเรื่องไม่ดีลับหลัง”
“พวกเรากลับไปก็ต้องคิดให้ดีๆ ว่าใครกันแน่ที่แจ้งความ”
“นายอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ ที่บ้านก็มีรถอยู่นี่ ถ้านายขาดอะไรก็บอกเย่หวาย พวกเราจะส่งมาให้”
เย่ฉางอันโบกมือ “ผมจะขาดอะไรได้ พวกพี่ส่งผ้านวมและหมั่นโถวมาให้ผมแล้ว”
“ผมกินได้นอนได้ ยังมีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนด้วย ไม่ขาดอะไรเลย”
เย่จวินรู้ว่าเขาแค่พูดให้ดูสบายๆ เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นห่วง
“พวกเราจะคิดหาวิธี ดูว่ามีทางออกไหม”
เย่ฉางอันยิ้มขื่น “จะมีวิธีอะไรได้ ผมคงต้องยอมรับว่าโชคร้ายแล้วล่ะ”
“กินเสร็จหรือยัง? รีบมาทำงานได้แล้ว อย่าแอบขี้เกียจนะ!”
“ผมไปก่อนนะ” เย่ฉางอันยังต้องทำงาน ไม่กล้าชักช้า
เย่จวินและเย่จื้อผิงก็ไม่ได้กลับไป แค่รออยู่แถวๆ นั้น
เมื่อเย่ฉางอันทำงานเสร็จ จึงจะนำผ้านวมไปส่งที่พักของเขาได้ ถ้าวางไว้ข้างทางก็กลัวว่าคนจะเอาไป
หลังจากวางของเรียบร้อยแล้ว เวลาก็ไม่เช้าแล้ว
ในตอนนี้ ที่ประตูที่พักของนักโทษมีคนมาอีกสองสามคน พานักโทษใหม่มา
เย่ฉางอันพูดกับพ่อว่า “พ่อครับ ดูสิ คนที่ถูกส่งมาที่นี่มีตั้งเยอะแยะ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว”
“ที่นี่คึกคักมาก และคงไม่ขังคนไว้ตลอด ไม่งั้นที่นี่จะมีที่อยู่พอเหรอครับ”
“ลูกยังมีหน้ามายิ้มอีกนะ” เย่จื้อผิงถอนหายใจ
“พ่อคะ! พี่รองคะ! หนูมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วค่ะ!” เสียงใสๆ ดังขึ้น
มือของเย่จื้อผิงสั่น เขามองไปที่ประตู
คนใหม่ที่ถูกคุมตัวมาก็คือลูกสาวสุดที่รักของเขานั่นเอง!
เย่จื้อผิงแทบจะเป็นลมไป “จิ่นเป่า ทำไมลูกถึงมาที่นี่ล่ะ?”
หลินซูที่อยู่ข้างๆ ด่าด้วยความโกรธว่า “หล่อนก่อเรื่องทะเลาะวิวาท มีพฤติกรรมที่เลวร้ายมาก!”
เย่จื้อผิงรีบพูดว่า “สหาย ต้องมีความเข้าใจผิดแน่ๆ หล่อนยังเป็นเด็กอยู่เลย จะไปทะเลาะวิวาทได้อย่างไร?”
หลินซูหัวเราะด้วยความโกรธ “หล่อนทำให้นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งกระดูกมือหักทั้งสองข้าง ขาก็หักด้วย ต้องหามไปโรงพยาบาลอำเภอ”
“นี่ยังจะเรียกว่าเด็กอีกหรือ? มันน่ากลัวมากจริงๆ”
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของพ่อและพี่ชายทั้งสองคน
เธอกางมือออก “หนูไปทุบตีเย่เหวินชางจริงๆ แต่ความจริงก็ไม่ได้ตั้งใจ”
“เขาเป็นคนไม่ดีมาก ถึงขนาดทำร้ายพี่รอง หนูก็เลยเกิดอารมณ์ชั่ววูบน่ะ”
เธอถอนหายใจ ทำหน้าเสียใจ “ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะทนไม่ไหวขนาดนั้น? ฉันก็ยินดีที่จะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลแล้วนะ”
“ฉันมีความสำนึกในการกลับตัวดี หวังว่าพี่หลินจะพยายามให้ฉันได้ออกไปเร็วๆ นะคะ”
หลินซูกลอกตา “อย่าคิดว่าเธอหน้าตาน่ารัก แล้วจะทำอะไรตามใจชอบได้นะ อยู่ดีๆ นั่นแหละ!”
เย่จื้อผิงจูงมือลูกสาว ตอนนี้กลับเป็นเขาเองที่อยากจะร้องไห้
ลูกสาวที่อ่อนแอของเขา หากต้องมาใช้แรงงานที่นี่ จะลำบากแค่ไหน
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ จิ่นเป่า”
เย่เสี่ยวจิ่นตบไหล่พ่อเบาๆ “พ่อ ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูอยู่ปรับทัศนคติที่นี่ ไม่ต้องไปทำงานหนักหรอกค่ะ”
“หนูเป็นเด็ก ไม่สามารถใช้แรงงานได้ อย่างมากก็แค่โดนปรับปรุงทัศนคติเท่านั้น”
“จริงเหรอ งั้นก็ดีแล้ว” เย่จื้อผิงหยุดร้องไห้ทันที เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก “งั้นลูกอยู่เล่นที่นี่หนึ่งเดือนนะ อย่าไปตีใครอีกล่ะ”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า “พ่อ วางใจได้เลยค่ะ!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โอ๊ย ไม่นึกเลยว่าจิ่นเป่าจะใช้วิธีนี้ คนอื่นใจหายใจคว่ำหมด
ไหหม่า(海馬)
…………….