ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 176 ตัวการสำคัญคือเย่เหวินชาง
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 176 ตัวการสำคัญคือเย่เหวินชาง
บทที่ 176 ตัวการสำคัญคือเย่เหวินชาง
……….
บทที่ 176 ตัวการสำคัญคือเย่เหวินชาง
พอถึงช่วงบ่าย ซุนจ่างซุ่นก็ส่งข่าวมา
หลี่ชุ่ยชุ่ยและเย่จื้อผิงต่างนั่งไม่ติดที่อยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปทำงานทั้งวัน
หลี่ชุ่ยชุ่ยตัดจูเฉ่าอย่างใจลอย ไม่ได้ทำงานให้เรียบร้อย
พอซุนจ่างซุ่นมาถึง หล่อนก็รีบเข้าไปห้อมล้อมทันที
“ท่านผู้ใหญ่บ้าน เป็นยังไงบ้างคะ? ลูกชายฉันไม่ได้ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควรจริงๆ นะคะ”
“ท่านผู้ใหญ่บ้านก็รู้ดี เขาแค่ขายปลาเท่านั้นเอง”
“แบบนี้จะถือว่าเป็นการฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควรได้ยังไงกันคะ?”
ซุนจ่างซุ่นถอนหายใจ “ฉันรู้ ฉันเข้าใจดี ปัญหาคือมีคนแจ้งความโดยไม่ระบุชื่อ เรื่องนี้ก็เลยอธิบายให้ชัดเจนไม่ได้แล้ว”
“ตอนนี้แค่ไปส่งเสื้อผ้าให้เขาเปลี่ยน แล้วก็ต้องเอาผ้านวมไปให้เขาด้วยผืนหนึ่ง”
“คาดว่าต่อจากนี้คงต้องไปทำงานในชนบทแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่”
ทันใดนั้นหลี่ชุ่ยชุ่ยก็แทบจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
การถูกส่งไปใช้แรงงานเพื่อปรับปรุงตัวครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน
แถมลูกชายต้องไปทนทุกข์ทรมาน หล่อนในฐานะแม่ย่อมรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นธรรมดา
“พวกคุณก็อย่าเศร้าเกินไปเลย ฉันได้ยินมาว่าพวกที่โดนแจ้งความแบบไม่มีหลักฐานชัดเจนแบบนี้ได้รับโทษไม่นานหรอก”
“อย่างมากก็แค่เดือนเดียว เขาก็จะได้กลับมาแล้ว”
“แต่การถูกส่งไปใช้แรงงานครั้งนี้ ต่อไปคงจะมีคนไม่พอใจเรื่องตำแหน่งหัวหน้าทีมแน่ๆ”
ซุนจ่างซุ่นรู้ดีว่าเย่ฉางอันทำงานเก่ง แต่ก็กลัวว่าจะถูกนินทาลับหลัง
“ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้ก่อนดีกว่า รีบไปส่งของให้เขาเถอะ อย่าลืมเอาของกินไปด้วยนะ ต้องไปส่งอาหารทุกวันด้วย”
“ในหมู่บ้านมีเพียงบ้านเก่าหลังหนึ่งให้พวกเขาอยู่ ไม่มีอาหารให้”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบตกลงทันที สอบถามที่อยู่ให้ชัดเจน แล้วไปจัดเตรียมข้าวของ
เย่จื้อผิงนำสิ่งของทั้งหมดวางบนรถสามล้อ
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบเรียกหลิวเยว่ให้มาช่วยกันก่อไฟทำหมั่นโถว
ทำเป็นซาลาเปาไส้เนื้อไม่ได้ เพราะจะเสียง่าย มีหมั่นโถวแป้งขาวให้กินก็ดีแล้ว
หล่อนรีบนำแป้งออกมา หลิวเยว่ก็ก่อไฟเสร็จแล้ว
ใช้น้ำร้อนนวดแป้ง
เย่เสี่ยวจิ่นฉวยโอกาสนี้ทำหมั่นโถวให้พี่ชายคนรองสิบกว่าลูก
ในเตาตอนนี้มีฟืนมากกว่าปกติ
เธอจึงคอยเฝ้าดู เพื่อป้องกันไม่ให้ไหม้
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หมั่นโถวเต็มตะกร้าก็เสร็จเรียบร้อย
พูดเสียงสั่นเครือ “ฉางอันไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านี้ก่อนถูกจับตัวไป ตอนนี้ก็บ่ายสามโมงครึ่งแล้ว”
“เขาต้องถูกด่าและต้องทำงานหนัก คงหิวจนเกือบจะเป็นลมแล้ว”
“ทำไมถึงต้องเจอคนโชคร้ายแบบนี้ด้วย ช่างใจร้ายจริงๆ ที่ไปแจ้งความ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยกลัวน้ำตาจะหยดใส่หมั่นโถว จึงรีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา
เย่จื้อผิงทำหน้าเคร่งขรึม “คงเป็นใครสักคนที่เห็นว่าครอบครัวเรามีฐานะดีขึ้น แล้วอิจฉาล่ะมั้ง”
“ระวังยังไงก็ไม่ทัน ต่อไปเราต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ใครมาจับตามองอีก”
เย่จื้อผิงหิ้วผ้านวมผืนใหญ่ และถุงหมั่นโถวใบใหญ่ไปวางไว้บนรถ
หลี่ชุ่ยชุ่ยถือโหลแก้วใบใหญ่ที่จิ่นเป่าให้มา แล้วใส่ผักดอง พริก และเนื้อตากแห้งลงไป
หลิวเยว่หอบโหลแก้วขนาดเล็กบรรจุน้ำตาลทรายขาวมาให้หลี่ชุ่ยชุ่ย
หลี่ชุ่ยชุ่ยปิดผนึกโหลทั้งสองใบอย่างดีแล้วนำไปวางบนรถ “แค่กินหมั่นโถวอย่างเดียวคงไม่ไหวแน่ กินไม่ลงหรอก จะไม่มีกับข้าวสักอย่างได้ยังไง”
“เมื่อคุณไปถึงตำบลแล้วช่วยกำชับเขาให้ดีนะ บอกให้เขาระมัดระวังตัวอย่าใจร้อน”
“พยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุด”
เย่จื้อผิงพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว คุณอย่าร้องไห้เลย แค่เดือนเดียวเท่านั้น”
“เขาแค่ต้องทนลำบากหน่อย เดือนเดียวก็ผ่านไปเร็วนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นวางของกว่าสิบชิ้นไว้บนรถ “พ่อคะ พี่รองชอบกินอันนี้ พ่อบอกเขาด้วยนะคะ”
เย่จื้อผิงลูบหัวลูกสาว พูดด้วยน้ำเสียงแกล้งสบายๆ “ได้ พ่อจะบอกพี่รองว่านี่เป็นของที่ลูกเตรียมให้ บอกให้เขารีบกินให้หมด”
พูดจบเย่จื้อผิงก็ขี่รถออกไป
เย่เสี่ยวจิ่นมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ที่บ้าน อดถอนหายใจไม่ได้
หลี่ชุ่ยชุ่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ เช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ
เย่เสี่ยวจิ่นเข้าไปปลอบใจ “แม่คะ อย่าเสียใจเลย พี่รองต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยมองลูกสาว “จิ่นเป่าจ๊ะ แม่ไม่ได้เสียใจแค่เรื่องที่พี่รองของลูกถูกส่งไปใช้แรงงานเท่านั้น แม่ยังรู้สึกหดหู่ใจมากๆ ด้วย”
“แม่ไม่รู้ว่าใครกันที่ใจดำขนาดนี้ ถึงได้ใส่ร้ายพี่ชายของลูกแบบนี้”
เย่เสี่ยวจิ่นคิดในใจ คนที่จะอิจฉาครอบครัวของเธอก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ถ้าพิจารณาให้ดีๆ ก็คงจะเดาได้แทบจะถูกต้องทีเดียว
ในตอนนั้นเอง เย่จู๋ก็มาถึง
หล่อนถือแผ่นแป้งมาด้วย มองพวกเขาอย่างเกรงๆ “จิ่นเป่า ป้า พวกคุณกินอะไรกันหรือยังคะ?”
“แม่ของฉันทำขนมงาค่ะ หอมมากเลย ลองชิมดูไหมคะ?”
เย่เสี่ยวจิ่นมองเห็นความรู้สึกผิดในดวงตาของหล่อน คิดในใจว่าหล่อนยังเด็กเกินไป
นี่มันเท่ากับเปิดเผยตัวเองโดยตรงเลยไม่ใช่หรือ?
หลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังจะไปรับขนมงาเพื่อขอบคุณที่พวกเขานึกถึง แต่ถูกเย่เสี่ยวจิ่นขัดจังหวะ
“บ้านของเราก็ไม่ได้ขาดแคลนขนมงาไม่กี่ชิ้นนี่หรอก ฉันขอถามอย่างจริงใจนะ ในสวนผลไม้ ฉันก็ไม่เคยทำให้เธอลำบากเลย บางครั้งฉันยังมอบหมายงานบางอย่างให้เธอทำเป็นพิเศษ ทำไมครอบครัวของพวกเธอถึงต้องทำแบบนี้ล่ะ?”
“พวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางกันเลย ถึงแม้ว่าครอบครัวของฉันจะมีฐานะดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยพูดว่าจะรังแกพวกเธอเลยนะ”
เย่จู๋แทบจะทำขนมงาในมือหล่นลงพื้น
สีหน้าของหล่อนซีดลงทันที เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่ดุดันของเย่เสี่ยวจิ่น หล่อนรู้สึกละอายใจจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ “ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดอะไร ฉันแค่มีน้ำใจนำขนมงามาให้พวกเธอกินเท่านั้นเอง”
ตอนนี้ทั้งหลี่ชุ่ยชุ่ยและหลิวเยว่ต่างก็เห็นเค้าลางของเรื่องราวแล้ว
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของบ้านพี่ใหญ่หรือไม่ การกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานก็ไม่ดี
“จิ่นเป่า…”
“เย่จู๋ ฉันรู้ว่าไม่ใช่เธอแน่ๆ” เย่เสี่ยวจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
แต่คนที่ทำต้องเป็นคนใกล้ชิดของเย่จู๋แน่ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนและละอายใจขนาดนี้
“เป็นแม่เธอหรือเปล่า?”
เย่จู๋รีบปฏิเสธทันที “ไม่ใช่ ถึงแม่ฉันจะปากร้าย แต่ก็เก่งแค่ปากเท่านั้น…”
“งั้นก็เป็นพ่อของเธอสิ”
“พ่อฉันเป็นคนซื่อสัตย์ เขาจะไปใส่ร้ายหลานชายของตัวเองได้ยังไง?” เย่จู๋ ขมวดคิ้ว “ถึงแต่ก่อนพ่อแม่ฉันจะไม่ดีกับพวกคุณ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ระวังตัวแล้ว”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรู้เรื่องนี้ดี “ใช่แล้ว งั้นเธอก็อย่าโกรธเลย เพราะเรื่องนี้มีคนแจ้งความมา”
“ตอนนี้พวกเราก็กำลังคิดอยู่ว่าใครกันที่ใจร้ายขนาดทำเรื่องแบบนี้”
หลี่ชุ่ยชุ่ยดูท้อแท้และไม่อยากเดาสุ่มๆ
“งั้นก็ต้องเป็นเย่เหวินชางสินะ เขาเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย จะมีอะไรมาอิจฉาพี่ชายของฉันได้?” เย่เสี่ยวจิ่นหัวเราะเยาะ “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงมีคนที่ภายนอกดูดี แต่ข้างในกลับเน่าเฟะขนาดนี้”
“ก็ใช่นะ มีแต่เขาเท่านั้นที่มีความรู้พอจะรู้วิธีแจ้งความคน”
“ก่อนที่เขาจะกลับมาครั้งนี้ ไม่มีใครแจ้งความครอบครัวของเรา ดูเหมือนฉันน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เธอคิดว่าเย่เหวินชางเป็นคนที่มีความทะนงตัวอยู่ในสันดาน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น เขาแค่ดูถูกคนอื่นและชอบอวดความเหนือกว่าของตัวเองเท่านั้น
“พวกเราไม่เอาขนมของเธอแล้ว กลับไปบอกพี่ชายของเธอด้วยว่าทำชั่วมากย่อมพินาศ”
“คอยดูเถอะ ครอบครัวของเราไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่ใครจะมาบีบเล่นได้อีกต่อไปแล้ว”
“จะมาหาเรื่องพวกเราก็ได้ แต่ต้องเตรียมใจที่จะรับผลลัพธ์ให้ดีก่อนล่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จิ่นเป่าเก่งจัง แปบเดียวรู้ตัวการแล้วว่าใครทำโดยไม่ต้องสืบ
ไหหม่า(海馬)
……….