ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 115 เย่หวายได้รับเงินรางวัลจำนวนไม่น้อย
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 115 เย่หวายได้รับเงินรางวัลจำนวนไม่น้อย
บทที่ 115 เย่หวายได้รับเงินรางวัลจำนวนไม่น้อย
……….
บทที่ 115 เย่หวายได้รับเงินรางวัลจำนวนไม่น้อย
หลังลงจากเวที เย่หวายก็เก็บซองแดงไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในแนบไว้กับอกของตัวเอง
หยางหยางยิ้มให้เขาแล้วถามว่า “เป็นไงบ้าง? ยังตื่นเต้นอยู่ไหม?”
“ฉันเห็นว่าถึงก่อนสอบเธอจะบอกว่าตื่นเต้น แต่ตอนสอบกลับทำได้ดีมาก”
“ไม่ต้องกังวลอะไรนะ เธอเป็นเด็กฉลาด แค่รักษาสภาพจิตใจให้มั่นคง รับรองว่าต้องสอบเข้าโรงเรียนอาชีวะได้แน่นอน”
เย่หวายรู้ดีว่าการเข้าโรงเรียนอาชีวะหมายถึงอะไร…
นั่นหมายความว่าเขาสามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว
จบแล้วก็ได้งานทันที ได้งานประจำที่มั่นคง และยังได้ทะเบียนบ้านในเมืองโดยตรงอีกด้วย
กลายเป็นคนที่เรียกว่า “มังกรหงส์ในหมู่คน”
แม้แต่เย่เหวินชางก็ยังสอบเข้าโรงเรียนอาชีวะไม่ได้
ในโรงเรียนมัธยมต้าหลี่ทั้งโรงเรียน การที่มีนักเรียนสอบติดมหาวิทยาลัยได้สองสามคนต่อปี ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งแล้ว
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความสามารถของน้องสาวผมครับ”
หยางหยางยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องใช้เงินรางวัลนี้ตอบแทนน้องสาวให้ดีๆ นะ”
“ผมได้ยินจากครูลู่หลิ่วว่าน้องสาวของคุณฉลาดมาก อายุยังน้อยก็อ่านหนังสือออกหมดแล้ว”
“ถ้าให้หล่อนเข้าโรงเรียน ก็ให้มาเรียนในชั้นของผมนะ”
เย่หวายพยักหน้า “ครับ”
หลังจากทำความสะอาดเสร็จก็ถึงเวลาเลิกเรียน
เย่หวายถือเงินค่าขนมสิบเฟินที่แม่ให้มา
เขาใช้เงิน 5 เฟิน ซื้อลูกอมผลไม้ 5 เม็ดที่ร้านขายของชำ
พอดีว่าที่นี่มีตลาดนัด เขาจึงถือถุงผ้าเดินไปที่หน้าแผงขายของ
บนแผงขายของมีเครื่องประดับเล็กๆ สำหรับเด็กผู้หญิงมากมาย มีทั้งดอกไม้ติดผม กิ๊บติดผม และคลิปหนีบผมรูปผีเสื้อเล็กๆ
หยางลี่ลี่และหยางจิ่นเดินตามเขาไป
“เย่หวาย?” หยางจิ่นกระแอมเบาๆ “ไม่จริงใช่ไหม? นายเป็นผู้ชายแท้ๆ จะซื้อของพวกนี้ทำไม?”
เย่หวายหยิบยางรัดผมสองอัน อันหนึ่งมีลูกปัดสีแดง อีกอันมีดอกไม้เล็กๆ สีชมพู
เขาหันไปมองหยางลี่ลี่ “ลี่ลี่ ช่วยดูหน่อยสิว่าอันไหนเหมาะกับจิ่นเป่ามากกว่ากัน?”
หยางลี่ลี่มองดูแล้วตอบ “อันที่มีดอกไม้เล็กๆ สีชมพูดีกว่า อันนี้น่ารักกว่า”
เย่หวายใช้เงินที่เหลือ 5 เหมา ซื้อยางรัดผมที่มีดอกไม้เล็กๆ สีชมพูสองอัน
จากนั้นก็เก็บใส่ถุงผ้าอย่างระมัดระวัง
หยางจิ่นสงสัย “วันนี้นายสอบได้ดีขนาดนั้น ไม่คิดจะให้รางวัลตัวเองบ้างเหรอ?”
“ถ้าฉันได้ที่หนึ่งแล้วได้เงินรางวัลมากมายขนาดนั้น ฉันจะต้องเอาไปซื้อขนมกินแน่ๆ”
เย่หวายส่ายหัว “ฉันจะเก็บไว้เป็นค่าเล่าเรียน”
หยางลี่ลี่ทำเสียงจิ๊จ๊ะสองครั้ง แล้วชี้ไปที่หยางจิ่น “พี่ ดูเขาสิ แล้วก็ดูตัวเองด้วย!”
หยางจิ่นรู้สึกจนปัญญาจริงๆ ตัวเองสู้เย่หวายไม่ได้เลยทั้งเรื่องเรียนและกาลเทศะ
เขาคงจะต้องโดนพ่อแม่บ่นอีกแน่ๆ เมื่อรู้คะแนนของเย่หวาย
ก็อย่างว่า คนเรามักจะเปรียบเทียบกันจนทำให้รู้สึกแย่นี่แหละ
หลังจากกลับถึงบ้าน
เย่หวายยิ้มน้อยๆ แล้วไปหาเย่เสี่ยวจิ่นที่กำลังอยู่ในสวนผัก
“จิ่นเป่า มานี่สิ”
“พี่ชาย กลับมาแล้วเหรอ ผลการเรียนเป็นยังไงบ้าง” เย่เสี่ยวจิ่นถือจอบพลางเงยหน้ามองเย่หวาย
เห็นเขายิ้มแย้มแจ่มใส ก็รู้ว่าผลการเรียนคงดีมาก
อย่างไรเสียพี่ชายคนที่สามคนนี้ก็เป็นคนที่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าชัดเจนอยู่แล้ว
“ฉันเดาว่าพี่คงสอบได้ดีมากแน่ๆ!”
“ใช่ ได้ที่หนึ่ง”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกตื่นเต้นดีใจ “ที่หนึ่งของระดับชั้นเลยเหรอ? เก่งมากเลย!”
เย่หวายพยักหน้า “ซื้อลูกอมผลไม้มาให้เธอด้วย”
เขาส่งลูกอมห้าเม็ดให้เย่เสี่ยวจิ่น แล้วหยิบยางรัดผมออกมาอีกสองอัน
“อืม…อันนี้ เห็นว่ามีขายพอดี ก็เลยซื้อมาสองอัน”
“ให้พี่ช่วยรัดผมให้ไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นรัดผมเป็นผมแกละสองข้าง เธอรู้ว่านี่คงเป็นของขวัญที่พี่ชายตั้งใจซื้อมาให้เธอโดยเฉพาะ
จึงพยักหน้ารับ “ได้เลย”
เย่หวายยิ้มกว้างขึ้น เขาก้มลงผูกยางรัดผมสีชมพูรูปดอกไม้สองอันตรงปลายผมของเย่เสี่ยวจิ่น
พอดีกับที่เธอสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ หลังติดเครื่องประดับผมเล็กๆ ก็ทำให้ดูน่ารักยิ่งขึ้น
“พี่ชายมีรสนิยมดีจังเลย!”
เย่หวายเม้มปาก “จริงเหรอ? ถ้าเธอชอบก็ดีแล้ว ต่อไปพี่จะซื้อให้อีก”
“พี่ไปหาพ่อแม่ก่อนนะ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยและเย่จื้อผิงกำลังทำนวดแป้งทำซาลาเปา
ที่บ้านมีผักดองและหน่อไม้เยอะมาก พวกเขาเตรียมทำซาลาเปาไส้ผักและไส้หน่อไม้
หลี่ชุ่ยชุ่ยนวดแป้ง เย่จื้อผิงสับไส้
“พ่อแม่ครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
หลี่ชุ่ยชุ่ยหยุดมือแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น? ผลการสอบออกมาแล้วเหรอ?”
“ครับ ผมสอบได้ที่หนึ่ง ได้รับเงินรางวัล 10 หยวน” เย่หวายหยิบซองแดงออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้แม่ “แม่ครับ เก็บไว้ให้ผมหน่อย เอาไว้เป็นค่าเทอมเทอมหน้านะครับ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยรีบล้างมือให้สะอาดแล้วเช็ดมือ จากนั้นค่อยๆ เปิดซองแดงอย่างระมัดระวัง
ข้างในมีธนบัตรใบละหนึ่งหยวนถึงสิบใบ
หล่อนเบิกตากว้างพูดว่า “เรียนหนังสือยังได้เงินด้วยเหรอ? ค่าเทอมเทอมนี้ 8 หยวน นี่ยังได้กำไรอีก 2 หยวนเลยนะ”
เย่จื้อผิงยิ้มแย้มพูดว่า “เจ้าสามของเรามีอนาคตไกล เรียนหนังสือเก่งมากเลย”
“ถ้าได้ที่หนึ่งทุกครั้ง ไม่เพียงแต่จะได้ค่าเทอมคืนมา ยังมีเงินเหลือใช้อีกด้วยนะ”
“เจ้าสาม พยายามต่อไปนะ อย่าหยิ่งผยองล่ะ!”
เย่หวายยิ้มเขินๆ แล้วพูดว่า “ผมรู้แล้วครับพ่อ คนอื่นเขาก็เก่งนะครับ ครั้งนี้ผมแค่โชคดีเท่านั้น…”
“ใช่ๆๆ พ่อไม่ได้กดดันลูกหรอก ลูกทำตามที่ลูกเห็นสมควรก็แล้วกัน” เย่จื้อผิงดูมีความสุขเป็นพิเศษ
เรียนหนังสือได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ดีกว่าเหวินชางเสียอีก!
ถ้าสอบเข้าโรงเรียนอาชีวะได้ ครอบครัวของพวกเขาก็จะมีคนแรกที่ได้ทะเบียนบ้านในเมือง
เย่จื้อผิงคิดพลางยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ สับไส้ซาลาเปาอย่างแข็งขัน
เย่เสี่ยวจิ่นกำลังผูกขึ้นค้างบวบอยู่หลังบ้าน
จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูเธอ [ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยที่ได้เปิดใช้งานภารกิจสร้างชาติ เยาวชนเข้มแข็งประเทศเข้มแข็ง การศึกษาคือพลังเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตและสังคม]
[หวังว่าโฮสต์จะช่วยให้ญาติสอบเข้ามัธยมปลาย แล้วเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปี 1977 เพื่อเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรุ่นแรก]
[การสอบเข้ามัธยมปลายถือว่าภารกิจสำเร็จ]
[รางวัลสำหรับโฮสต์ คือการจับฉลากพิเศษหนึ่งครั้ง!]
เย่เสี่ยวจิ่นตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “ระบบ คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
“สมัยนี้เขาสอบเข้าอาชีวะกันทั้งนั้น จะได้เข้าทำงานในหน่วยงานรัฐเลย”
“คุณจะให้พี่ชายของฉันไปสอบเข้ามัธยมปลายเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก…”
ระบบกล่าว [นักศึกษามหาวิทยาลัยรุ่นแรกจะกลายเป็นบุคลากรชั้นนำในทุกสาขาอาชีพ ซึ่งดีกว่างานประจำที่มั่นคงมากนัก]
เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกว่าระบบนี้ช่างหลอกคนเก่งจริงๆ
“ฉัน…ฉัน!”
เธอแค่นเสียงพูด “งั้นฉันขอยกเลิกภารกิจนี้!”
ระบบพึมพำ [โฮสต์มีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล ฉันเชื่อว่าคุณจะตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อญาติพี่น้องมากกว่า]
เย่เสี่ยวจิ่นส่ายหน้า เธอไม่อยากตัดสินใจแทนพี่ชายหรอก
แผนการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างประเทศอะไรนั่น…
ถ้าพี่ชายอยากเรียนวิทยาลัยอาชีวะ ก็ให้เขาเรียนไป
ถ้าพี่ชายอยากเรียนมัธยมปลาย ก็ให้เขาเรียนไป
เธอไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพี่ชาย
เย่เสี่ยวจิ่นไม่โต้เถียงกับระบบอีกต่อไป
เธอใส่ปุ๋ยทันที แล้วมองดูเถาบวบที่กำลังเลื้อยขึ้นไปตามค้างและแตกใบเขียวชอุ่มอยู่บนตาข่าย
ระหว่างเถาเหล่านั้นมีดอกเล็กๆ กระจัดกระจายอยู่แล้วสองสามดอก
เธอรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ผู้คนในยุคนี้ก็เหมือนกับเถาบวบเหล่านี้
พยายามโผล่ยอดออกมาจากดิน แล้วก็ปีนป่ายขึ้นไปอย่างสุดกำลัง
หลี่ชุ่ยชุ่ยเดินไปที่ข้างบ้าน มองดูเย่เสี่ยวจิ่นที่กำลังเหม่อลอยอยู่ด้านหลัง “จิ่นเป่า ทำเสร็จแล้วหรือ? กลับมาล้างมือเตรียมตัวทำซาลาเปาได้แล้ว”
“เมื่อกี้ลูกบอกว่าจะช่วยทำซาลาเปาด้วย แต่ทำมือสกปรกแบบนี้ แม่ไม่ให้ลูกทำหรอกนะ”
เย่เสี่ยวจิ่นวิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
เธอล้างมืออย่างละเอียดจนสะอาดหมดจด แล้วยังฟอกสบู่จนหอมฟุ้ง
เธอยกมือขึ้นโบกไปมาตรงหน้าหลี่ชุ่ยชุ่ย “แม่ ดมดูสิคะว่าหอมไหม”
หลี่ชุ่ยชุ่ยฮึมฮัมเบาๆ “หอมฟุ้งเชียว!”
หล่อนกำลังอารมณ์ดี เพิ่งเก็บเงินสิบหยวนที่เย่หวายให้มาไว้เรียบร้อยแล้ว
รู้สึกว่าการตัดสินใจให้เย่หวายกลับไปเรียนต่อนั้นถูกต้องแล้วจริงๆ
ไม่อย่างนั้นคงเสียดายเมล็ดพันธุ์ชั้นดีคนหนึ่งไปเปล่าๆ
“ต่อไปนี้ลูกอย่าเอาแต่เที่ยวซนเป็นลิงค่างเหมือนทุกวันอีกนะ”
“พี่ชายเรียนเก่งขนาดนี้ ต่อไปลูกก็ต้องเรียนให้ได้ที่หนึ่งด้วย”
“เข้าใจไหม?”
เย่หวายนั่งห่อเกี๊ยวอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างจนใจ “ที่ผมสอบได้ดีขนาดนี้ก็เพราะจิ่นเป่าคอยอยู่เป็นเพื่อนผมตอนอ่านหนังสือทุกคืนนั่นแหละ”
หลี่ชุ่ยชุ่ยพูดพลางหัวเราะว่า “จิ่นเป่าของเราเก่งจังเลยนะ โอ้โห ดอกไม้บนหัวนั่นพี่ชายซื้อให้ใช่ไหม?”
เย่เสี่ยวจิ่นยืดอกพูดด้วยน้ำเสียงเด็กๆ ว่า “แน่นอนค่ะ หนูสอนหนังสือให้พี่ชาย พี่ชายให้ของดีๆ กับหนูบ้างจะเป็นไรไป?”
หลี่ชุ่ยชุ่ยและเย่จื้อผิงต่างหัวเราะไม่หยุดกับท่าทางมั่นใจของเจ้าตัวน้อย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่ชายน่ารักมาก ซื้อที่ติดผมให้น้องสาวด้วย
ต่อไปการสอบมหาวิทยาลัยจะมีแต่คนแย่งสอบกันนะ ลองไปสอบไว้ดีไหม
ไหหม่า(海馬)
……….