ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก - ตอนที่ 11
วันวุ่น ๆ ในโรงเรียนวราวิทย์ก็ยังคงดำเนินต่อไป ตัวของผมก็เริ่มพอปรับตัวกับการใช้ชีวิตของที่นี่ได้อยู่บ้างไม่ว่าจะเป็นการที่ถูกคุณเจ้าหญิงประคบประหงมหรือคุณเจ้าชายวิ่งเข้าหา แต่อย่างไรก็ตาม ตัวผมก็ยังไม่คุ้นชินกับการตกเป็นเป้าสายตาจากการที่ทั้งสองคนเข้าใกล้สักที
ทุกครั้งที่ทั้งสองคนเข้าหาก็เป็นการเรียกสายตาของคนทั้งโรงเรียนได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าไอ้คนไม่เก่งด้านเข้าสังคมอย่างผมหรือมันจะไปทนไหว ไหนจะเรื่องกลัวความลับที่เป็นผู้ชายมาก่อนแตกอีก สุดท้ายก็ต้องหาทางพยายามหลบหลีดทั้งสองคนอยู่ดี ถึงแม้ยากมากจนสงสัยว่าทั้งสองคนแอบติดเครื่องติดตามไว้ที่ตัวผมรึเปล่าก็เถอะ
“ว่าแต่ฟ้าคิดจะเข้าชมรมไหนเหรอ”
“ชมรม?”
“ใช่แล้วชมรม…. นี่อย่าบอกนะว่าไม่รู้”
พอพลอยเห็นหน้าของผมที่มองงงเป็นไก่ตาแตกเธอก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองมาอย่างกังวลใจ
“ปกติแล้วที่วราวิทย์น่ะ นักเรียนจะต้องมีชมรมอยู่นะ”
“เอ๋… เป็นกิจกรรมบังคับงั้นเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะ มีผลต่อคะแนนด้วยนะ”
“มีผลต่อคะแนนด้วย?”
“อื้อ อยู่ในคะแนนจิตพิสัยน่ะ”
ผมตกใจขึ้นมา เพราะร้อยวันพันปี จะโรงเรียนไหนที่ผ่านมาตั้งแต่อนุบาลยันม.ต้นมันก็ไม่มีอะไรมาบังคับให้อยู่ชมรมหรือชุมนุม ว่าแต่แบบนี้นักเรียนสายหนีกิจกรรมแบบผมมันจะไม่บ่นกันเหรอเนี่ย
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าประเทศไทยจะมีข้อบังคับอะไรแบบนี้เลยนะ”
“เหมือนผอ.จะบอกว่าเพื่อให้นักเรียนได้มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากการเรียนน่ะนะ”
“เป็นงั้นไป”
อยากให้มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากการเรียนงั้นเหรอ ฟังก็ดูดีอยู่หรอก แต่มันก็มีพวกที่ไม่อยากเข้ากับใครหรือไม่กล้าไปอยู่กับใครอยู่นะ….
“ถ้างั้นมีชมรมกลับบ้านไหมอะพลอย?”
“ของแบบนั้นมันจะไปมีที่ไหนล่ะฟ้า”
อะไรกัน นี่มันเป็นสุดยอดชมรมที่ดีที่สุดที่ควรมีเพื่อเป็นทางเลือกให้กับเหล่าเด็กนักเรียนเข้าสังคมไม่เก่งผู้น่าสงสารเลยนะรู้ไหม…. เฮ้อ คิดแล้วเครียด
“ว่าแต่..เอ่อ..พลอย อยู่ชมรมอะไรอะ”
“เย็บปักถักร้อยจ๊ะ”
แม่ศรีเรือนสุด ๆ!!
“สนใจเข้าด้วยกันไหมล่ะฟ้า อย่างฟ้านี่ดูแล้วน่าจะเหมาะนะ”
“เอ่อ…เราว่ามันดูไม่ค่อยเข้ากับเราเท่าไหร่น่ะ”
ใช่ เย็บปักถักร้อยงั้นเหรอ ยังไม่ต้องพูดถึงปักผ้านะ แค่เอาด้ายใส่เข้ารูเข็มหัวผมก็ร้อนเป็นไฟลุกจนแทบจะปาเข็มทิ้งพื้นไปเลย..เอวัง
“งั้นเหรอ ดูแล้วนึกว่าฟ้าน่าจะถนัดซะอีกนะ ถ้างั้นชมรมที่น่าจะเหมาะกับฟ้าก็คงเป็น….”
“คุณฟ้ายังไม่มีชมรมงั้นเหรอคะ”
“อ้าวฟ้า ยังไม่มีชมรมอยู่งั้นเหรอ”
ทั้งสองเสียงดังขึ้นมาแทบจะพร้อมกันจากด้านหลัง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงพูดคุยภายในห้องที่เริ่มมองมาทางพวกเราเป็นตาเดียว
“สงครามเกิดขึ้นแล้วอะแก”
“งานนี้ใครจะได้ตุ๊กตาน้อยของพวกเราไปนะ”
“ที่จริงก็อยากชวนอยู่แต่ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงเล็งไว้แบบนี้ สงสัยพวกเราจะหมดสิทธิ์แล้วล่ะ”
“เฮ้อ..ศึกรักเกิดอีกแล้วเหรอเนี่ย”
ประโยคสุดท้ายนั้นเป็นของพลอยที่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจก่อนจะมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสารสัตว์โลกตาดำ ๆ จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ เดินถอยออกห่างไปอย่างช้า ๆ
ตอนแรกผมก็มองไปคล้ายจะขอความช่วยเหลือ แต่ว่าดูเหมือนแววตาที่พลอยส่งมานั้นจะสื่อว่าอย่าเอาเธอเข้าไปรวมในสงครามอันตรายเลย ทำเอาผมได้แต่เงียบแล้วหันไปทางเสียงน่ารักทั้งสองที่ดังมากจากด้านหลัง
“งะ…ไง ทั้งสองคน”
“สวัสดีค่ะ คุณฟ้า/ไงฟ้า”
เสียงหวานกับเสียงห้าวดังขึ้นมาผสานกัน โดยเป็นเด็กสาวผมทองที่ยิ้มให้ก่อนจะโบกมือไปมาอย่างน่ารัก ส่วนเด็กสาวผมสั้นนั้นก็ยกมือทักทายอย่างเป็นกันเอง
“เหมือนเมื่อครู่จะได้ยินเรื่องน่าสนใจเข้าน่ะ ยังไม่มีชมรมงั้นเหรอฟ้า”
“ชะ..ใช่ ก็เพิ่งรู้จากพลอยเมื่อครู่เองว่าทุกคนต้องมีชมรมอยู่”
“มีอะไรที่ชอบในใจแล้วไหมคะ?”
“ยังไม่มีเลยน่ะคุณน้ำ…. พอดีเราออกจะ…. ไม่ถนัดทำกิจกรรมกับคนหมู่มากเท่าไหร่น่ะ”
ผมตอบไปด้วยเสียงสั่น ๆ เมื่อต้องเจอกับสายตาจำนวนมากที่กำลังมองมาจนทำเอาจิตใจของผมเริ่มกังวลกระวาย แต่สักพักทั้งสองก็เดินมาบังวิสัยทัศน์จนแทบไม่เห็นใครราวกับรู้ใจของผม ก็เลยพอจะสงบใจลงมาได้นิดหน่อย
“งั้นดีเลยค่ะ มาเข้าชมรมศิลปะกับเราสิคะ ทั้งเงียบ ทั้งสงบ ไม่ต้องเจอกับคนมากมายแบบที่คุณฟ้าชอบเลยไงคะ”
อ่า…. คุณน้ำอยู่ชมรมศิลปะนี่เอง ก็นะ..ดูทรงแล้วก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่สำหรับคุณหนูของตระกูลเรื่องชื่อแบบนี้ แต่ว่า..ศิลปะงั้นเหรอ ตั้งแต่ที่จำความได้มา จะวาดรูปหรือปั้นปูนอันไหนมันก็พินาศพอ ๆ กัน
“อย่างคุณฟ้าจะต้องวาดรูปที่น่ารักและงดงามออกมาได้แน่ ๆ เลยค่ะ”
ว่าเสร็จคุณน้ำก็คว้ามือของผมขึ้นมา มือนุ่ม ๆ ทั้งสองของเธอกุมมือของผมเอาไว้ก่อนที่รอยยิ้มนางฟ้าล่อลวงใจจะคลี่ออกอย่างอ้อนวอน
“เรื่องนั้น….”
วาดรูปสวยงั้นเหรอ… ศิลปะก้างปลาของผมมันก็คงสวยแหละ…หากมองในสายตาของมนุษย์ยุคหินแล้วล่ะก็นะ
“เราออกจะ… วาดไม่เก่งเท่าไหร่ คงทำให้คุณน้ำต้องผิดหวังแน่ ๆ”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณฟ้าวาดไม่เก่งเราก็ยินดีสอนค่ะ…. จับมือสอนเลยนะคะ”
น้ำเสียงในตอนท้ายของเธอนั้นมันหลุบต่ำลงไป พร้อมกันตาก็หรี่เล็กลงจ้องมองมาที่ผมประดุจนกเหยี่ยวที่กำลังเล็งเหยื่อ มือทั้งสองที่กุมอยู่ก็บีบแน่นขึ้นเล็กน้อยทำเอาตัวผมเสียววาบ ๆ ไปทั่วทั้งหลัง
“เฮ้ ๆ ยัยน้ำกดดันฟ้าแบบนั้นก็แย่น่ะสิ”
มือของคุณบีมได้สับลงมาเบา ๆ เป็นการแยกมือของผมกับคุณน้ำออกจากกันซึ่งผมสัมผัสได้ถึงสายตามองแรงของคุณน้ำที่มองไปยังคุณเจ้าชายได้ชั่วขณะหนึ่ง ทว่านั่นมันก็ไม่ได้สะทกสะท้านหญิงสาวผมสั้นคนนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“เข้าใจอยู่นะว่าไม่ชอบทำกิจกรรม แต่ว่านะฟ้าช่วงนี้ฟ้าดูเครียด ๆ แล้วรู้ไหมว่ากีฬาน่ะช่วยให้เราคลายเครียดได้ดีเลย เพราะฉะนั้นถ้ามาเข้าชมรมบาสกับเรา อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องนั่งทำอะไรที่น่าเบื่อแบบศิลปะหรอกนะ”
รอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนถูกส่งมาจากเจ้าชายก่อนที่เธอจะลูบหัวผมเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“แล้วอีกอย่าง ฟ้าก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ลองออกกำลังกายเบา ๆ โยนลูกบาสดู มันก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นนะ”
“คือว่า…เรื่องกีฬา เราออกจะ… ไม่ค่อยถนัดพอสมควรเลยค่ะ”
สภาพก็เป็นอย่างที่เห็น เด็กเก็บตัวที่วัน ๆ นั่งเล่นแต่เกมกับอ่านนิยาย มันจะเอาแรงหรือพลังจากไหนมาเล่นกีฬา แล้วยิ่งพอกลายร่างเป็นสาวน้อยแบบนี้แรงก็ยิ่งหาย ร่างกายก็ยิ่งบอบบางลง ถ้าลงสนามรับรองโดนชนทีตัวปลิวกลิ้งไปถึงขอบสนามแน่นอน
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนั้นฉันสอนให้เอง”
“ชมรมบาสเหรอคะ?”
น้ำพูดพร้อมกับยิ้มอ่อน ๆ ก่อนส่ายหน้าพร้อมทั้งคว้ามือของคุณบีมที่กำลังลูบหัวผมอยู่ออก
“คุณฟ้าไม่ถนัดกิจกรรมที่ใช้กำลังขนาดนั้นหรอกค่ะ แล้วก็จำคราววอลเลย์ไม่ได้เหรอคะ…ถ้าฟ้สเกิดบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไงล่ะคะ? ฟ้ายิ่งบอบบางอยู่ด้วย”
“ก็เพราะแบบนั้นไง ฉันถึงได้บอกว่าจะคอยดูแลฟ้าเอง”
บีมตอบกลับอย่างมั่นใจ ก่อนจะหันมายิ้มแบบหล่อกระชากใจใส่ผมทีหนึ่งจนทำเอาใจเต้นตึก ๆ ไปชั่วขณะ พร้อมกันก็รู้สึกว่าหน้ามันร้อน ๆ ขึ้นมาแบบแปลก ๆ
“อีกอย่าง การออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรงและคลายเครียดได้ดีเลยนะ ไม่เหมือนนั่งวาดรูปที่แค่จ้องกระดาษก็ปวดหลังกลายเป็นออฟฟิศซินโดรมแล้ว”
“กล้าพูดนะคะ กีฬาที่บาสน่ะ ได้ข่าวว่ามีการปะทะตลอดไม่ใช่เหรอคะ แบบนั้นคุณฟ้าตัวน้อย ๆ คงทนรับความรุนแรงพวกนั้นไม่ไหวแน่ ๆ ค่ะ ลองคิดดูสิคะว่าถ้าคุณฟ้าแขนหัก ขาหัก หัวแตกขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”
ถึงตัวผมจะบอบบางแต่ว่าที่พูดมานั่นมันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะคุณน้ำ นี่คนนะไม่ใช่ลูกโป่ง อะไรมันจะแตกง่ายขนาดนั้น
“แต่ว่าตรงข้ามชมรมของเราน่ะ ทั้งปลอดภัย ทั้งเป็นมิตร ไม่มีทางที่คุณฟ้าจะได้รับอันตรายอย่างแน่นอน” น้ำยิ้มอ่อนโยนแล้วหันมามองผม
“อีกอย่างการวาดรูปน่ะช่วยฝึกสมาธิและทำใจให้สงบได้ดีนะคะ เหมาะกับคุณฟ้าที่ตอนนี้กำลังกังวลใจได้ดีเลยค่ะ”
“ไม่เคยได้ยินเหรอว่ากีฬาเป็นยาวิเศษ ของแบบนั้นแค่วิ่งกระโดดลงสนามก็หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว อีกอย่าง…ดูหน้าฟ้าก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าฟ้าไม่อยากวาดรูปน่ะ”
เล่นบาสก็ไม่อยากครับ……
“คุณนี่ไร้ความละเอียดละอ่อนจริง ๆ นะคะ ก็บอกแล้วว่าอันตราย…แล้วคุณก็ไม่เห็นเหรอคะว่าแววตาของคุณฟ้ากลัวแค่ไหนตอนพูดถึงบาสน่ะ”
กลัวทั้งสองคนนั่นล่ะครับ….
ตอนนี้ผมสัมผัสได้.. สัมผัสได้แบบเดียวกับตอนที่ทั้งสองคนได้ผันตัวเองเป็นเซลขายรถ เปลวเพลิงที่ลุกโชนพร้อมจะเผาทุกคนที่คิดจะเข้ามาห้าม
ผมเหลือบตามองไปทั่ว ๆ ห้องก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหากพวกเพื่อน ๆ ไม่หลบตากันก็วางเหรียญสิบพนันกันอย่างสนุกสนานไปแล้วว่าผมจะเลือกชมรมไหน… นี่สนุกกับความทุกข์ของคนอื่นงั้นเหรอพวกเธอน่ะ!!!
ส่วนพลอยงั้นเหรอ ตอนนี้พนมมือสวดอภิธรรมส่งบุญส่งกุศลให้ผมเป็นที่เรียบร้อย… โถ่ถังเพื่อนรัก ไหงทำกันแบบนี้
“ชมรมศิลปะค่ะ คุณไม่อยากเห็นรูปสุดแสนน่ารักที่คุณฟ้าจะวาดเหรอคะ”
“นั่นก็น่าสนแต่ว่านะ ถ้าฟ้ากลัวขนาดนั้นก็เป็นผู้จัดการก็ได้ ได้ฟ้ามาเชียร์ถ้วยระดับประเทศมันจะแค่ไหนกันเชียว”
“โผล่หางออกมาแล้วนะคะคุณบีม…”
“อย่างกับเธอไม่หางโผล่ล่ะ ตอนแรกก้บอกว่าอยากจับมือฟ้าวาดใช่ไหมล่ะ นี่อกุศลจิตกับฟ้าชัด ๆ”
“ไม่เลยคะ ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความปรารถนาดีอันบริสุทธิ์ค่ะ ไม่มีความคิดอย่างอื่นเจือปน”
“เหรอ…”
สารพัดเหตุผลของทั้งคู่เริ่มถูกยิงออกมาถล่มใส่กัน และหลัง ๆ ดูเหมือนจะเริ่มเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้นทุกที
ไม่ได้การ หากปล่อยแบบนี้ต่อไปรับรองได้ว่า ได้มีเลือดนองเต็มห้องสามของพวกเราแน่นอนเพราะฉะนั้นผมต้องหยุดสิ่งนี้เอาไว้
“หยุดดดดดดด…….”
ผมรีบยกมือขึ้นห้ามทั้งสองคนที่กำลังเปิดศึกชกสะท้านโรงเรียน ต่อจากนั้นทั้งสองคนก็หันมาหาด้วยท่าทางเหนื่อยประดุจลุยสงครามมาหลายศึก
“เลือกได้แล้วใช่ไหมคะคุณฟ้า/เลือกได้แล้วสินะฟ้า”
“ยังค่ะ….เพราะฉะนั้นขอเราไปดูชมรมอื่นก่อนแล้วค่อยว่าอีกทีนะ”
ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกจากห้องทันที ที่ทำได้เพราะว่าคาบบ่ายนี้ที่เหลือเป็นคาบว่างซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเอาไว้ให้ทำกิจกรรมสำหรับชมรม ดังนั้นก็เป็นจังหวะประจวบเหมาะที่จะหาชมรมอยู่ไปในตัว
ทว่าช่วงก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นเองผมก็เห็นพลอยที่ส่ายหน้าไปมาแล้วสวดมนต์รัว ๆ ก่อนปากจะพึมพำยางอย่าง
“ฟ้าหนอฟ้า…ลากทั้งโรงเรียนมาวอดวายแล้วไง”
****************************************************
เอาแล้วไงฟ้าเอ๋ย ขอเดินไปดูชมรมแบบนี้มีเหรอสองสาวจะไม่ตามมา มาทรงนี้รับรองใครขวางทางหรือหมายคิดชวนน้องฟ้าของเราคงได้มีคอขาดกระจุย