ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 26 ตัดสินใจเช่นไรดี
บัดนี้หนานอิงย่อมเข้าใจคำว่า อยู่ไม่สู้ตาย อย่างถ่องแท้
ที่แท้ชีวิตของนางก็เป็นเช่นนี้ เกิดมาเพื่อที่จะทำให้มารดาลำบาก ที่แท้คำสรรเสริญเยินยอที่ได้ยินมาทั้งหมดเป็นสิ่งเหลวไหล นางหาได้เป็นอภิชาตบุตรอย่างที่ผู้อื่นเคยกล่าวอ้าง แต่นางคือตัวกาลกิณีที่ไม่มีผู้ใดต้องการ แม้แต่มารดาก็ต้องมาจบชีวิตเพราะนาง
นางในตอนนี้แม้อยากจะเอื้อมมือคว้าใครสักคนเอาไว้ก็ยังมองไม่เห็น ต่อให้นางพยายามเอื้อมมือจนสุดกำลังก็คว้าได้เพียงแต่ความว่างเปล่า คนที่นางรักเพียงคนเดียวได้จากไปแล้วจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ภาพท่านแม่ที่โอบอุ้มนางเอาไว้ในอ้อมแขน ภาพของท่านแม่ที่ช่วยประคองให้นางลุกขึ้นเมื่อยามล้ม ภาพของท่านแม่ที่เป่ายาร้อนป้อนนางยามนางเจ็บป่วย อีกทั้งความอ่อนโยนของท่านแม่ที่มีให้กับนางและอ้อมแขนอันอบอุ่นนั้นหนานอิงจะไม่ได้สัมผัสมันอีกแล้ว
ท่านแม่ลูกอกตัญญู ล้วนเป็นเพราะลูกที่ทำให้ท่านเจ็บปวดเช่นนี้ กระทั่งน้ำตาที่จะหลั่งร้องแสดงความอาลัยต่อหน้าท่านลูกยังไม่สามารถทำได้ ท่านแม่รอลูกก่อน ลูกกำลังจะไปหาท่านแล้ว
หนานอิงดวงใจสลาย ชีวิตที่ไร้ค่าเช่นนี้จะอยู่ต่อไปเพื่อสิ่งใด ความเย็นเยียบของสายน้ำที่กำลังห่อหุ้มร่างของนางบัดนี้ยังน้อยกว่าความเย็นเยียบที่กำลังกัดกร่อนหัวใจอันบอบช้ำของนาง
หนานอิงหลับตาลงพร้อมกับกลั้นหายใจเมื่อบัดนี้ความสูงของน้ำผ่านพ้นจมูกของนางไปแล้ว น้ำยิ่งลึกหัวใจของนางก็ยิ่งดำดิ่งสัมผัสความเจ็บปวดจนร่างกายและหัวใจแทบแหลกสลาย
เบื้องหลังบุรุษทั้งสามคนต่างเฝ้ามองดูนางด้วยความรู้สึกแตกต่าง สองคนที่แสนจะเย็นชาและอีกหนึ่งคนที่กระวนกระวายจนแทบจะขัดคำสั่งผู้เป็นนายเป็นครั้งแรกในชีวิตเพื่อกระโดดลงไปช่วยชีวิตของนางผู้นั้น
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องน้อย นางกำลังจะจมแล้ว หากนางตั้งครรภ์จะทำเช่นไร”
“ข้ามั่นใจแล้วว่านางไม่ได้ตั้งครรภ์ เจ้าอย่าสอดเรื่องของนางจะดีกว่า”
เสียงเย็นของลู่หนิงหวังเอ่ยขึ้น
อ้ายเจิงพยายามหาเหตุผลเพื่อช่วยนางอย่างเต็มที่ แต่อย่างไรบุรุษทั้งสองกลับไม่แม้แต่จะขยับนิ้ว
ในฟากฝั่งแม่น้ำอันหนาวเย็น บัดนี้หนานอิงค่อย ๆ จมลงไปต่อหน้าพวกเขา อ้ายเจิงไม่อาจทนดูอีกต่อไปได้เขาถอดรองเท้าหุ้มแข็งออกตั้งใจแล้วว่าแม้จะถูกลงโทษเขาต้องช่วยนางให้ได้
“ข้าต้องช่วยนางแล้ว ข้าต้องช่วยนางก่อนที่นางจะตาย”
เมื่อเงยหน้าขึ้นก่อนที่อ้ายเจิงจะก้าวลงไปในน้ำ เสียงน้ำสาดกระเซ็นจากการที่ร่างสูงใหญ่ของใครผู้หนึ่งที่กระโดดลงไปในน้ำพลันดังขึ้น
อ้ายเจิงมองบุรุษสองคนที่อยู่ข้างกายบัดนี้มีเพียงหานเซียวที่ยังจ้องเขม็งไปบริเวณนั้น แต่ร่างของลู่หนิงหวังได้หายไปแล้ว
อ้ายเจิงยกมุมปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ในขณะที่บุรุษอีกผู้หนึ่งมีใบหน้าเรียบเฉยดวงตาคมเข้มคู่นั้นไม่แสดงความรู้สึกอย่างอื่นนอกจากความว่างเปล่า อ้ายเจิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ที่แท้ท่านอ๋องของข้ายังพอจะมีความเป็นคนอยู่บ้าง เขาไม่ได้กลายเป็นปีศาจที่เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาไปจริง ๆ
ก่อนที่หนานอิงจะจมหายไปกับสายน้ำ จู่ ๆ นางกลับโผล่พรวดขึ้นมาก่อนที่ลู่หนิงหวังจะได้ค้นหาร่างของนางเสียอีก ลู่หนิงหวังที่กำลังจะดำดิ่งลงไปค้นหาจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่มองนางด้วยความประหลาดใจ
ที่แท้เป็นเพราะว่าหนานอิงนั้นว่ายน้ำเป็นและนางยังว่ายน้ำเก่งยิ่งกว่าปลาเสียอีก เมื่อถึงคราใกล้สิ้นใจร่างกายของนางกลับไม่ยอมรับการจมน้ำในครานี้ทำให้นางตะเกียกตะกายโผล่พ้นน้ำขึ้นมาหายใจโดยที่นางเองก็ไม่รู้ตัว
ลู่หนิงหวังพลันยกมุมปาก เอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง
“ข้าไม่เคยพบคนโง่เขลาเช่นเจ้ามาก่อน”
มุมปากของเขาคล้ายจะหยักโค้งขึ้น ลู่หนิงหวังยิ้มบางด้วยหัวใจของพระโพธิสัตว์ที่ยังมีความเมตตาอยู่บ้าง
เพราะร่างกายของหนานอิงเคยรู้วิธีการเอาตัวรอดจากการจมน้ำ จึงเป็นความเคยชินตามธรรมชาติที่คนเราจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองตาย ดังนั้นเขาจะช่วยนางสักครั้งให้นางได้สมใจ
เขาว่ายเข้าไปคว้าร่างของหนานอิงจากด้านหลัง แล้วลากร่างบอบบางของนางด้วยมือเดียว หนานอิงลืมตาขึ้นรู้สึกเหมือนตนเองกำลังลอยอยู่เหนือน้ำโดยที่นางไม่ได้ขยับตัว
เกิดเรื่องอันใดขึ้น นางยังไม่ตายหรอกหรือ?
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งเท้าเปลือยของนางก็สามารถเหยียบพื้นดินด้านล่างได้แล้วน้ำท่วมถึงแค่ช่วงท้องของนางเท่านั้น ที่แท้เป็นลู่หนิงหวังที่เข้ามาช่วยชีวิตนาง
“ปล่อยข้า ได้โปรดปล่อยข้าเถิด ให้ข้าตายตามต้องการเถิด”
นางเอ่ยทั้งน้ำตา ลู่หนิงหวังปล่อยมือจากร่างของหนานอิงทันใด เขารังเกียจที่นางเอาแต่คร่ำครวญถึงความตายไร้สาระนั่น
หนานอิงไม่สนใจเขาอีกต่อไป นางหันหลังคิดจะลงน้ำไปอีกครั้ง คราวนี้นางต้องทำสำเร็จแต่ขายังไม่ทันได้ก้าว กลับรู้สึกถึงแรงดึงจากมือใหญ่ของคนผู้นั้น
หนานอิงกำลังจะขอให้เขาปล่อยให้นางตายเสีย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็พบว่าตนเองถูกลู่หนิงหวังกดศีรษะลงไปในน้ำ คราแรกหนานอิงตกใจยิ่งนางจึงดิ้นรนขัดขืนให้เขาปล่อยด้วยหายใจไม่ออกทั้งสำลักน้ำจนทรมานไปหมด
แต่มือของเขาแข็งแรงราวกรงเหล็กนางมีหรือจะหนีรอดได้ หนานอิงตั้งสติเมื่อคิดได้ว่าตนเองอยากตาย นางจึงนิ่งงันปล่อยให้เขาจับนางกดน้ำอยู่เช่นนั้น
แต่น่าแปลกประหลาดเมื่อนางจะสิ้นใจร่างกายของนางกลับไม่ยอมรับ ยังดิ้นรนอย่างสุดชีวิตที่จะตะเกียกตะกายขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
ลู่หนิงหวังยกมุมปากดึงศีรษะนางขึ้นมาให้นางหายใจสักหน่อยแล้วกดลงไปอีกครา
ครานี้ก็เช่นกันหนานอิงเหมือนจะแน่นิ่งไปยอมให้เขากดน้ำแต่โดยดี แต่สักพักนางก็ดิ้นรนเอาชีวิตรอดอีกครั้งนางรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก ความตายแท้ที่จริงแล้วมันน่ากลัวเช่นนี้หรือ
แต่ลู่หนิงหวังกลับไม่ปล่อยให้นางตายเขาดึงนางขึ้นเหนือน้ำอีกครั้ง หนานอิงครานี้สูดลมหายใจเข้าปอดด้วยอาการโหยหาและตะกละตะกลาม
“เจ้านี่หนังเหนียวใช่เล่น”
ลู่หนิงหวังไม่ปล่อยนางให้หายใจนานกว่านี้ มือใหญ่กดศีรษะของหนานอิงลงน้ำกระทำเรื่องเดิมซ้ำลงไปอีก ไม่สนใจว่านางที่อยู่ในมือของเขาจะทรมานเพียงใด
อ้ายเจิงอ้าปากค้าง ด้วยคิดว่าลู่หนิงหวังตั้งใจจะช่วยนาง แต่สิ่งที่เขาเห็นนี้คือ ลู่หนิงหวังกำลังพยายามจะฆ่านางชัด ๆ เขากำลังจับสตรีผู้หนึ่งกดน้ำอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะที่หานเซียวกลับนึกว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่พี่ชายของตนเองยื่นมือเข้าไปสอดอันเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของลู่หนิงหวัง หากเป็นผู้อื่นเขาคงได้เดินกลับกระท่อมไปแล้วไม่สนใจว่านางจะเป็นจะตายแต่ประการใด
เมื่อเป็นเช่นนี้หานเซียวจึงมองดูอย่างสงบ
ในช่วงเวลานั้นเองนายพรานผู้นั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่ที่กระท่อมสักคน เขาจึงออกมาดูที่ริมทะเลสาบพบว่าลู่หนิงหวังกำลังจะสังหารแม่หนูผู้นั้นเขาจึงตื่นตระหนกจนลนลาน
“ท่านอ๋องน้อยแย่แล้ว ดูท่านอ๋องกำลังจะฆ่านางแล้วพวกท่านช่วยนางเร็ว อย่าปล่อยให้ท่านอ๋องฆ่าคนบริสุทธิ์”
อ้ายเจิงผู้บัดนี้เริ่มเข้าใจถึงบางสิ่ง เขากระแอมแล้วบอกท่านตาผู้นั้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ต้องตกใจไป ท่านอ๋องเพียงแต่มีน้ำใจเล็กน้อยให้นาง”
ชายชรายังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของอ้ายเจิง เขาเห็นชัดเจนว่าท่านอ๋องกำลังกดหนานอิงลงกับน้ำมิใช่หรือ แม่หนูผู้นั้นกำลังดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสาร หากท่านอ๋องไม่ปล่อยมือหนานอิงมีหวังได้ไปเฝ้าบรรพชนเป็นแน่
ท่านตาเดินวนไปเวียนมา สุดท้ายทนไม่ไหวแล้วเขาคิดจะลงไปช่วยแต่เมื่อเห็นว่าลู่หนิงหวังได้ปล่อยนางแล้วและกำลังลากหนานอิงขึ้นฝั่งจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
นี่หนานอิงทำความผิดใดใหญ่หลวง ท่านอ๋องจึงได้ลงโทษรุนแรงเช่นนั้น
ชายชราได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเวทนาสตรีบอบบางผู้นั้นเป็นอย่างยิ่ง วาสนาของนางช่างอาภัพนักที่มาพบเจอบุรุษที่นับว่าโหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา
เมื่อลากร่างของนางมาจนถึงฝั่ง ลู่หนิงหวังปล่อยหนานอิงที่เกือบจะหมดลมและอ่อนแรงทันใด
นางล้มพับลงไปนอนกองที่พื้น ใบหน้าเปียกชื้นแดงก่ำด้วยสำลักน้ำอยู่หลายครั้ง ผมเผ้าที่ถูกรวบไว้บัดนี้คลายลงเปียกชื้นปกปิดหน้าตาของนางเหมือนางพรายน้ำผู้หนึ่ง
หนานอิงกลับนิ่งเงียบ ไม่พูดสักประโยค ทั้งยังไม่โวยวายให้ผู้ใดรำคาญใจ แต่สภาพของนางในตอนนี้กลับทำให้หานเซียวรู้สึกรำคาญและวุ่นวายใจเป็นอย่างมาก
สตรีหน้าโง่ผู้นี้ยังคิดจะฆ่าตัวตายหรือไม่
อ้ายเจิงรีบเข้าไปดูนาง จับชีพจรของหนานอิงทันใด และแล้วเขากลับพบความผิดปกติบางอย่าง หรือว่าลู่หนิงหวังเองก็รู้เช่นกัน อ้ายเจิงมองลู่หนิงหวังด้วยดวงตารู้ทันแต่เขากลับไม่สนใจหนานอิงอีกแล้วเดินมาหาชายชรา
“เหล้านารีแดงที่ท่านบ่มเอาไว้ยังมีเหลืออยู่หรือไม่”
ชายชราเห็นว่าอ้ายเจิงกำลังดูแลหนานอิงอยู่ เขาจึงโล่งใจทั้งยังพยักหน้า
“ยังมีอีกหลายไห ข้าน้อยจะนำมาให้ขอรับ”
ชายชราเดินกลับไปพร้อมกับลู่หนิงหวัง หนานอิงยังคงนั่งหมดสภาพอยู่เช่นนั้นในยามนี้นางเหมือนคนที่ไร้วิญญาณแล้ว หานเซียวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านางแล้วนั่งลง
เขาเชยคางของนางขึ้นแล้วเอ่ยว่า
“ยังคิดอยากตายอยู่หรือไม่”
หนานอิงมองเขาน้ำตาไหลริน นางพยักหน้าทั้งผลักหานเซียวออก นางไม่ต้องการให้ผู้ใดมายุ่งกับนางแล้ว ใบหน้าของหานเซียวเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
“เจ้ามันอ่อนแอแม้กระทั่งจะฆ่าตัวตายยังทำไม่ได้ วิญญาณของแม่เจ้าตายอย่างไม่เป็นธรรม ตัวเจ้าถูกย่ำยีอย่างไม่เป็นธรรม เจ้ายังคิดจะปล่อยให้คนพวกนั้นลอยนวลแม้จะเคียดแค้นพวกเขา หนานอิงเจ้ามันอ่อนแอยิ่งสมควรตายแล้ว”
นางเงยหน้ามองเขา พ่นคำพูดอันยาวเหยียดออกมาเป็นครั้งแรก
“ใช่ข้าแค้น ข้าเกลียดทุกคนที่ทำร้ายข้า เกลียดคนที่ทำให้ท่านแม่ข้าตาย เกลียดคนที่มันย่ำยีข้าจนไม่เหลือศักดิ์ศรี ข้าอยากแก้แค้น ข้าอยากฆ่าพวกมันด้วยสองมือข้า แต่ข้าไร้ความสามารถ ข้าไม่เหลือผู้ใดแล้ว ข้ามองหาหนทางไม่เห็นนอกจากความตาย แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร ท่านจะช่วยข้าแก้แค้นหรือ ท่านจะฆ่ามันให้ข้าหรือ”
หานเซียวหัวเราะเสียงต่ำ เขารู้สึกสมเพชนางยิ่ง
“แค้นของเจ้า เจ้าต้องชำระด้วยตัวเอง มีดอยู่ในมือเจ้าแล้วเจ้าจงเลือกว่าจะตายอย่างไร้ศักดิ์ศรีปล่อยคนที่ย่ำยีเจ้า ปล่อยคนที่ทำร้ายเจ้าและฆ่าแม่ของเจ้าให้ลอยนวลเสวยสุข หรือจะตามฆ่าพวกมันให้หมดก็เป็นเรื่องของเจ้าหาใช่เรื่องของผู้ใด หาใช่เรื่องของข้า”
หนานอิงเจ็บปวด นางร้องไห้ออกมา
“ข้า ข้า ฮือ ฮือ ข้าไร้หนทางแล้ว ท่านจะให้ข้าทำเช่นไร”
หานเซียวยัดมีดสั้นของเขาใส่มือของนาง แล้วกุมมือของนางเอาไว้ ก่อนจะดึงทั้งมือทั้งมีดเข้ามาจ่อที่ตำแหน่งหัวใจของเขา กล่าวน้ำเสียงเยียบเย็นแววตาแข็งกร้าว
“หากข้าบอกว่าข้าคือศัตรูของเจ้า เจ้าจะทำเช่นไร จะกล้าลงมือสังหารข้าหรือไม่”
หนานอิงดวงตาสั่นระริก มือของนางสั่นเป็นอย่างยิ่งเมื่อหานเซียวกดปลายมีดแหลมที่อยู่ในมือนางเข้ากับเนื้อหนังของเขา ปลายมีดแหลมทิ่มเข้าไปตรงนั้นจนเลือดซึมออกมาด้วยเสื้อของหานเซียวเป็นสีขาวจึงมองเห็นรอยเลือดนั้นได้ชัดเจน
“ท่าน กำลังจะทำสิ่งใด”
หนานอิงพยายามขืนมือของตนออก แต่กลับถูกเขากดเอาไว้เช่นนั้น ปลายมีดยิ่งกรีดเข้าไปในผิวเนื้อของชายหนุ่มมากขึ้น
“เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าท่านแม่ของเจ้าจะตายอย่างทรมานเช่นไร ในยามที่เจ้าถูกกดจมน้ำความรู้สึกนั้นทรมานมากแค่ไหน นั่นคือความรู้สึกของท่านแม่ของเจ้าในขณะที่นางกำลังจะตายเช่นกัน เจ้ากลับโง่เขลาเช่นนี้คิดว่าแม่ของเจ้าตายตาหลับหรือ เอาสิ ข้าคือศัตรูของเจ้าสังหารข้าเสีย กดมีดลงมาฆ่าข้าให้ตายตอนนี้”
“นายท่านอย่า”
หนานอิงไม่รู้ว่าหานเซียวพูดความจริง นางไม่กล้าฆ่าเขา นางไม่กล้าฆ่าคน แต่นางอยากแก้แค้น นางรู้แล้วว่าความรู้สึกเมื่อสักครู่ที่ถูกลู่หนิงหวังจับกดน้ำนั้นมันทรมานเพียงใด
ท่านแม่ของนางก่อนตายจะรู้สึกเช่นนี้หรือไม่
หานเซียวปล่อยมือของนางแล้ว ปลายมีดยังคาอยู่ที่อกของเขา นางดึงออกด้วยความตกใจ หานเซียวเชยคางนางขึ้นอีกครั้ง เอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย
“หากเจ้าอยากแก้แค้น ก็จงเปลี่ยนตนเองเสียใหม่ตามหาพวกมันให้หมด และสังหารมันเสีย ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นข้าหานเซียวผู้นี้หรือจะเป็นลู่หนิงหวัง หากมันคือศัตรูของเจ้าก็จงฆ่ามันอย่าได้ใจอ่อนเป็นอันขาด แต่หากเจ้าทำไม่ได้ก็ใช้มีดเล่มนี้ฆ่าตัวตายเสีย สตรีอ่อนแอเช่นเจ้าไม่สมควรที่จะอยู่บนโลกอันโหดร้ายเช่นนี้อีกต่อไป”
มุมปากของหานเซียวยกขึ้นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นปล่อยมีดเล่มนั้นไว้ในมือของหนานอิง หนานอิงสะอื้นร่ำไห้
อ้ายเจิงหยิบมีดที่นางทำหล่นแล้วส่งคืนให้หนานอิง นางมองมีดเล่มนั้นแล้วกำเอาไว้แน่น คำพูดของหานเซียวยังก้องอยู่ในหัว
ไม่ว่าศัตรูของนางจะเป็นผู้ใด จงตามล่าและสังหารมันให้หมดอย่าได้ใจอ่อนอย่างเด็ดขาด
อ้ายเจิงยกมุมปากแล้วเอ่ยว่า
“หากเจ้าต้องการแก้แค้น ข้าช่วยเจ้าได้”