ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 66: ภาค 3 ตอนที่ 11 ช่วงให้หยุดพักหายใจ
ถึงจะบอกว่าสงครามเริ่มแล้วก็เถอะนะ…พวกเราก็ไม่ได้อยู่ในสนามรบอยู่ดีนี่นะ ตอนนี้ทั้งฉันและเคียร่าหลังจากที่เอาเรื่องข้อตกลงไปบอกราชา ก็ต้องวิ่งเต้นทำเรื่องอะไรต่าง ๆ อีกเล็กน้อย แถมยังต้องเวียนไปกระจายข่าวให้ขุนนางทั่วประเทศอีก ไม่ได้อยู่กับที่เลยแฮะ
ข่าวที่ต้องเอาไปกระจายนั้นส่วนใหญ่ก็เป็น ความคืบหน้าเรื่องการทดลองเจาะภูเขาที่เฟียร์กลาส และออกคำสั่งว่าถ้าเขตไหนพร้อมเตรียมการเจาะก็ให้จัดการได้เลย ส่วนเขตไหนที่ยังเจาะไม่ได้ให้เน้นไปการขนส่ง หรือก็คือปรับปรุงถนนนั่นเอง
จะไม่เป็นไรใช่ไหมนะ อยู่ในช่วงสงครามที่ค่อนข้างวุ่นวายแท้ ๆ แต่กลับทำอีกหลายอย่างพร้อมกันเลย และเพราะว่ามันเป็นการทำที่การใหญ่แหละนะ…เราสองคนเลยกลายเป็นตัวกลางสื่อสารของคนอื่นไปซะแล้ว เพราะว่าต้องคุยและตกลงวางแผนการสร้างถนน เพื่อให้ออกมาได้ประสิทธิภาพมากที่สุดล่ะนะ ทั้งสัปดาห์เราทั้งคู่เลยวุ่นกับการบินไปมาทั่วทั้งประเทศ
และในที่สุดก็ได้ผลสรุปออกมาดังนี้…
“อย่างที่เห็นค่ะ จุดที่ฉันทำเครื่องหมายสีแดงเอาไว้คือจุดที่จะสร้างทางเชื่อมกับทะเล รวมทั้งที่เฟียร์กลาสซึ่งเป็นที่แรกด้วยก็จะมีทั้งหมด 5 เส้นทางค่ะ”
“อืม แล้วที่เวเรียทำตั้งสองจุด จะไม่เป็นไรรึ?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะเจ้าเมืองเวเรียได้ขอความช่วยเหลือไปยังมิสให้ส่งแรงงานมาช่วยในการทำเส้นทางออกทะเล โดยมีรัฟและลันเดอร์คอยทำเส้นทางลำเลียงตั้งแต่ เวเรียกระจายไปยังพื้นที่ข้างเคียงและเขตของตัวเองค่ะ”
หาได้ยากเล็กน้อย ที่ตอนนี้ราชานั้นยืนฟังรายงานอยู่กลางแจ้ง นั่นก็เพราะว่าตอนนี้อยู่ในขณะกำลังเคลื่อนพล ซึ่งเห็นว่าทางด้านหน้ากำลังปะทะกันอยู่ ใช่แล้ว…เรากำลังรายงานข้อมูลอยู่กลางสนามรบนั่นเอง
สนามรบที่เต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์คละคลุ้งไปทั่ว และพื้นที่โล่งซึ่งเกิดจากการปะทะกันของเวทมนตร์จนเหมือนหลุดมาอยู่คนละโลก รอบตัวของพวกเรามีทหารรายล้อมเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเข้ามาได้ทุกเมื่อ แน่นอนฉันเองก็ด้วย
ถึงเคียร่าจะรายงานข้อมูลและพูดคุยกับราชาได้อย่างสบาย ๆ แต่ฉันนั้นต้องสาดส่องไปทั่วทั้งรอบตัว ว่าไม่มีใครซุ่มโจมตีหรือดักฟังเราอยู่ แต่ว่ารอบตัวตอนนี้ยังสงบดีอยู่ คงเพราะว่าอยู่แนวหลังจากการปะทะพอสมควร จึงได้ยินแค่เสียงการต่อสู้ลอยมาจากไกล ๆ
“งั้นรึ ถ้างั้นเรื่องการแก้ปัญหาขาดแคลนของประชาชนคงบรรเทาลงแล้ว ต่อไปก็…”
“เสบียงของกองทัพสินะ”
“อา”
แล้วก็เข้าประเด็นที่ชวนให้กลืนน้ำลายอึกใหญ่อีกครั้ง เพราะว่าตอนนี้กองทัพของเราทำเรื่องบ้าบิ่นอย่างการเดินทัพโดยที่มีเสบียงไม่เพียงพอ เห็นว่าช่วงเที่ยงของวันนี้หรือก็คือไม่นานมากนักอาหารทั้งหมดที่พกมาจะหมด ถึงจะเดินหน้าต่อได้อยู่แต่ว่าทหารจะอ่อนแรงกันหมด
“ตอนนี้เสบียงของเราหมดแล้ว ฉันต้องการให้เธอไปรับเสบียงมาให้พอสำหรับการเดินทัพครั้งต่อไป เพราะว่าช่วงเย็นเราจะเดินหน้าต่อ แล้วยึดป้อมปราการรูฟเพื่อเป็นจุดพักสำหรับเดินหน้าวันถัดไป”
เคียร่าจดเนื้อหาคำสั่งของราชาเอาไว้ในกระดาษ ก่อนจะหยุดมือแล้วหันขึ้นมาถามต่อ
“ถ้างั้น สำหรับไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงจะขอเป็นแบบเร่งด่วนสินะคะ”
“ใช่ แล้วก็ถ้าทำให้กินง่ายเพื่อสะดวกกับการเดินทัพก็คงดี”
“เข้าใจแล้วค่ะ…รอบก่อนที่ฉันไปเมืองบาดาลเห็นมีพวกปลาตากแห้งอยู่ เอาเป็นพวกนั้นได้ไหมคะ? ถึงจะกลิ่นฉุนแล้วก็รสแรงไปหน่อย แต่ถ้าเรื่องพลังงานสำหรับเดินทัพคงเหลือเฟือค่ะ”
“โอ้ เข้าท่าดี”
เมื่อได้บทสรุปดังนั้นเคียร่าจึงจดเนื้อหาต่อ ปลาตากแห้งเหรอ…ถึงจะเป็นฟองน้ำใต้ทะเลแต่ก็ตากแดดได้อยู่สินะ พลังของพระอาทิตย์นี่สุดยอดจริง ๆ
“งั้นช่วงเย็นฉันจะหาเตรียมเป็นของสดแล้วกันค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็เอาไปประกาศกับทหารต่อว่ามื้อเย็นจะเป็นอาหารสดจากทะเลนะคะ”
“หือ มีอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
เมื่อเคียร่าเสนอออกไปแบบนั้นราชาก็ถามกลับด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าเขาคงไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เคียร่าบอกนั้นมีความหมายอะไรรึเปล่า แน่นอนว่าฉันเองก็เผลอเอียงคอให้กับคำพูดของเคียร่าเหมือนกัน
แต่ว่าเธอก็พูดต่อโดยที่มือยังคงจดยุกยิกไม่หยุด
“เพื่อเพิ่มแรงใจของทหารค่ะ เพราะว่าปลาตากแห้งอย่างที่บอกว่าอาจจะไม่ถูกปากมากนัก ดังนั้นหากได้ยินว่าจะได้ของที่ดียิ่งกว่า จะเป็นการเพิ่มแรงใจของทหารให้ตั้งใจมากยิ่งขึ้นค่ะ”
“โฮ่ แบบนี้นี่เอง”
เห๋ นั่นสินะ ยังไงซะคนเราก็เดินหน้าด้วยปากท้อง ใส่ใจดีจังเลยแฮะ ฉันเองถ้ามีคนมาบอกว่าหลังจากนี้จะมีของอร่อยมาให้กิน ก็คงตั้งใจมากขึ้นเพื่อให้ตัวเองไปกินให้ได้ล่ะนะ เป็นความคิดที่เรียบง่ายแต่ดูทรงพลังจัง
“เรียบร้อย…ถ้างั้นก็ จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดนะคะ”
หลังจากที่เขียนคำนวณบางอย่างอยู่ในกระดาษเสร็จ เคียร่าก็พึมพำออกมาก่อนจะบอกลาและโดดขึ้นบนหลังฉันอย่างรวดเร็ว เอาล่ะ…มุ่งหน้าไปที่เมืองบาดาลสินะ!
———————– ————————–
อูว…ดูถูกปลาตากแห้งซะได้ มัน…โคตรเหม็นเลย!! ฉันคิดแบบนั้นพร้อมทั้งทำหน้าหงอยทันทีในระหว่างที่รอเคียร่าคุยธุระเสร็จ พวกเราไปยังเมืองบาดาลและรวบรวมอาหารตามที่สั่งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำมาส่งให้ทันตามเวลาที่กำหนด
ปลาตากแห้งจำนวนมากบรรจุอยู่ในกล่องไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งฉันต้องเป็นคนอุ้มมันกลับไปยังค่ายของกองทัพ ซึ่งแม้ว่าจะปิดฝาไว้อย่างมิดชิดแล้วก็เถอะ พลังของกลิ่นฉุนที่โชยออกมาก็ยังปะทะเข้ากับจมูกของฉันอย่างรุนแรงอยู่ดี ฮือ กลิ่นต้องติดตัวแน่เลย…
เหมือนว่าเสียงการต่อสู้จะสงบลงแล้ว จุดที่พวกเราอยู่ก็เป็นการตั้งเต็นท์กันอยู่แบบอย่างเรียบง่าย และปลาแห้งในกล่องขนาดยักษ์ราว ๆ ต้องใช้คนต่อตัวกัน 2 คนถึงจะขึ้นไปอยู่ด้านบนได้นั้น ก็กำลังมีทหารมาต่อแถวรับไปเป็นมื้ออาหารช่วงพัก เราจะใช้กล่องพวกนี้ในการขนส่งนั่นเอง
บอกเลยว่านอกจากจะโคตรเหม็นแล้วยังโคตรหนักอีกต่างหาก
“ไปกันเถอะริเกล เราคงต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ”
‘มีอะไรเหรอ?’
เคียร่าที่รีบก้าวเท้าออกมาจากเต็นท์ และรีบโดดขึ้นบนหลังฉันทันที ก่อนจะให้รีบบินขึ้นแล้วค่อยเล่าในระหว่างที่กำลังบินอยู่
“ที่บอกว่าจะเอาเป็นอาหารสดไปน่ะ ลงความเห็นกันว่าถ้าเอาปลามาเฉย ๆ เลยจะเตรียมอาหารลำบากเอา เลยจะให้ทางนั้นจัดการไปก่อนขั้นหนึ่งเลยน่ะ”
‘หรือก็คือ?’
“เราต้องไปสั่งให้จับปลา และแล่กับขอดเกล็ดให้เสร็จก่อนเย็นนั่นเอง”
โว้ว งานหยาบแฮะ เพราะว่ากล่องที่พวกเราไปเอานี่มันโคตรใหญ่ ถ้าแล่ปลาออกก็จะกินเนื้อที่น้อยลง แสดงว่าต้องเพิ่มจำนวนปลาไปอีก และคงใช้เวลานานมากแน่ เพราะงั้นเลยต้องรีบสินะ
ว่าแล้วฉันก็เร่งความเร็วของตัวเองให้ไปยังเมืองบาดาลทันที เมื่อเอาคำสั่งซื้อที่สุดจะนรกแตกนี่ให้โชกุนดู ถึงแม้จะกังวลนิดหน่อยว่าจะหาให้ได้รึเปล่า แต่เจ้าตัวก็เพียงแค่พยักหน้าและเร่งออกคำสั่ง
วุ่นวายดีแฮะ
“ระหว่างนี้ท่านอัศวินมังกรก็พักผ่อนกันได้ตามสบายเลยครับ”
“ขอบคุณมากค่ะที่รับฟังสิ่งที่พวกเราต้องการ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกได้เสมอนะคะ”
จากนั้นเขาก็ทำเพียงหัวเราะร่าออกมาแล้วพึมพำซ้ำ ๆ ว่า ‘ไม่เป็นไร’ อืม ถึงดูท่าคนที่ได้คำสั่งไปจะหัวหมุนกันพอควรเลยก็เถอะ ไม่เป็นไรแน่ใช่ไหมนะ?
แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็ทำตามข้อเสนอของโชกุนที่ว่าให้พักก่อน ฟู่ว กว่าจะมีช่องว่างให้พักหายใจซะที…
“ฮะ ๆ เหนื่อยหน่อยนะริเกล ยังไหวอยู่รึเปล่า?”
‘ก็…ยังไหวอยู่!’
ฉันดึงตัวเองให้กลับมาร่าเริงอีกครั้งแล้วส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง ถึงจะเหนื่อยแล้วก็มึนนิดหน่อยที่ต้องบินไปบินมาก็เถอะ แต่ถ้าเอาแรงตามจริงแล้วสบายมาก!
“อะ คุณชุดเกราะเดินได้ล่ะ!”
แต่ทันทีที่ฉันได้ยินเสียงแหลมเล็กที่ดังขึ้นก็ต้องขนลุกขนชันทันที แล้วก้มตัวเอาหัวไปหลบอยู่หลังเคียร่า อย่าเข้ามานะเว้ย!!
“กรร…”
“อ๊ะ มังกรที่บินได้เหมือนงูเวลาขู่เลย ฮ่า ๆ”
“หุ นั่นสินะ ขู่ ฟ่อ ๆ เลย”
หะ- หัวเราะอะไรกันเล่า! ฉันน่าตลกตรงไหนกัน ห๊ะ! นี่เคียร่า คงจะไม่ให้ฉันพาพวกนั้นไปบินหรอกใช่ไหม นี่ เคียร่า~
“ฮะ ๆ เข้าใจแล้วน่า…สวัสดีเจ้าหญิง แอบน่าเสียดายหน่อยแต่วันนี้คงยังพาออกไปบินบนฟ้าไม่ได้นะ”
เคียร่าที่โดนฉันเอาจมูกดันอย่างไม่พอใจก็ยังคงหัวเราะอยู่ แล้วก้มเข้าลงให้ตัวเองอยู่ระดับเดียวกันกับเจ้าหญิง ก่อนจะพูดแบบนั้นอย่างอ่อนโยน
ซึ่งเจ้าหญิงตัวน้อยที่ฉันเพิ่งได้สังเกตรูปร่างภายนอกนั้น เธอมีเรือนผมสีเขียวอ่อนรวบผมไว้แล้วใช้ปิ่นที่เหมือนกับเปลือกหอยปักเอาไว้ พร้อมกับชุดกิโมโนที่ไม่ยาวมากนัก น่าจะทำไว้สำหรับให้เคลื่อนไหวได้สะดวก ก็นะ…ซนขนาดนี้ก็พอเข้าใจได้
แต่ว่าในหนนี้หลังจากฟังคำบอกเล่าจากเคียร่าก็พยักหน้าให้อย่างเรียบง่าย
“อื้อ! ได้ยินมาจากท่านพ่อแล้วล่ะ!”
“ขอบใจนะ แล้วก็ ฉันไม่ใช่ชุดเกราะเดินได้หรอกนะ”
เคียร่าพูดแก้ต่างตัวเองแบบนั้น พร้อมกับใช้มือถอดหมวกตัวเองออกมา เผยให้เห็นว่ามีคนอยู่ด้านในชุดเกราะที่หนาแน่น เจ้าหญิงจึงได้แต่อ้าปากค้าง
“ว้าว…ในชุดเกราะมีผู้หญิงที่สวยมาก ๆ ออกมาด้วยล่ะ!”
“ฮะ ๆ ขอบใจนะ”
ของมันแน่อยู่แล้ว! ก็เคียร่าเลยนะก็ต้องสวยมากอยู่แล้ว เห็นไหมเด็กตัวแค่นี้ยังเข้าใจเลย และก็เป็นอีกครั้งที่ฉันยืดอกภูมิใจอย่างไม่มีสาเหตุ พร้อมทั้งตบหางขึ้นลงด้วยความรู้สึกยินดีจนทรายในสวนคละคลุ้งไปทั่ว…
‘อา!!’
ในตอนนั้นเองก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่ปลายหาง เหมือนกับโดนกัดเลย!! ด้วยความตกใจฉันจึงสะบัดหางไปมา ก่อนจะพยายามหันไปมองว่าโดนอะไรกัดเข้า เคียร่าเองก็ดูเหมือนจะตกใจเหมือนกันที่ฉันมีท่าทีตกใจ
และเมื่อชูหางขึ้นดูว่ามีอะไรอยู่ตรงหาง…
“อ๊ะ มิโอะนี่นา!”
‘ฮิเมะ!’
ใช่แล้ว ลูกมังกรตัวเดิมที่มีหางเป็นเหมือนมือนั้น มันใช้หางของตัวเองงับเข้าที่หางของฉันจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา แล้วทั้งคู่ที่เจอกันก็ยิ้มและหัวเราะพลางพยายามยื่นมือหากัน
เจ็บ ๆ ๆ ๆ เจ็บโว้ย!!
‘เลิกงับหางฉันแล้วส่ายตัวไปมาได้แล้ว มันเจ็บนะ!’
ฉันโวยวายออกไปแบบนั้นแต่ก็พยายามที่จะไม่สะบัดแรงมากเกินไป ไม่งั้นถ้าฉันตีหางลงพื้นแรง ๆ คงจะให้เขาหลุดออกได้…พร้อมกับขยี้ร่างให้แหลกล่ะนะ ซึ่งคงไม่ดีแน่
“ใจเย็นริเกล อย่าพึ่งแตกตื่น ค่อย ๆ วางหางลง…นี่เจ้าหญิง เด็กคนนั้น มิโอะสินะ? ให้ปล่อยจากหางริเกลได้รึเปล่าน่ะ แบบนี้เธอตกใจแย่เลย”
“เอ๋ งั้นเหรอ…นี่มิโอะ เขาบอกว่าให้ปล่อยล่ะ”
‘อะไรกัน…’
ไม่ต้องมาทำท่าหงอยเลย!! นั่นแหละ ปล่อยจากหางฉันได้แล้ว! หลังจากนั้นหางของมิโอะก็ปล่อยออก ฉันจึงดึงหางตัวเองกลับมา และหดให้ตัวเองนั่งทับเอาไว้ เพื่อไม่ปล่อยโอกาสให้มาเล่นอีก
“แต่หางเด็กคนนี้สุดยอดเลยนะ มังกรวารีเหรอ?”
“อือ! ไม่เคยเห็นใช่ไหมล่ะ! มิโอะเป็นมังกร มิซุคิโระ น่ะ ถึงจะอยู่ใต้น้ำแต่ก็หายากอยู่ดีล่ะ”
“เห๋ งั้นเหรอ”
ว่าแล้วเคียร่าก็พึมพำออกมาแบบนั้นพร้อมทั้งสำรวจตัวของมิโอะ หืม เป็นมังกรหายากสินะ หึ ฉันน่ะหายากกว่าตั้งเยอะ! มังกรพิภพเลยนะ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เลยใช้ปากคาบชุดเกราะของเคียร่า แล้วออกแรงดึงเล็กน้อยเพื่อให้เธอหันมาสนใจ อย่าเอาแต่สนใจมังกรนั่นสิ!
“ฮะ ๆ แค่นิดเดียวเองน่า”
พูดจบ เคียร่าก็เอามือมาลูบหัวของฉันเป็นการปลอบโยน ใช่แล้ว เคียร่าน่ะเป็นของฉันต่างหาก! ถึงมังกรวารีจะน่าสนใจ แต่ไม่ปล่อยเคียร่าให้หรอกนะจะบอกให้!
“จริงสิ! งั้นให้พวกฮิเมะพาไปเดินดูเมืองไหมล่ะ!”
“โอ้ ก็น่าสนใจนะ ขอรบกวนหน่อยนะคะ เจ้าหญิง”
“แน่นอน! เพราะฮิเมะเป็นเจ้าหญิงไงล่ะ!”
ว่าแล้วเธอก็เดินนำหน้าพวกเราเพื่อพาออกไปเดินเล่นข้างนอก โดยที่มีทหารรอบ ๆ มองด้วยความเอ็นดู ถึงจะมีความประทับใจแรกเจอติดลบก็เถอะ แต่ก็…ให้พาเดินเล่นสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง