ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 188 แค่ช่วยงานเล็กน้อย เสนอความเห็นไปนิดหน่อย
ตอนที่ 188 แค่ช่วยงานเล็กน้อย เสนอความเห็นไปนิดหน่อย
“อะไรนะ? จีบจูลี่?” ดวงตาทั้งสองข้างของหลัวคังอันเบิกโพลง รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
เขานึกกลัวอยู่ในใจในตอนที่ไปหาฉินอี๋ ไม่รู้ว่าหลินยวนจะให้เขาทำอะไร เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะให้ตัวเองไปทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย
วุ่นวายเสียตั้งนานเพื่อเรื่องนี้เนี่ยนะ เขายังนึกว่าตนเองฟังผิดไป
หลินยวนกล่าว “จูลี่ไม่สวยเหรอ?”
หลัวคังอันมึนงง “ไม่ใช่ นี่น้องหลิน นายล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”
หลินยวนกล่าว “ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันจำได้ว่าตอนที่เรานั่งเรือคุนมาด้วยกัน แกยังอยากจีบเธออยู่เลยนี่ ตอนนี้แกมีตำแหน่งใหญ่โตแล้ว แล้วก็มีเหตุผลให้ใกล้ชิดกับเธอได้ ได้โอกาสเหมาะที่จะจีบเธอพอดี นี่ไม่ใช่สิ่งที่แกต้องการหรอกเหรอ? หรือว่านี่ไม่ใช่งานในฝันของแก?”
หลัวคังอันยกมือขึ้นมากุมที่หัวใจของตัวเองทันที กุมตรงตำแหน่งที่เกือบจะถูกทวนแทงทะลุหัวใจก่อนหน้านี้ การที่ยังไว้ชีวิตตัวเองเอาไว้ก็เพื่อเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ?
เขากวาดตามองหลินยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางเหมือนมองเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น “น้องหลิน อย่าล้อเล่นกันแบบนี้สิ”
หลินยวนว่า “ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ได้ล้อเล่น อย่ามัวชักช้า รีบติดต่อไป”
สองมือของหลัวคังอันโบกไปมา “ไม่ใช่ น้องหลิน นายฟังฉันนะ จูเก่อม่าน ฉันมีจูเก่อม่านแล้ว ฉันยังจะไปทำเรื่องแบบนี้ได้ที่ไหนกัน”
ในเวลาที่จำเป็น จูเก่อม่านจะกลายเป็นข้ออ้างของเขาทันที แต่ในเวลาที่ไม่จำเป็นหรือในเวลาที่รู้สึกรำคาญ เขาก็จะคิดหาทางว่าจะสลัดจูเก่อม่านทิ้งไปอย่างไรดี
หลินยวนกล่าว ฉันได้ยินแกพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตอนเสวี่ยหลานฉันก็ไม่เห็นแกเกรงใจอะไรนี่”
หลัวคังอันว่า “นั่นมันไม่เหมือนกัน เสวี่ยหลานเป็นศัตรูคู่แค้น นั่นฉันไปล้างแค้น ไปชำระความอับอายเมื่อในอดีต! แต่ตอนนี้ฉันกลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ หลังเกิดเรื่องเสวี่ยหลานขึ้นฉันก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก ตอนนี้ฉันกลับตัวแล้วจริงๆ ฉันทำเรื่องที่ผิดต่อจูเก่อม่านไม่ได้อีก”
เห็นได้ชัดว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ คนที่แอบทำเรื่องไม่ดีลับหลังแบบนี้จะทำเรื่องดีๆ อะไรได้? สัญชาตญาณบอกเขาว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล อาจจะมีอันตราย จึงอยากจะหลีกเลี่ยง จึงเริ่มหาข้ออ้างต่างๆ
หลินยวนยื่นมือไปตบไหล่เขา “ล้อเล่นน่ะ”
หลัวคังอันโล่งอกทันที “ก็รู้อยู่แล้วว่าน้องหลินล้อ….”
แต่ใครจะไปรู้ว่าเขายังไม่ทันพูดจบ หลินยวนจะกล่าวขึ้นมาอีกประโยคว่า “แค่จะให้แกแกล้งทำเฉยๆ สำหรับคนที่มีประสบการณ์โชกโชนอย่างแกแล้ว นี่น่าจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
หลัวคังอันชะงักไปทันที ก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจ รีบกล่าวถ่อมตัวทันทีว่า “ไม่ใช่ น้องหลิน ตอนนั้นกับตอนนี้มันจะไม่เหมือนกัน ตอนนี้ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินนะ ถ้าฉันไปทำเรื่องเหยียบเรือสองแคมอะไรแบบนั้นอีก เกิดคนเอาไปพูดต่อๆ กันมันจะดูไม่ดี น้องหลิน ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ เรื่องนี้….น้องหลินเองก็ดูสง่างาม ฉันเห็นจูลี่เองก็ดูสนใจนายอย่างมาก ถ้าไงน้องหลินจัดการเองไหม จะแกล้งทำก็ได้ หรือจะจีบไปจริงๆ เลยก็ได้”
หลินยวนจ้องมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น จู่ๆ พลันลุกขึ้นยืน เดินไปตรงกลางห้องทำงาน กวาดมองไปรอบด้าน ก่อนจะสะบัดมือออกไปทีหนึ่ง ภายในห้องมีลมพัดขึ้นมาดังฟิ้วๆๆ ผ้าม่านที่อยู่รอบด้านถูกพลังดึงจนรูดปิดทั้งหมด บดบังแสงสว่างจากด้านนอกเอาไว้ ภายในห้องพลันมืดสลัว อย่างน้อยด้านนอกก็มองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง
หลินยวนค่อยๆ เดินเข้ามาหาหลัวคังอันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหาร
หลัวคังอันพลันตกใจ “ชิบหายแล้ว!” คำอุทานหลุดออกมาจากปากทันที ตัวเขาเองก็ค่อยๆ ขยับไปยังอีกด้านหนึ่งของโซฟา ลุกขึ้นมา ถอยหลังไปชนหน้าต่างบานหนึ่ง จากนั้นเปิดผ้าม่านออก ทำให้ยืนเองยืนอยู่ภายใต้แสงสว่าง เอ่ยอย่างจริงจังว่า “อย่างน้อยถ้าจะตาย ก็น่าจะให้ฉันรู้หน่อยว่าตัวเองต้องตายเพราะอะไรหรือเปล่า? ขอเพียงบอกมาว่าทำแบบนี้ไปทำไม เรื่องของน้องหลินก็คือเรื่องของฉัน บุกน้ำลุยไฟไม่เกี่ยง!”
หลินยวนหยุดฝีเท้า ไม่ได้บีบเข้าไปใกล้อีก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้งานอีกฝ่ายพอดี ถ้าเล่นงานเขาตอนนี้มันก็ไม่เหมาะสมเช่นเดียวกัน
เดิมคิดจะให้เหตุผลเขา ใช้เรื่องที่จูลี่ติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ในเทพมหาวิญญาณเป็นเหตุผล แต่พอมาคิดดูอีกที ถ้าหากให้เจ้านี่รู้ว่าจูลี่รู้แล้วว่าคนที่แสดงฝีมือในการประมูลไม่ใช่ตัวเขา เกรงว่าเจ้านี่จะยิ่งไม่มีความมั่นใจไปตามจีบจูลี่
เขาจึงกล่าวไปว่า “แกเชื่อฉันหรือเปล่า?”
หลัวคังอันอยากจะพูดว่าทำไมฉันต้องเชื่อแกด้วยวะ? หรือแกไม่รู้ว่าแกทำอะไรกับฉันเอาไว้? แล้วฉันจะเชื่อแกได้ยังไง? แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปาก เขาก็เปลี่ยนคำพูดไป ไหลไปตามคำพูดที่เขาว่าเอาไว้ก่อนหน้านี้ “ฉันก็ต้องเชื่อน้องหลินอยู่แล้วสิ ในเมื่อน้องหลินว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรให้พูดอีก เพื่อเป็นการช่วยน้องหลิน เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง!” เขาว่าพลางตบหน้าอกตัวเอง ท่าทางดูมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก
แต่ทันใดนั้นเขาก็ห่อเหี่ยวขึ้นมาอีกครั้ง ถอนใจพลางเอ่ยเสียงเศร้าว่า “เดี๋ยวถ้าจูเก่อม่านรู้เข้า คงได้โวยวายจะฆ่าตัวตายอีกแน่”
เดิมทีชีวิตส่วนตัวของเขามันก็เละเทะอยู่แล้ว ไม่มีอะไรให้น่าเห็นใจ หลินยวนไม่สนใจ เอียงศีรษะส่งสัญญาณ “รีบไปจัดการสิ”
“ได้ รีบไปจัดการกันเถอะ” หลัวคังอันพยักหน้า สะบัดมือทีหนึ่ง ใช้พลังเปิดผ้าม่านทั้งหมดออก ยังไงก็รู้สึกว่าเปิดผ้าม่านออกแล้วปลอดภัยกว่า
บอกจะทำก็ทำทันที ทั้งสองคนออกไปจากห้องทำงาน
แต่พวกเขาจะตรงไปที่ปู๋เชวี่ยวิดีโอเลยก็ไม่ได้เช่นกัน ทางด้านนั้นยังไม่รู้เรื่องอะไร ต้องให้ทางหอการค้าตระกูลฉินติดต่อไปก่อน
หลัวคังอันพาหลินยวนมาที่แผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉิน หาตัวหัวหน้าที่รับผิดชอบ อ้างเหตุผลร้อยแปดพันเก้า
หลินยวนไม่พูดแทรกอะไร คอยมองดูหลัวคังอันพูดจาเหลวไหลอย่างเงียบๆ
….
ณ ปู๋เชวี่ยวิดีโอ ภายในห้องตัดต่อวิดีโอ จูลี่กำลังสุมหัวอยู่กับพนักงานสองสามคน ชี้ภาพวิดีโอที่กำลังทำการตัดต่อพลางพูดคุยอะไรอยู่
จิ้นเซียวอยู่เงียบๆ ตรงมุมหนึ่ง สายตากวาดมองไปรอบๆ เป็นระยะ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะจ้องมองไปที่จูลี่ที่คล้ายมีพละกำลังให้ใช้ได้ไม่มีวันหมด เวลาทำงานแล้วดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งผลักประตูเปิดออก ชะโงกหน้าเข้ามาครึ่งตัว เอ่ยเรียกว่า “ผอ.คะ”
จูลี่หันกลับไปมอง สั่งกำชับคนที่อยู่ข้างกายเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องตัดต่อ เอ่ยกับผู้หญิงที่ยืนรออยู่ตรงทางเดินว่า “มีอะไรเหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้จูลี่ “ผอ.คะ นี่เป็นข้อเสนอแนะให้แก้ไขที่ทางหอการค้าตระกูลฉินส่งมาค่ะ”
“ข้อเสนอแนะให้แก้ไข?” จูลี่สงสัย รับเอาเอกสารมาไว้ในมือแล้วเปิดออกอ่าน พบว่าเนื้อหาในนั้นมีอยู่ไม่น้อย เมื่ออ่านดูอย่างละเอียดถึงได้พบว่าในรายการโฆษณาที่ทางนี้ผลิตให้หอการค้าตระกูลฉิน มีอยู่หลายจุดที่ทางหอการค้าตระกูลฉินไม่พอใจ จึงอดกล่าวพึมพำขึ้นมาไม่ได้ “ก็อนุมัติไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงมาบอกให้แก้ไขอีกล่ะ?” เธอจึงเงยหน้าขึ้นมา “เธอได้ถามหรือเปล่าว่าเป็นเพราะอะไร?”
ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยว่า “ถามแล้วค่ะ ทางแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉินบอกว่าตอนนี้หลัวคังอันที่เป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินลงมาดูแลแผนกโฆษณาด้วย พอได้รับตำแหน่งก็ไฟแรงเป็นอย่างมาก เอาโฆษณาทั้งหมดมาตรวจดู นี่ก็ไม่พอใจ นั่นก็ไม่พอใจ คนของหอการค้าตระกูลฉินเองก็ปวดหัวเหมือนกันค่ะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน อีกฝ่ายเพิ่งมารับตำแหน่ง จะไปบอกว่าอีกฝ่ายสายตามีปัญหาก็คงไม่เหมาะ เพิ่งจะมาถึงแล้วไม่ให้ความร่วมมือจนส่งผลประทบต่องานก็ไม่ดีเช่นกัน ยังไงก็ต้องปฏิบัติตามเสียหน่อย จึงได้แต่ต้องส่งความเห็นกลับมาตามที่รองประธานหลัวบอก ให้พวกเราลองดูใหม่หน่อยค่ะ”
“หลัวคังอันเขาควบคุมเทพมหาวิญญาณไม่ใช่เหรอ ทำไมสอดมือมายุ่งกับเรื่องนี้ได้ล่ะ?” ใบหน้าของจูลี่เต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะดูเอกสารที่อยู่ในมืออีกครั้ง ถ้าแก้ไขตามที่หลัวคังอันว่ามาจริงๆ แล้วยังจะออกอากาศออกไปได้อีกเหรอ? เธอทนดูต่อไปไม่ไหว
หญิงสาวเอ่ยอย่างเป็นกังวล “รองประธานของหอการค้าตระกูลฉินเอ่ยปากมาแล้ว จะเอายังไงดีคะ?”
จูลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย กล่าวว่า “เธอไปจัดการเรื่องอื่นเถอะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง ฉันจะไปคุยกับทางหอการค้าตระกูลฉินเอง”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า เหมือนยกภูเขาออกจากอก เธออยากจะปัดปัญหายุ่งยากนี้ทิ้งไปจะแย่แล้ว
หลังจูลี่ยืนครุ่นคิดอยู่ตรงทางเดินครู่หนึ่ง จู่ๆ เธอพลันหมุนตัวแล้วก้าวอาดๆ ออกไป ตรงไปที่ห้องทำงานของตัวเอง หลังเข้าไปนั่งลงด้านหลังโต๊ะทำงาน เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปที่เบอร์เบอร์หนึ่ง หลังรออยู่ครู่หนึ่งก็โทรติด เธอยิ้มพลางกล่าวว่า” คุณหลัว ฉันเองนะคะ จูลี่”
ภายในโทรศัพท์มีเสียงหัวเราะของหลัวคังอันดังลอดออกมา “คุณจูลี่นี่เอง คิดไม่ถึงเลยนะครับเนี่ยว่าคุณจะโทรมาหาผมได้”
จูลี่กล่าว “เมื่อก่อนเจอหน้ากันบ่อยๆ ยังต้องโทรหาทำไมล่ะคะ เออใช่ ฉันได้ยินว่าตอนนี้คุณหลัวเข้ามาดูแลแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉินด้วยหรือคะ?”
หลัวคังอันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง ยิ้มพลางกล่าวว่า “สมแล้วที่คุณจูลี่เป็นนักข่าว ข่าวสารรวดเร็วจริงๆ ผมเพิ่งจะมารับตำแหน่งวันนี้คุณก็รู้แล้ว เฮ้อ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ ท่านประธานเห็นว่าผมอยู่ว่างๆ ก็เลยหางานมาให้ผมทำหน่อย บอกว่าปกติเห็นผมให้สัมภาษณ์กับสื่อดูเป็นมืออาชีพดี ก็เลยโยนผมมาที่แผนกโฆษณา ให้ผมมาช่วยงานอะไรนิดๆ หน่อยๆ น่ะครับ”
หลินยวนที่ยกถ้วยชาขึ้นมาค่อยๆ จิบอดเหลือบมองดูหลัวคังอันเล็กน้อยไม่ได้ พบว่าคารมของเจ้านี่ลื่นเป็นปลาไหลจริงๆ เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในสภาเซียน มิน่าสวะแบบนี้ถึงอยู่ในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงมาได้นานขนาดนี้ นี่ถ้าฝีมือการต่อสู้ของเขาเก่งเหมือนอย่างปากของเขาก็คงจะดี
เดิมเขาคิดจะให้หลัวคังอันฉวยโอกาสนี้ไปที่ปู๋เชวี่ยวิดีโอ แต่ใครจะไปรู้ว่าหลัวคังอันกลับบอกว่าเขาทำผิดแล้ว บอกว่าในมือมีอำนาจอยู่จะไปทำเรื่องลำบากแบบนั้นทำไม บอกให้คอยดูเขาจัดการ รับรองว่าจูลี่จะเป็นฝ่ายมาหาเขาแน่
ดังนั้นเขาจึงเห็นหลัวคังอันไปเที่ยวติโน่นตินี่อยู่ในแผนกโฆษณา และตอนนี้ก็ได้เห็นผลลัพธ์ของมันแล้ว จูลี่เป็นฝ่ายโทรมาหาเขาจริงๆ ด้วย
จูลี่ที่ถือโทรศัพท์อยู่กรอกตาใส่ทีหนึ่ง อยากจะต่อว่าเขาว่าที่คุณทำนี่มันเรียกว่าช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เหรอ ฉันว่าคุณยิ่งช่วยยิ่งยุ่ง กำลังจงใจสร้างปัญหาให้พวกฉันมากกว่า
แม้นในใจจะรู้สึกโมโห แต่ปากยังคงเอ่ยอย่างเกรงใจว่า “คุณหลัวถ่อมตัวเกินไปแล้วค่ะ รองประธานหอการค้าอย่างคุณลงมาช่วยงานแผนกโฆษณาทั้งที ใครจะไปกล้าใช้ให้คุณทำงานเล็กๆ น้อยๆ กันล่ะคะ”
หลัวคังอันว่า “ไอหยา ดูคุณว่าเข้าสิครับ พวกเราต่างก็เป็นคนนอกสายอาชีพ ก็ได้แต่ต้องตามเรียนรู้ ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ความเห็นไปนิดหน่อยเท่านั้นแหละครับ ไม่กล้าไปทำตัวเป็นมืออาชีพอะไรหรอกครับ”
จูลี่รู้สึกคันปาก อยากจะบอกว่ายังมีอะไรที่คุณไม่กล้าทำด้วยเหรอ? ก่อนจะสูดหายใจเขาลึกๆ อดทนคุยต่อไปว่า “คุณหลัวคะ แต่การช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ของคุณนี่ทำให้ปู๋เชวี่ยวิดีโอพังได้เลยนะคะ เท่ากับว่างานที่พวกเราทำมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดใช้งานไม่ได้ นี่เป็นความพยายามของพนักงานจำนวนมากในปู๋เชวี่ยวิดีโอนะคะ!”
หลัวคังอันทำเป็นประหลาดใจ “ทำไมคุณจูลี่พูดแบบนี้ล่ะครับ?”
จูลี่กล่าว “ฉันเพิ่งจะได้รับข้อเสนอแนะให้ทำการแก้ไขจากแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉิน หรือว่านี่ไม่ใช่ความเห็นของคุณคะ?”
หลัวคังอันกล่าว “เอ่อ…ผมเสนอความเห็นให้กับทางแผนก มันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณด้วยเหรอครับ?”
จูลี่ทั้งโมโหทั้งขบขัน “ในเรื่องการทำโฆษณาและการออกอากาศของหอการค้าตระกูลฉินล้วนแต่มอบหมายให้ทางเราเป็นคนรับผิดชอบ คุณคิดว่าเกี่ยวไหมล่ะคะ?” จูลี่กล่าวพลางรับชาที่จิ้นเซียวส่งมาให้
หลัวคังอันตบหน้าผากตัวเอง “ไอหยา แย่จริงๆ ผมนี่มันไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ ทำไมถึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ? ดูผมทำเข้าสิครับ คุณจูลี่วางใจได้ครับ ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมจะไปแจ้งพวกเขาเดี๋ยวนี้แหละครับว่าต่อไปงานทุกชิ้นของปู๋เชวี่ยวิดีโอ ห้ามไม่ให้เสนอความเห็นอะไรไปอีก!”
พรืด! จูลี่พ่นน้ำชาออกมา ทำเอาตัวเองสำลักจนไอออกมา
หลินยวนที่นั่งจิบชาอยู่ข้างๆ หลัวคังอันก็เหมือนถูกโจมตีกะทันหันเช่นเดียวกัน ปากปิดแน่น มุมปากมีรอยน้ำไหลซึมออกมา พยายามกลืนน้ำชาที่เกือบจะสำลักออกมาลงไป
จูลี่ที่มือไม้ปั่นป่วนรีบกล่าวว่า “คุณหลัว คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น พวกเราผลิตรายการให้พวกคุณก็ย่อมต้องอยากฟังความเห็นของพวกคุณอยู่แล้ว…”
หลัวคังอันร้องไอหยาขึ้นมา “คุณจูลี่ อันนี้คุณก็ไม่เอา อันนั้นก็ไม่เอา เห็นผมไม่รู้เรื่องเลยคิดจะรังแกกันเหรอครับ”
จูลี่กล่าว “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ”
หลัวคังอันว่า “แล้วหมายความว่ายังไงล่ะครับ? เอาล่ะ ผมว่าเรื่องนี้คุยกันทางโทรศัพท์คงจะไม่รู้เรื่องแน่ พวกเรามาคุยกันต่อหน้าดีกว่าครับ เอาแบบนี้ วันนี้เลิกงานแล้วผมไปรับคุณ พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว จะได้ถือโอกาสกินข้าวเย็นด้วยกันด้วย มีเรื่องอะไรเอาไว้เจอหน้ากันแล้วค่อยๆ คุยกันดีกว่า เอาตามนี้แล้วกันครับ!”
แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าจูลี่จะตกลงหรือไม่ตกลง กดวางสายไป หันกลับมาพูดกับหลินยวนว่า “น้องหลิน เรียบร้อย”
………………………………………………………