ฉันไปรบตามแผนการของน้องสาวจนได้เป็นพระราชาซะแล้ว เจ้าหญิงที่ถูกฉันจับบังคับทำเมียมองฉันด้วยความเคียดแค้น ฉันจะทำไงดีล่ะทีนี้? - ตอนที่ 12 น้องจ๋า เด๊วพี่พาทัวร์
- Home
- ฉันไปรบตามแผนการของน้องสาวจนได้เป็นพระราชาซะแล้ว เจ้าหญิงที่ถูกฉันจับบังคับทำเมียมองฉันด้วยความเคียดแค้น ฉันจะทำไงดีล่ะทีนี้?
- ตอนที่ 12 น้องจ๋า เด๊วพี่พาทัวร์
ดินแดนของมาร์คกราฟ อุลเบลส์ ที่อยู่ทางชายแดนตะวันออก มีอากาศหนาวเย็นกว่าฝั่งเมืองหลวง และมีหิมะปกคลุมตลอดฤดูหนาว
ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่ยังมีหิมะตกสะสมไม่มาก
“โอ้….หิมะกำลังตก สิ่งนี้อาจจะไม่ได้เห็นถ้าอยู่ในเมืองหลวงอันอบอุ่น ฉันดีใจที่ได้มา”
“โปรดอย่าชะล่าใจ… ฝ่าบาท ท่านก็ชิลเกินไป”
ชายวัยเดียวกันดุแวนขำๆ ในขณะที่กำลังมองดูหิมะอย่างสงบ
ชายผู้นี้คือ ยูสทาซ เบิร์น ซึ่งมีอายุมากกว่าแวนเล็กน้อย
เขาเป็นสหายและผู้ช่วยของแวนในตอนที่ยังเป็นอัศวิน
เนื่องจากเป็นเพื่อนสนิทกัน ยูสทาซจึงพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองกับแวนได้ในสถานที่ที่ไม่เป็นทางการ
ยูสทาซเป็นมือขวาของแวนตอนเป็นผู้นำกลุ่มกบฏ และเมื่อแวนเป็นพระราชา เขาจึงได้เป็นผู้บัญชาการทหาร
แวนและยูสทาซเดินทางมาถึงอาณาเขตชายแดนตะวันออก และมุ่งหน้าไปยังป้อมปราการอาร์มสตรอง ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญในการป้องกันชายแดนที่ มาร์คกราฟ อุลเบลส์ บัญชาการอยู่
จุดประสงค์เพื่อรับคำท้าดวลของมาร์คกราฟ อุลเบลส์
“มาร์คกราฟ….ฉันกังวลใจจริงๆ ที่จะต้องพบกับบุคคลสำคัญขนาดนี้”
“ไม่มีใครสำคัญไปกว่าฝ่าบาทในประเทศนี้อีกแล้วต่างหาก”
ยูสทาซถอนหายใจ เขาร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับเหล่าพี่น้องอัศวิน และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้จักนิสัยประหม่าและนับถือตนเองต่ำของแวน
เมื่อตอนร่วมรบกับแวนเป็นครั้งแรก เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่เมื่อได้เห็นการต่อสู้อย่างกล้าหาญในสนามรบเลยทำให้เขาปลี่ยนใจ
เขายังภาคภูมิใจว่าผู้นำของเขาเป็นวีรบุรุษที่ไม่มีใครเทียบได้
เมื่อแวนตัดสินใจก่อกบฏ เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เป็นเสมือนมือขวาของพระราชาองค์ใหม่
“แต่ถึงอย่างไร ฝ่าบาทคิดดีแล้วเหรอที่มากันแค่ห้าคน นี่ดูยังไงก็ไม่เหมือนขบวนเสด็จของพระราชาเลย”
แวนเดินทางมายังชายแดนตะวันออกพร้อมยูสทาซและทหารอีก 3 คนซึ่งเเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาสมัยยังเป็นอัศวิน
ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่พระราชาจะเสด็จประพาสชายแดนอันห่างไกลพร้อมผู้ติดตามจำนวนน้อยเช่นนี้
“มันไม่ดียังไงล่ะ? ยิ่งมีคนน้อย ก็ยิ่งเดินทางได้เร็วขึ้น ประหยัดทั้งค่าเดินทางและที่พัก”
แวนพูดอย่างง่ายๆ สบายๆ
“ฉันมาเพื่อท้าดวลแล้วก็กลับเลย หากนำอัศวินมาทั้งกองทัพมันจะดูเกินกว่าเหตุ นอกจากนี้ฉันไม่อยากให้น้องสาวต้องกังวลที่จากบ้านนานเกินไป รีบทำให้จบแล้วรีบกลับกันดีกว่า”
“มีแต่ฝ่าบาทนั่นล่ะที่พูดแบบดูเบาได้ คู่ต่อสู้ของท่านคือมาร์คกราฟที่เป็นวีรบุรุษมาตั้งแต่เรายังไม่เกิดเลยนะ”
เนเวอร์ อุลเบลส์ เป็นวีรบุรุษที่มีอายุมากกว่าแวนกับยูสทาซ ถึง 2 ชั่วอายุคน และเขาได้ปกป้องประเทศจากการรุกรานของจักรวรรดิซิงกูมาแล้วหลายครั้งหลายคราจนนับไม่ได้
แวนกับยูสทาซและผู้ใต้บังคับบัญชาส่วนใหญ่ ต่อสู้ป้องกันการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือจีงไม่เคยได้พบกับมาร์คกราฟ แต่วีรกรรมของเขากลายเป็นตำนานหรือนิทานในหมู่อัศวิน
“เขาน่าจะอ่อนแอลงบ้างตามอายุที่มากขึ้น แต่…. ฝ่าบาทจะเอาชนะเขาได้แน่หรือ?”
“ฉันสามารถเอาชนะได้แน่นอน ไม่น่าจะมีปัญหา”
น้ำเสียงของแวนดูผ่อนคลาย
ไม่มีความกังวล และดูสงบ
“ฉันเคยได้ยินตำนานของมาร์คกราฟ ที่นำทหารม้าเพียง 100 เอาชนะกองทัพนับหมื่น ไหนจะปราบมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ได้ด้วยตัวคนเดียว”
“แล้ว….”
“ฉันก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกัน”
—-
“ถ้าฉันกับมาร์คกราฟแข็งแกร่งเท่ากัน แต่ฉันอายุน้อยกว่า ก็ต้องเป็นฝ่ายชนะใช่ไหม?”
“ก็คงจะเป็นเช่นนั้น….”
ยูสทาซถอนหายใจ
เขาเกือบจะลืมไปแล้วถึงความจริงที่ชัดเจนนี้
ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคือวีรบุรุษ และเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศนี้
“ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ต่อสู้ตามใจฝ่าบาทได้เลย”
“อืม ฉันจะพยายาม ฉันต้องชนะแน่นอน ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป”
พวกเขาร่วมรบกันมาในสนามรบเดียวกันหลายครั้ง
แวนรักษาสัญญาของเขาเสมอและไม่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้เลย
และนี่คือผู้ชายที่ชื่อ แวน อาเรงส์ ที่ยูสทาซและเหล่าสหายศึกชื่นชม
“โอ้ ฉันเห็นป้อมปราการแล้ว”
พวกเขาเดินต่อไปท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาจนมองเห็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่
อาคารที่รูปทรงเหมือนดาวอันแปลกตา
ป้อมปราการที่แข็งแกร่ง ล้อมรอบด้วยกำแพงอันน่าเกรงขาม พร้อมด้วยเครื่องยิงธนูแบบบัลลิสต้าจำนวนมาก
นี่คือป้อมอาร์มสตรอง ฐานที่มั่นของมาร์คกราฟ อุลเบลส์
=================
จะแปลเฉพาะแนวฮาเร็มที่มี NTR และ zamaa เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ ลงน้องแมวเท่านั้น ไม่ลงที่อื่น
เป็นกำลังใจให้กันได้ที่ กสิกร 606-2-07812-8 ทวิรวัฒน์