ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 86 รุนแรงอะไรขนาดนั้น
บทที่ 86 รุนแรงอะไรขนาดนั้น
ไป๋โม่ฮัวบ่นพึมพำด้วยความโกรธ เขาห่มผ้าให้หนวนหน่วนแล้วเดินกลับเข้าไป
เขาสวมเสื้อผ้าบางมาก หลังกลับมาจากข้างนอกทั้งมือทั้งเท้าจึงเย็นเฉียบ
ผิวของเขาขาวมากเพราะเอาแต่นั่งวาดรูปในที่ร่มเป็นเวลานาน นอกจากนี้ร่างกายก็ยังซูบผอมอีกด้วย โดยรวมคือเขาดูอ่อนแอมาก ชนิดที่ว่ากู้หมิงหลี่สามารถซัดเขาได้ด้วยมือเดียว
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมองเห็นรอยสีแดงบนข้อมือซ้ายของเขาได้อย่างชัดเจน
อันที่จริง กู้หมิงหลี่ไม่ได้ใช้กำลังมากมายเลย แต่ใครใช้ให้ผิวของไป๋โม่ฮัวขาวเกินไปล่ะ ขาวเกือบจะเท่าหนวนหน่วนด้วยซ้ำ
แต่ก็ช่างเถอะ มันเป็นเรื่องปกติที่จะทะเลาะกันบ้าง แต่หากปล่อยให้อารมณ์ครอบงำก็มีแต่จะส่งผลเสีย
และแน่นอนว่าด้วยบุคลิกนิสัยของเขาเป็นคนสุภาพร่าเริง ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร เว้นแต่บุคคลนั้นสุดจะทนเกินจริง
ไป๋โม่ฮัวลูบข้อมือของตนที่ขาวเกือบจะเท่าผิวน้ำนมของหนวนหน่วน รอยนิ้วมือนั้นแม้จะผ่านมาระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ยังขึ้นสีแดงเด่นชัด
หนวนหน่วนลุกขึ้นนั่งห้อยขา นิ้วขาวเรียวบางของเธอลูบลงตรงบริเวณรอยแดงบนข้อมือของเขา
“เจ็บหรือเปล่าคะ”
เสียงน้ำนมเอ่ยถามอย่างสงสัย เธอเม้มริมฝีปาก เป่าลมออกมาแล้วตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวพี่สี่ให้บรรดาญาติ ๆ ฟัง เพราะอย่างไรพี่โม่ฮัวก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ
“ไม่เจ็บหรอก”
ไป๋โม่ฮัวลูบศีรษะฟูฟ่องของหนวนหน่วน
ไม่เจ็บที่ว่าคือไม่เจ็บจริง ๆ แค่เพียงรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อนึกถึง เอาเข้าจริงตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยเสียหน้าเช่นนี้มาก่อน
“ทีหลังหนูจะเล่นกับพี่สี่ให้น้อยลง เขารุนแรงเกินไป”
ในเมื่อเอาชนะไม่ได้ ก็ต้องใช้หนวนหน่วนเป็นเครื่องมือทำให้กู้หมิงหลี่ต้องหลั่งน้ำตา
ตอนนี้เย็นมากแล้ว ไป๋โม่ฮัวจึงอุ้มเจ้าตัวน้อยนุ่มนิ่มไปนอนที่เตียง
ลูกพี่ลูกน้องของเขาตัวนิ่มและยังหอมอีกด้วย แค่เพียงได้นอนกอดก็รู้สึกอบอุ่นแล้ว
ไป๋โม่ฮัวไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่เขากลับฝังใจเรื่องของกู้หมิงหลี่จนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน และทันทีที่เขาเห็นบุคคลนั้นโทรหาหนวนหน่วน อารมณ์ของเขาก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
หนวนหน่วนยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง พอโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงสั่นและปรากฏรายชื่อของพี่สี่ขึ้นมา เขาจึงกดตัดสายทิ้ง
ห้าวินาทีหลังจากนั้นก็มีสายเรียกเข้าโทรมาอีกครั้ง
ตอนนี้ไป๋โม่ฮัวตัดสินใจอย่างกล้าหาญ เขากดเพิ่มรายชื่อของบุคคลนั้นลงไปในแบล็กลิสต์
“เฮอะ”
เขายกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเหยียดแขน ไม่นานโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ซึ่งมันเป็นเบอร์ใหม่
“ฮัลโหล?”
[ไป๋โม่ฮัว]
เสียงอันมืดมนของกู้หมิงหลี่ดังขึ้น ตามมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
[กล้ามากงั้นเหรอ?]
เสียงที่น่าขนลุกดังออกมาราวกับบุคคลนั้นจับข้อมือของเขาไว้อีกครั้ง รู้สึกผวาจนแทบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง
“กู้…”
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“พี่รองเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังมาจากด้านข้าง ไม่รู้ว่าหนวนหน่วนตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน เธอกำลังขยี้ตาแล้วจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า
แววตาของไป๋โม่ฮัวผันผวนเล็กน้อย เขาตอบไปเสียงเบา “ไม่… ไม่มีอะไร”
มีสายเรียกเข้าวิดีโอคอลดังมาจากโทรศัพท์ของหนวนหน่วนอีกครั้ง
เป็นกู้หมิงหลี่นั่นเอง
ไป๋โม่ฮัว “…”
เขาพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วพยายามจะหลบไป
[ไป๋โม่ฮัว]
แต่มือของหนวนหน่วนไวกว่า หลังจากเธอกดเชื่อมต่อวิดีโอแล้ว หน้าจอก็ฉายภาพกู้หมิงหลี่กำลังสวมใส่ชุดสีดำทั้งตัว เขาดูเท่มาก เด็กหนุ่มกำลังเอนตัวพิงระเบียงโดยใช้ศอกยันเอาไว้ข้างหนึ่งด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายเหมือนกับแมวตัวใหญ่ คิ้วทั้งสองข้างขมวดขึ้น ดวงตายาวรีจ้องมองไปยังใครบางคนที่กำลังย่องหนีผ่านหน้าจอโทรศัพท์
ราวกับเสือดำดุร้ายกำลังจ้องมองลูกกวางขี้อายที่พยายามคิดจะหนีอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋โม่ฮัวรู้สึกขนลุกชันเมื่อได้ยินงกู้หมิงหลี่เอ่ยเรียกชื่อของตนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หนวนหน่วน “???”
รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพี่สี่กับพี่โม่ฮัวมีอะไรแปลก ๆ
[หนวนหน่วน บอกเขาให้เอาเบอร์ฉันออกจากแบล็กลิสต์ให้หน่อย]
กู้หมิงหลี่พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ไป๋โม่ฮัวรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“เอาออก…..ก็แค่เอารายชื่อออก ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร”
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของหนวนหน่วนขึ้นมาแล้วนั่งลงไขว่ห้างบนเตียง แก้มนุ่ม ๆ พองขึ้นเล็กน้อยจากการกัดฟันเพราะความโกรธ ดวงตาที่เหมือนแมวของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเช่นกัน ไป๋โม่ฮัวใช้นิ้วเรียวยาวที่มีเล็บมันเงาจิ้มลงบนหน้าจอโทรศัพท์
กู้หมิงหลี่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ใช้ดวงตาสีเข้มเหลือบมองไป๋โม่ฮัวพลางเล่นกับไฟแช็กสีเงินบนมือขวา
เด็กหนุ่มหมุนไฟแช็กระหว่างข้อนิ้ว จากนั้นเสียง ‘กริ๊ก’ ก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเปลวไฟริบหรี่ที่สะท้อนรูม่านตาอันมืดมิดของเขา
“โอเคแล้ว” ไป๋โม่ฮัวรีบพูดขึ้นเพื่อแก้ต่างให้ตนเอง “ตอนนั้นหนวนหน่วนหลับอยู่ ฉันบล็อกนายเพราะเกรงว่าจะรบกวนน้อง”
กู้หมิงหลี่แค่นหัวเราะเบา ๆ [ฉันต้องขอบคุณนายที่หวังดีกับหนวนหน่วนขนาดนี้ไหม?]
เด็กหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาสีหน้าใสซื่อแสร้งทำเป็นใจเย็น
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมั้ง นายแค่เปิดใจก็พอ หนวนหน่วน พี่ไปแปรงฟันก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ ไป๋โม่ฮัวก็รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
กู้หมิงหลี่หัวเราะขึ้นแล้วจ้องไปยังเด็กน้อยที่กำลังงุนงง
[หนวนหน่วน…]
ไม่รู้ว่าทำไมน้ำเสียงของเขาจึงอ่อนโยนลงได้ขนาดนี้ เขาบอกวิธีการเพื่อจะให้หนวนหน่วนออกมาหาตน โดยการให้เธอนำโทรศัพท์ไปให้ไป๋โม่ฮัว
“พี่รองคะ พี่สี่อยากคุยด้วยค่ะ”
เด็กหญิงตัวเล็กสวมรองเท้าแตะแล้ววิ่งไปหาไป๋โม่ฮัว เธอดึงเสื้อผ้าของเขาแล้วเขย่งเท้าส่งโทรศัพท์ให้
แต่ไป๋โม่ฮัวกลับแสดงออกตรงกันข้ามด้วยการเบะปากแล้วแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“มีธุระอะไร? เราไม่รู้จักกัน!”
หนวนหน่วนมองเขาด้วยแววตาที่น่าสงสาร “พี่รอง พาหนวนหน่วนไปดูเกมแข่งขันของพี่สี่ได้ไหมคะ?”
ไป๋โม่ฮัวคิด ‘นี่มัน… แย่มาก! ทำไมถึงสอนให้หนวนหน่วนเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้!’
สีหน้าของเด็กหนุ่มบึ้งตึงไปด้วยความขมขื่น ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่เมื่อมองดูสายตาของหนวนหน่วน เขาก็ยิ่งน่าสงสาร นี่เขาใจร้ายเกินไปหรือเปล่านะ?
สาบานสิว่านี่ไม่ใช่แผนการของกู้หมิงหลี่ เขาไม่อยากไปนั่งดูหมอนั่นแข่งเลยสักนิด!
“พี่รอง พี่ไม่อยากไปดูเหรอว่าพี่สี่จะแข่งชนะไหม” เธอใช้คำพูดที่พี่สี่บอกเธอเมื่อวานนี้
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋โม่ฮัวก็ตาสว่างขึ้นทันที ถ้ากู้หมิงหลี่แพ้ เขาคงเย้ยหยันหมอนั่นได้
ไป๋โม่ฮัวจึงไม่มีข้อกังขาทันที “ลองถามเขาหน่อยว่านี่แข่งครั้งแรกใช่ไหม?”
หนวนหน่วนยกโทรศัพท์ของเธอขึ้นแล้วตั้งหน้าตั้งตาเป็นกระบอกเสียงให้ทั้งสองคน
“พี่สี่ พี่รองถามว่านี่เป็นการแข่งขันครั้งที่เท่าไหร่คะ”
กู้หมิงหลี่ […ไร้สาระ ก็ครั้งแรกน่ะสิ]
เขาตอบกลับอย่างเกียจคร้าน
ไป๋โม่ฮัวยืนขึ้นทันที ถ้าครั้งแรกก็คงชนะไม่ได้หรอก
“ก็ได้ งั้นฉันจะไปดู”
หลังจากที่กู้หมิงหลี่บอกว่าจะพาหนวนหน่วนไปพบตนเองได้ที่ไหนก็วางสายไป
พอทานข้าวเช้าเสร็จ ไป๋โม่ฮัวก็อุ้มเธอออกไป โดยอ้างว่าจะพาหนวนหน่วนออกไปเดินเล่น
กู้หลินโม่รีบตะโกนไล่หลังมาทันที “กลับมาไว ๆ นะ หนวนหน่วน ถ้าเงินไม่พอใช้โทรบอกพ่อนะ!”
เด็กน้อยตอบกลับอย่างอ่อนโยน “เข้าใจแล้วค่ะ~”
เมื่อมาถึงสถานที่ที่ตกลงกันไว้ ทั้งสองก็พบว่ากู้หมิงหลี่รออยู่แล้ว เขาใส่ชุดลำลองสีเดียวกันกับเมื่อเช้า สีหน้าดูเบื่อหน่ายขณะที่กำลังยืนพิงราวบันได
การสวมใส่หน้ากากทำให้มองเห็นใบหน้าของเขาได้ยาก แต่ส่วนที่เปิดเผยนั้นก็มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะรูปร่างเพรียวได้สัดส่วน ขาที่ยาวชะลูดและท่าทางที่ดูเบื่อหน่ายเจือความร้ายกาจนั้นเพิ่มเสน่ห์ให้เขาเป็นอย่างมาก
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่ว่าชายหรือหญิงมักจะแอบมองเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ กันทั้งนั้น