ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 32 ทำเกี๊ยว
บทที่ 32 ทำเกี๊ยว
ในฐานะเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเด็กของกู้หมิงหลี่ ลู่สิงจื่อทราบดีว่าบ้านลุงของเพื่อนคนนี้ไม่ได้มีลูกสาว แต่จู่ ๆ ก็มีเด็กหญิงมาอาศัยอยู่ในบ้านของตระกูลกู้
เมื่อเขาเห็นว่ามีเสียงเด็กน้อยเรียกเพื่อนตนว่าพี่ กู้หมิงหลี่ก็ดูแปลกไป หากเขาทำเหมือนไม่อยากยอมรับคำว่าพี่ แล้วน้องสาวคนนี้มาจากไหน?
เมื่อเห็นว่าโดยรอบไม่มีผู้คน ลู่สิงจื่อจึงเอ่ยถามขึ้น
กู้หมิงหลี่ไปที่อ่างล้างหน้า ควักน้ำล้างหน้าตัวเองจนผมสีแดงที่ร่วงลงบนหน้าผากเปียกชุ่ม เขาเสยผมขึ้น ตอบลู่สิงจื่อไปว่า
“นายต้องไม่เคยรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว บ้านฝั่งลุงฉันเคยมีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง ตอนนั้นเธออายุแค่หนึ่งขวบเองมั้ง เธอถูกพี่เลี้ยงลักพาตัวไป หลังจากนั้นก็ไร้วี่แววเธออยู่นาน ตอนนั้นครอบครัวของลุงต่างเจ็บปวด ทั้งครอบครัวเลยพร้อมใจเก็บงำความลับนี้ไว้ น้อยคนมากที่จะรู้”
ลู่สิงจื่อมองมาด้วยแววตาประหลาดใจ “และนี่คือ… เจอตัวแล้ว?”
กู้หมิงหลี่พยักหน้าแล้วเสยผมขึ้นไปด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าผากสง่าของตน มันทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูดุดันและเฉียบคมมากขึ้นไปอีก
“อีกอย่าง เพิ่งกลับมาได้สองสามวันนี่เอง พ่อกับแม่เพิ่งพาฉันไปที่บ้านใหญ่ หนวนหน่วนเหมือนคุณย่าของฉันมาก แสนดีด้วย เพิ่งจะผ่านไปแค่หนึ่งวันเอง แต่ก็เอาโทรศัพท์ลุงมาโทรหาฉันแล้ว บอกว่าจะเอาข้าวเย็นมาให้ ว่าแล้วเชียวน้องเล็กบ้านนี้ไม่งี่เง่า…”
เขาพูดพล่ามออกมาไม่ยอมหยุดปาก ลู่สิงจื่อถึงกับกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากและแอบคิดสงสัยว่านี่คือเพื่อนคนเดียวกับที่เคยรู้จักมาก่อนหรือเปล่า
กู้หมิงหลี่พูดกับผู้คนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะพ่นคำพูดที่รุนแรงออกมามากกว่า อย่าง ‘ไสหัวไป รนหาที่ตายหรือไงวะ’
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขากลายเป็นคนพูดมากเช่นนี้? แถมยังกลายเป็นคนที่พูดจาโอ้อวดอีกต่างหาก
ลู่สิงจื่อดันแว่นของตนขึ้น นี่มัน… ช่างเหลือเชื่อ เขานึกสงสัยในตัวของหนวนหน่วนคนนี้อยู่ไม่น้อย
“ฮัดชิ้ว~”
เสียงจามของเด็กน้อยดังออกมาจากจมูกเล็ก ๆ ของหนวนหน่วน
“มีคนแอบคิดถึงหนวนหน่วนของพวกเราเหรอเนี่ย?”
เสียงคุณหญิงกู้ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เด็กหญิงผมนุ่มยาวสลวยจึงเอียงศีรษะแล้วครุ่นคิด “อาจจะเป็นพี่สี่ก็ได้ค่ะ พี่สี่อาจจะคิดถึงหนวนหน่วนแล้ว”
หลังจากพูดจบเด็กน้อยก็ผงกศีรษะลงราวกับสนับสนุนความคิดของตนเอง
เมื่อกู้หลินโม่เดินเข้ามาเห็นท่าทีของหนวนหน่วนเช่นนั้นก็อดขำไม่ได้
ไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะน่ารักขนาดนี้!
คุณหญิงกู้ก็อดหัวเราะไม่ได้เช่นกัน เธอวางชามใส่แป้งลงบนเคาน์เตอร์ครัว หนวนหน่วนใช้มือเล็กค้ำตัวเองกับขอบเคาน์เตอร์เพื่อจะเขย่งปลายเท้าให้ตนเองมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในชาม
“เดี๋ยวพ่อจะนวดแป้งให้ ส่วนแม่จะรีดแป้งแล้วให้หนวนหน่วนกับพี่ปั้นเกี๊ยว ดีไหมจ๊ะ?”
ถือว่าไม่เลวที่คืนนี้จะทำเกี๊ยวทานกันเองในครอบครัว
กู้อันที่ยืนอยู่ตรงประตูรู้สึกสะอิดสะเอียน “ใครบอกว่าผมจะทำเกี๊ยวด้วย?”
กู้หลินโม่จ้องมองกลับไปที่เขา “ทำไม? ถ้าคิดว่าทำไม่สวยก็ไม่ต้องก็ได้ แป้งที่แม่แกทำจะได้ไม่เสียของ”
กู้อันอึกอัก “ใครว่าผมจะทำไม่สวย? เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับนายน้อยอย่างผมหรอก ใครจะมาเทียบผมได้?”
หนวนหน่วนเองก็เครียดขึ้นมา “หนวนหน่วนจะตั้งใจเรียนรู้ค่ะ”
กู้อัน “…ใครจะเรียนรู้ไม่ได้บ้าง ก็แค่ห่อแป้ง!”
เขาตรงไปหาหนวนหน่วน พอเห็นยัยตัวเล็กเตี้ยกว่าเขามากก็หัวเราะขึ้นอย่างไร้ความปรานี
“จะทำเกี๊ยวได้ยังไง สูงยังไม่เท่าเคาน์เตอร์ครัวเลย?”
เขาหลุดหัวเราะเยาะออกมาแล้วใช้นิ้วจิ้มเข้าตรงหน้าผากของหนวนหน่วน และจังหวะที่กำลังยืนเขย่งเท้ายืดตัว เขาก็กระแทกโดนตัวหนวนหน่วนจนเกือบจะล้มลง
ไม่นานเขาก็โดนกู้หลินโม่ตบหัวไปฉาดหนึ่ง
กู้อัน “…”
หนวนหน่วนใช้มือก่ายหน้าผาก มองพี่ชายด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า
กู้หลินโม่ “ไปเอาเก้าอี้ตัวเล็กมาให้น้องสิ!”
กู้อันโอดครวญออกมา ก่อนจะยอมเดินไปยกเก้าอี้มาอย่างเชื่อฟัง
สีหน้าของหนวนหน่วนเริงร่าขึ้นทันที เธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่พี่ชายจิ้มหน้าผาก เดี๋ยวมันดูเจ้าคิดเจ้าแค้นมากเกินไป
“ขอบคุณค่ะพี่”
กู้อันพูดขึ้นด้วยท่าทีหยาบคาย “ขาสั้นไปหน่อยนะ”
เมื่อเห็นว่าจะถูกพ่อตบเข้าอีกครั้ง เขาก็รีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังน้องสาวของตน
“พ่อ เห็น ๆ อยู่ว่าเรื่องจริง เข้าข้างที่ผมพูดบ้างสิ!”
กู้หลินโม่จ้องมองไปที่ลูกชายของตน “ไม่ได้!”
กู้อันเม้มปากลงทันที เขารู้ดีว่าน้องสาวของตนคือสมบัติล้ำค่าที่สุดของตระกูล พวกผู้ใหญ่ดุเขาแต่กลับอ่อนโยนกับเธอราวกับว่าแปรเปลี่ยนเป็นคนละคน หลบหลังน้องสาวแบบนี้แหละปลอดภัยที่สุด
“ปีนขึ้นไปเองได้หรือเปล่า ให้นายน้อยคนนี้ช่วยไหม” กู้อันพูดด้วยหน้าที่บูดบึ้ง โดนดุต่อหน้าน้องสาวแบบนี้น่าอายจริง ๆ
กู้หลินโม่แทบจะฉุนเฉียวใส่ลูกชายของตน “แกกำลังพูดถึงใครว่านายน้อย?”
กู้อัน “… ก็แค่ติดปาก”
เขาเรียกแทนตัวเองแบบนี้ตลอดถ้าอยู่ข้างนอก เพราะมันให้ความรู้สึกมีอำนาจเหนือกว่าผู้อื่น!
หนวนหน่วนคิดว่าตนอยู่ไม่ไกลมากนักและสามารถปีนขึ้นไปเองได้ แต่ก่อนที่เธอจะได้ยกเท้าขึ้น กู้หลินโม่ก็อุ้มเธอขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้
หนวนหน่วน “…”
เธอเตี้ยมากขนาดนั้นเลยเหรอ QAQ
ห้องครัววันนี้ครึกครื้น ผู้เฒ่ากู้ที่กำลังหยอกสุนัขอยู่ในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงดังมาจากในห้องครัวเข้าก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
คฤหาสน์ที่ใหญ่โตมโหฬารนี้กลับมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนมาก
กู้หลินโม่นวดแป้งอย่างแข็งขัน ส่วนคุณหญิงกู้ยืนปรุงส่วนผสมเนื้ออยู่ โดยมีเด็กทั้งสองเบิกตากว้างมองดูอย่างอยากรู้อยากเห็น
คุณหญิงกู้ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ถึงจะทำอาหารไม่เก่ง แต่แม่ก็เคยเรียนทำอาหารมา อาหารง่าย ๆ อย่างพวกขนมเนี่ยแม่ทำได้อยู่แล้ว ตอนเรียนก็ได้ที่หนึ่งในชั้นเลย
นะ”
“คุณแม่สุดยอดมากเลยค่ะ”
หนวนหน่วนเบิกตากว้างแล้วเอ่ยชมอย่างจริงใจ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอเอ่ยชม แววตาของเธอจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด และน้ำเสียงที่หวานชื่นราวกับน้ำนมก็ไม่เสแสร้งเกินตัว ใครที่ได้รับฟังต่างพึงพอใจกันทั้งนั้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณหญิงกู้ปรากฏชัดเจนขึ้น แน่นอนอยู่แล้วว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอนั้นอบอุ่นราวกับเสื้อคลุมนุ่มฟูที่ได้สวมใส่ในวันที่หนาวเหน็บ
เมื่อเริ่มทำเกี๊ยว คุณหญิงกู้ได้ยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมและเริ่มสอนอีกสามคนผู้ที่ทำอาหารไม่เป็น
ด้วยวิธีการสอนแบบเดียวกัน ในที่สุด คุณหญิงกู้ก็ตระหนักได้ว่าเธอช่างไร้ประสิทธิภาพในการเป็นอาจารย์เสียจริง ทั้งสามคนได้รับความรู้ไม่เท่ากันเลยสักนิด
สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะหนวนหน่วนทำอาหารทานเองที่บ้านและชอบดูคนอื่นทำขนมจีบ นิ้วมือของเธอเลยค่อนข้างว่องไว สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและทำออกมาได้ดีพอสมควร
ส่วนอีกสองคนนั้น พูดได้แค่เพียงว่า ‘สอนแล้วไม่จำ’!
กู้อันทำเกี๊ยวชิ้นแรกออกมาเหมือนข้าวเหนียวปั้น ชิ้นที่สองมีจีบเพียงสามจีบแลดูใหญ่น่าเกลียด ชิ้นที่สามเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และชิ้นที่สี่…
กู้หลินโม่ห่อเกี๊ยวขนาดเล็กไว้ในฝ่ามือใหญ่ของตน ใบหน้าของเขาบึ้งตึงและจริงจังมาก เขาใส่ไส้มากเกินไปและห่ออย่างงุ่มง่ามจนไม่สามารถประกบแป้งด้วยกันได้ จะเหมือนซาลาเปาก็ไม่ใช่ ขนมจีบยิ่งไม่ใช่กว่า
เมื่อทำชิ้นที่สอง เขาก็ประกบมันได้แต่ไส้ก็แตกทะลักออกมาอยู่ดี ส่วนชิ้นที่สาม… พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่มีชิ้นไหนออกมาเหมือนเกี๊ยวเลยสักชิ้น