ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 273 แลกเปลี่ยนน้ำผึ้ง
บทที่ 273 แลกเปลี่ยนน้ำผึ้ง
เจ้าผึ้งอ้วนตัวน้อยเกาะบนไหล่ของเธอ มันกระพือปีกพลางส่ายขาไปมา หนวนหน่วนนั่งลงบนพื้นแล้วหันศีรษะไปมอง ร่างของเจ้าผึ้งอ้วนตัวน้อยเลยสะท้อนผ่านนัยน์ตาอันใสแจ๋วของเธอ
“พวกเธออยากลองชิมขนมของฉันไหม? หวานมากเลยนะ” น้ำเสียงอันนุ่มนวลไพเราะเสนาะหูทำเอาฝูงผึ้งดูพอใจมาก
ขณะที่พูด เธอก็แกะห่อขนมที่อยู่ในมือออกแล้วนำลูกอมรสส้มออกมาวางไว้บนฝ่ามืออันอ่อนนุ่มอีกข้าง
ดูเหมือนว่าเจ้าผึ้งตัวอ้วนที่นั่งอยู่บนไหล่ของเธอจะได้กลิ่นเข้า มันมองออกไป โบกสะบัดหนวดคู่หนึ่งบนศีรษะไปมา
มันน่าจะรู้สึกถึงบางอย่างจึงกระพือปีกคู่นั้นออกแล้วบินขึ้น
ทันทีที่มันบินขึ้น ร่างของมันก็ร่วงหล่นลงมาทันที ราวกับว่าปีกคู่นั้นพยุงน้ำหนักของมันเอาไว้ไม่ไหว หนวนหน่วนกังวลขึ้นมานิดหน่อยกลัวว่ามันจะร่วงอีก
โชคยังดีที่ปีกของเจ้าผึ้งอ้วนตัวน้อยยังพอมีแรงอยู่บ้าง หลังส่งเสียงครวญครางก็บินขึ้นไปได้
โอทิสรู้สึกหงุดหงิดกับเจ้าสิ่งที่บินวนอยู่รอบตัวนี้ มันเข้าใจดีว่าผึ้งพวกนี้ร้ายกาจมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าร่างกายของมันจะแข็งแรงกำยำสักเพียงใด แต่ถ้าถูกเจ้าพวกน่ารำคาญนี้รุมต่อยก็ล้มลงได้ง่าย ๆ
มันจึงยอมอยู่ข้างหนวนหน่วนอย่างเงียบ ๆ พลางสะบัดแกว่งหางไปมาเป็นบางครั้ง ดวงตาคู่สีทองอร่ามนั้นจ้องเจ้าผึ้งอ้วนตัวน้อยที่พยายามส่งเสียงหึ่ง ๆ แล้วบินขึ้นไป สุดท้ายก็ตกลงบนฝ่ามือของหนวนหน่วน
ผิวของเด็กหญิงเนียนนุ่มมาก แน่นอนว่าตรงฝ่ามือก็เช่นกัน หนวนหน่วนรู้สึกได้ว่าเท้าของเจ้าผึ้งน้อยที่สัมผัสเข้ากับฝ่ามือให้ความรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย เธอเลยอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เจ้าผึ้งอ้วนตัวน้อยหยิบลูกอมในฝ่ามือของหนวนหน่วนด้วยขานุ่มนิ่ม มันกอดลูกอมและลองลิ้มรสไป ดูเหมือนว่าจะพึงพอใจอยู่ไม่น้อย
ไม่รู้ว่าพวกมันสื่อสารกันยังไง แต่เจ้าอ้วนน้อยนี่กินอยู่ได้ไม่นาน บรรดาฝูงผึ้งที่ตัวเล็กกว่าก็แห่กันเข้ามาล้อมรอบบนฝ่ามือของหนวนหน่วนกันเต็มไปหมด
หัวของพวกมันสัมผัสชนกันราวกับกำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นผึ้งบางส่วนก็หอบขนมออกไปอย่างยากลำบาก
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอแลกเปลี่ยนได้ไหม?”
แววตาสดใสของหนวนหน่วนจ้องมองไปที่ผึ้งตัวอ้วน หลังจากคิดแล้วคิดอีกเธอก็หยิบลูกอมรสชาติอื่นออกมาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วยัดมันเข้าไปในโพรงผึ้ง เธอใส่แอปเปิลหวานเข้าไปด้วย
เด็กหญิงปลอกแอปเปิลเป็นชิ้น ๆ ด้วยมีด หลังจากที่ผึ้งได้กลิ่นอันหอมหวานแล้วมันก็ส่งเสียงหึ่ง ๆ แล้วบินกรูกันขึ้นไปอยู่บนนั้น ไม่นาน แอปเปิลก็โดนเจ้าผึ้งอ้วนพวกนี้รุมล้อม
หนวนหน่วนนึกถึงข้อแลกเปลี่ยน ก่อนจะกระซิบให้ผึ้งตัวอ้วนฟังทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อไหม พูดจบก็ยื่นมือเข้าไปใกล้รังของพวกมันอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่เธอยื่นมือเข้าไปก็ไม่มีผึ้งตัวไหนพุ่งเข้ามาต่อยเลยสักนิด พวกที่อยู่ในรังนั้นต่างพากันถอยหลังออกให้เล็กน้อย
ระหว่างที่เธอกำลังจะเก็บรังผึ้งไปหนึ่งอัน เธอก็โดนเจ้าผึ้งอ้วนตัวน้อยนั้นขวางไว้พลางส่งเสียงหึ่ง ๆ แล้วดันมือเล็ก ๆ ของเธอให้หันไปทางรังผึ้งอีกอันหนึ่งแทน
หนวนหน่วนมองแล้วมองอีก ก่อนจะหันไปเด็ดรังผึ้งที่ว่านั้น เธอมองเข้าไปในรังก่อนหน้าแล้วพบเข้ากับแมลงสีขาวที่กำลังอาศัยอยู่ในนั้น แมลงพวกนั้นน่าจะเป็นลูกผึ้ง
รังผึ้งตรงหน้าใหญ่มาก หนวนหน่วนเอื้อมมือเข้าไปเด็ดรวงผึ้งออกมาจำนวนหนึ่ง
มองจากตรงนี้ว่าใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าใต้ส่วนที่มองไม่เห็นนั้นจะใหญ่มากแค่ไหน
รังผึ้งสวยงามดุจดั่งแก้วนั้น ตรงส่วนที่เด็ดออกมานั้นใหญ่กว่ากระเป๋าเป้ของเธอเสียอีก รังหกเหลี่ยมแต่ละอันเต็มไปด้วยน้ำผึ้งใสแวววาว พื้นด้านนอกรังเคลือบด้วยขี้ผึ้ง ป้องกันไม่ให้น้ำผึ้งจากด้านในไหลเยิ้มออกมา
หนวนหน่วนถือรังผึ้งขนาดใหญ่ด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะรู้สึกได้ว่าเธออาจจะเอาเปรียบเจ้าผึ้งตัวน้อยเกินไป เธอจึงหยิบขนมออกมาอีกชิ้นแล้วมอบให้พวกมันอีกรอบ
“ขอบใจพวกเธอมากเลยนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยย้ายก้อนหินไปไว้ที่เดิม”
รังผึ้งที่โดนเด็ดออกมาถูกวางไว้บนพื้นหญ้าสะอาด มือเด็กหญิงเลยเหนียวเฉอะแฉะ
หนวนหน่วนยกมือขึ้นมามองแล้วมองอีก จังหวะที่ยกมือขึ้นมานั้นก็ได้กลิ่นหอมหวานติดมือมาด้วย
เธอยกมือไปที่ริมฝีปาก ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียมัน
“หวานมากเลยนะเนี่ย!”
ลิ้มรสเพียงแค่ครั้งเดียว ดวงตาของเธอก็สว่างเบิกกว้างขึ้นมาทันที น้ำผึ้งป่าแท้บริสุทธิ์นอกจากจะมีความหวานและกลิ่นหอมของน้ำผึ้งแล้ว ยังมีความหอมของดอกไม้ป่าติดมาด้วย ทุกอย่างช่างลงตัวและให้รสชาติกลมกล่อม พอได้ลองลิ้มรสไปครั้งหนึ่งแล้วก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง!
“โฮก…”
โอทิสพยายามเรียกร้องความสนใจ หนวนหน่วนยังไม่ทันจะได้ลองลิ้มรสครั้งที่สอง ก็ถูกเจ้าโอทิสชิงเลียนิ้วเสียก่อนแล้ว
พอได้ลองเลียไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็ดูเหมือนว่ามันจะติดใจ จนมีครั้งที่สองและสามเกิดขึ้น จนกระทั่งน้ำผึ้งบนมือของหนวนหน่วนหมดเกลี้ยง จากนั้นมันก็ปรายตาจ้องไปยังรังผึ้งที่หนวนหน่วนเด็ดออกมา
หนวนหน่วน “!”
“ไม่ได้นะโอทิส!”
หนวนหน่วนรีบห้ามปราบ “อันนี้กินไม่ได้ ฉันจะเอาไปฝากพวกพี่ชาย โดยเฉพาะพี่อาหนาน เขากำลังป่วยหนัก ต้องให้เขาได้กินเยอะ ๆ”
โอทิสจ้องมองเธออย่างรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ทำไมไม่มีของมันแล้วล่ะ?
หนวนหน่วนพูดปลอบมัน “ก็ได้ ก็ได้ เดี๋ยวให้คนอื่นเสร็จแล้วจะให้โอทิสด้วย”
โอทิสยอมตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก ก่อนจะช่วยหนวนหน่วนย้ายก้อนหินพวกนั้นกลับไปปิดตรงรังผึ้งตามเดิม เหลือเพียงรอยแยกเพียงเล็กน้อยที่ผึ้งสามารถเข้าออกได้เท่านั้น
“มีแอ่งน้ำอยู่ตรงนั้นด้วย ฉันจะไปล้างมือก่อน โอทิสห้ามแอบขโมยกินนะ”
เสือขาวปรายตามองอย่างเหนื่อยหน่าย คิดว่ามันเป็นเสือที่ชอบขโมยอาหารหรือไง?
เมื่อหนวนหน่วนหันกลับมาหลังจากล้างมือเสร็จแล้ว เธอก็จ้องมองโอทิสด้วยสายตาว่างเปล่า
“โอทิส แกขโมยกินมันเหรอ”
โอทิสสะบัดส่ายหัวไปมาแล้วนั่งยืดตัวตรง พลางทำหน้าราวกับ ‘เธอกำลังพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ’
หนวนหน่วนชี้ไปยังขนรอบปากของมัน ก่อนที่แก้มสีขาวดุจหิมะจะพองขึ้น
“ดูสิ มีน้ำผึ้งตรงปากแกด้วย ก่อนหน้านี้มันไม่ได้เปื้อนแบบนี้ฉันจำได้!”
โอทิสรู้สึกผิดนิดหน่อย มันรีบกวาดลิ้นเลียน้ำผึ้งที่เปรอะเปื้อนรอบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว
ทำลายหลักฐานซึ่ง ๆ หน้า
หนวนหน่วน “ยังมีอีก!”
โอทิส “…”
“เอิ๊ก~”
มันเรอกลิ่นหอมของน้ำผึ้งออกมา
หนวนหน่วนเท้าเอว “หลอกหนวนหน่วนไม่ได้หรอก!”
เธอเดินตรงไปยังจุดที่วางรังผึ้งเอาไว้พลางหยิบมันขึ้นมาพิจารณาดู ก่อนจะพบว่ามีส่วนที่แตกออกไปเกือบเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโอทิสกินมันเข้าไปแล้ว
หนวนหน่วนมองดูรวงผึ้งด้วยความกังวลนิดหน่อย เธอกลัวว่ามันจะแตกไปมากกว่านี้แล้วน้ำผึ้งจะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของเธอเอาได้ แบบนั้นคงเหนียวเหนอะหนะมากแน่นอน
ขณะที่กำลังกังวล โทรศัพท์ของหนวนหน่วนพลันสั่นขึ้นมา
“พี่!”
พอกล้องวิดีโอเชื่อมต่อกัน ใบหน้าของหนวนหน่วนและหัวโต ๆ ของเจ้าโอทิสต่างก็โผล่บนหน้าจอโทรศัพท์
กู้หนานมองดูเสือขาวอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งคู่ต่างพบความชิงชังในแววตาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
เพียงแต่ว่าของโอทิสนั้นดูชัดเจนกว่ามาก จนแทบจะมีคำว่าขยะแขยงแปะเอาไว้บนหน้าอันปุกปุยของมันเลยด้วยซ้ำ
พูดตามตรงก็คือ รอบนี้กู้หนานแพ้ราบคาบ
[อยู่ไหน?]
เมื่อได้ยินเสียงกู้หนานเอ่ยออกมา หนวนหน่วนก็รีบบอกทันทีว่าอยู่ตรงไหน
กู้หนานแพนกล้องให้เธอดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ
[พวกพี่พยายามจะตาม GPS ของเธอ แต่มันหายไป]
หนวนหน่วน “พี่ขยับเดินขึ้นไปทางซ้าย มันจะมีถ้ำอยู่ตรงนั้น แล้วก็เดินเข้าถ้ำมาจนสุดทางเลย แล้วพี่ก็จะเจอโพรงข้ามมาอีกฝั่ง…”
หนวนหน่วนอธิบายเส้นทางอย่างชัดเจน เมื่อกู้หนานและคนอื่น ๆ เดินมาตามทางก็พบเข้ากับถ้ำ แต่โชคร้ายที่พอเดินเข้ามาข้างในแล้วสัญญาณโทรศัพท์กลับไม่ค่อยดี
พวกเขาเดินเร็วกว่าหนวนหน่วนมาก ผ่านไปสักพักหนึ่งก็เจอหนวนหน่วนนั่งกัดรวงผึ้งอยู่บนผืนหญ้าพร้อมกับเสือขาวตัวใหญ่
หลังจากรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง เธอก็มองเห็นพี่ชายแล้ว
“พี่ใหญ่ ทางนี้ค่ะทางนี้!”
หนวนหน่วนโบกมือไปมาอย่างมีความสุข เธอเหมือนนางฟ้าท่ามกลางทุ่งดอกไม้เลย
ทุกคนต่างกำลังโดนทิวทัศน์ในหุบเขานี้ดึงดูด แต่เมื่อเห็นหนวนหน่วนแล้วก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
กู้หนานรีบเข้าไปสวมกอดแล้วอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา