ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 272 หุบเขาลึกลับ
บทที่ 272 หุบเขาลึกลับ
โอทิสเดินมุ่งไปข้างหน้า ปากทางเข้าค่อนข้างเตี้ยกว่าตัวของมัน ทำให้โอทิสต้องหมอบคลานเข้าไปแทน
หนวนหน่วนใช้มือทั้งสองข้างจับหางอันใหญ่ของมันแล้วเดินตามไป
พอเดินเข้าไปช่องทางก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดโอทิสก็สามารถยืนขึ้นได้
“โอทิส เราจะไปที่ไหนกัน?”
“โฮก…”
โอทิสเปล่งเสียงออกมา ราวกับจะบอกเธอว่าไม่ต้องกังวล แค่ตามมันไปก็พอ
ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไหร่แล้ว ทางเดินข้างหน้าโล่งกว้างขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีแสงสว่างชัดเจนขึ้นด้วย
ไม่เหมือนในถ้ำก่อนหน้านี้เลย ในถ้ำน่ะเหมือนแสงในโลกทั้งใบได้มอดดับลงไปแล้วอย่างนั้นแหละ
โอทิสหยุดเดิน เด็กหญิงที่ขดตัวอยู่ในหางของมันจึงค่อย ๆ เดินมาข้างหน้าอย่างอ่อนแรง
สายตาเริ่มชัดขึ้น หนวนหน่วนจ้องมองภาพตรงหน้าก่อนจะเบิกตากว้างพลางอ้าปากค้าง
“ที่นี่มันที่ไหนกัน สวยจังเลย”
เมื่อมองไปโดยรอบก็ได้พบเข้ากับทะเลดอกไม้ มีดอกไม้เต็มไปหมดเลย
บางส่วนเป็นดอกไฮเดรนเยียสีสด ผีเสื้อเองก็บินว่อนราวกับเต้นเริงระบำอยู่ตลอดเวลา ช่างงดงามราวกับหญิงสาวสวมชุดเต้นระบำพลิ้วไหวไปตามสายลม…
สง่างามทรงคุณค่า สวยสุดประดุจดั่งหยกหิน ดอกไม้นานาชนิดปลูกอยู่ตามพื้นดิน บ้างก็งอกเงยไปตามเถาวัลย์
สถานที่นี้เหมือนเป็นแปลงเพาะปลูกดอกไม้ เป็นทะเลดอกไม้ที่กว้างใหญ่ไพศาสสุดลูกหูลูกตามาก
ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ ยังสามารถมองเห็นผีเสื้อเริงระบำอยู่หลากหลายสีอีกด้วย
นัยน์ตาสีดำของหนวนหน่วนสะท้อนภาพดอกไม้และผีเสื้อหลากหลายสี เธอหลงเดินเข้าไปด้านในโดยไม่รู้ตัว
เสือขาวโอทิสเดินตามเธอเข้าไป มันกวัดแกว่งหางไปมาท่ามกลางมวลดอกไม้จนเหล่าผีเสื้อโบยบินออกมาเต้นรำภายใต้ท้องฟ้าสีครามด้วยท่วงท่าอันงดงาม
บางส่วนก็บินว่อนประหนึ่งเป็นคลื่นถาโถมอยู่ท่ามกลางทะเลดอกไม้ นอกจากนี้ยังบินวนรอบตัวของหนวนหน่วนและเจ้าเสือขาวด้วย
มีตัวหนึ่งเกาะลงบนปลายจมูกของโอทิส มันขยับดวงตาทั้งสองข้างของมันจนเหล่เข้าหากัน ตาแต่ละข้างแทบจะข้ามเส้นไปอีกฝั่งเลยทีเดียว
เมื่อผีเสื้อกระพือปีกบินขึ้น มันก็ทิ้งเศษผงบางอย่างโปรยปลิวลงมา ทำเอาเจ้าโอทิสจามออกมาเสียงดังลั่น ไม่เพียงแต่ผีเสื้อที่เกาะตรงปลายจมูกของมันเท่านั้นที่ตกใจ แต่สิ่งรอบ ๆ ทั้งหมดก็ตกใจเช่นกัน
หนวนหน่วนมองดูเจ้าโอทิสก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขราวกับดวงตะวันน้อย ๆ แรกแย้ม
โอทิสคิดว่าเด็กน้อยคนนี้กำลังหัวเราะเยาะตัวเอง
“ว้าว… ผีเสื้อตัวนั้นตัวใหญ่จัง สวยมากเลย!”
หนวนหน่วนเห็นผีเสื้อสีฟ้าตัวใหญ่สองตัวกำลังบินว่อนต้องแสงอาทิตย์อยู่ เธอส่งเสียงพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจก่อนจะเดินตามพวกมันไป
โอทิสยกอุ้งเท้าของมันขึ้นมาสะกิดปลายจมูกของตัวเอง เมื่อเห็นเด็กหญิงวิ่งออกไปมันก็รีบเดินตามทันที
ถึงแม้ว่าหนวนหน่วนตัวน้อยจะวิ่งไล่จับผีเสื้อตัวใหญ่ แต่เธอก็ระวังไม่ให้ตัวเองเหยียบเข้ากับดอกไม้พวกนี้ที่ปลูกอยู่ตามพื้นดิน
โอทิสไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้นมากนัก มันเพียงแค่วิ่งตามเด็กหญิงอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากว่าตัวของมันใหญ่มาก ถึงแม้ว่ามันจะระวังมากแค่ไหนก็ยังสามารถทำลายกองดอกไม้พวกนี้ได้อยู่ดี
สถานที่นี้เหมือนหุบเขาปิด ค่อนข้างอบอุ่นกำลังดีเลย หนวนหน่วนที่วิ่งไปมาเริ่มรู้สึกร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ
เด็กหญิงและเสือขาวต่างวิ่งไล่จับกันไปมาอยู่เนิ่นนานในหุบเขา สนุกจนลืมพวกพี่ชายไปแล้ว
เหนื่อยแล้วสิ
เธอหยุดวิ่งพลางหอบหายใจเหนื่อย ใบหน้าเล็กของเธอที่ขาวราวกับหิมะแดงก่ำขึ้นมา นอกจากนี้เม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นตามใบหน้าอีกด้วย
เมื่อหยุดวิ่งแล้วพักหายใจได้ครู่หนึ่ง หนวนหน่วนก็ย่อตัวลงเด็ดดอกไม้ เธอเลือกดอกไม้น้อยใหญ่มาเพียงต้นละดอกเท่านั้น
เธอนั่งอยู่ตรงนั้นพลางฮัมเพลงไปด้วย เด็กหญิงถอดเสื้อคลุมออก นำดอกไม้ที่เด็ดมาใส่เข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง
เก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็นั่งลงบนพื้นหญ้าเขียวขจี กำเถาวัลย์เส้นเล็ก ๆ ไว้ในมือแล้วเริ่มสานมงกุฎดอกไม้ให้ตัวเองอย่างช่ำชองพร้อมแกว่งขาไปมาอย่างมีความสุข
โอทิสก้มลงไปหาเธอ หนวนหน่วนเลยเกาคางให้มัน “โอทิสอย่ากวนนะ หนวนหน่วนจะทำมงกุฎดอกไม้ให้”
ขณะที่พูดเธอก็ลองเทียบขนาดหัวของโอทิส ไม่นานก็นำเส้นเถาวัลย์พันเป็นวงรอบคอของมัน
โอทิสหันศีรษะมา ชำเลืองมองหนวนหน่วนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทิ้งตัวเอนพิงคนตัวเล็ก แล้วใช้อุ้งเท้าดึงเธอให้เข้ามาพิงอยู่ตรงหน้าท้องของมัน
หนวนหน่วนเองก็ยินยอม เธอขยับตัวถอยหลังแล้วพิงเข้าตรงหน้าท้องของโอทิสอย่างสบายใจ
หลังจากที่นั่งอยู่นิ่ง ๆ ก็รู้สึกได้ว่าทั้งหุบเขานี้เงียบสงบมาก
ผีเสื้อเรืองแสงตัวที่โดนหนวนหน่วนวิ่งไล่ตามจับบินตรงเข้ามาหาเธออย่างช้า ๆ ก่อนจะบินร่อนเกาะลงบนหัวของเธอ
หนวนหน่วนกำลังตั้งใจทำมงกุฎดอกไม้อย่างขะมักเขม้น รู้สึกได้ว่าเหมือนมีอะไรหยดใส่หัวจึงพยายามสะบัดศีรษะไปมา ทำให้เจ้าผีเสื้อเรืองแสงจำต้องบินออกไปอีกครั้ง แต่มันก็บินหนีไปด้วยระยะทางเพียงหนึ่งนิ้วเท่านั้น ก่อนจะบินกลับมาเกาะลงบนหัวตามเดิม
หนวนหน่วน “?”
เธอยกมือขึ้นแตะศีรษะ เจ้าผีเสื้อเรืองแสงตัวนั้นขนาดตัวใหญ่กว่ามือทั้งสองข้างของเธอรวมกันเสียอีก มันบินหนีขึ้นไปอีกครั้งก่อนจะเกาะลงบนมือของเธอ
“เธอนี่เอง!”
หนวนหน่วนจ้องมองผีเสื้อด้วยดวงตากลมโต ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย มุมปากของเด็กหญิงยกยิ้มขึ้นอย่างสดใส
ผีเสื้อเรืองแสงกระพือปีกนิดหน่อยราวกับว่ากำลังกล่าวทักทาย
หนวนหน่วนจับมันวางลงบนศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน
“อยู่ตรงนี้นะ”
ผีเสื้อเรืองแสงบินขึ้นก่อนจะร่อนเกาะลงบนท้ายทอยของหนวนหน่วน ปีกของมันใหญ่มาก เมื่อมันกางออกเต็มที่ก็ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่าศีรษะของหนวนหน่วนเสียอีก ตอนนี้มันเกาะอยู่ตรงท้ายทอยราวกับเป็นเครื่องประดับอันงดงาม
เด็กหญิงที่ขาวดุจดั่งหิมะนั่งอยู่ในทุ่งดอกไม้ราวกับว่าตัวเธอเป็นเทพธิดาตัวน้อย
โอทิสโน้มใบหน้าเข้าไปดมมัน ผีเสื้อเรืองแสงสะบัดปีกเล็กน้อย โอทิสจึงจามออกมาอีกครั้ง
มันใช้อุ้งเท้าเกาลงบนจมูกป้อย ๆ ก่อนจะปรายตามองผีเสื้อด้วยท่าทีรังเกียจ ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป
‘เจ้านี่กินไม่ได้ แถมยังมาทำให้จามอีก น่าเกลียดจริง ๆ!’
เสือขาวตัวใหญ่ก้มหน้าก้มตาลงแล้วใช้อุ้งเท้าลูบจมูกและใบหน้าของมัน เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วก็เฝ้ามองดูเจ้าตัวเล็กทำมงกุฎดอกไม้ต่อไป
หนวนหน่วนทำออกมาสองอัน มีอันใหญ่กับอันเล็ก อันเล็กต้องเป็นของเธอเองอย่างแน่นอน
ทั้งเสือและคนต่างสวมมงกุฎดอกไม้กันทั้งคู่ หนวนหน่วนจับหัวของโอทิสแล้วพยายามจ้องเข้าไปในดวงตาของมันที่ใสดุจกระจกแก้ว
“หนวนหน่วนสวยมากเลย!”
เจ้าเสือขาวมองหนวนหน่วนที่กำลังโอ้อวดใบหน้าเล็ก ๆ ที่แสนจ้ำม่ำของตัวเอง
โอทิส “?”
‘เจ้าลูกหมีตัวนี้พฤติกรรมแปลกจริง’
หนวนหน่วนใช้ดวงตากลมโตของมันเป็นกระจกส่อง
ด้วยความที่มีทั้งมงกุฎดอกไม้และผีเสื้อเกาะอยู่บนศีรษะของเธอ คนตัวเล็กก็ดูเฉิดฉายมากขึ้น เธอเริ่มเริงร่าและโบยบินไปตามทุ่งดอกไม้กับผีเสื้ออย่างตื่นเต้น ไม่นานก็พบเข้ากับเจ้าขนดกรูปร่างอ้วนท้วน!
เจ้าอ้วนท้วนตัวนี้คือผึ้งที่มีขนดกทั่วทั้งตัว เพราะมันอ้วนมาก เวลาเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ทีไรก็จะทำให้ดอกไม้โค้งงอตามแรงถ่วงของน้ำหนักไปด้วย
หนวนหน่วนตัวน้อยย่อตัวลงบนพื้นแล้วจ้องมองด้วยแววตาเป็นประกาย เธอเฝ้าดูเจ้าผึ้งน้อยตัวอ้วนที่กำลังทำงานอย่างหนักด้วยการบินไปรอบ ๆ ดอกไม้ หลังจากนั้นมันก็บินกลับที่อาศัย ร่อนลงบนกองหินภูเขา
ผึ้งน้อยอวบอั๋นขยับปีกแล้วบินเข้าไปในซอกหินอย่างไม่เร่งรีบ แถมยังได้ยินเสียงหึ่ง ๆ ดังออกมาจากข้างในซอกนั้นอีกด้วย ไม่นานผึ้งตัวอ้วนก็บินออกมา
“นี่คือบ้านของพวกมันเหรอ”
หนวนหน่วนนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เธออยู่หมู่บ้านเสี่ยวซี มีผู้คนอยู่จำนวนหนึ่งที่พยายามไปเก็บน้ำผึ้งป่ามากิน แล้วมันก็หวานมากด้วย
รู้สึกอยากกินขึ้นมานิดหนึ่งแฮะ
หนวนหน่วนหยิบหินบางก้อนออกไป ปรากฏให้เห็นรวงผึ้งที่รวมตัวกันอยู่ข้างในราวกับยอดภูเขาน้ำแข็ง
ฝูงผึ้งต่างตกใจกลัว รีบบินวนรอบตัวของหนวนหน่วน เด็กหญิงยืนนิ่งไม่ไหวติง พยายามพูดต่อรองกับพวกผึ้งว่า “ฉันขอน้ำผึ้งนิดหนึ่งได้ไหม แค่นิดเดียว? ขอแลกมันกับขนมและผลไม้หวานได้ไหม?”
หนวนหน่วนหยิบขนมและชมพู่ออกมาจากกระเป๋าเป้
หึ่งหึ่ง…
เจ้าผึ้งอ้วนตัวหนึ่งที่ดูรูปร่างใหญ่กว่าทุกตัวในนั้นบินออกมา มันบินวนรอบตัวของหนวนหน่วนแล้วเกาะลงบนไหล่ของเธอ
เจ้าผึ้งตัวนี้ดูตัวใหญ่กว่าฝ่ามือของเธอนิดหน่อย มันมีขนดกและอ้วนท้วนสมบูรณ์ ไม่รู้เหมือนกันว่าปีกของมันพามันบินได้อย่างไร
เมื่อเห็นมันเกาะลงบนไหล่ หนวนหน่วนก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่ามันอาจจะเหนื่อยจากการบินหรือเปล่า