ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 258 โอทิส พาฉันไปหาพี่หน่อยได้ไหม
บทที่ 258 โอทิส พาฉันไปหาพี่หน่อยได้ไหม
หนวนหน่วนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกเลย ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ถ้าไม่ใช่จำได้ว่าลูกพี่ลูกน้องคนโตกำชับว่าอย่าไปไหนมั่วซั่ว ตอนนี้เธอก็อยากจะออกไปตามหาพี่จริง ๆ
ในตอนที่เธอเป็นกังวลจนน้ำตาไหลออกมาจากดวงตานั้นเอง ท่ามกลางหิมะขาวโพลน เสือขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างดุร้ายตรงมายังปากถ้ำ ในปากของมันยังคาบอะไรบางอย่างเอาไว้ด้วย
เมื่อมองดูตอนมันเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก็พบว่าที่แท้เป็นสัตว์ที่คล้ายแกะแต่ก็เหมือนไม่ใช่แกะ ขนสีขาวฟูฟ่อง
ดูแล้วหน้าตาเหมือนแกะ แต่รูปร่างของมันกลับเหมือนวัวตัวเล็ก ๆ มากกว่า ตัวใหญ่ขนาดนี้ เจ้าเสือขาวกลับคาบมันมาได้อย่างสบาย ๆ
เมื่อเดินมาถึงปากถ้ำ เจ้าเสือขาวก็ปล่อยทาคินในปากลง ตามด้วยเสียงดังตุ้บ ทาคินที่ดวงตาเหลือกขาวตกลงมาที่พื้นไม่ไกลจากหนวนหน่วนมากนัก
เด็กหญิงตกใจจนถอยเท้าไปก้าวหนึ่ง
“โอทิส”
เธอดีใจมากที่โอทิสไม่ได้จากไป เอาแต่มองมันด้วยแววตาแดงก่ำ
เจ้าเสือขาวตัวใหญ่ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าทาคินพลางเลียเลือดที่ปาก จากนั้นก็ใช้อุ้งเท้าผลักอาหารไปข้างหน้าเด็กหญิงตัวน้อย
หนวนหน่วนเพิ่งหยุดร้องไห้ ใบหน้าเล็ก ๆ ยังมีน้ำตาเปียกอยู่ เธอมอง ‘อาหาร’ ตรงหน้าที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองมากพลางสูดน้ำมูกอย่างน่าสาร จากนั้นก็วิ่งอ้อมทาคินตรงหน้าไปหาโอทิสแล้วกอดมันไว้
“ฮือ… โอทิส พี่ชายของฉันยังไม่กลับมาเลย เธอพาฉันไปหาพี่หน่อยได้ไหม”
เธอร้องไห้ไปพลางเช็ดน้ำตาทั้งหมดด้วยขนนุ่ม ๆ บนอกของเจ้าเสือขาว
โอทิสตัวแข็งเมื่อเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ โน้มตัวเข้ามากอด แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้คล้ายลูกหมาของเธอ โอทิสก็ก้มลงเลียผมบนหัวของเด็กหญิงตัวเล็ก
บนลิ้นของมันสาก แทนที่จะเลียผมให้เรียบ กลับทำให้ยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม
แววตาสีเหลืองทองของเจ้าเสือขาวส่องประกายความรู้สึกผิด
“กรร…”
โอทิสคำรามเสียงต่ำ หัวที่ใหญ่ของมันผลักเด็กหญิงไปด้านข้างเบา ๆ แล้วโน้มตัวลงนอน จากนั้นก็เชิดคางและหัวขึ้น ส่งสัญญาณให้เด็กหญิงตัวเล็กปีนขึ้นไป
หนวนหน่วนเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมจมูกแดง ๆ “โอทิส สัญญากับหนวนหน่วนแล้วใช่ไหม”
ดวงตาแดงก่ำที่มีน้ำตาคลอเปล่งประกายในทันที
หนวนหน่วนกอดหัวใหญ่ ๆ ของเจ้าเสือขาวแล้วจูบที่จมูกของมัน หลังจากนั้นก็กล่าวขอบคุณเสียงเบาพร้อมเสียงสะอื้น
“ขอบคุณนะโอทิส!”
เสือขาว “…”
ร่างกายของมันแข็งทื่อราวกับรูปปั้น ผ่านไปสามวินาทีมันก็ก้มหน้า ยกอุ้งเท้าไปแตะจมูกของตัวเองเบา ๆ ใบหูสั่นอย่างรวดเร็ว ปลายหางก็แกว่งซ้ายขวาไปมา
หนวนหน่วนนำหยกอุ่นในมือใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้ออย่างระมัดระวัง เมื่อมั่นใจแล้วว่ามันจะไม่หล่นก็ส่งเสียงฮึบ ปีนขึ้นไปบนหลังของโอทิส จนกระทั่งนั่งได้ที่แล้วก็โน้มตัวไปข้างหน้า อ้าแขนเล็ก ๆ โอบคอของมันไว้
“โอทิส ฉันนั่งดี ๆ แล้ว”
เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน
เสือขาวสะบัดหัวแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น หนวนหน่วนที่ซบอยู่บนหลังของมันก็รู้สึกเหมือนเห็นทัศนียภาพที่สูงขึ้น
น่า… น่าตื่นเต้นจัง
เสือขาวหมุนตัวเดินออกไปนอกถ้ำ ถึงแม้จะมีคนขี่หลังอยู่ แต่น้ำหนักของหนวนหน่วนนั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับมันเลย
มันแบกคนไว้บนหลังแล้วเดินไปบนผืนหิมะอย่างสบาย ๆ เงยหน้าขึ้นมาทำจมูกฟุดฟิดเป็นครั้งคราว
สัตว์อ่อนไหวต่อกลิ่นมาก พวกมันสามารถแยกแยะกลิ่นของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่ตามเด็กหญิงมา มันก็ได้กลิ่นของมนุษย์ ตอนนี้ย่อมตรวจจับกลิ่นของไป๋โม่ซูที่ลอยอยู่ในอากาศได้อย่างง่ายดาย
เจ้าเสือขาวแบกหนวนหน่วนวิ่งไปยังทิศทางหนึ่ง ไม่นานนักก็หายไปในผืนหิมะตอนพลบค่ำ
ในตอนนี้ไป๋โม่ซูกำลังเดินช้า ๆ อยู่บนพื้นหิมะพร้อมกับฟืนแห้งกองหนึ่ง เป็นเพราะผืนหิมะกว้างมาก กว่าจะหาป่าเจอไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งเก็บฟืนแห้งเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
เขาเดินทางค่อนข้างเร็ว กลัวว่าหนวนหน่วนที่รออยู่ในถ้ำจะเป็นกังวล
แต่ต่อให้เร็วแค่ไหน การก้าวเท้าบนหิมะที่สูงเกือบมิดหัวเข่าก็ไม่ช่วยให้เร็วขึ้นเท่าไรนัก
ฟิ้ว…
มือของเขาที่ถือฟืนแห้งโดนความเย็นจนเปลี่ยนเป็นสีแดง ถ้าไม่ใช่เพราะพกหยกอุ่นก้อนนั้นติดตัวมา ตอนนี้น่ากลัวว่าคงจะทนไม่ไหวแล้ว
“พี่คะ พี่…”
ท่ามกลางลมหิมะมีเสียงเรียกเล็ก ๆ ดังแว่วมา ไป๋โม่ซูหยุดชะงัก นึกว่าตัวเองหูฝาดไป
หนวนหน่วนจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน
ไป๋โม่ซูเม้มปาก แววตาเย็นชามองดูความขาวโพลนรอบตัว ดูเหมือนว่าจะเงียบสงบมาก แต่ก็ดูเหมือนมีเสียงดังวุ่นวายมากเช่นกัน
ท่ามกลางความมืด เขาจดจำเส้นทางได้ยากมาก พยายามมองหาสัญลักษณ์ที่ตัวเองทิ้งไว้ก่อนหน้านี้
โชคดีที่ยังคงมาถูกทาง
เขาปล่อยฟืนแห้งที่ลากมาด้วยเชือก หยิบเอาหยกอุ่นออกมาถือไว้ในมือเพิ่มไออุ่นให้กับตัวเอง
“พี่คะ!”
ได้ยินเสียงอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นของจริง
ไป๋โม่ซูเงยหน้าขึ้นแล้วก้าวเท้าวิ่งไปยังทิศทางที่มาของเสียงทันที
พอไม่มีฟืนแห้งเหล่านั้นที่มารั้งให้เหนื่อย ขายาวของไป๋โม่ซูก็เดินไปบนหิมะราวกับบินได้
“พี่คะ พี่อยู่ไหน…”
หนวนหน่วนนั่งอยู่บนหลังเสือขาว โอทิสก้าวเท้าอย่างมั่นคงดูมีความน่าเกรงขามอย่างราชา สัตว์ในหิมะทุกชนิดที่ผ่านมาก็ล้วนตัวสั่นวิ่งหนีไป แม้แต่นกที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็ยังบินอ้อมมัน
“โอทิส พี่ชายของหนวนหน่วนอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ”
นิ้วเล็กของเด็กหญิงจับขนสีขาวหนานุ่มเอาไว้ ในใจเป็นกังวลอย่างมาก ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว การมองเห็นถูกจำกัดจึงมองได้ไม่ไกล
“โฮก”
โอทิสคำรามเสียงต่ำ แสดงออกถึงความไม่พอใจที่เด็กหญิงสงสัยในความสามารถของมัน
“เอาละ ๆ หนวนหน่วนเชื่อในตัวเธอโอเคไหม แต่ว่าตอนนี้นานแล้วก็ยังไม่เจอพี่ ก็เลยกังวลไง”
น้ำเสียงเจือความสะอื้นไห้เล็กน้อย
โอทิสตัวแข็ง ลดเสียงให้อ่อนลงแล้วคำรามอีกสองสามครั้ง ราวกับว่ากำลังปลอบเด็กหญิงอยู่
หนวนหน่วนลูบผมของมัน ใบหน้าเล็กถูกลมพัดจนรู้สึกชา
เธอเม้มปากแล้วเรียกพี่ชายของตัวเองต่อไป
“พี่ พี่อยู่ไหนคะ หนวนหน่วนมาหาพี่แล้ว…”
เมื่อมองไม่เห็น เธอก็ทำได้แค่ตะโกน หวังว่าลูกพี่ลูกน้องคนโตจะได้ยินแล้วตอบรับ
“หนวนหน่วน!”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วมา เด็กหญิงที่อยู่บนหลังของโอทิสที่กำลังงุนงงหูตั้งในทันที แววตาคู่นั้นสว่างราวกับดวงดาวในทันใด
“พี่คะ พี่โม่ซู พี่อยู่ที่ไหน หนวนหน่วนอยู่ตรงนี้!”
เมื่อมองไม่เห็น ก็ทำได้เพียงพึ่งพาการแยกแยะทิศทางของเสียง
ทั้งสองฝั่งกำลังเข้าใกล้กัน ไม่นานนักก็ได้เจอกันแล้ว
เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคย หนวนหน่วนก็แสบจมูก ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาใส ๆ ร่วงเผาะลงมา เธอลงจากหลังของโอทิสแล้วเสียหลักล้มลงไป ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว
เด็กหญิงไม่สนแม้แต่จะปัดหิมะที่อยู่บนตัว พยายามอย่างเต็มที่ที่จะใช้ขาสั้น ๆ นั้นวิ่งไปหาญาติผู้พี่
“ฮือ… พี่คะหนวนหน่วนกลัว รอพี่ตั้งนานพี่ก็ยังไม่กลับ…”
เด็กหญิงวิ่งไปพลางร้องไห้ไปพลาง
สุดท้ายเมื่อถูกกอดก็ยิ่งกลัว เธอยู่ปากเล็กแล้วร้องไห้ฮือ ๆ อย่างหนัก
“หนวนหน่วนกลัวพี่จะหายตัวไป กลัว… กลัวว่าพี่จะหาหนวนหน่วนไม่เจอ ฮืออ”
เธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร ไป๋โม่ซูได้แต่กอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนอย่างปวดใจ
“เด็กดี ไม่ร้องนะ”
น้ำเสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อย สองมือเย็นเฉียบยิ่งขึ้น
เด็กหญิงลูบแล้วรู้สึกปวดใจมาก รีบจับมือของเขาแล้วใช้มือเล็ก ๆ เพิ่มความอบอุ่นให้
“ไม่เป็นไร”
ไป๋โม่ซูกลัวว่ามันจะเย็นจนทำให้เธออยากหดมือกลับไป แต่เด็กหญิงกลับดื้อดึงอย่างมาก สองมือเล็ก ๆ จับมือเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“หนวนหน่วนตัวอุ่นมากนะ ไม่กลัวหนาวหรอก พี่กำลังหนาว หนวนหน่วนจะช่วยให้ความอบอุ่น”
เธอยังคงหยิบหยกอุ่นของตัวเองชิ้นนั้นออกมาวางไว้ในมือของพี่ชาย ปากเล็ก ๆ ช่วยเป่าลมอุ่นใส่มือของเขาไม่หยุด
“เดี๋ยวอีกแป๊บเดียวพี่ก็จะไม่หนาวแล้วนะ”
ขนตาหนาของสาวน้อยยังคงมีหยดน้ำตาใส ๆ อยู่ ในสภาพอากาศแบบนี้ทำให้มันจับตัวเป็นน้ำแข็งเล็กน้อย ทั้งสวยงามและชวนให้คนปวดใจ
แต่เสียงร้องไห้อันอ่อนโยนและคำพูดของเธอชวนให้อุ่นใจอย่างมาก