ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 206 เทียบกับพี่ชายของเธอแล้ว พวกเขาดูดีกว่ามากเลย!
บทที่ 206 เทียบกับพี่ชายของเธอแล้ว พวกเขาดูดีกว่ามากเลย!
ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนที่ต้องอาย
กู้อันและผองเพื่อนสนิทของเขานำสิ่งของที่ได้มาไปแบ่งให้ทุกโต๊ะ
หลินจิ่วถือกระป๋องนมหวังไจ๋เอาไว้ เมื่อเห็นว่ากู้อันกำลังจะส่งมันฝรั่งทอดยี่ห้อนำเข้าทั้งสองห่อให้กับสองสาวที่เคยพูดถึงหนวนหน่วนไม่ดี เธอก็รีบกระดกนมเข้าปากแล้ววางท่าเท้าเอวใส่ทันที
“พี่ไม่ต้องให้สองคนนั้นนะ พวกเธอมาจากกลุ่มของหลี่หลิง เมื่อกี้พวกนั้นก็เอาเรื่องของหนวนหน่วนไปพูดกับหลี่หลิงด้วย!”
เด็ก ๆ แค้นกันได้เก่งมาก แบบที่สามารถแตกหักกันได้เลยทีเดียว หากว่าเป็นศัตรูคู่อริกัน เพื่อนที่อยู่ฝ่ายเดียวกันก็ห้ามไปญาติดีด้วยเด็ดขาด
กู้อันเก็บขนมสองห่อกลับไปทันที ก่อนจะปรายตามองไปที่ทั้งสองคน
“อ้อ พวกเธอเป็นคนที่เคยแกล้งน้องสาวของฉันนี่เอง ถ้างั้นก็อย่าเอานี่เลย”
การกระทำตรงหน้าทำเอาสองสาวอึ้งไปครู่หนึ่ง พวกเธอทนแรงกดดันที่กระแทกเข้าหน้าอย่างจังไม่ไหวจนเริ่มร้องไห้ออกมา
แต่กู้อันก็ยังคงทำตัวกร่างใส่ “ดูเข้าสิ แล้วใครบอกให้พาคนมาแกล้งน้องสาวฉันล่ะ นี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ บ่อน้ำตาตื้นชะมัด”
หนวนหน่วน “…”
มันทั้งน่าขำและน่าประทับใจไปในคราวเดียวกัน ความเป็นห่วงเป็นใยของพี่ชายคนเล็กที่มีต่อเธอนั้นชัดเจนมาก ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้คนอื่นไม่พอใจแต่เขาก็ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
การที่ได้เห็นสองสาวนั่นร้องไห้มันก็ดูน่าสงสารอยู่หรอก แต่ว่าข้างในใจลึก ๆ ก็แอบสะใจอยู่พอสมควร
กู้อันกลับมาจากการแจกจ่ายขนม ก่อนจะวางบิสกิตชิ้นเล็ก ขนมปังเนื้อนุ่ม นมและผลไม้ลงบนโต๊ะของน้องสาว
“พวกนี้ไม่ใช่อาหารขยะหรอกนะ กินเยอะได้ เธอเลือกทำเลที่นั่งไม่ดีเลยนะเนี่ย แบบนี้มันโดนจับได้ง่ายตอนที่แอบกินขนมในห้องเรียน”
หนวนหน่วนยกกระป๋องนมหวังไจ๋ขึ้นดื่มแล้วพูดขึ้น “หนูไม่กินของพวกนี้ในเวลาเรียนหรอกค่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็ยกยิ้มหวานให้ จากนั้นก็แกะเปลือกลูกอมแล้วนำมันไปจ่อตรงปากของกู้อัน
“พี่กินสิคะ”
กู้อันงับมันเข้าปากอย่างมีความสุข สุขใจมากที่น้องสาวทำแบบนี้กับเขา ฮ่าฮ่า อยากให้พวกพี่ชายมาเห็นเสียจริง!
กู้อันผู้มีลูกอมอยู่ในปากทำตัวหางชี้ฟ้าขึ้นทันที
ดวงตาของหนวนหน่วนยิ้มหยีขึ้น เธอส่งขนมให้เพื่อนของพี่ชายด้วย แต่ไม่ได้แกะห่อขนมให้
เมื่อครูหยางรู้ว่ามีนักเรียนในชั้นของเธอสองคนถูกแกล้งจนร้องไห้ “…”
เรื่องมันยังไม่จบเท่านี้แน่!
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่านักเรียนที่สุภาพอ่อนโยนอย่างกู้หนวนหน่วนคงไม่สร้างปัญหาให้เธอในชั้นเรียนอย่างแน่นอน แต่ใครจะไปทันคิดว่าการไม่สร้างปัญหาของเธอนั้นเบื้องหลังกลับถูกกลั่นแกล้ง สุดท้ายก็เกิดเรื่องจนได้ นอกจากนี้พี่ชายของเธอก็ยังเป็นหนึ่งในตัวปัญหาด้วย
นี่มันเพิ่งเปิดเทอมวันแรกเอง!
ไม่รู้ว่าทำไมครูหยางถึงมีลางสังหรณ์แปลก ๆ ว่าต่อไปห้องเรียนที่เธอประจำชั้นอยู่จะต้องคึกครื้นมากแน่ ๆ
ในตอนนี้หลี่หลิงก็กำลังอารมณ์เสียและเอาแต่ใจประหนึ่งเจ้าหญิง เธออยากให้โทรหาผู้ปกครองเพื่อมารับเธอในตอนนี้ แต่มันก็เป็นเพียงการเอาแต่ใจเท่านั้น เธอแค่ไม่อยากเรียนหนังสือมากกว่า ถ้ามีกู้หนวนหน่วนก็จะต้องไม่มีเธออยู่ในห้องเรียนชั้นประถมสองเด็ดขาด
ครูหยางคนเดียวสู้กับนักเรียนอีกสองคน!
แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่เธอสามารถใช้อำนาจความเป็นครูมาข่มหลี่หลิงได้อยู่ เด็กน้อยอายุเพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะดื้อแค่ไหน แต่เมื่อคุณครูโกรธขึ้นมาก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกรงกลัวอยู่บ้าง
เด็กหญิงจึงทำได้เพียงเดินตามครูหยางกลับห้องเรียนไปอย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง เสียงกริ่งในชั้นเรียนก็ดังขึ้น
หลี่หลิงเดินเข้าไปข้างใน พลางใช้ดวงตาจ้องมองหนวนหน่วนด้วยความโกรธอย่างไม่ลดละ
หนวนหน่วนจ้องมองกลับไปตาแป๋วด้วยความไร้เดียงสา ก่อนจะยิ้มให้เพื่อเปิดเผยความบริสุทธิ์
เอาเข้าจริงเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่นั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องเรียนเท่านั้นเอง
อย่างไรเสีย หนวนหน่วนไม่ได้เกรงกลัวสายตาที่จ้องมองมาเลย เพราะเธอมีพี่ชายหลายคนยังไงล่ะ!
“ทั้งหมดเงียบ ถึงเวลาเรียนแล้ว”
ครูหยางปรายตามองนักเรียนสองคนที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ ตอนนี้พวกเธอไม่ร้องไห้แล้ว แต่สีหน้ากลับดูไม่พอใจแทน
ครูหยางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเองก็ไม่ได้มีวิธีการจัดการอะไรมากนัก ทำได้เพียงบอกให้ทุกคนในห้องอ่านหนังสือไป แล้วเธอจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ? เพราะของพวกนั้นก็เป็นของพี่ชายกู้หนวนหน่วน ถ้าเขาไม่ให้ คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์เอามันไปอยู่แล้ว
หลังจากจัดการสองสาวเรียบร้อยแล้วเธอก็เริ่มการเรียนการสอนต่อ และในระหว่างคาบการเรียนการสอน ทั้งเธอและครูคณิตศาสตร์ก็ต้องคอยเฝ้ามองดูกู้หนวนหน่วนผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับแววตากลมโตอันใฝ่เรียนของสาวน้อย
ครูหยางเริ่มพูดสอนอย่างจริงจังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองเห็นคนตรงหน้าที่กำลังนั่งตัวตรงพร้อมจับดินสอและจดบันทึกลงไปในหนังสือเรียนแล้ว เธอก็รู้สึกพอใจกับท่าทีจริงจังของกู้หนวนหน่วนมาก
เหนือสิ่งอื่นใด การตั้งใจเรียนอย่างจริงจังมันก็สมควรแก่การยกย่อง
หลังจากเลิกเรียนในคาบนั้น หนวนหน่วนก็อ่านหนังสือพลางกินขนมไปด้วย เด็กหญิงวาดรูปและเขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ทางด้านหลินจิ่วเองก็รู้สึกเป็นกังวลเมื่อเห็นว่าเธอตั้งใจเรียนขนาดไหน หันมองทีไรเป็นต้องตกใจทุกทีเลย
“เราได้หนังสือมาพร้อมกันนี่นา? แล้วทำไมหนังสือคณิตของเธอถึงได้จดอะไรเยอะขนาดนั้นล่ะ!”
เพิ่งเรียนไปเอง แล้วทำไมเนื้อหาตรงที่เธออ่านมันไปอยู่ตรงคาบที่สามแล้วล่ะ
“หนวนหน่วนอ่านเข้าใจหมดเลยเหรอ?”
หนวนหน่วนตัวน้อยพยักหน้าตอบกลับไป
“ส่วนใหญ่ก็อ่านเข้าใจอยู่นะ มีแค่บางส่วนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวค่อยจำแล้วไปถามคุณครูก็ได้”
“เหอะ…. ทำเป็นข่ม!”
เสียงพูดจาไม่น่าฟังดังมาจากด้านหลัง
หลี่หลิงกอดอก เชิดหน้าขึ้น ก่อนจะมองด้วยสายตาเหยียดหยัน
“ฉันว่าเธอก็แค่อยากเอาใจครูคณิตเท่านั้นแหละ เหอะ แต่ทำไปก็ไร้ประโยชน์ซะเปล่า เพราะห้องเรามีตัวแทนคณิตศาสตร์แล้ว!”
สาวน้อยที่อยู่ถัดจากเธอยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิ
“ฉันเองแหละ!”
เป็นหนึ่งในกลุ่มแก๊งเพื่อนของหลี่หลิง
หนวนหน่วนเอ่ยถามขึ้นอย่างค่อย ๆ “แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นตัวแทนสักหน่อย แล้วทำไมจะต้องประจบด้วยล่ะ?”
หลี่หลิง “อย่ามาพูดเลย ใครจะไม่อยากเป็นตัวแทนชั้นเรียนบ้าง อย่างฉันยังเป็นตัวแทนวิชาภาษาอังกฤษเลย”
หนวนหน่วน “งั้น… ยินดีด้วย?”
น้ำเสียงไม่ดังไม่เบาถูกส่งผ่านออกมาอย่างเย็นชา
หนวนหน่วนคิดว่าหากทำตัวแบบนี้ในชั้นเรียน คงจะได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและอ่านหนังสือได้มากขึ้น
หลี่หลิงพ่นคำพูดใส่หนวนหน่วน “รอคุณอาฉันมาก่อนเถอะ เธอต้องพูดแน่ว่าเขาหน้าตาดีมาก”
หนวนหน่วนเบ้ปากขึ้นนิดหน่อย “พี่ชายของฉันก็หล่อเหมือนกัน ไม่มีอะไรจะพูดกับเธอแล้ว อย่ามากวนเวลาอ่านหนังสือของฉันนะ!”
หลี่หลิง ‘พี่ชายก็พี่ชายสิ มีอะไรให้น่าทึ่งเหรอ!’
หลังจากที่รอจนคาบเช้าจบลง หลี่หลิงก็ได้รู้ว่าการมีพี่ชายหลายคนนั้นก็มีอะไรให้น่าทึ่งอยู่บ้าง
วันนี้ฝนตกในสองคาบสุดท้าย จนกระทั่งเลิกเรียนแล้วก็ยังไม่หยุดตกเลย
เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น กู้อันก็รีบวิ่งออกมาจากห้องเรียนพร้อมกับกระเป๋าของเขา
“พี่มารับแล้ว!”
หลังจากมาถึงประตูห้องก็หอบหายใจหนักมาก ใบหน้าแดงก่ำนั้นบ่งบอกให้รู้ว่าเขารีบวิ่งมาขนาดไหน
หนวนหน่วนเขย่งปลายเท้าแล้วเช็ดเหงื่อให้พี่ชาย น้ำเสียงไร้เดียงสาของเธอเอ่ยขึ้นอย่างกังวล “พี่วิ่งช้า ๆ ก็ได้ค่ะ”
กู้อันยิ้มแล้วหัวเราะร่า “ไม่เป็นไรหรอก พี่ชายแสนอัจฉริยะของเธอแข็งแรงมาก ตอนนี้ฝนก็ตก เราเองก็ไม่ได้เอาร่มมากันด้วย ไม่รู้ว่าวันนี้ใครจะมารับเนอะ”
สองคนพี่น้องพูดคุยกันขณะที่ก้าวเดินไปด้วย หลินจิ่วที่เห็นหนวนหน่วนก็เดินเข้ามาจับคล้องแขนคนตัวเล็กทันที หลังจากช่วงเช้าที่สามัคคีรวมพลังกันไปแล้ว ตอนนี้พวกเธอเลยเป็นเพื่อนสนิทกัน
น่าหงุดหงิดที่หลี่หลิงและเพื่อนของเธออีกสองคนอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เธอจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความโกรธแต่ไม่กล้าทำอะไรมากเนื่องจากกู้อันก็อยู่ตรงนั้นด้วย กลัวโดนทุบเข้าน่ะ
เป็นเพราะว่าฝนตก ผู้ปกครองบางคนจึงมารับลูกของพวกเขาพร้อมกับร่ม
หนวนหน่วนและกู้อันที่เพิ่งเดินออกมาพบเข้ากับชายหนุ่มจำนวนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหา
คนหนึ่งสวมชุดสีดำทั้งตัว รูปร่างสูงและโดดเด่นจากผู้ปกครองทุกคน สีหน้าของเขาค่อนข้างนิ่งเฉย ดูไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและดูมีอำนาจเหนือกว่ามาก
ส่วนอีกคนแต่งตัวทันสมัยขึ้นมาหน่อย เขาไว้ผมยาวสีดำเข้มราวกับน้ำหมึก รูปร่างสูงเพรียวและแข็งแรงมาก เพราะสวมใส่หน้ากากสีดำจึงทำให้มีเพียงดวงตาลูกท้อโผล่ออกมาให้เห็น
คนสุดท้ายนั้นสูงโปร่ง คิ้วและดวงตาของเขาแสดงความเย็นชาออกมาอย่างโดดเด่น ดวงตาฟีนิกซ์โค้งหยีมากขึ้นเมื่อมองเห็นสาวน้อยที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก อีกทั้งคิ้วของเขาก็ดูสวยราวกับภาพวาดเลยทีเดียว
ทั้งสามหนุ่มต่างมองหน้ากัน
ดวงตาลูกท้อของกู้หมิงอวี๋เชิดขึ้นเล็กน้อย “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้ฉันจะเป็นคนมารับหนวนหน่วนเอง? ไป๋โม่ซูลาพักวันนี้นี่ แล้วพี่ใหญ่ก็เหมือนกัน ทำงานหนักแล้วยังจะมาอีก”
กู้หนาน “ฉันเต็มใจ”
สามพยางค์สั้นอันแสนเย็นชาตามฉบับ
เสียงของไป๋โม่ซูนั้นแผ่วเบาอ่อนช้อยราวกับฤดูใบไม้ผลิ “พอรู้ว่าได้ลาพัก ฉันก็มีแผนจะทำอะไรสักหน่อย แล้วพวกนายมาที่นี่กันทำไม?”
กู้หมิงอวี๋เสยผมของเขา “ฉันเต็มใจ!”
ทั้งสามคนต่างเดินเข้าไปหาหนวนหน่วน
“พี่ใหญ่ พี่สาม พี่โม่ซู!”
ในวันที่ฝนเทลงมาแบบนี้ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกลับสดใสราวกับแสงอาทิตย์ส่อง พวกเขากำลังแสดงออกว่ามีความสุข หนวนหน่วนเห็นแล้วก็อ้าปากเล็กตะโกนเรียกพี่ชายทั้งสามคน
พี่ชายของกู้หนวนหน่วนมาปรากฏตัวตรงหน้า!
หลี่หลิงหูผึ่งทันที หลังจากที่ได้ยินสถานการณ์เธอก็ตาตื่น รีบชะเง้อคอมองออกไปตรงนั้น ก่อนจะมองเห็นชายหนุ่มทั้งสามคนที่รูปร่างหน้าตาดีกว่าพี่ชายของตัวเองเป็นไหน ๆ
ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจเข้าอย่างจัง เพราะเมื่อเทียบกับพี่ชายของเธอแล้ว พวกเขาดูดีกว่ามาก!
เฮ้อ อยากจะร้องไห้จังเลย หลี่หลิงเริ่มหายใจติดขัด ดวงตาพลันฉายแววความอิจฉา รู้สึกราวกับว่าสิ่งนี้ทำให้ชีวิตของเธอเป็นเดือดเป็นร้อนอย่างมาก