ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 172 วันเกิด
บทที่ 172 วันเกิด
กู้เป่ย ชายหนุ่มผู้นี้ตั้งแต่กลับมาจากการไปซื้อของมากมายกับหนวนหน่วนคราวก่อน ก็ดูเหมือนไปเปิดสวิตช์อะไรแปลก ๆ ขึ้นมา ครั้งนี้ถึงยิ่งซื้อของมากกว่าเดิม
“อ้อใช่ ผมยังถูกใจเครื่องบินลำหนึ่ง…”
ทุกคนเอ่ยขึ้น “หุบปาก!”
กู้เป่ยตอบ “…อ้อ”
เขาใช้เงินของตัวเอง ผิดอะไรเนี่ย!
วันเกิดดี ๆ เกือบจะกลายเป็นการจัดรายการตลกให้กู้เป่ยเสียแล้ว แต่โชคดีที่สุดท้ายยังกลับมาเข้าร่องเข้ารอย
“มา เจ้าใหญ่เจ้ารองเป่าเทียนกัน”
หลังจากเป่าเทียนเสร็จก็เริ่มแบ่งเค้ก แม้ว่ากู้เป่ยจะไม่ชอบอาหารที่มีรสหวานเลี่ยนแบบนี้ แต่ก็ยังกินเพราะเห็นแก่หน้าน้องสาวและแม่ของตน
หลังจากกินเค้ก หนวนหน่วนก็ถือกล่องของขวัญสองกล่องวิ่งหอบแฮ่ก ๆ มาให้พี่ใหญ่และพี่รองของตน
“พี่คะ ของขวัญค่ะ”
ทั้งสองเปิดกล่องของขวัญ ผ้าพันคอสองผืนที่มีสีสันต่างกันแต่เข้ากับนิสัยของพวกเขาได้ถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่ในกล่อง
หลังจากมอบให้แล้วหนวนหน่วนก็จ้องมองทั้งสอง พลางเอานิ้วจิ้มกันอย่างประหม่า
“พี่ใหญ่พี่รองชอบของขวัญของหนวนหน่วนไหมคะ?”
เห็นได้ชัดว่ามีความตื่นเต้นอยู่ในน้ำเสียงของเด็กหญิงตัวน้อย ทั้งสองไม่ได้โง่ สามารถคาดเดาได้ในเวลาเดียวกันได้ว่าน้องสาวคิดอะไรอยู่
กู้หนานและกู้เป่ยย่อตัวลงพร้อมกัน จากนั้นก็กอดเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังประหม่าไว้แล้วกล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“อืม ชอบ”
ในน้ำเสียงแฝงความเอ็นดูและอ่อนโยนไว้
รอยยิ้มอันอ่อนหวานน่ารักผลิบานบนใบหน้าของหนวนหน่วนที่อยู่ในอ้อมกอดของทั้งสอง ดวงตาทรงอัลมอนด์วาดโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสวยงาม ระยิบระยับงดงามจับตา
“อันนี้หนวนหน่วนถักเองกับมือเลยนะ”
กู้หมิงหลี่กล่าวอย่างอิจฉาอยู่ข้าง ๆ ลูกตาแทบจะสิงเข้าไปในผ้าพันคอทั้งสองผืนแล้ว
ส่วนพี่ชายคนอื่น ๆ “!!!”
หนวนหน่วนถักเองกับมืองั้นเรอะ!
สายตาที่พวกเขามองผ้าพันคอสองผืนนั้นค่อย ๆ แปลกไป
แฝดพี่น้องกู้หนานและกู้เป่ยกระชับกอดขึ้นอีกอย่างเงียบ ๆ พลางลอบคิด ‘หึ… ยังกล้ามาแย่งชิงกับพวกฉันอีกเหรอ?’
กู้อันตอบว่า “ผมไม่สน ผมไม่ยอม ผมอยากให้น้องถักผ้าพันคอให้ผมในวันเกิดบ้าง”
ไป๋อันหรานกระทุ้งเขาหมัดหนึ่ง “วันเกิดลูกอยู่ในฤดูร้อนนะเด็กโง่”
กู้อันมองหนวนหน่วนอย่างดื้อรั้น
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ “ของพี่ก็มีของขวัญเหมือนกัน”
กู้อันได้ยินก็พึงพอใจเลยยอมเลิกโวยวาย
วันเกิดปีนี้ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่สำหรับแฝดพี่น้องกู้หนานและกู้เป่ยจริง ๆ
ไป๋อันหรานมองบ้านที่ครึกครื้น ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ในใจถึงรู้สึกเศร้าจนอยากร้องไห้
เมื่อบรรดาลูกชายเติบโตขึ้น พวกเขาก็จะค่อย ๆ สยายปีกบินออกจากรัง ยุ่งจนบางทีปีหนึ่งไม่มีเวลากลับมาเลยสักครั้ง
หลังจากหนวนหน่วนกลับมา เธอถึงจะเห็นเจ้าลูกสองคนนี้บ่อย ๆ อีกทั้งบ้านนี้ก็ครึกครื้นขึ้นเรื่อย ๆ ช่างดีเหลือเกิน
กู้หลินโม่เอาแขนโอบไหล่เธออยู่ข้าง ๆ แย้มมุมปากยิ้มบาง ๆ
ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นเช่นนี้ โทรศัพท์มือถือของกู้หนานพลันสั่นขึ้น
ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจเลย แต่ต่อมามันก็สั่นขึ้นอีกหลายครั้ง
เขาขมวดคิ้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู เป็นข้อความจากเสินอวี้จิ่น
[เสินอวี้จิ่น : อยู่ไหนแล้ว?]
[เสินอวี้จิ่น : เพื่อนรักนี่นายขับรถเลี้ยวไปดาวอังคารแล้วเหรอ? (▼皿▼#)]
[เสินอวี้จิ่น : นี่เอ็งเทชั้นเรอะ! 💢]
กู้หนานพูดไม่ออก “…”
นี่สินะ เรื่องที่เหมือนจะลืมไป
[กู้หนาน : ลืมไป]
[กู้หนาน : ฉันกลับบ้านแล้ว]
[กู้หนาน : ‘ส่งรูปภาพ’]
[กู้หนาน : ของขวัญที่หนวนหน่วนให้ฉัน]
ดูเหมือนจะรู้สึกว่ายังไม่พอ เขาลองคิด ๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วพิมพ์อิโมจิลงไป
[กู้หนาน : ^^]
เพื่อนกันก็ควรดีใจกับของขวัญจากน้องสาวเขาสิ
[เสินอวี้จิ่น : …]
คำพูดไม่เพียงพอที่จะอธิบายอารมณ์ของเขาในขณะนี้ เขาเคยคิดว่ากู้หมิงหลี่กับกู้หมิงอวี๋แย่กว่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเพื่อนรักของเขาคนนี้จะแย่กว่าสองคนนั้นอีก!
เขารออยู่ที่นี่ครึ่งค่อนวันแล้ว แต่เจ้าเพื่อนตัวดีกู้หนานดันลืม ลืมเนี่ยนะ!!!
คิดว่าบอกว่าลืมก็แล้วกันสินะ ไหนจะส่งของขวัญมาอวดอีก จำไม่ได้แล้วเหรอว่าเป็นฝ่ายเทพวกเรานะพี่ชาย!
ทำไมซื่อบื้อแบบนี้!
ขาดอีคิวแบบนี้แต่สามารถเป็นเจ้าพ่อในวงการธุรกิจได้อย่างไร นอกจากความสามารถเหมือนหุ่นยนต์แล้ว การแสดงออกก็เหมือนหุ่นยนต์อีก!
เสินอวี้จิ่นที่กำลังฉุนเฉียวทิ้งผู้คนที่เขาเรียกมาไว้ที่เดิม ให้พวกเขากินกันเอง ส่วนเขาเช็กบิล จากนั้นก็ขับรถมายังคฤหาสน์ตระกูลกู้!
การมาเยือนของเขา คุณหญิงกู้และคนอื่น ๆ ยินดีต้อนรับเป็นพิเศษ
“อวี้จิ่นมาแล้ว ทุกปีมีเธอเท่านั้นแหละที่ยังจำได้ ไหนจะพาอาหนานไปกินข้าวนอกบ้านอีก เจ้าลูกคนนี้ไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยซ้ำ คิดว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ทุกวันนี้ทำตัวเป็นพวกพนักงานอาวุโสพูดน้อย เหมือนเป็นรุ่นเดียวกับพ่อของเขาเลย”
ใบหน้าของเสินอวี้จิ่นเปื้อนยิ้ม ดวงตาทรงเสน่ห์เหล่ไปยังกู้หนาน เจ้าเพื่อนตัวดียังป้อนอาหารน้องสาวราวกับไม่เห็นตนเลย
เสินอวี้จิ่นหน้ายิ้มแป้นแต่ในใจคิดว่า แม่งเอ๊ย เจ้าหมอนี่สามารถมีเพื่อนแบบเขาได้ แสดงว่าใจคอกว้างขวางมากแล้ว!
“กู้หนาน!”
กู้หนานหยิบองุ่นเม็ดหนึ่งใส่ปากหนวนหน่วน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกัน
หนวนหน่วนโบกมือหยอย ๆ “พี่อวี้จิ่น…”
กู้หนานถามว่า “นายมาที่นี่ทำไม?”
เสินอวี้จิ่นนั่งลงข้างเขา หยิบเค้กขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วเริ่มกินด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“นายคิดว่าไงล่ะ? นายเทฉัน ฉันจะมาเองไม่ได้เหรอ? ยังมาถามอีกว่าฉันมาทำไม?!”
มันน่าหงุดหงิดไหม!
กู้หนานตอบรับด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เสินอวี้จิ่นหันหลังใส่เขาด้วยความโมโห ไม่ต้องการพูดอะไรอีกแล้ว หากยังพูดต่อไปต้องโมโหตายแน่
กู้หนานเหลือบมองเพื่อนสนิท สงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรอีก
แต่มันก็ไม่สำคัญ ชายหนุ่มหยิบผ้าพันคอที่หนวนหน่วนมอบให้มาแหย่ตรงหน้าเสินอวี้จิ่นเพื่อโอ้อวด
“สวยไหม? หนวนหน่วนให้น่ะ”
เสินอวี้จิ่นตอบ “…สวย!”
หมอนี่ซื่อบื้อจนดูไม่ออกเลยเรอะว่าเขากำลังโกรธ!
กู้หนานตอบอืมอย่างเย็นชา พลางวางลงในมือเขาแล้วพูดอะไรที่น่าโมโหกว่าเดิม
“ให้นายลองจับดู อีกสองวินาทีค่อยคืนฉัน”
หลังจากวางลงในมือของเสินอวี้จิ่นแล้วกู้หนานก็นับเงียบ ๆ สองวินาที จากนั้นก็เอากลับคืนมาแล้วพับใส่ลงในกล่องอย่างทะนุถนอม
เสินอวี้จิ่น ‘ตีมันให้ตายได้ไหมนะ ^-^’
แม้ว่าจะโกรธมาก แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะตีคนคนนี้ให้ตาย จะตัดสัมพันธ์มิตรภาพหลายปีที่ผ่านมาได้อย่างไร?
หลังจากวันเกิดผ่านไปทุกคนได้รับประทานอาหารร่วมกันอย่างครึกครื้น ระหว่างนั้นมีการดื่มเหล้า กู้เป่ยจึงยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วดมกลิ่นเหมือนสุนัข
งานของเขาค่อนข้างสำคัญ ไม่อาจปล่อยให้มีอะไรผิดพลาดได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยจึงไม่สามารถดื่มเหล้าได้
แต่ลาพักร้อนกลับบ้านก็เป็นข้อยกเว้น เมื่อก่อนเขาไม่เคยดื่มเลย ทว่าวันนี้เขามีความสุข กู้เป่ยที่ไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อนจึงอยากลองดื่มเช่นกัน
เขาถือแก้วไวน์จิบคำเล็ก ๆ พลางขมวดคิ้ว กลิ่นมันหอมมาก แต่พอดื่มเข้าไปเท่านั้นแหละ…
เอ๋? เหมือนจะไม่เลวเลยนะ?
กู้เป่ยคลายคิ้วขมวด เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายตาที่ตื่นตระหนกของบอดีการ์ดสองคนและผู้ช่วย…
รู้สึกพะอืดพะอมอยู่ในปากชอบกล
“ศาสตราจารย์!”
พวกเขาได้แต่มองแก้วไวน์ว่างเปล่าที่ชักกลับไม่ทัน
บรรยากาศเงียบสงบลงทันใด…
“พวกนายมองฉัน… ทำไม” กู้เป่ยถาม
ก่อนที่สองคำสุดท้ายจะออกมา กู้เป่ยก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ จากนั้นศีรษะก็โขกลงบนโต๊ะ หมดสติไปทันที
ทุกคนพูดไม่ออก “…”
กะ… แก้วเดียวจอดในตำนาน?
กู้หลินโม่บีบสันจมูก “ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เขาไม่ต้องทำงาน”
บอดีการ์ดทั้งสองและผู้ช่วยคิดได้เช่นนี้ก็ผ่อนคลายลง ก็ถูกที่พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน แต่… ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปอาจต้องปวดหัวแล้ว
หลังจากส่งกู้เป่ยเข้านอน ทุกคนก็กินใกล้เสร็จแล้ว
ไป๋โม่ซูหนีบน้องชายของตนขึ้นมากล่าวลา
“คุณป้าคุณลุง ผมกับน้องชายขอกลับก่อนนะครับ”
ปัจจุบันไป๋โม่ซูอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ไป๋โม่ฮัวซื้อไว้
กู้หลินโม่ตอบ “ฉันจะให้คนขับรถไปส่งพวกเธอ”
หนวนหน่วนก็ตามติดออกไปส่งด้วย
ตอนที่กำลังกลับ ไป๋โม่ซูได้ลูบหัวเด็กหญิงตัวน้อย “เธอกลับเข้าไปเถอะ”
เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “บ๊ายบายค่ะพี่ ๆ”
หลังจากสองพี่น้องออกไป เสินอวี้จิ่นก็รีบกล่าวลา
หนวนหน่วนมีพี่ชายใหญ่อุ้มไว้โดยมีผ้าพันคอที่เธอให้พันรอบคออยู่ แน่นอนว่าพันรอบคอกู้หนานด้วย
“ลาก่อน”
เสินอวี้จิ่นปลอบตัวเองในใจ ใช่แล้ว เขาเป็นคนที่ไม่ได้ดีเลิศ พึงพอใจอะไรง่าย ๆ การที่เจ้าหมอนี่ออกมาส่งเขาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
เฮ้อ… แฟนสาวกู้หนานในอนาคตจะทนเพื่อนตัวดีคนนี้ได้อย่างไร
บรรยากาศที่ครึกครื้นค่อย ๆ เงียบเหงาลง คนรับใช้ของตระกูลกู้เก็บกวาดเศษอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะ กู้หนานและคนอื่น ๆ ก็เตรียมตัวเข้านอนแล้ว
ไม่นานก็ถึงวันถัดมา กู้หนานพันผ้าพันคอของเขาไปทำงานแต่เช้าตรู่
ถึงจะเข้าไปข้างในแล้วก็ไม่ได้ถอดผ้าพันคอออก
เขาเดินทั่วภายในบริษัทพร้อมกับผ้าพันคอโดยไม่พูดจาอะไรเลย
จนทุกคนในบริษัทกลัวตัวสั่นคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไป
หนานเฟิงที่รู้สถานการณ์ภายในดี “…”
เจ้านายของเขาเย็นชาแต่ภายนอกจริง ๆ
เมื่อเห็นทุกคนตัวสั่นงันงกด้วยความรู้สึกกดดันที่รุนแรงพอ ๆ กับการจับจ้องเหยื่อของราชันสัตว์ป่าจากเจ้านาย แต่ไม่มีใครชื่นชมผ้าพันคอของเขาเลย หนานเฟิงก็เหงื่อแตกพลั่ก
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ”
ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป โบนัสเดือนนี้คงจะจับไว้ไม่อยู่แน่!
เขาจึงรีบเดินเข้าห้องน้ำ เอาโทรศัพท์มือถือออกมาพิมพ์ข้อความส่งเข้ากลุ่มทำงานที่ไม่มีเจ้านายอยู่ด้วยความเร็วสุดขีด
[ทุกท่าน ผ้าพันคอบนคอของเจ้านายได้มาจากหนวนหน่วน เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อวานนี้ ผมช่วยพวกคุณได้แค่นี้แหละ]
สองวินาทีต่อมา…
[เข้าใจแล้ว ขอบคุณผู้ช่วยหนานที่ช่วยชีวิตฉัน!]
[อ้อ! เป็นอย่างนี้นี่เอง!]
[รับทราบ ขอบคุณที่ช่วยชีวิต!]