ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 103 กู้หมิงหลี่ฝึกม้า
บทที่ 103 กู้หมิงหลี่ฝึกม้า
เมื่อได้กอดศีรษะของม้าสีดำตัวใหญ่ไว้ในอ้อมแขน รอยยิ้มแสนนุ่มนวลของหนวนหน่วนก็ปรากฏขึ้นทันที เธอยิ้มจนเผยให้เห็นเขี้ยวข้างหน้าสองซี่ มันช่างน่ารักและน่าเอ็นดูมากเลย
“มันชื่อซุนเหล่ย”
เด็กหญิงตัวเล็กเอียงศีรษะก่อนจะลูบใบหน้าของมันแล้วเอ่ยทักทายอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“สวัสดีซุนเหล่ย ฉันหนวนหน่วนนะ”
ฮี้…
ทันใดนั้นม้าทั้งสองก็แข่งกันเพื่อแย่งชิงความสนใจ ทำเอาผู้ดูแลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มีสีหน้าตกใจไม่น้อย นี่ยังใช่ซุนเหล่ยกับจีเฟิงอยู่หรือเปล่า?
“พี่ใหญ่ ขอผมจับบ้างสิ พวกมันสวยมากเลย!”
กู้อันรีบเดินดุ่ม ๆ เข้ามาอย่างว่องไวเพื่อสัมผัสซุนเหล่ย แต่มันกลับย่นจมูก แสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วกระทืบกีบเท้าถอยหลังไปแทน
เด็กชายหยุดยืนนิ่ง มือที่เอื้อมไปข้างหน้าชะงักค้างอยู่กลางอากาศ รอยยิ้มบนใบหน้าเจื่อนลงทันที
กู้อัน “…”
นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
เขาลองพยายามอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทว่าซุนเหล่ยกลับทำท่าจะวิ่งหนีไป ก่อนจะไปมันหันมองโดยรอบแล้วไปหยุดอยู่ข้างหลังกู้หนาน จากนั้นก็ใช้หัวอันใหญ่โตของมันถูไถกับฝ่ามือของหนวนหน่วน
กู้อันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที แต่มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดจากภายใน
“ทำไมม้าของพี่สองมาตรฐานแบบนี้!”
เขาตะโกนด้วยความโกรธ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่จีเฟิง เจ้าม้าตัวสีขาว
จีเฟิงเอียงศีรษะหลบสัมผัสจากกู้อันแล้วกระทืบเท้าถอยหลังหนีไป มันเดินหนีอ้อมไปอีกด้านแล้วถูไถหัวกับฝ่ามือของหนวนหน่วนเช่นกัน นอกจากนี้ยังกัดดึงเสื้อผ้าของเธอเบา ๆ แถมยังสะบัดหัวด้วยท่วงท่างามสง่าราวกับบอกให้เด็กน้อยขึ้นไปบนหลังด้วย
ผู้เพาะพันธุ์ม้าตกใจยิ่งกว่า เขาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“จีเฟิงเชื้อเชิญคุณหนูให้ขึ้นนั่งบนหลัง!”
เขาเลี้ยงมันมานานตั้งแต่มันเกิด นอกจากตัดแต่งขนมันก็ไม่ให้เขาสัมผัสตัวเลยด้วยซ้ำ จึงได้แต่ใช้สายตามองมันอย่างเดียว
แต่ว่าในตอนนี้… นี่เป็นครั้งแรกที่จีเฟิงและซุนเหล่ยได้พบกับคุณหนูน้อยของตระกูลกู้ แต่มันเชื้อเชิญให้ขึ้นไปขี่ทันที!
นี่แหละที่เขาบอกว่าการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นอาจสร้างความขุ่นเคืองใจได้ กู้อันน้ำตาไหลพรากเรียบร้อยแล้ว เขาแตะต้องมันไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่มันกลับชวนน้องสาวขึ้นไปขี่หลัง
กู้หมิงอวี๋และกู้หมิงหลี่ก็พยายามอย่างมากเช่นกัน แต่ม้าทั้งสองตัวก็เดินหนีไปทางอื่น
เมื่อเห็นดังนั้น กู้อันก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนเดียวที่ถูกเมิน ฮ่าฮ่าฮ่า
หนวนหน่วนยิ้มจนคิ้วขมวดพลางแตะหัวโต ๆ ของจีเฟิง
แต่ขาของเธอสั้นมาก จะขึ้นไปยังไงล่ะเนี่ย
หลังจากนั้นกู้หนานก็เอ่ยถามว่าเธออยากลองขี่ม้าหรือเปล่า
“ได้เหรอคะ?”
ดวงตากระจ่างของเด็กน้อยเป็นประกาย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“อื้ม”
กู้หนานพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกอดหนวนหน่วนไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว มืออีกข้างจับอานม้าเพื่อบังคับให้มันหมุนตัวมาหาอย่างง่ายดาย มองแล้วช่างเป็นท่วงท่าที่สง่างามมาก
ชายหนุ่มขึ้นไปบนหลังม้า จับเด็กหญิงตัวเล็กให้หันหน้าเข้าหาตัวเอง แขนเรียบเนียนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจับเข้าที่บังเหียนก่อนจะออกแรงดึงอย่างเบา ๆ หลังจากนั้นจีเฟิงก็เดินไปสองสามก้าวอย่างเชื่อฟังในทิศทางที่เขาควบคุม
เมื่อได้นั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวตัวสูงและแข็งแรง หนวนหน่วนก็กอดเอวแกร่งของพี่ใหญ่ไว้แน่น ใบหน้าเล็กขี้อ้อนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนดวงตาส่องแสงเจิดจ้าพร่างพราวราวกับแสงดาว
“สะ… สูงจังเลย!”
แม้ภาพการมองเห็นของเธอจะกว้างไกลมากขึ้น แต่หนวนหน่วนก็ซุกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายเพราะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่คุ้นเคย
กู้หมิงหลี่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างอย่างตั้งใจ เขาเองก็ชอบขี่ม้าเหมือนกัน เด็กหนุ่มมองว่ามันท้าทาย อีกอย่าง ม้าตัวนี้เปรียบได้กับรถ BMW ไม่มีผิด ความหยิ่งยโสที่ดูสูงส่งและดุร้ายของมันทำให้เขาชอบมาก
กู้หมิงหลี่มองไปที่ม้าตัวสีดำซุนเหล่ย มันทั้งสูงและรูปร่างกำยำ ทำให้รู้สึกอยากจะปราบพยศ เด็กหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงคึกคะนอง “พี่ใหญ่ ให้ผมลองขี่ซุนเหล่ยได้ไหม?”
กู้หนานพยักหน้าให้ “ถ้าเอามันอยู่นะ”
กู้หมิงหลี่ทำมือตอบตกลงเป็นรูปโอเคแล้วมุ่งหน้าตรงไปหาซุนเหล่ยทันที เขาใช้มือจับกุมบังเหียนแน่น แต่กระโดดขึ้นไปไม่ทันไรก็เห็นได้ชัดว่าซุนเหล่ยเริ่มไม่พอใจที่มีคนแปลกหน้าขึ้นไปอยู่บนหลัง มันเริ่มดมกลิ่นก่อนจะเหวี่ยงร่างตนเองไปมา
แรงกระโดดของม้าตอนที่มันขัดขืนสามารถเหวี่ยงคนตกลงไปได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเจ้าซุนเหล่ยจอมแสบพยศทีไร มันจะดีดตัวขึ้นไปกลางอากาศจากพื้นเกือบสองเมตร และในบางครั้งมันจะยืนสองขาแล้วกรีดร้องออกมา
แบบนี้มันรุนแรงและอันตรายมาก
หนวนหน่วนที่เห็นม้าเป็นครั้งแรกจ้องมองไปโดยรอบก่อนจะมองไปยังพี่สี่ที่อยู่บนหลังของซุนเหล่ย ใบหน้าเรียวเล็กย่นขึ้นด้วยความกังวลใจ เธอรู้สึกประหม่า หัวใจก็พลันเต้นแรงจึงใช้มือจับเสื้อผ้าของพี่ชายไว้แน่น ปากเล็กเม้มลงจนเห็นได้ชัดว่าเธอประหม่ามากกว่ากู้หมิงหลี่ที่กำลังปราบพยศม้าเสียอีก
ฝ่ามือเรียวยาวกดลงบนศีรษะเล็กของเธอ ตามมาด้วยเสียงทุ้ม ๆ ของพี่ใหญ่ที่ดังมาจากด้านบน
“ไม่ต้องห่วง”
หนวนหน่วนพยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง แต่ถึงอย่างนั้นแววตาเจือความกังวลกลับไม่ได้ลดลงเลย เธอได้แต่บ่นพึมพำเพียงเบา ๆ เท่านั้น
กู้อันตะโกนเชียร์อยู่ด้านข้างด้วยแววตาเป็นประกาย ถ้าหากว่าโตกว่านี้ เขาก็อยากปราบพยศม้าตัวนี้เช่นกัน
ไป๋โม่ฮัวเบิกตากว้าง เขาจ้องมองไปยังกู้หมิงหลี่ผู้พยายามปราบพยศม้าอย่างแข็งขัน แทบจะอดใจจับพู่กันขึ้นมาวาดภาพตรงหน้าไม่ไหว
ซุนเหล่ยแข็งแรงมาก กู้หมิงหลี่ต้องใช้เวลาปราบพยศอยู่นาน สุดท้ายก็เหนื่อยกันทั้งคู่
ซุนเหล่ยค่อย ๆ สงบลง กู้หมิงหลี่ก็เช่นกัน เด็กหนุ่มเหงื่อไหลท่วมใบหน้า ขาและแขนสั่นเทาเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยืนหยัดอย่างมั่นคง นัยน์ตาที่ดำมืดปลาบประกายขึ้นมา
มันให้ความรู้สึกเหมือนออกกำลังกายหนัก ๆ เหมือนตอนที่เขาได้ขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรก มันทั้งน่าตื่นเต้น เลือดลมสูบฉีดพลุ่งพล่านดั่งเพลิงร้อนลุกไหม้
และเขาก็ชอบความรู้สึกนั้น
ในที่สุดเขาก็เอาชนะมันได้สักที
กู้หมิงหลี่กำลังหอบเหนื่อย เหงื่อที่เปียกชุ่มเสื้อยืดทั้งด้านหน้าและหลังแสดงให้เห็นว่าเขาเหนื่อยเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นก็สนุกมากเช่นกัน
ทันใดนั้นเขาก็ร่วงลงจากหลังของซุนเหล่ย จนกู้หมิงอวี๋และไป๋โม่ฮัวเกือบรับเขาไว้ไม่ทัน
ซุนเหล่ยยังคงหอบเหนื่อย มันไม่ได้เดินหนีหลังจากที่กู้หมิงหลี่ลงไป แต่กลับเอนศีรษะไปถูไถที่แขนของเขาเพื่อแสดงความยอมรับ
ม้าเป็นสัตว์ที่แข็งแรงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งม้าที่ดุร้ายและเย่อหยิ่งแบบนี้ มันจะคิดดีด้วยก็ต่อเมื่อเป็นบุคคลที่สามารถทำให้มันเชื่องได้
“นายเก่งมาก!”
ไป๋โม่ฮัวชื่นชมกู้หมิงหลี่ด้วยความตื่นเต้น โดยปกติแล้วเขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในสตูดิโอเพื่อวาดภาพทิวทัศน์ต่าง ๆ แต่ ณ ตอนนี้ ภาพตรงหน้าราวกับว่าเขาได้เปิดโลกอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและสีของอารมณ์ที่เข้มมากขึ้น
กู้หมิงหลี่วางแขนข้างหนึ่งลงบนไหล่ของกู้หมิงอวี๋ ส่วนอีกข้างพาดไปที่ไป๋โม่ฮัว และเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยกยิ้มขึ้นอย่างมั่นใจ
“ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?”
เขาตบลงบนไหล่ของไป๋โม่ฮัว “ต้องกินให้มันเยอะหน่อยจะได้โต ๆ แบบนี้ ฉันหิ้วปีกนายได้สบาย ๆ เลย”
ไป๋โม่ฮัว “…”
เขารีบย่อตัวลงแล้วเดินหนีออกไปทันที ใบหน้าสวยใสของเขาพองขึ้นเล็กน้อย แรงที่เหยียบย่ำลงบนพื้นหญ้าบ่งบอกได้ดีว่าเขาอยากจะเหยียบคนตรงหน้าให้จมดินมากแค่ไหน
กู้หมิงหลี่หัวเราะก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหญ้า
หนวนหน่วนถูกกู้หนานอุ้มลงจากหลังม้า เด็กหญิงตัวน้อยเดินวนเวียนอยู่ข้างกายกู้หมิงหลี่ราวกับเป็นผึ้งน้อยแสนขยัน มือเล็กหยิก ๆ จิ้ม ๆ ไปมาตามตัวพี่ชายเบา ๆ
“พี่สี่หิวน้ำหรือเปล่าคะ พี่สี่ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ…..”
น้ำเสียงออดอ้อนอันแสนนุ่มนวลราวกับขี้ผึ้งดังเสนาะอยู่ในหูของกู้หมิงหลี่ เด็กหนุ่มพอใจเป็นอย่างมาก เขาดึงสาวน้อยแสนวุ่นวายเข้ามาใกล้ก่อนจะบีบจับใบหน้าเล็กอันอวบอิ่มของน้องสาวทั้งสองข้าง
“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่จะพักสักหน่อย”
มือเรียวนั้นออกแรงไม่มากนัก ถึงแม้ว่าเขาจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงแต่เขาก็ไม่ได้ออกแรงกับคนตัวเล็ก ราวกับเขาแค่สะกิดเธอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น