ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 10 น้องสาวฉันเพิ่งกลับมา วันนี้เลยต้องอยู่กับเธอ
บทที่ 10 น้องสาวฉันเพิ่งกลับมา วันนี้เลยต้องอยู่กับเธอ
หนวนหน่วนวิ่งไปหาผู้เฒ่ากู้ด้วยขาสั้น ๆ ของตนเองแล้วปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ข้าง ๆ แต่ไม่ทันได้ออกแรง ชายชราก็ช้อนมือเข้าที่รักแร้หลานสาวอย่างร่าเริงแล้ววางเธอลงบนเก้าอี้เสร็จสรรพ
หนวนหน่วน “…”
อันที่จริงแล้วเธอนั่งเองได้ แต่ผู้ใหญ่ดูจะชอบอุ้มเธอนั่งกันจังเลย
มื้อนี้เป็นมื้อกลางวันที่หรูหราอีกเช่นเคย อาหารแตกต่างจากเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง ทุกจานดูน่ารับประทานมาก
หนวนหน่วนแกว่งเท้าไปมาในอากาศ ดวงตาเปล่งปลั่งระยิบระยับราวกับดวงดาว เด็กน้อยหยีตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์ ยิ่งขับเน้นให้เด็กน้อยดูมีความสุขเข้าไปใหญ่
บนโต๊ะอาหาร สายตาของเกือบจะทุกคนจับจ้องมาที่เธอ ราวกับว่ามองเธอแล้วจะทำให้อาหารรสชาติดียิ่งขึ้น
หนวนหน่วนสวมกระโปรงตัวเล็กเรียบร้อย ดูบอบบางน่าทะนุถนอมและน่ารัก แม้จะยังผอมบางและดูน่าสงสาร แต่รอยยิ้มของเธอก็ช่วยเยียวยาจิตใจทุกคนได้ราวกับเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ
อาอี๋กู้บอกว่าอยากมีลูกสาว แต่ด้วยกิจการของตระกูลจึงจำเป็นต้องมีลูกชาย
เมื่อนึกได้แบบนี้ เธอก็เม้มริมฝีปาก ตัดสินใจไม่พูดถึงมันอีก ลูกชายทั้งสองคนทำให้เธอแทบเจียนตาย เกือบจะต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
“หนวนหน่วนกินเนื้อเยอะ ๆ นะ”
พวกผู้ใหญ่เริ่มคีบอาหารส่งให้หนวนหน่วนอย่างใจดี แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเนื้อสัตว์
เพียงชั่วพริบตา จานตรงหน้าเธอก็เต็มไปด้วยอาหาร
หนวนหน่วน “…ถ้าหนวนหน่วนกินไม่หมดจะทำยังไง QAQ”
แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลกู้ แต่บรรดาญาติเหล่านี้กลับทำให้เธอรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย ดังนั้น หนวนหน่วนตัวน้อยจึงไม่ประหม่าที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมา
กู้หลินโม่ยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้าหนวนหน่วนกินไม่หมดเดี๋ยวพ่อกินให้เอง”
คุณหญิงกู้ยกยิ้มเช่นกัน “แม่ก็กินให้ได้นะ”
ผู้เฒ่ากู้ลูบหัวหนวนหน่วนอย่างมีความสุข “ปู่ไม่รังเกียจที่จะกินของเหลือจากหลานสาวหรอกนะ”
หนวนหน่วนหน้าแดงทันที เธอทำแก้มป่องพร้อมทั้งให้กำลังใจตัวเอง
ต้องกินเยอะ ๆ จะได้อ้วน!
กู้อันรู้สึกโกรธมากจนกินข้าวไม่ลง เขาหันไปบ่นอุบอิบกับกู้หมิงหลี่ “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมฉันรู้สึกเหมือนพ่อกับปู่ของกลายเป็นคนละคน!”
กู้หมิงหลี่พูดขึ้นลอย ๆ ด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “เป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในครอบครัวหรือเปล่าล่ะ นายนิสัยอบอุ่น มีเหตุผล อ่อนหวานเหมือนเธอไหม ก็ไม่”
กู้อัน “…”
เขามีที่ไหนนิสัยนุ่มนิ่มแบบนั้น
คำพูดของกู้หมิงหลี่เต็มไปด้วยการเสียดสี “นายมีดีอะไรถึงคาดหวังว่าอากู๋กับปู่จะมองนายต่างจากขี้”
กู้อัน “…”
เขากำหมัดแน่น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ทำไมพี่สี่ทำตัวน่าโดนต่อยขนาดนี้?
มื้ออาหารมื้อนี้อีกฟากของโต๊ะเต็มไปด้วยความคุกรุ่น กลิ่นดินปืนลอยคลุ้งหอมหวน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หนวนหน่วนก็ออกไปบอกลาต้าหวงกับเหม่ยฉิวอย่างลังเลใจก่อนจะขึ้นรถหรู คุณหญิงกู้นั่งอยู่ทางซ้ายมือ อาอี๋อยู่ทางขวา พี่สี่อยู่ข้างหน้า ส่วนพี่ชายคนเล็กหนีไปนั่งอยู่หลังรถอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ไม่รู้ทำไมกู้อันถึงยืนกรานว่าจะตามมาด้วย
“ไปห้างก็ใช้บัตรอาอี๋ได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
อาอี๋กู้หยิบการ์ดออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนจะยัดใส่มือหนวนหน่วน
คุณหญิงกู้ชะงัก “ได้ยังไงกัน หนวนหน่วนเป็นลูกสาวฉันนะ จะใช้ของเธอได้ยังไง ยังไงพ่อหนวนหน่วนก็เป็นคนหาเงินอยู่แล้ว ไม่ได้ขัดสนอะไรเลย”
“ของพวกเธอก็คือส่วนของพวกเธอสิ แต่ในฐานะป้า ฉันยินดีที่จะซื้อของให้หนวนหน่วนเหมือนกัน”
ผู้หญิงสองคนเถียงกัน ไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ความสง่าบนใบหน้าของตนแต่อย่างใด
“คุณแม่ อาอี๋ อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ…”
หนวนหน่วนยุ่งอยู่กับการเกลี้ยกล่อมทั้งคู่อยู่พักหนึ่ง
กู้หมิงหลี่ที่นั่งอยู่ด้านหน้ากำลังนอนดูละครอย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่ สองคนนี้มักจะทำตัวสนิทชิดเชื้อราวกับเป็นพี่สาวน้องสาวเสมอ ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะเกือบทะเลาะกันเพราะเด็กคนเดียว
แต่เขาบอกเลยว่าเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างหนวนหน่วนจะกลายเป็น ‘สาวสวย’ ได้แน่นอน…
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะซื้อเสื้อกับกระโปรงให้หนวนหน่วน”
“งั้นฉันจะซื้อรองเท้ากับเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้หนวนหน่วนล่ะกัน”
ในที่สุดทั้งสองคนก็บรรลุข้อตกลงร่วมกัน
น้ำเสียงเรียบ ๆ ของกู้หมิงหลี่ที่ดังขึ้น “แม่ครับ ในเมื่อแม่อดใจใช้เงินแทบไม่ไหว แม่ไม่สนใจให้เงินค่าขนมผมบ้างเหรอ”
อาอี๋กู้จ้องตาเขม็งมาทางเขา “ขืนให้แก มีหวังแกโดดเรียนเอาเงินไปเล่นเกมอีก ไม่ก็คงไปต่อยตีกับชาวบ้าน ผลาญเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ ทำไมถึงเรียนแย่ก็ไม่รู้!”
กู้หมิงหลี่ยกนิ้วปัดจมูกตนเองอย่างเขินอาย “แล้วผมไม่ใช่ลูกแม่เหรอ ทำไมทำกับผมแบบนี้”
อาอี๋กู้กอดอก เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ถ้าอยากได้ค่าขนมเพิ่มก็ต้องสอบให้ได้ท็อปห้าของห้องก่อน”
“ผมน่ะ คนที่ห้านับจากล่างต่างหาก…”
กู้หมิงหลี่ทำหน้าปวดใจ ส่วนคุณหญิงกู้หัวเราะชอบใจที่อาอี๋แกล้งลูกชายของเธอได้สำเร็จ
“ก็เพราะแกได้ที่ห้าจากปลายแถวน่ะสิ ดูสิว่าแม่ใจกว้างแค่ไหนที่ปล่อยผ่านเรื่องนี้มาตลอด ฮ่าฮ่า!”
เธอยอมแพ้กับเรื่องนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะการบังคับให้ลูกชายของเธอเรียนหนังสือก็เหมือนกับการออกรบ ทั้งที่มียีนของตระกูลกู้แท้ ๆ ทำไมจึงเรียนไม่เก่งกันนะ?
หนวนหน่วนเอนกายอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของคุณหญิงกู้ แอบหัวเราะคิกคักกับภาพตรงหน้า
และด้วยความที่หนวนหน่วนไม่เคยเห็นตึกสูงและความเจริญของเมือง เมื่อมองจากในรถเธอจึงรู้สึกตื่นเต้นจนถึงกับอ้าปากค้าง
“ใหญ่จังเลย…”
หนวนหน่วนคิดว่ามันไม่เพียงแค่กว้างใหญ่เท่านั้น แต่ยังสว่างไสวอีกด้วย เธอรู้สึกเวียนหัวจนต้องคว้ามือคุณหญิงกู้ไว้แน่นก่อนจะเดินตามราวกับเป็นลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด ไม่อย่างนั้นเธออาจหลงทางได้
“ไปเถอะ พาหนวนหน่วนไปดูแลผิวก่อน”
คุณหญิงกู้และอาอี๋เข้าไปในร้านเสริมสวยระดับไฮเอนด์พร้อมกับหนวนหน่วนอย่างเร่งรีบ ที่นี่มีบริการดูแลเด็กเป็นพิเศษเพราะส่วนผสมทุกชนิดทำจากธรรมชาติ อ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายต่อผิวเด็กหรือก่อให้เกิดการระคายเคืองและผลข้างเคียงใด ๆ
สองคนนี้เป็นแขกวีไอพีของที่นี่อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเธอจึงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
“พี่สี่ เรามาทำอะไรที่นี่”
กู้อันได้แต่จ้องมองไปที่ผู้หญิงสามคนด้วยแววตาเย็นชืด ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มถูกทิ้งไว้ที่ห้องรับแขก
“พักผ่อน”
หลังจากพูดจบ กู้หมิงหลี่ก็เอนกายลงบนโซฟานุ่มแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะเริ่มส่งข้อความถึงเพื่อนในกลุ่ม
[หลี่: เล่นกันกี่คน]
[ฮ่าว: อ้าวพี่ มาแล้วเหรอ ไม่ได้เข้ามาเล่นนานมากคิดว่าเป็นอะไรไปซะแล้ว]
[ฟ่าง: จริง หายไปหลายครั้งแล้ว พี่หลี่มาลงแรงค์กันถอะ (ส่งรูปภาพ)]
[หลี่: พอดีมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย น้องสาวฉันเพิ่งกลับมา วันนี้เลยต้องอยู่กับเธอ]
[ฮ่าว: ไอ้บ้า!]
[ฟ่าง: เดี๋ยว ๆ! น้องสาวที่ไหน]
กู้หมิงหลี่ขมวดคิ้ว มองไปในกลุ่มแชทที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอแล้วยกยิ้มมุมปากขึ้น
กู้อันเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขาได้แต่สงสัยว่าทำไมคนตรงหน้าถึงยิ้มเยาะเช่นนั้น?