ฉันถูกรับเลี้ยงโดยกลุ่มอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด! - ตอนที่ 4 เงาทั้งสอง
ออกไปจากป่างั้นหรอ?
ฉันเอียงหัวด้วยความสงสัย หางของฉันโค้งเป็นรูปคำถาม
“พี่หมายถึง, Ellie อยากไปอยู่กับพี่ไหม?”
ฉันที่ได้ยินที่พี่ Flora พูดก็นิ่งเงียบไป
ฉันกับเธอพึ่งรู้จักกันไม่ไม่นานแท้ๆ ทำไมเธอถึงชวนฉันไปอยู่กับเธอกันนะ?
ถึงเธอจะมีท่าทางที่อ่อนโยนและฉันก็ไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายของเธอเลยก็ตาม อีกอย่างเธอยังตั้งชื่อให้กับฉันด้วยก็เถอะแต่ว่า.. มันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
พี่ Flora ที่เห็นว่าฉันนิ่งเงียบไปและทำท่าทางกระอักกระอ่วนเธอก็พูดขึ้นมา
“ถ้างั้นไปอยู่แค่สักระยะไหม? ถ้าเธอไม่ชอบจริงๆ เธอก็กลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม”
“ถ้าหากเธอไปอยู่กับพี่, เธอจะมีเนื้อให้กินทุกๆ วันแถมเนื้อพวกนั้นยังอร่อยกว่าเนื้อหมูป่าเป็นสิบเท่าเลย”
“อือออ..”
เธอพยายามล่อลวงฉันด้วยอาหารด้วยคำพูดเปรียบเทียบกับเนื้อหมูป่าที่ฉันพึ่งกินไป
เนื้อที่อร่อยกว่าหมูป่าที่ฉันพึ่งกินไปงั้นหรอ?
มันจะมีอยู่จริงๆ งั้นหรอ?
สำหรับฉันแล้วเนื้อหมูป่ามันอร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมาแล้ว
มีเนื้อที่อร่อยกว่าเนื้อหมูป่าอีกงั้นหรอ?
“พี่จะเอาขนมและของหวานที่อร่อยที่สุดให้ Ellie กินด้วยนะ”
“ถะ.. ถ้างั้นแค่วันสองสามวัน..”
“อื้ม! แค่ Ellie มาไม่กี่วันพี่สาวก็พอใจแล้ว!”
Flora แสดงท่าทางดีใจก่อนที่เธอจะดึงฉันไปกอด
ฉันได้แต่ยอมจำนนและปล่อยให้เธอกอดฉันด้วยสีหน้าเหยเก
ที่ฉันตกลงไปอยู่กับเธอไม่ใช่เพราะว่าฉันเห็นแก่ของกินจริงๆ นะ..
หลังจากที่ตกลงกันแล้วว่า ฉันจะออกจากป่าไปอยู่กับเธอสักระยะหนึ่ง
ท้องฟ้าก็มืดลงพอดี ท่ามกลางความมืดที่ห้อมล้อมพวกเรามีเพียงแสงสว่างจากกองไฟเท่านั้น
“พะ.. พี่ Flora จะนอนข้างในก็ได้นะ”
ฉันเดินกุมมือด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนไปหาพี่ Flora ที่ตอนนี้กำลังถอดชุดเกราะของเธอออกเหลือเพียงชุดสีดำแนบเนื้อที่เธอสวมใส่อยู่, ฉันมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ฉันจะชี้นิ้วไปที่พักของฉัน
ฉันไม่เคยมีคนมาอยู่ด้วยมาก่อนก็เลยไม่รู้จะทำตัวยังไงดีกับเธอ
แต่ว่า ในเมื่อเธอดีกับฉันมากๆ แบ่งเนื้อหมูป่าและยังคอยพูดคุยเล่นกับฉันด้วย
มันทำให้ฉันมีความสุขมากๆ แต่ว่าฉันกลับไม่รู้จะตอบแทนอะไรให้เธอดี
ถ้างั้นอย่างน้อยก็ให้ที่นอนดีๆ ให้เธอนอนดีกว่า..
“หื้อ? ให้พี่นอนข้างในคนเดียวหรอ?”
Flora หันไปมองข้างในที่พักที่ทำจากกิ่งไม้
ที่พักนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก มันกว้างพอที่จะให้คนเดียวนอนเท่านั้น
แต่คนเดียวที่ว่านั่นมันสำหรับผู้ใหญ่ ถ้าหากเป็นเธอกับ Ellie
ยังไงพื้นที่ก็เพียงพอไม่ใช่หรอ?
“เธอไม่นอนกับพี่หรอ?”
“ทะ..ที่มันแคบไปน่ะค่ะ..”
ด้วยความตกใจกับสิ่งที่พี่ Flora พูดออกมามือของฉันที่อยู่ไม่สุข ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเสนอให้นอนด้วยกัน! มันน่ากระอักกระอ่วนจะตาย!
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่!”
Flora ตอบกลับฉันก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาฉันและอุ้มฉันขึ้น
‘เอ๊ะ..’
ฉันตัวแข็งมองไปหน้าของเธอขณะที่เธอสอดแขนเข้ามาข้างใต้รักแร้ฉันและยกฉันขึ้น
สมองของฉันยังประมวลผลไม่ทันเสร็จ พวกเราสองคนก็เข้ามาอยู่ในที่พักแล้ว
เธอวางฉันลงและจัดท่าทางนอนของฉันก่อนที่เธอจะล้มตัวลงนอนข้างๆ ฉัน
“เห็นไหม? พวกเราก็นอนด้วยกันได้ไม่ใช่หรอ?”
เธอพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มในขณะที่ฉันยังมึนงงกับสถานการณ์อยู่
ฉันพยักหน้าตอบรับไปแบบมึนๆ
เธอยิ้มโชว์ฟันก่อนที่เธอจะดึงฉันเข้าไปกอดและลูบหัวฉันเบาๆ
‘เอ๊ะ.. เอ๊ะ.. เอ๊ะ..’
ในหัวของฉันมีแต่คำว่า ‘เอ๊ะ’ หลายครั้งกับสถานการณ์ตอนนี้
ฉันไม่ชินกับการถูกลูบหัวในตอนที่โดนกอดอยู่เลยสักนิดและพยายามดันเธอออกไปอยู่พักหนึ่งแต่ว่าไม่นานฉันก็รู้สึกง่วงนอนและตาของฉันก็ปิดลง
ทำไมฉันถึงหลับง่ายขึ้นได้ขนาดนี้กันนะ..
[มุมมอง Flora]
ฉันมองเด็กน้อยที่ตอนนี้ตาของเธอปิดสนิทแล้ว หางของเธอที่ส่ายไปมาจากการถูกลูบหัวตอนนี้เองก็หยุดเคลื่อนไหวเรียบร้อย
‘ดูเหมือนเธอจะหลับไปแล้ว’
หลังจากที่ฉันเห็นว่า Ellie หลับไปแล้วฉันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นโดยที่พยายามขยับตัวให้เบาที่สุดและเดินออกไปจากที่พัก
ไม่นานฉันก็เห็นร่างเงาสองคนเดินเข้ามา, ฉันจำร่างทั้งสองนั้นได้
ฉันโบกมือแสดงสัญญาณว่าฉันอยู่ตรงนี้
ร่างเงาทั้งสองก็เดินเข้ามาหาฉัน ซึ่งก็คือ พี่ชายของฉัน ‘Vincent’ ส่วนอีกคนก็คือ เพื่อนสมัยเด็กของฉัน ‘Eleanora’
“รู้ไหมว่าตอนที่พี่กลับมาเพื่อหาเธอแล้วไม่เห็นเธอน่ะ มันรู้สึกยังไง”
พี่ชายของฉัน Vincent เดินเข้ามาหาฉันด้วยสีหน้านิ่งเรียบตรงข้ามกับเพื่อนของฉัน
“Floraaaa~”
Eleanora วิ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับกระโดดกอดฉันแน่น
“เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน? ฉันนึกว่าเธอจะตายไปแล้วซะอีก! ตอนที่ฉันตามพี่ชายของเธอมาแล้วไม่เห็นร่างของเธอ ฉันนึกว่าเธอถูกพวกคนเถื่อนจับตัวไปแล้วซะอีก!”
“ระ.. รู้แล้วน่า..”
ฉันดันหน้าของ Eleanora ที่ตอนนี้กำลังคลอเคลียกับแก้มฉันไม่หยุดด้วยสีหน้าเหยเก
“ว่าแต่.. ฉันก็ไม่นึกว่าพี่จะรอจน Ellie นอนซะอีก”
ฉันหันไปพูดกับพี่ของฉันและไม่สนใจ Eleanora เพราะว่าฉันรู้สึกได้ว่ามีใครกำลังมองมาที่ฉันกับ Ellie ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
ในตอนแรกฉันก็นึกว่า เป็นสายตาของพวกคนเถื่อนแต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงจิตสังหารเลยรับรู้ได้ว่าไม่ใช่พวกคนเถื่อน
แต่ด้วยนิสัยของพี่ชายของฉัน เขามีนิสัยที่ใจร้อนและนิ่งเงียบ ตรงไปตรงมาแบบนี้ฉันก็ไม่นึกว่าเขาจะรอจน Ellie นอนก่อนถึงโผล่ตัวออกมา
Eleanora เองที่เห็นฉันพูดถึง Ellie เธอก็พูดขึ้นมา
“ว่าแต่เด็กคนนั้น.. ทำไมเด็กคนนั้นถึงมาอยู่กับเธอได้เนี่ย”
Eleanora มองไปที่ที่พักที่ตอนนี้ Ellie กำลังนอนอยู่
“เรื่องมันยาวน่ะ..”
ฉันค่อยๆ อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้กับทั้งสองคนก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“ถ้าไม่ใช่เพราะ Ellie, ฉันคงตายจากการเสียเลือดไม่ก็ถูกจับตัวไปแล้ว”
ฉันพูดออกมาก่อนที่จะค่อยๆ เดินไปยังที่พัก
Eleanora ที่เดินตามฉันที่กำลังเดินไปหา Ellie, เธอก็พูดขึ้นมา
“ต้องขอบคุณ Ellie เลยนะ, ไม่งั้นพวกเราคงไม่ได้เจอหน้าเธออีกครั้งแน่ๆ”
“Ellie เป็นเด็กที่เก่งมาก, ฉันไม่อยากคิดเลยว่าเธอเอาชีวิตรอดในป่าลึกแบบนี้ด้วยตัวเองได้ยังไงเลย”
ฉันพูดกับ Eleanora ก่อนที่จะลูบหัวของ Ellie
Ellie ที่กำลังหลับลึกอยู่ เธอเงยหน้าตอบรับสัมผัส
ทำให้ Flora และ Eleanora สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดทั้งสองคนมองหน้ากันและหัวเราะคิกคักเบาๆ ก่อนที่ Eleanora จะยกคฑาของเธอขึ้นมา
เธอสวดพึมพำอยู่นานก่อนที่ปลายคฑาของเธอจะส่องประกายแสงสีฟ้าออกมาและครอบคลุมพื้นที่บริเวณรอบๆ
“ฉันร่ายเวทย์ปกป้องให้เรียบร้อย”
ฉันมองไปที่ Eleanora และพยักหน้าตอบรับ
Eleanora เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน พวกเราเข้ามาอยู่ในหน่วยรบเดียวกันเมื่อสามปีก่อนตอนที่ยังเป็นเพียงอัศวินฝึกหัดก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายไปตามทางของตัวพวกเราเอง
Eleanora มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ที่น่าเหลือเชื่อมาก เธอเชี่ยวชาญเวทมนตร์เพลิงมากที่สุดซึ่งมีพลังทำลายสูงทำให้เธอสามารถเลื่อนระดับของตัวเองไปยังจอมเวทย์ระดับสูงได้ในเวลาเพียงสองปี
ฉันเองก็ไม่ยอมแพ้เธอ ฉันฝึกหนักมากจนเพื่อที่ตามเธอทันและสามารถร่วมรบด้วยตำแหน่งที่เทียบเท่ากันได้ถึงแม้จะไม่ได้อยู่หน่วยเดียวกันก็ตาม
“แต่การที่หน่วยของเธอที่เป็นถึงหน่วยรบชั้นแนวหน้าถึงกับต้องหนีแปลว่าพวกคนเถื่อนพาพรรคพวกที่แข็งแกร่งมางั้นหรอ?”
Eleanora เอ่ยถามฉันด้วยความสงสัย
หน่วยรบของฉัน ถ้าหากพูดกันตามตรงแล้วก็คือแนวหน้าของกองกำลังที่ฉันสังกัดอยู่เลยก็ว่าได้
กองกำลังที่ฉันสังกัดอยู่มีชื่อว่า กองกำลังอัศวินแห่งชีวิต [The Order of Life]
กองกำลังอัศวินแห่งชีวิตนั้นเป็นกองกำลังที่ขึ้นตรงกับโบสถ์แห่งชีวิต ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ
กองกำลังที่ฉันสังกัดอยู่นั้นเรียกว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้ทว่ากองกำลังที่ว่านั้นเองก็ถูกแบ่งแยกออกไปเป็นหลายส่วน
ถึงฉันจะบอกว่าตัวเองสังกัดอยู่ในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่ว่านั่นก็ตามแต่ฉันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในบรรดาหน่วยรบแยกย่อยนับสิบเท่านั้น
“ใช่.. พวกนั้น.. ฉันเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้า Trukruz จะมาร่วมสนามรบนี้”
Trukruz เป็นคนเถื่อนที่เป็นคนดูแลเผ่าถึงสามเผ่าพันธุ์ของกลุ่มคนเถื่อน
Trukruz นั้นเป็นคนเถื่อนที่แข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะมีฉันสิบคนก็สู้ไม่ได้และไม่ใช่เพียงแค่พละกำลังเท่านั้น มันสมองของ Trukruz เองก็ไม่ใช่เล่น มันเป็นคนเถื่อนที่เชี่ยวชาญด้านการวางแผนลอบโจมตีแบบกองโจรมากๆ
“Trukruz งั้นหรอ..? โชคดีที่หน่วยรบของเธอยังรอดมาได้นะ..”
“ฉันไม่เข้าใจไอ้เจ้าขุนนางหมูตอนจริงๆ ทำไมเขาถึงส่งหน่วยรบของเธอโดยที่ไม่มีกำลังเสริมมาที่นี่กันนะ!”
Eleanora พูดออกมาด้วยความอารมณ์เสียพร้อมกับขยุ้มผมของเธอจนยุ่งเหยิง
“นั่นเป็นเพราะว่า ตระกูลของพวกเราขัดแข้งขัดขากันหรือง่ายๆ ก็คือเป็นศัตรูกัน”
“เขาเข้าข้างฝ่ายองค์ชายที่หนึ่งและจงใจที่จะตัดพวกเราออกไป”
Vincent พูดแทรกขึ้นมา
“ราชวงค์? มาเลือกฝ่ายในระหว่างสงครามเนี่ยนะ!?”
Eleanora พูดออกมาเสียงดัง
ฉันที่ได้ยินดังนั้นรีบยกนิ้วชี้มาที่ปากและส่งเสียงให้เธอเงียบลง
“ขอโทษที.. ฉันอารมณ์เสียไปหน่อย”
Eleanora พูดขอโทษออกมาก่อนที่เธอจะหันไปหา Vincent
“ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้นล่ะ?”
“เพราะว่า.. หน่วยรบของพวกเราขึ้นตรงกับองค์ชายที่สามซึ่งทรงมีอำนาจควบคุมหน่วยรบที่สามตามข้อตกลงของกองกำลังแห่งชีวิตที่จะดึงหน่วยรบของเราเข้าไปบริหารและจัดการ”
“ถ้าหากหน่วยรบของเราปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จและยังสูญเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจนอกจากชื่อเสียงขององค์ชายที่สามจะหม่นหมองแล้วยังเป็นการกำจัดศัตรูทางการเมืองไปด้วย”
“ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไงล่ะ”
Vincent พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“แม้ว่า ถ้าหากเราแพ้สงครามนี้จักรวรรดิจะเสียพื้นที่เมืองไปหลายเมืองเนี่ยนะ?”
Eleanora ขมวดคิ้วของเธอและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
Vincent ไม่ได้ตอบกลับ Eleanora
บรรยากาศตอนนี้หนักอึ้งมากนั่นทำให้ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อคุย
“พี่.. Eleanora.. ฉันวางแผนจะพา Ellie กลับไปด้วย”
“ก็เอาสิ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ทั้งคู่ตอบรับทันควันก่อนที่ Eleanora จะถอนหายใจออกมาและเดินมานั่งลงข้างๆ Ellie
“แต่ว่าเด็กคนนี้.. มีหูกับหาง.. เป็นคนจากเกทสินะ”
“ใช่.. ฉันถามเธอแล้ว เธอเองก็ไม่มีความทรงจำอื่นๆ นอกจากโตมาที่ป่านี้ด้วย”
“เพราะแบบนั้นเธอเลยจะพาเด็กคนนี้ไปด้วยสินะ”
“ถ้างั้นฉันกับพี่ของเธอจะกลับไปก่อน.. พวกเราจะรอเธอที่หน้าป่าทางตะวันตกนะ”
“ได้.. เดี๋ยวพอเช้าแล้วฉันกับ Ellie จะออกเดินทางทันที”
ฉันกับ Eleanora พูดคุยตกลงกันก่อนที่พวกเราสามคนจะแยกกันไป
Eleanora โบกมือลาฉัน ส่วนฉันเองก็โบกมือลาเธอ
เมื่อเห็นแผ่นหลังของทั้งสองคนจากไปแล้ว ฉันก็เดินกลับมาที่พักก่อนที่จะล้มตัวลงนอน