จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 467 ยาสลบในสุรา 2
บทที่ 467 ยาสลบในสุรา 2
ทุกคนเดินไปตามทางดินที่มีดอกไม้และต้นหญ้าเขียวขจีขึ้นอยู่เต็มสองฝั่ง อากาศสดชื่นบริสุทธิ์ นี่ไม่เหมือนการผจญภัยเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เหมือนการเดินทางมาท่องเที่ยวเสียมากกว่า
แต่ถึงพวกเขาจะมีลักษณะผ่อนคลายอย่างไร ความจริงก็ยังระมัดระวังตัวอยู่ไม่คลาย นี่คือสถานที่แปลกประหลาด และไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะต้องพบเจออันตรายอะไรบ้าง
กลุ่มคนทั้งหมดเดินไปตามทาง จนกระทั่งมาพบเจอกับคฤหาสน์หลังหนึ่ง
ทุกคนยืนจ้องมองคฤหาสน์ด้วยความตกตะลึง
แอ๊ด!
ทันใดนั้น ประตูทองคำของคฤหาสน์ก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างเชื่องช้า มีม่านหมอกสีขาวลอยออกมาจากหลังบานประตู ก่อนที่เงาร่างของหญิงสาวหลายนางจะเดินอ้อนแอ้นออกมาพร้อมกับกลุ่มหมอกขาวนั้น
สายลมโชยพัดแผ่วเบา หมอกขาวฟุ้งกระจาย เผยให้เห็นหญิงสาวโฉมงามยี่สิบกว่าคนยืนเรียงรายเข้าแถวรอต้อนรับผู้มาเยือน ความงดงามของพวกเธอมีมากพอที่จะปลุกตัณหาของบุรุษเพศได้อย่างง่ายดาย
“นายท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ!”
สุ้มเสียงสำเนียงการพูดจาของหญิงสาวเหล่านี้ ฟังดูรื่นหูราวกับเสียงบรรเลงดนตรีก็ไม่ปาน
เมื่อถึงตอนนี้ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาแล้ว
ชายหนุ่มต้องรีบโคจรพลังลมปราณขับไล่ความปรารถนาให้หมดไป หลังจากนั้น เขาก็สำรวจมองผู้ร่วมคณะเดินทางทีละคน และก็ได้เห็นว่าทั้งมนุษย์และสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ ต่างก็มีสีหน้าเลื่อนลอยกันไปหมดแล้ว
“พวกเธอเป็นใครกันเนี่ย?” หวงไห่ยืนอยู่หน้าสุด สีหน้าแปลกประหลาดพิกล ดวงตาแวววาว กลืนน้ำลายลงคอตลอดเวลา
คนอื่น ๆ ก็มีสภาพไม่ได้ดีไปกว่าหวงไห่สักเท่าไหร่
ฉู่ชวิ๋นไม่อยากจะเชื่อสายตา แม้แต่ผู้มีพลังขั้นเซียนก็ต้านทานความปรารถนาจากหญิงสาวเหล่านี้ไม่ได้งั้นเหรอ
“พวกเราเป็นบ่าวรับใช้นายท่านเจ้าคะ พวกเรารอคอยให้นายท่านกลับบ้านมานานแล้ว” หนึ่งในกลุ่มหญิงสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ความสวยงามของใบหน้าเธอ สามารถทำให้ผู้คนลุ่มหลงจนเสียสติได้ไม่ยาก
หญิงสาวกลุ่มนี้ หากว่าด้วยเรื่องรูปลักษณ์หน้าตาของพวกเธอแล้ว ก็กล่าวได้ว่าจัดเป็นหญิงงามล่มเมืองได้ไม่ผิด
หญิงสาวทั้งยี่สิบกว่าคนยืนเรียงแถวกัน ยิ่งขับเน้นความสวยงามให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น
“นายท่าน เชิญเข้าข้างในก่อนดีกว่านะเจ้าคะ!”
หญิงสาวทั้งกลุ่มค้อมตัวลง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“แต่เราไม่ใช่นายท่านของพวกเธอ” ค่งหลี่ฉุนยังคงมีสติอยู่บ้าง
“นายท่านไม่ต้องการพวกเราแล้วหรือเจ้าคะ?” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร
“ใครจะไม่ต้องการเธอได้ลงคอ” หวงไห่รีบเดินเข้าไปสวมกอดหญิงสาวคนนั้นทันที
“ข้าคิดว่านายท่านไม่ต้องการพวกเราแล้วเสียอีก” หญิงสาวอีกสองคนโผเข้าสู่อ้อมอกของหวงไห่ และนำพามนุษย์พังพอนหายเข้าไปหลังบานประตูในคฤหาสน์
“พี่หวง” ค่งหลี่ฉุนตะโกนเรียกสุดเสียง
แต่หวงไห่กลายเป็นเหมือนคนหูหนวกตาบอด เดินหายลับเข้าไปในม่านหมอกขาวภายในคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว
“เราเข้าไปสำรวจข้างในกันบ้างดีกว่า” หลิวจิวหยวนแกล้งทำเป็นพูดด้วยน้ำเสียงแข็งขัน แต่ดวงตาลุกวาวด้วยไฟแห่งราคะ ชายชราเดินออกไปข้างหน้า มีหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนข้างละคน
“ใช่ พวกเราเข้าไปสำรวจดูข้างในกันดีกว่า” เฮยจงพูดพร้อมกับก้าวเดินออกไปข้างหน้า
หลางมู่และสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์คนที่เหลือ ต่างก็พร้อมใจกันเดินหายเข้าไปด้านในคฤหาสน์
ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปากเล็กน้อย สองเท้าก้าวเดินออกไปด้วยความอยากรู้ว่าคฤหาสน์หลังนี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่นะ?
เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าสู่ด้านในคฤหาสน์ เขาก็รู้แล้วว่าที่นี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ภายในคฤหาสน์มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่า ปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีขาวลอยละล่อง ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็จะเห็นแต่หญิงงามเดินไปเดินมาเต็มไปหมด
ระหว่างทางจะมีผ้าสีเขียวขึงกั้นฉากไว้บาง ๆ แต่ที่แปลกประหลาดสุดก็คือบริเวณตรงกลางคฤหาสน์ตั้งไว้ด้วยอ่างน้ำขนาดใหญ่ และหมอกควันสีขาวที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ก็ลอยขึ้นมาจากอ่างน้ำนี้เอง
ฉู่ชวิ๋นพบว่าแม้แต่โต๊ะและเก้าอี้ในคฤหาสน์หลังนี้ล้วนทำมาจากหยกขาวทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าคฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยความหรูหราตระการตาที่แท้จริง
ในขณะนี้ หวงไห่แทบไม่ได้สติแล้ว มนุษย์พังพอนนอนอยู่บนเตียงหลังฉากกั้น รอบกายรายล้อมด้วยสาวงามถึงสี่คน คอยนวดแขนนวดขา นำผลไม้วิเศษและเครื่องดื่มมาป้อนใส่ปากอยู่ไม่ห่าง เครื่องดื่มที่หญิงสาวเหล่านี้นำมาให้ดื่มเป็นระยะ คือสุราปรุงรสน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ รสชาติกลมกล่อมเป็นอย่างยิ่ง
หลิวจิวหยวนอยู่ในสภาพเกินอธิบาย ดื่มสุราปรุงรสไม่หยุดปาก
ฉู่ชวิ๋นกวาดสายตามองหาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์คนอื่น ๆ แล้วเขาก็พบว่าทุกคนมีสภาพไม่ต่างไปจากหวงไห่กับหลิวจิวหยวนเลยแม้แต่น้อย
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับมามองหาพวกเกาโม่หาน แต่ก็พบว่ากลุ่มชายชราก็กำลังถูกลากตัวเข้าไปหลังฉากกั้นเช่นกัน
“นายท่านเจ้าคะ มากับข้าน้อยดีกว่านะเจ้าคะ” หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบข้างหูฉู่ชวิ๋น ทำให้เขารู้สึกจั๊กจี๋ไม่น้อย
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ พยักหน้า มือโอบเอวสาวงาม
“นายท่านเจ้าคะ เชิญดื่ม”
ฉู่ชวิ๋นรับแก้วสุรามาถือ ในแก้วเป็นน้ำสีอำพัน มีประกายสีทองระยิบระยับ ซ้ำยังมีกลิ่นหอมสดชื่น เขากระดกดื่มโดยไม่ลังเล
“เธอเรียกฉันว่านายท่าน แต่ฉันยังไม่รู้ชื่อของเธอเลยนะ?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“นายท่านลืมแล้วหรือเจ้าคะ? ข้าน้อยมีนามว่าจื่อหยวน ส่วนนางมีนามว่าหลานหยิง”
“พวกเธอเป็นพี่น้องกันใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง
“นายท่านจำได้แล้วหรือเจ้าคะ? หลังจากไม่เจอกันนับพันปี แต่นายท่านก็ยังจำพวกเราได้แล้ว” จื่อหยวนยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข ทำให้ใบหน้าของเธองดงามมากยิ่งขึ้น
ฉู่ชวิ๋นยังคงยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร หลานหยิงกับจื่อหยวนเป็นชื่อของนกวิเศษในตำนาน ส่วนมากมักจะนำมาตั้งชื่อให้กับคู่พี่น้องกันอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกพิสดารอะไรที่เขาจะคาดเดาไม่ได้
“นายท่านคงจะเหน็ดเหนื่อย ให้พวกเราช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้านะเจ้าคะ” จื่อหยวนขยับเข้ามาหา จับฉู่ชวิ๋นนอนตัก และเริ่มต้นนวดขมับให้เขาอย่างอ่อนโยน
หลานหยิงรับหน้าที่นวดสองขาของเขา ไม่หนักไม่เบา การลงน้ำหนักมืออยู่ในเกณฑ์ที่กำลังพอดี
“ในเมื่อพวกเธอเป็นบ่าวรับใช้ของฉัน ฉันจะทำอะไรกับพวกเธอก็ได้ใช่ไหม?” อยู่ดี ๆ ฉู่ชวิ๋นก็ถามขึ้นมาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
จื่อหยวนกับหลานหยิงที่กำลังนวดชายหนุ่มอยู่หยุดมือกะทันหัน ก่อนที่จะนวดต่อไปตามเดิมอย่างรวดเร็ว
“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ เราจะทำตามทุกอย่างที่นายท่านต้องการ” หลานหยิงพูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ปิดลง
จื่อหยวนกับหลานหยิงหันมองหน้ากัน ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
ฉู่ชวิ๋นลองปล่อยคลื่นจิตวิญญาณออกไปสำรวจรอบบริเวณ แต่คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่โตมากเกินไป เขาไม่สามารถตรวจจับได้เลยว่าทุกอย่างที่พบเจออยู่ในตอนนี้ เป็นของจริงหรือว่าภาพลวงตากันแน่?
ฉู่ชวิ๋นหลับตาลงก็จริง แต่สมองของเขายังทำงานเต็มที่
“พวกเธอยังมีหัวหน้าอยู่อีกคนใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“นายท่านเจ้าคะ พักผ่อนดีกว่าเจ้าค่ะ อย่าพูดอะไรอีกเลย” จื่อหยวนกล่าว
ฉู่ชวิ๋นลุกพรวดขึ้นมานั่ง
“นายท่านจะไปไหนหรือเจ้าคะ?” จื่อหยวนถามออกมาเสียงแผ่วเบา
“ไม่ต้องตามฉันมาหรอก” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปทางเตียงของเกาโม่หาน
“สบายไหมครับ พี่เกา?” ฉู่ชวิ๋นถามพร้อมกับยิ้มกว้าง มองเกาโม่หานนอนเหยียดแขนเหยียดขา ดวงตาเหม่อลอย
“น้องฉู่ คุณจะกลับออกไปจากแดนสวรรค์นี้แล้วหรือ?” เกาโม่หานหรี่ตาลง ใบหน้าแดงระเรื่อผิดปกติ
ฉู่ชวิ๋นดวงตาเป็นประกายแวววาว เกาโม่หานถึงกับเรียกเขาว่าน้องฉู่ และเรียกที่นี่ว่าเป็นแดนสวรรค์ไปแล้ว
“พี่จะกลับไปพร้อมผมไหมล่ะครับ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“ฉันขออยู่เป็นนายท่านที่นี่ตลอดไปดีกว่า คุณจะกลับก็กลับไปคนเดียวแล้วกัน” หลังจากพูดจบ เกาโม่หานก็เริ่มกอดรัดหญิงงามในอ้อมแขน ไม่สนใจฉู่ชวิ๋นอีกเลย
ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว เดินตรงไปที่เตียงของเกอจ้าน
“สบายไหมครับ พี่เกอ?”
เกอจ้านมีแววตาขุ่นมัว ใบหน้าแดงก่ำ คล้ายกับว่าดื่มสุรามากเกินไป เขาจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่พอใจ
“ที่แท้ก็เป็นน้องฉู่นี่เอง ทำไมไม่อยู่ที่เตียงของตัวเอง มายุ่งกับฉันทำไม?” น้ำเสียงของเกอจ้านแข็งกระด้างไม่น่าฟัง
ฉู่ชวิ๋นทำหน้าแปลกใจ หมุนตัวเดินตรงไปที่เตียงของเตียวซิงอี้
ผลก็คือ ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปไม่ทันจะได้พูดอะไร เตียวซิงอี้ก็โบกไม้โบกมือไล่ไม่รับแขก ชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือก นอกจากเดินกลับมา
ฉู่ชวิ๋นนึกถึงค่งหลี่ฉุนขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้มนุษย์นกยูงดูเหมือนจะมีสติมากที่สุดกว่าใครเพื่อน
“เจ้ามนุษย์ มายุ่งย่ามอะไรในเขตแดนของนกยูงปีศาจ ไสหัวไปเดี๋ยวนี้” ค่งหลี่ฉุนมีดวงตาแดงก่ำ แผ่พลังลมปราณออกมาจากร่างกายอย่างรุนแรง
ฉู่ชวิ๋นเดินย้อนกลับมาทางเดิม และพบว่าพวกหลิวจิวหยวนหลับใหลกันไปหมดแล้ว
ชายหนุ่มกลับมาที่เตียงของตนเอง ถลึงตาจ้องมองจื่อหยวน แล้วถามว่า
“เธอเป็นตัวจริงหรือภาพลวงตากันแน่?”
จื่อหยวนมีสีหน้าตื่นตกใจ พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “นายท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?”
“สงสัยนายท่านคงไปจากที่นี่นานเกินไป เมื่อกลับมาถึงคงรู้สึกแปลกที่แปลกทาง ข้าน้อยว่าดื่มสุราสงบสติอารมณ์อีกสักหน่อยดีไหมเจ้าคะ หลังจากนั้น เราค่อยพูดคุยกันต่อ” หลานหยิงยื่นแก้วสุราให้เขาอย่างนอบน้อม
ฉู่ชวิ๋นรับแก้วมากระดกดื่มทันที
“ทำไมถึงได้รู้สึกเวียนหัวแบบนี้นะ?” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเหมือนคนตรงหน้าเป็นเพียงแค่ภาพพร่าเลือน มีสติเหมือนฝันเหมือนไม่ฝัน และเกิดภาพหลอนเห็นหญิงงามมารายล้อมรอบกายจำนวนนับไม่ถ้วน
“สงสัยนายท่านจะดื่มหนักเกินไปแล้ว พักผ่อนก่อนดีกว่านะเจ้าคะ” จื่อหยวนประคองให้ชายหนุ่มนอนลงด้วยความห่วงใย
ฉู่ชวิ๋นเอนตัวลงและหลับใหลไปโดยเร็ว
จื่อหยวนกับหลานหยิงหันมองหน้ากัน หลานหยิงลองตรวจสอบลมหายใจของฉู่ชวิ๋น และลงความเห็นว่าฉู่ชวิ๋นหลับไปแล้วจริง ๆ
“บุรุษคนนี้ช่างแปลกนัก ทำไมเขาถึงไม่หลงกลเหมือนคนอื่น” จื่อหยวนมองหน้าชายหนุ่มที่หลับใหลด้วยความพิศวง
“หรือว่าเขาจะเป็นพวกที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ?” หลานหยิงพึมพำออกมา
“น้ำยาในสุราพี่ใหญ่ปรุงขึ้นมาเอง ตราบใดที่ยังเป็นบุรุษเพศ ไม่มีทางที่จะใช้ไม่ได้ผล แต่คนผู้นี้แปลกประหลาดมากเกินไป ข้าคิดว่าพวกเราควรไปสอบถามพี่ใหญ่ดีกว่า” จื่อหยวนว่า
หลานหยิงพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ได้ งั้นเรารีบไปหาพี่ใหญ่กันเถอะ”
ทั้งสองสาวจ้องมองฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง ก่อนที่จะปิดผ้าม่านและเดินจากไป
แว่วเสียงฝีเท้าห่างออกไปเรื่อย ๆ แต่ฉู่ชวิ๋นก็ยังคงนอนหลับฝันหวานอยู่ดังเดิม เขาถึงกับกรนออกมาเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นเอง ผ้าม่านก็เปิดออก จื่อหยวนกับหลานหยิงกลับมาอีกครั้งอย่างกะทันหัน
ทั้งสองสาวจ้องมองฉู่ชวิ๋นอย่างระมัดระวัง
“พี่หลานระแวงเกินไปแล้ว ยาสลบนี้พี่ใหญ่ก็เป็นคนปรุงด้วยตัวเอง ไม่มีทางที่จะใช้ไม่ได้ผล ถ้าเราไม่ปลุก เขาไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้เด็ดขาด” จื่อหยวนพูด
“ดูเหมือนข้าจะคิดมากเกินไปจริง ๆ ข้ารู้สึกตลอดเวลาว่าคนคนนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล”
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ!”
แล้วหญิงสาวทั้งสองคนก็เดินออกไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเธอเดินออกไปแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ลืมตาขึ้นมา ริมฝีปากของเขาบิดตัวเป็นรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย