จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 465 มังกรไฟ 2
บทที่ 465 มังกรไฟ 2
แต่สองมือของฉู่ชวิ๋นเกาะเกี่ยวเขาของมังกรไฟไว้อย่างแนบแน่น ชายหนุ่มคำรามในลำคอในขณะที่ตัวโยกสะบัดไปมา เมื่อรู้ตัวอีกที ร่างกายที่มีความยาวมากกว่าสิบเมตรของมังกรไฟก็กำลังจะกลิ้งลงมาทับตัวเขาแล้ว
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นบิดเขามังกรไฟอย่างแรง ทันใดนั้น ตัวของมังกรไฟก็หมุนตามการบิดของเขา คลื่นลาวาแตกกระจาย สะเก็ดลาวาสาดกระเซ็นลอยขึ้นสูงหลายเมตรในอากาศ
“อย่าคิดว่าตัวใหญ่แล้วจะได้เปรียบนะ” เมื่อฉู่ชวิ๋นพูดจบ เขาก็บิดเขามังกรด้วยความรุนแรงมากขึ้น มังกรไฟส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างของมันพุ่งตรงเข้ากระแทกก้อนหินใหญ่เสียงดังโครมคราม และก้อนหินเหล่านั้นก็แตกสลายไปทันที
ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวกระโดดลงมา จับหางมังกรไฟด้วยสองมือ หลังจากนั้นเขาก็จับมันเหวี่ยงฟาดเข้ากับผนังหินอีกครั้ง
มังกรไฟร้องคำราม ดวงตาที่เหมือนกับตะเกียงดวงใหญ่เป็นประกายด้วยความหวาดกลัวชัดเจน
ฉู่ชวิ๋นเดินอ้อมไปยืนอยู่ตรงหน้ามัน ก่อนที่จะจับเขาของมังกรไฟหมุนบิดอย่างแรง
กร๊อบ…!
เสียงกระดูกแตกหักดังก้องกังวานไปทั่วถ้ำใต้ดิน
“ยอมแพ้แล้ว ข้าขอยอมแพ้” ในที่สุด เจ้ามังกรไฟก็พูดออกมาอย่างร้องขอความเมตตา
“ฉันนึกว่าแกพูดไม่ได้เสียอีก” สัตว์ประหลาดที่มีพลังขั้นเซียนเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีสติปัญญาฉลาดเฉลียวอยู่แล้ว เขาก็คิดแล้วว่าแปลก ๆ
“เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใดกัน?” มังกรไฟจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความพิศวง
ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว มังกรไฟถึงกับเรียกขานเขาว่าเป็นสัตว์ประหลาดเลยหรือนี่
มังกรไฟจ้องมองฉู่ชวิ๋น ก่อนที่จะกระโดดกลับลงไปในทะเลสาบลาวา และโผล่หัวขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัย
“เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์หน่อยไม่ได้หรือไง?” ฉู่ชวิ๋นถาม การที่ต้องเงยหน้าคุยกับฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกอึดอัดชอบกล
“สัตว์วิเศษอย่างพวกข้าสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วยหรือ?” มังกรไฟอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
ฉู่ชวิ๋นถึงกับตกตะลึง มังกรไฟตัวนี้อาศัยอยู่ในถ้ำใต้ดินแห่งนี้มานานแค่ไหนแล้ว? ดูเหมือนว่าคงนานเกินกว่าที่จะมีผลไม้แปลงร่างปรากฏขึ้นมาบนโลกนี้สินะ
“ลองดูเจ้าพวกนั้นสิ” ฉู่ชวิ๋นชี้มือไปยังพวกของหวงไห่ที่อยู่ในค่ายอาคม แล้วพูดว่า “นั่นน่ะเป็นพวกสัตว์ร้ายทั้งฝูงเลย”
มังกรไฟจ้องมองชายหนุ่มอยู่นานสองนาน ก่อนที่จะส่ายศรีษะ “เป็นไปไม่ได้ สัตว์ร้ายจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ที่มีพลังยุทธ์ได้อย่างไร?”
“นี่นายไม่ได้ออกไปโลกภายนอกมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าโดนจับตัวมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก และข้ามีชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้เพื่อคอยปกป้องดอกบัวลาวา” เมื่อมังกรไฟพูดถึงประโยคนี้ มันก็แสดงความฉุนเฉียวออกมาเล็กน้อย “ความจริง ถ้าดอกบัวลาวาบานสะพรั่งเมื่อไหร่ ข้าก็จะได้ออกไปจากที่นี่ แต่เจ้าก็ทำลายมันเสียหายหมดแล้ว”
“คอยปกป้องดอกบัวลาวา? ปกป้องให้ใคร?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความสงสัย
“ก็ปกป้องให้นายท่านน่ะสิ เขาเป็นมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งมาก แล้วก็เก่งกาจมากกว่าเจ้าด้วย” มังกรไฟตอบ
ฉู่ชวิ๋นทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจ มังกรไฟตัวนี้ยังคงโกรธเคืองเขาอยู่ จึงไม่ลืมที่จะใช้คำพูดเหน็บแนมเขา
“แต่ถ้ำนี้ไม่มีคนอยู่มานานแล้วนะ” ฉู่ชวิ๋นพูด
“เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปไม่ได้อะไร? พวกเราเดินเข้ามาตั้งหลายคน ถ้ามีคนอยู่จริง ๆ ก็ต้องปรากฏตัวออกมาแล้ว” ฉู่ชวิ๋นว่า
“นายท่านของข้าอาจจะทำอะไรอยู่ก็ได้ เขาชอบออกเดินทาง นี่ก็ออกไปได้หลายปีแล้ว เจ้าแอบเข้ามาในถ้ำของเขาและทำลายดอกบัวลาวา เมื่อเขากลับมา นายท่านต้องฆ่าเจ้าแน่นอน เจ้าจงรอรับความตายเสียเถอะ!” มังกรไฟพูดด้วยความเหยียดหยาม
“จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจนะ แต่กว่าที่นายท่านของนายจะกลับมา ตอนนั้นนายคงถูกฉันจับย่างไฟกินไปแล้วละ” ฉู่ชวิ๋นจ้องมองมังกรไฟด้วยสายตาเย็นชา
มังกรไฟตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เมื่ออยู่ตรงหน้าชายหนุ่มผู้นี้ มันก็กลับกลายเป็นเหมือนลูกสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น
“ฟังให้ดี ฉันจะบอกอะไรให้” ฉู่ชวิ๋นกล่าว “ตอนนี้โลกภายนอกกำลังเกิดความโกลาหล พวกสัตว์วิเศษและสัตว์ร้ายตื่นขึ้นมาจากการจำศีลจำนวนมาก ถ้ำแห่งนี้ถูกทิ้งร้างนานเกินไปแล้ว ไม่แน่นายท่านของนายอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ที่โลกภายนอกมีผลไม้แปลงร่างที่ช่วยให้สัตว์ร้ายเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ ไม่ว่าใครกินเข้าไป ก็จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ทั้งสิ้น”
มังกรไฟเบิกตาโต ไม่รู้เลยว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
“ที่ฉันพูดไป แกเข้าใจไหมเนี่ย?” ฉู่ชวิ๋นถามย้ำอีกครั้ง
มังกรไฟส่ายหน้า “ข้าไม่เข้าใจเลย”
ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว มังกรไฟตัวนี้อาจจะถูกจับมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด ในเมื่อไม่มีใครเคยสอนอะไรมันเลย มันจึงกลายเป็นตัวโง่งมตัวหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้น ตามฉันออกไปสิ ฉันจะพาแกไปกินผลไม้แปลงร่าง แกจะได้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ คอยต่อสู้กับพวกวายร้ายเคียงบ่าเคียงไหล่ฉัน ฟังดูเข้าท่าดีไหม?”
“ไม่ได้” มังกรไฟส่ายหน้าตอบกลับทันที “ข้าต้องอยู่ต้อนรับนายท่านเวลาที่นายท่านกลับมา ไม่งั้นเขาได้ฆ่าข้าแน่”
“เหอะ พูดเป็นเล่น?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ “ถ้าแกติดตามฉัน จะไม่มีใครกล้าฆ่าแกแน่นอน”
“เจ้าเนี่ยนะ?” มังกรไฟหรี่ตามองฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่อยากเชื่อ “อย่างเจ้าแค่นายท่านดีดนิ้ว เจ้าก็ตายแล้ว”
พลัน ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที ก็จะมีใครทนทานการโดนดูถูกแบบนี้ได้บ้างเล่า?
“ตกลงจะตามฉันไปไหม?”
“ไม่ไป”
“งั้นก็ดี ในเมื่อไม่อยากตามฉันไป ฉันก็มีแต่ต้องฆ่าแกเท่านั้น” ฉู่ชวิ๋นแผ่พลังลมปราณออกจากร่าง
มังกรไฟตัวสั่นเทาด้วยความขวัญผวา หัวขนาดใหญ่ยักษ์ของมันจมหายลงไปใต้ทะเลสาบอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ กระโดดตามลงไปในทะเลสาบลาวา และดำน้ำลงไปเกาะหัวของมังกรไฟ
ผลั่ก!
มังกรไฟร้องโหยหวนเมื่อถูกกำปั้นต่อยเข้าใส่ใต้ผิวลาวา
ผลั่ก…!
ฉู่ชวิ๋นปล่อยหมัดรัว ๆ หลายสิบหมัด แทบจะทำให้มังกรไฟหมดสติ
“ไม่เอาแล้ว ๆ ข้ายอมติดตามเจ้าก็ได้” มังกรยักษ์ร้องขอความเมตตา
เปรี้ยง!
พลังลมปราณสีม่วงห่อหุ้มกำปั้นของฉู่ชวิ๋น แล้วมังกรไฟก็ถูกหมัดสุดท้ายของเขาซัดใส่จนจมหายลงไปก้นทะเลสาบ
“ก็บอกว่าข้ายอมติดตามเจ้าแล้วไงล่ะ” มังกรไฟเริ่มเดือดดาลขึ้นมาแล้ว
“บอกตอนไหน? ฉันไม่เห็นได้ยิน” ฉู่ชวิ๋นปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง
“ข้ายอมติดตามเจ้าแล้ว!!!” มังกรไฟคำรามเสียงดังลั่น
ฉู่ชวิ๋นลดกำปั้นลงและพูดว่า “แบบนี้ค่อยได้ยินหน่อย ถ้าไม่โดนลงไม้ลงมือแกก็คงไม่ยอมพูดใช่ไหม น่าขายหน้าจริง ๆ”
มังกรไฟรู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจ อยากจะกลืนกินฉู่ชวิ๋นลงท้องของมันนัก
“ฉันกลับออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ แกก็ตามมาด้วยแล้วกัน” ฉู่ชวิ๋นสั่ง
มังกรไฟพยักหน้า
“เล่าเรื่องของที่นี่ให้ฉันฟังหน่อย”
“ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
ฉู่ชวิ๋นกำมือเป็นหมัดอีกครั้ง
มังกรไฟรีบอธิบายว่า “ข้าไม่รู้จริง ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยค่ายอาคม ทำให้ข้าไม่กล้าออกไปนอกถ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าน่าเบื่อหน่าย นอกจากมีฝีมือด้านการต่อสู้แล้ว มังกรไฟตัวนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกเลย
“แล้วแกพอจะรู้ไหมว่าที่นี่มีดอกซานเซิงอยู่หรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยน้ำเสียงมีความหวัง เพราะนี่คือเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเขา
“มีสิ” มังกรไฟพยักหน้า
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันที หัวใจของเขาเต้นแรง ต้องรีบสงบจิตใจลงทันที “ไหนบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรไง?”
“แต่เรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้าง” มังกรไฟตอบ “แต่ถ้าเจ้ามาเพื่อจะเก็บดอกซานเซิง ข้าขอแนะนำให้เจ้าเลิกเพ้อฝันเสียดีกว่า”
“ทำไมล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว
“ดอกซานเซิงมีกิเลนไฟคอยเฝ้าอารักขา มันก็ถูกจับมาที่นี่พร้อมกับข้า ข้ามีหน้าที่เฝ้าบัวลาวา ส่วนมันมีหน้าที่เฝ้าดอกซานเซิง ข้ารู้เรื่องนี้เพราะว่านายท่านเคยเผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว”
ถ้างั้นก็มีดอกซานเซิงอยู่ที่นี่จริง ๆ น่ะสิ? ฉู่ชวิ๋นหัวใจเต้นรัวแรงอีกครั้ง ไม่สำคัญอีกแล้วว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับใครบ้าง แต่เขาจะต้องแย่งชิงดอกซานเซิงมาให้ได้
“แกกับกิเลนไฟตัวนั้นมีชะตากรรมเหมือนกัน ลองพูดคุยกันดูหน่อยไม่ได้หรือ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“อย่าแม้แต่จะคิดเลยดีกว่า นั่นมันกิเลนไฟนะ ถือเป็นสัตว์วิเศษระดับสูง เกิดมาก็มีพลังขั้นจักรพรรดิแล้ว ข้าไม่มีคุณสมบัติคู่ควรไปพูดคุยกับมันหรอก” มังกรไฟพูดเสียงเศร้า
ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไรอีก เมื่อมองหน้าอยู่นานสองนานก็แน่ใจแล้วว่ามังกรไฟไม่ได้โกหก เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็คงมีทางเลือกแค่เพียงทางเดียว คือต้องเข้าไปแย่งชิงดอกซานเซิงมาด้วยตัวเองเท่านั้น
“แกลงไปซ่อนตัวใต้ทะเลสาบก่อน ฉันเดินกลับมาเมื่อไหร่ ค่อยปรากฏตัวออกมา” ฉู่ชวิ๋นว่า
มังกรไฟไม่เข้าใจเลยว่าฉู่ชวิ๋นจะสั่งมันทำไม แต่มันก็พยักหน้า
“ว่าแต่ว่า เจ้ามีนามว่าอะไร?” มังกรไฟถาม
“ฉันฉู่ชวิ๋น”
……
……
ในม่านพลังขับไล่วิญญาณ พวกเกาโม่หานทยอยได้สติกลับคืนมาทีละคน เงาดำที่เกาะติดร่างพวกเขาอยู่ถูกขับไล่หายออกไปแล้ว
“ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกับว่า กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้นเลยล่ะ?” เกาโม่หานพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
ความจริงแล้ว การขับไล่วิญญาณออกจากร่างกาย คือสิ่งที่ทำให้สูญเสียพลังงานอย่างหนักหน่วง พวกเขาไม่ควรรู้สึกสบายตัวเช่นนี้เลย
“ฉันก็เหมือนกัน” เกอจ้านพูด
เตียวซิงอี้พยักหน้า รู้สึกเช่นเดียวกัน
“ลองถามสหายน้อยหลุนหุยดูดีกว่า” เกาโม่หานกล่าว
“ว่าแต่สหายน้อยหลุนหุยหายไปไหนแล้วนะ?”
ชายชราทั้งสามคนพบว่าบุรุษหนุ่มหายตัวไปแล้ว
“ดูนั่นสิ” เกอจ้านอุทานออกมาพร้อมกับชี้มือไปทางทะเลสาบลาวา
เกาโม่หานกับเตียวซิงอี้หันมองตามนิ้วมือ แล้วก็ต้องยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง
ฉู่ชวิ๋นโผล่ขึ้นมาจากก้นทะเลสาบลาวา สีหน้าคล้ายกับกำลังขบคิดเรื่องราวบางอย่างอยู่ในใจ ชายหนุ่มไม่ได้รีบร้อนกลับเข้าฝั่ง แต่ลอยคออยู่ในทะเลสาบลาวาอย่างเรื่อยเปื่อย เหมือนกำลังอยู่ในสระน้ำอย่างไรอย่างนั้น
“สหายน้อยหลุนหุย” เกาโม่หานตะโกนเรียก
ม่านพลังขับไล่วิญญาณร้ายมีอานุภาพป้องกันเสียงเล็ดลอด เสียงตะโกนของชายชราฉู่ชวิ๋นจึงไม่ได้ยิน แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เมื่อชายหนุ่มหันหน้ามองกลับมา ก็พบว่าชายชราทั้งสามคนกำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด
ฉู่ชวิ๋นรีบกลับขึ้นฝั่ง และสลายม่านพลังลงไป
“เงาดำพวกนั้นออกไปหมดแล้วใช่ไหมครับ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
ชายชราทั้งสามยังไม่ตอบคำใด ด้วยว่ายังไม่หายตกตะลึง
“สหายน้อยหลุนหุย นี่มัน…” เกาโม่หานมองทะเลสาบลาวา แล้วก็หันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น
“อยู่เฉย ๆ ไม่มีอะไรทำ ผมก็เลยลงไปเล่นน้ำฆ่าเวลาน่ะ” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แร่ธาตุในลาวาช่วยบำรุงร่างกายดีนะครับ พวกพี่อยากลองดูบ้างไหม?”
ชายชราทั้งสามคนรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ลาวามีอุณหภูมิร้อนสูงมากเกินไป ถ้าพวกเขากระโดดลงไป มีหวังร่างกายคงละลายไม่เหลือชิ้นดี
แต่ชายหนุ่มกลับพูดว่าลงไปเล่นน้ำฆ่าเวลา กลุ่มชายชราอดตกตะลึงไม่ได้แล้วจริง ๆ
“ร่างกายของสหายน้อยหลุนหุย ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก” เกาโม่หานอุทานด้วยความเหลือเชื่อ
“อย่าเรียกว่าแข็งแกร่งเลยครับ เรียกว่าไร้เทียมทานดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง มั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายตัวเองเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองตั้งแต่อดีตหรือปัจจุบัน คงมีไม่กี่คนหรอกกระมังที่ได้เปลี่ยนโครงกระดูกมังกร และได้อาบเลือดมังกรโบราณเหมือนเขาคนนี้
พวกเกาโม่หานหันมองหน้ากัน ในแววตาปรากฏความหวาดหวั่นขึ้นมาช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่ใช่ระยะสั้น ๆ แต่พวกเขาก็ได้ค้นพบความสามารถใหม่ ๆ ของหลุนหุยตลอดเวลา เกรงว่าตอนที่ชายหนุ่มสู้กับพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ระดับเซียนแบบสามรุมหนึ่ง ตอนนั้นเขาคงยังไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาเลยด้วยซ้ำ
ถ้างั้นแล้วบุรุษหนุ่มผู้นี้จริง ๆ แล้วมีความแข็งแกร่งระดับไหนกันแน่?