จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 452 ปะทะกับผู้มีพลังระดับเซียน
บทที่ 452 ปะทะกับผู้มีพลังระดับเซียน
พวกของช้างเผือกปีนขึ้นไปถึงยอดเขา ก็พบว่าคนของเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจชักดาบออกมารอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว
“หมาป่าปีศาจ ที่นี่มีทำเลน่าสนใจ ข้าจะนับหนึ่งถึงสามให้พวกเจ้าหนีไป ไม่อย่างนั้นจะโดนฆ่าอย่างไร้ความปราณี” สิงโตทองคำพูดด้วยความเกรี้ยวกราด
“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?” หมาป่าปีศาจในร่างมนุษย์ตัวนี้ มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 รังสีสังหารแผ่ออกมาจากร่างกาย ดวงตาเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่ที่มีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจมีผู้มีพลังขั้นเซียนฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ไม่เคยมีผู้ใดกล้ามีปัญหากับพวกมันอีกเลย
“พูดจาไร้สาระอยู่ได้ เดี๋ยวก็ได้ตายสมใจหรอก!”
จิ่วโยวกระโดดขึ้นมาถึงยอดเขาพร้อมกับกระบองช่อหนามที่อยู่ในมือ เด็กหญิงควงกระบอง พลังลมปราณสีทองคำพุ่งออกมาทันที
“นึกว่าใคร? ที่แท้ก็องค์หญิงจิ่วโยวนี่เอง” หมาป่าปีศาจผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 จำจิ่วโยวได้แล้ว “ไม่มีจอมมารฉู่ชวิ๋นคอยช่วยเหลือ เจ้าถึงกับกล้าดีเดินทางมายังภูเขาหลู่ซาน นับว่ารนหาที่ตายโดยแท้”
“แค่จะฆ่าแกสักคน ฉันต้องให้คนอื่นคอยช่วยเหลือด้วยหรือไง?” จิ่วโยวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“หากเจ้าไม่มีจอมมารฉู่ชวิ๋นคอยช่วยเหลือสักคน เจ้าไม่อยู่รอดมาได้นานขนาดนี้หรอก” หมาป่าปีศาจขั้นจักรพรรดิระดับ 9 หัวเราะเยาะ
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายปะทะคารมกันไปมา บนยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พังพอนปีศาจหลายตัวรีบยกขบวนมายืนดูเหตุการณ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“องค์หญิงจิ่วโยวกำลังมีเรื่องกับพวกหมาป่าปีศาจ” พังพอนตัวหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนึกสนุก
“เราเข้าไปช่วยพวกหมาป่าดีไหม?” พังพอนอีกตัวหนึ่งถามออกมา
“ช่วยทำไมล่ะ ถึงตอนนี้พวกมันจะเป็นพันธมิตรกับพวกเราชั่วคราวก็จริง แต่ความจริงพวกมันไม่เคยเห็นเผ่าพันธุ์ของเราอยู่ในสายตาเลยสักนิด ให้พวกมันสู้กันไปนั่นแหละ ส่วนพวกเราก็นั่งดูด้วยความสนุกสนานดีกว่า”
“ถูกต้อง เราเป็นแค่ผู้ชมก็พอแล้ว”
บรรดาพังพอนปีศาจส่งเสียงเห็นพ้องเป็นหนึ่งเดียว
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามก็ดังกังวานมาตั้งแต่ไกล พลังลมปราณพวยพุ่งเข้ามา ทำให้ผู้คนตัวสั่นเทาหายใจไม่สะดวก
นี่มันพลังขั้นเซียน
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ เลือดในกายก็เย็นเฉียบไปด้วยความหวาดกลัว
“ใครกันที่ฆ่าคนของข้า?”
หวงไห่คำรามเสียงดังกึกก้องท้องฟ้า เสียงของมันทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
กลุ่มพังพอนปีศาจที่นั่งรับชมเหตุการณ์อยู่ไกลๆ ถึงกับเบิกตาโตทำอะไรไม่ถูก นี่มันเสียงผู้อาวุโสลำดับที่ 6 ของพวกมันนี่นา
ทั้งจิ่วโยวและหมาป่าปีศาจต่างก็ตัวสั่นเทา ผู้มีพลังขั้นเซียนแม้แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกาย ก็สามารถสร้างความอึดอัดให้แก่ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว ซ้ำยังทำให้พลังวิญญาณลดหาย โดยที่ไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่นิดเดียว
คนของเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจก็สับสนเช่นกัน ผู้อาวุโสขั้นเซียนของพวกพังพอนปีศาจมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
พวกจิ่วโยวไม่รู้จักหวงไห่ จึงเข้าใจว่าเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนของพวกหมาป่าปีศาจ ทุกคนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมา เหมือนกับมีภูเขาทั้งลูกทับอยู่บนศีรษะ สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปแล้ว
ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปากเล็กน้อย ผู้มีพลังขั้นเซียน ฉันรอแกอยู่นานแล้ว
วูบ!
วินาทีต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็หายตัวไปจากพื้นที่นั้น เขาเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว กระโดดมายืนขวางหน้าหวงไห่
หวงไห่เมื่อพบว่ามีผู้คนกล้ามายืนขวางหน้า จึงรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ต้องยกมือขึ้นมา ซัดพลังลมปราณใส่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย พลังขั้นเซียนน่ากลัวมาก เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถปลิดชีวิตผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ได้อย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มจึงสั่งงานด้วยจิตวิญญาณ
วิชาดัชนีสังหาร – กระบวนท่าดัชนีสามอุสรา!
เปรี้ยง!
มวลอากาศระเบิดตัว รังสีสีสันสดใสแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า หมายบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ด้านล่าง
เปรี้ยง!
แรงระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้พื้นดินสะเทือน ผู้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นยืนเซไปเซมา เลือดในกายไหลเวียนช้าลง บางคนที่มีพลังยุทธ์ต่ำต้อยถึงกับกระอักเลือดออกมา
นี่คือการต่อสู้สำหรับผู้มีพลังขั้นเซียนจริงๆ
การโจมตีครั้งนี้รุนแรงอย่างยิ่ง หวงไห่ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย มันมองหน้าฉู่ชวิ๋น แล้วถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”
“ฉันมีนามว่าหลุนหุย เป็นข้ารับใช้ธรรมดาภายใต้การบังคับบัญชาขององค์หญิงจิ่วโยว” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับไปน้ำเสียงราบเรียบ
หวงไห่ทำหน้าไม่อยากเชื่อ มันรู้สึกเหมือนฉู่ชวิ๋นกำลังดูถูกมันอยู่ ราวกับจะบอกว่าแม้แต่ข้ารับใช้ธรรมดาก็ยังสามารถมาสู้กับมันได้
“เจ้ามายืนขวางทางข้า ดูเหมือนเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วสินะ” หวงไห่คำรามด้วยน้ำเสียงอำมหิต
“เก่งจริงก็เข้ามาฆ่าฉันสิ อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ
“ตายซะเถอะ” หวงไห่โคจรพลังลมปราณขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อยกมือขึ้นมา พลังลมปราณก็พวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง พลังลมปราณของมันหมุนตัวรวมกันเป็นเกลียวสว่าน พุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นด้วยความรุนแรงมหาศาล
ฉู่ชวิ๋นเองก็โคจรลมปราณคุ้มกายก่อนที่จะต่อยหมัดออกไป พลังลมปราณสีม่วงพุ่งวาบแวววาวออกจากหมัดของชายหนุ่มเหมือนสายรุ้ง
พลังจากหมัดแรกของชายหนุ่มปะทะเข้ากับพลังลมปราณของหวงไห่ เกิดการระเบิดเหมือนมีคนทิ้งระเบิดปรมาณูขนาดเล็ก เปลวไฟลุกโชนขึ้นบนท้องฟ้า พื้นดินโดนรอบแตกกระจายกว่า 100 เมตร
พลังจากหมัดที่สองพุ่งกระแทกเข้าใส่หวงไห่ด้วยความรุนแรงเหลือคณา
หวงไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วลวดลายประหลาดก็ปรากฏขึ้นรอบดวงตาของมัน ก่อนที่พลังจากหมัดของฉู่ชวิ๋นจะไประเบิดห่างจากกายมันไกลถึงหลายเมตร มันใช้จิตวิญญาณปัดพลังลมปราณของฉู่ชวิ๋น
นับเป็นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่ง
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ เมื่ออีกฝ่ายใช้จิตวิญญาณ เขาก็จะสู้ด้วยจิตวิญญาณบ้าง ชายหนุ่มปล่อยกระแสจิตออกไปเป็นมือยักษ์ที่มองไม่เห็น ตบลงไปที่ตัวของหวงไห่ด้วยความรุนแรง
หวงไห่มีสีหน้าแตกตื่น รีบกระโดดหลบด้วยความรวดเร็ว
เปรี้ยง!
เนินเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยเมตร ถูกมือจิตวิญญาณที่มองไม่เห็นฟาดลงไปพังถล่มทลาย
หวงไห่หันหน้ากลับมาจ้องมองฉู่ชวิ๋น ไม่คิดเลยว่านอกจากเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจของตัวเองแล้ว จะมีคนที่ชำนาญการใช้จิตวิญญาณเช่นนี้อยู่ด้วย
เช้ง!
หวงไห่ชักดาบยาวขนาดสามฟุตออกมาเล่มหนึ่ง ตัวดาบปกคลุมด้วยม่านพลังสีดำ เสริมสร้างความขรึมขลังและทำให้ดูน่ากลัวมากกว่าเดิม
วูบ!
ดาบเล่มนั้นพุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นด้วยความว่องไวสายฟ้าฟาด มวลพลังงานสีดำลากเป็นทางยาวอยู่ด้านหลัง มองไปแล้วเหมือนกับสะเก็ดดาวตกอย่างไรอย่างนั้น
ดาบเล่มนี้ควบคุมด้วยจิตวิญญาณ
ฉู่ชวิ๋นดวงตาเป็นประกาย ดาบเล่มนี้จัดเป็นอาวุธวิเศษที่ใช้จิตวิญญาณควบคุมซึ่งตั้งแต่กลับมาสู่โลกมนุษย์ เขาก็เพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก
ดาบเล่มนี้เคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วปราดเปรียว พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าฉู่ชวิ๋นเรียบร้อยแล้ว
พลังลมปราณสีม่วงพุ่งออกมาจากฝ่ามือของฉู่ชวิ๋น เขายกมือขึ้นซัดพลังใส่ดาบที่พุ่งเข้ามา
เคล้ง!
เสียงโลหะปะทะกัน เปลวไฟกระจัดกระจาย
ดาบทมิฬถูกยิงกระเด็นไปปักใส่ก้อนหินใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายพันกิโลกรัม แล้วก้อนหินก้อนนั้นก็ระเบิดตูมไปทันที
วูบ!
ดาบทมิฬลอยตัวขึ้นมาจากกองเศษหิน มันหมุนตัวกลางอากาศ ก่อนที่จะเร่งความเร็วพุ่งเข้ามาใส่ฉู่ชวิ๋นอย่างไม่ยอมแพ้
ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะ อาวุธของผู้มีพลังขั้นเซียน นับเป็นอาวุธวิเศษที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ดาบทมิฬพุ่งเข้ามาเหมือนประกายแสงอีกครั้ง
พลังลมปราณสีม่วงไหลเวียนออกมาจากฝ่ามือของฉู่ชวิ๋นด้วยความรวดเร็วกว่าเก่า เมื่อซัดพลังใส่ดาบทมิฬ ตัวดาบก็เบี่ยงตัวหลบ พุ่งเฉียดผ่านร่างกายของเขาไปเพียงนิดเดียว
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบของคมดาบที่เฉียดผ่านผิวหนังของเขาไป
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวกลับไป ก่อนที่จะเอื้อมมือจับด้ามดาบเอาไว้
ควับ…!
ฉู่ชวิ๋นเซถอยหลังมาหลายก้าว สองมือคว้าจับด้ามดาบ แรงกดดันที่แผ่ออกมาทำให้พื้นดินแตกร้าว
ดาบทมิฬสั่นไหวอย่างรุนแรง พยายามจะดิ้นให้หลุดจากมือของฉู่ชวิ๋น
พลังลมปราณสีม่วงลอยออกมาจากฝ่ามือของชายหนุ่มอีกครั้ง เช่นเดียวกับเส้นไหมวิญญาณที่ปรากฏขึ้นมาพันธนาการตัวดาบทมิฬเอาไว้
“ไม่รู้จักความตายซะแล้ว” หวงไห่เห็นดังนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ดาบเล่มนี้ผูกพันกับมันด้วยจิตวิญญาณ เป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกาย ตราบใดที่คลื่นจิตวิญญาณยังไม่ถูกสลายไป ก็ไม่มีใครสามารถแย่งชิงดาบเล่มนี้ไปจากมันได้เด็ดขาด
ครืน…!
ดาบทมิฬสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เส้นไหมสีขาวที่ม้วนพันตัวดาบอยู่เริ่มเกิดรอยปริแตกขึ้นมาแล้ว
ฉู่ชวิ๋นปล่อยพลังลมปราณใส่ดาบทมิฬ มวลพลังงานสีดำที่ห่อหุ้มอยู่ พลันกระจายตัวหายไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าน่าจะใช้วิธีนี้ได้ผล ฉู่ชวิ๋นก็ระเบิดพลังลมปราณออกมาจากฝ่ามืออีกครั้ง
มวลพลังงานสีดำที่ห้อมล้อมตัวดาบทมิฬอยู่ เริ่มจางตัวลงมากขึ้นเรื่อยๆ
หวงไห่หัวเราะเยาะด้วยความเย้ยหยัน โคจรจิตวิญญาณเพิ่มเติมเข้าไป แล้วม่านพลังสีดำรอบตัวดาบ ก็กลับมาก่อตัวหนาแน่นขึ้นมากกว่าเก่า
วูบ!
หวงไห่กระโดดลอยตัวเข้ามาหาฉู่ชวิ๋น พร้อมกับระเบิดพลังลมปราณออกมาด้วย
ฉู่ชวิ๋นจึงจำเป็นต้องปล่อยมือออกจากด้ามดาบอย่างช่วยไม่ได้ เขาหมุนตัวหลบแรงระเบิดพลางยิงพลังลมปราณสวนไปสลายพลังของหวงไห่ที่พุ่งเข้ามา
ดาบทมิฬลอยกลับไปวนเวียนอยู่รอบตัวของหวงไห่อีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกอิจฉาขึ้นมาบ้างแล้ว อาวุธวิเศษนี้ ดูเหมือนจะภักดีต่อเจ้านายเหลือเกิน
ถ้าเขาจะแย่งชิงดาบเล่มนี้ คงต้องมีพลังแข็งแกร่งแบบจักรพรรดิอ๋าวฮวงเสียก่อน ถึงจะสลายคลื่นจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงดาบกับตัวเจ้าของได้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกวิธี ถ้าเขาสามารถฆ่าหวงไห่ได้สำเร็จ ดาบเล่มนี้ก็จะไม่มีเจ้าของอีกต่อไป
ดังนั้น ฉู่ชวิ๋นจึงมีแต่ต้องเลือกวิธีที่สองเท่านั้น
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นกระโดดลอยตัวเข้าไปต่อยหมัดใส่หวงไห่ด้วยความรุนแรง
“ตายซะเถอะ”
ดวงตาของหวงไห่เป็นประกายเย็นชา พลังลมปราณแผ่ออกมาจากร่างกาย ระเบิดพลังไปทุกทิศทุกทาง
บรรดาผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องถอยหนีออกไปอีกครั้งและอีกครั้ง เนื่องจากไม่อาจทนรับแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากกายของทั้งสองคนได้เลย
เปรี้ยง!
ฉู่ชวิ๋นกับหวงไห่ปะทะกันอยู่หลายกระบวนท่า มวลพลังระเบิดตัวอย่างรุนแรง ก้อนหินที่ตั้งอยู่ห่างไกลหลายร้อยเมตรระเบิดกระจุยกระจาย
หวงไห่ถูกชกจนล้มลงไปข้างหลัง
ฉู่ชวิ๋นยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าฉู่ชวิ๋นมีพลังเหนือกว่าหวงไห่
แต่หวงไห่ยังคงมีอาวุธวิเศษอยู่ในมือ ในขณะที่ตัวคนล้มลงไปด้านหลัง ดาบทมิฬก็พุ่งส่วนเข้ามา ตรงมาที่ใบหน้าของฉู่ชวิ๋น
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา ไม้เท้าหางมังกรปรากฏขึ้นในมือ เมื่อปรับขนาดให้ยาวประมาณสามฟุต ลมปราณสีทองคำก็พวยพุ่งออกมาจากตัวไม้เท้าแล้ว
ฉู่ชวิ๋นสะบัดไม้เท้าหางมังกรฟาดใส่ดาบทมิฬที่พุ่งเข้ามา
เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย ดาบทมิฬลอยกระเด็นไปจากแรงปะทะ ม่านพลังสีดำที่ห่อหุ้มตัวดาบอยู่จางหายไปจำนวนมาก
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายระยิบระยับ ถ้าเขาครอบครองดาบเล่มนี้ไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ด้วยเช่นกัน
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นขยับออกไปข้างหน้า จ้องมองดาบทมิฬเขม็ง ก่อนที่จะเหวี่ยงไม้เท้าหางมังกรอย่างแรง ฟาดลงไปที่ดาบทมิฬอีกครั้ง
เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย ดาบทมิฬถูกกระแทกหนักหน่วง
ดาบทมิฬสั่นไหวและลอยขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นรู้ดีว่านี่เป็นการควบคุมของหวงไห่
“จะหนีไปไหน”
ฉู่ชวิ๋นคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนที่จะปล่อยเส้นไหมวิญญาณติดตามออกไป
เส้นไหมสีขาวจำนวนหลายพันเส้นเกี่ยวตวัดรัดพันดาบทมิฬที่ลอยอยู่ในอากาศ
ดาบทมิฬสั่นไหวอย่างรุนแรง มวลพลังงานสีดำเปล่งแสงเป็นประกาย หมายจะทำให้เส้นไหมฉีกขาด แต่เส้นไหมวิญญาณมีจำนวนมากมายจนมันไม่สามารถหลุดเป็นอิสระได้
ฉู่ชวิ๋นส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แก่หวงไห่
พลัน ชายหนุ่มก็ตวัดไม้เท้าหางมังกร ฟาดเข้าใส่ดาบทมิฬอีกครั้งและอีกครั้ง
เคล้ง…!
ฉู่ชวิ๋นฟาดไม้เท้าหางมังกรลงไปเหมือนคนงานกำลังตีเหล็กร้อนๆ
ดาบทมิฬอับแสงลงมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็หล่นตุบลงมาบนพื้นดิน มวลพลังงานสีดำหายวับไป เผยให้เห็นถึงตัวดาบทมิฬที่นอนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว
สีหน้าของหวงไห่แปรเปลี่ยนไปทันที จิตวิญญาณที่มันโคจรเพิ่มเติมเข้าไปให้แก่ดาบทมิฬ ไม่อาจต้านทานพลังไม้เท้าหางมังกรในมือของฉู่ชวิ๋นได้เลย
“ตายซะเถอะ”
หวงไห่โถมตัวเข้าหาฉู่ชวิ๋นพร้อมด้วยพลังลมปราณที่อัดแน่น เมื่อซัดพลังออกจากฝ่ามือ เกลียวคลื่นของพลังลมปราณก็พุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นด้วยความดุดัน
ฉู่ชวิ๋นพลันหมุนตัวแล้วอ้าปาก ปล่อยลมปราณสีม่วงพุ่งออกมาเหมือนกับพ่นไฟ
ตู้ม!
ลมปราณสีม่วงที่ยิงเข้าใส่หวงไห่พุ่งทะลุม่านพลังที่ห้อมล้อมรอบกายของมันอยู่ ความรุนแรงของลมปราณไม่ได้ลดน้อยลงเลย
หวงไห่พลันสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ก่อนจะรีบโคจรม่านพลังมาห่อหุ้มร่างกายตนเองอีกครั้งอย่างแน่นหนา
ลมปราณสีม่วงกระแทกเข้าใส่กับม่านพลัง ไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ก็จริง แต่ก็ทำให้หวงไห่ลอยกระเด็นถอยหลังไปไกลลิบ
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นควงไม้เท้าหางมังกรด้วยความคล่องแคล่ว พลังลมปราณสีม่วงระเบิดตัวพุ่งออกมากระแทกเข้าใส่ดาบทมิฬไม่มียั้ง
เปรี้ยง!
รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนตัวดาบ รอยแตกร้าวขยายบริเวณกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ดาบทมิฬก็แตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ในเวลาเดียวกันนี้ หวงไห่ส่งเสียงคำรามในลำคอ ร่างกายสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดขาว
ใบหน้าของหวงไห่ยับย่น ดวงตาเต็มไปด้วยแววอำมหิต มันจ้องมองฉู่ชวิ๋น ตอนนี้ ถ้ามันไม่รีบตัดกระแสจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงอยู่กับตัวดาบเอาไว้ก่อน เกรงว่าคงได้รับบาดเจ็บถึงระดับวิญญาณเลยทีเดียว
“เจ้าสังหารคนของข้า ทำลายอาวุธวิเศษของข้า นับว่ารังแกผู้คนเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้” หวงไห่พูดด้วยน้ำเสียงดุร้าย ไอสังหารแผ่ออกมาจากลำตัวอย่างรุนแรง
เมื่อฉู่ชวิ๋นได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย แอบคิดไม่ได้ว่าหรือฝ่ายตรงข้ามล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว? หวงไห่รู้ได้ยังไงว่าก่อนมาที่นี่เขาได้ฆ่าพวกพังพอนปีศาจ? แต่หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็คิดว่านี่อาจเป็นกลยุทธ์ถ่วงเวลาของฝ่ายตรงข้ามก็เป็นได้
เขายังคงสงสัยอยู่ไม่หายว่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจหายไปไหน? ทำไมถึงได้มีแต่พวกพังพอนปีศาจปรากฏตัวออกมาแบบนี้?
“ฉันแค่อยากจะแย่งชิงพื้นที่กับพวกหมาป่าปีศาจ แล้วแกจะเดือดร้อนด้วยทำไม?” ฉู่ชวิ๋นอดถามออกมาไม่ได้จริงๆ
“หา พวกหมาป่าปีศาจงั้นเหรอ?” หวงไห่อุทานออกมาเหมือนไม่อยากเชื่อหู