จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 944 เจ้ากล้าหลอกลวงหยุนถิงรึ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 944 เจ้ากล้าหลอกลวงหยุนถิงรึ
กู้จิ่วเยวียนยิ้มอย่างเอ็นดู “ได้” พูดพลางเดินไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่ พลางเด็ดแอปเปิ้ลที่เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดถึง
เขาควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแอปเปิ้ลลูกนั้นให้สะอาด ก่อนยื่นให้ “กินเถอะ”
“ขอบคุณเสด็จอาเก้า” เริ่นเซวียนเอ๋อร์รับมากัดไปหนึ่งคำ “ว้าว หวานมากเลย รสชาติไม่เลวจริงๆ เสด็จอาเก้าเด็ดมาน่ะอร่อยที่สุดอยู่แล้ว”
“หากเจ้าชอบกิน ข้าจะช่วยเด็ดให้เจ้าอีกหลายผลดีหรือไม่” กู้จิ่วเยวียนถาม
“ไม่ต้องหรอก ท่านยังไม่หายดี จะเหนื่อยไม่ได้ ข้าเอง” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ยัดแอปเปิ้ลเข้าปาก สะบัดชายเสื้อปีนต้นไม้ขึ้นไปเลย
“ช้าหน่อย ระวังหน่อย อย่าตกลงมาล่ะ” กู้จิ่วเยวียนบอกอย่างเป็นห่วง
นังหนูนี่หยั่งกับลิงเลยทีเดียว ใครเลยจะคิดว่าฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วจะมาปีนต้นไม้อยู่นี่
“วางใจเถอะเสด็จอาเก้า ต้นไม้แค่นี้ไม่เปลืองแรงข้าหรอก” เริ่นเซวียนเอ๋อร์หยิบตะกร้ามา และปีนขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็ว “เสด็จอาเก้า อันนี้ทั้งใหญ่ทั้งหวาน ให้ท่านกินนะ อันนั้นก็ไม่เลว เด็ดมามากหน่อยไว้ให้พวกเรากินกันนะ”
พอเห็นท่าทางเคลิบเคลิ้มของนาง กู้จิ่วเยวียนก็หัวเราะขันนางออกมา “ที่นี่เป็นป่าผลไม้นะ เด็ดให้พอกินก็พอ”
“หายากนะที่จะได้กินผลไม้อร่อยแบบนี้ ข้าต้องเด็ดให้มากหน่อย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ปราดเปรียวมาก เด็ดผลที่ทั้งแดงและใหญ่เป็นพัลวัน ไม่นานก็ได้หนึ่งตะกร้าเต็ม
กู้จิ่วเยวียนเดินเข้าไป เดิมอยากจะพยุงนางลงมา แต่ก็ได้ยินเริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดว่า “เสด็จอาเก้า ท่านถอยไปหน่อย ข้าไม่ชนท่านนะ เกิดทำท่านสลบไป ข้าจะแต่งงานกับท่านยังไงล่ะ”
กู้จิ่วเยวียนมุมปากกระตุก “เจ้าจะพูดเรื่องดีๆหน่อยมิได้รึ”
“ข้าแค่พูดตามความจริงเท่านั้นเอง”
กู้จิ่วเยวียนยืนข้างๆอย่างว่าง่าย ไม่พูดอะไรอีก
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ลงมา หยิบแอปเปิ้ลลูกหนึ่งขึ้นมา “เสด็จอาเก้า ท่านชิมดูสิ ผลนี้แดงที่สุดแล้ว”
“ได้สิ” กู้จิ่วเยวียนรับมากัดไปหนึ่งคำ “อืม เซวียนเอ๋อร์เด็ดมาได้อร่อยนัก”
“แน่นอนอยู่แล้ว ทางนั้นนะมีอีกมากมายเลย เสด็จอาเก้าพวกเราไปดูกันนะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอกอย่างยินดี เดินเข้าไปด้านในอีก
นางเห็นผลที่ชอบ ก็เอาตะกร้าไปเด็ดมาอีก มาได้ระยะหนึ่งนี่เด็ดไปสิบกว่าตะกร้าแล้ว
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวรีบมาดูลูก สุดท้ายเห็นสิบกว่าตะกร้าอยู่ตรงหน้าเริ่นเซวียนเอ๋อร์ นางกลับกินมือขวาซ้ายข้างละหนึ่งอันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ที่พื้น
“หยุนถิง ผลไม้บ้านเจ้านี่อร่อยจริงๆ ไว้กลับไปเจ้าเอาผลไม้นี้ให้คนส่งไปแคว้นเทียนจิ่วนะ ข้าจะไปปลูกในอุทยานของพระราชวังสักหน่อยเหมือนกัน” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอกอย่างไม่เกรงใจ
“ได้ เจ้าส่งคนมาเอาเองนะ จะเอาแค่ไหนก็ขุดตามสบายเลย!” หยุนถิงตอบ
“ใจกว้างพอ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอกอย่างพอใจมาก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเราเด็ดผลไม้หวานมากเลย พวกท่านลองชิมดูสิ” จวินเสี่ยวเหยียนกับจวินเสี่ยวเทียนหยิบผลไม้ที่เด็ดมาทั้งหมดออกมา
จวินหย่วนโยวยื่นมือรับมา “ขอบใจนะเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียน” ระหว่างพูด ก็อ้าปากกินเลย
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตกใจ “จวินหย่วนโยว ท่านมิได้ชอบความสะอาดรึ ข่าวลือว่า ผลไม้น่ะหากไม่ล้างสักสามรอบ ท่านก็ไม่กินไม่ใช่รึ?”
“นั่นมันเมื่อก่อน เสี่ยวเทียนและเสี่ยวเหยียนให้น่ะย่อมไม่เหมือนกัน” จวินหย่วนโยวย้อน “อืม อร่อย หวานมาก”
ยืนมองดูลูกชายหญิงสองคน หยุนถิงหัวเราะหน่ายใจ พอมีลูกแล้วนิสัยคนเราเปลี่ยนจริงด้วย
คนรับใช้คนหนึ่งวิ่งทะเล่อทะล่าจากด้านนอกเข้ามารายงาน “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยแย่แล้ว องค์หญิงใหญ่พาคนมาด้วยท่าทางดุร้ายนัก ข้าน้อยห้ามไว้ไม่อยู่”
หยุนถิงขมวดคิ้ว “องค์หญิงใหญ่ไม่ได้ไปตอนเหนือรึ ทำไมจู่ๆมาที่นี่ได้ล่ะ?”
จวินหย่วนโยวเหล่มองคนรับใช้คนนั้น “เจ้าพาองค์หญิงใหญ่ไปที่เรือนของโหลวซิงเจ๋อเลย”
“ขอรับ!” คนรับใช้วิ่งออกไปทันที
“ท่านพี่ องค์หญิงใหญ่มาหาโหลวซิงเจ๋อรึ?” หยุนถิงมองมาอย่างสงสัย
“อืม ไปดูเรื่องสนุกกัน” จวินหย่วนโยวยกมือขึ้นจูงมือหยุนถิงออกไป ลูกทั้งสองก็ตามไปด้วย
“เสด็จอาเก้า พวกเราก็ตามไปดูด้วยเถอะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ยกผลไม้ตามไป กู้จิ่วเยวียนเดินตามหลังนางไปเช่นกัน
โหลวซิงเจ๋อที่อยู่ในเรือนกำลังกินองุ่นและอาบแสงแดดอย่างสบายอารมณ์ สุดท้ายกลับได้ยินเสียงหวีดแหลมแปดหลอดดังมา
“โหลวซิงเจ๋อเจ้าคนสารเลว กล้าหนีมาหลบในจวนซื่อจื่อ!”
โหลวซิงเจ๋อตกใจมาก ลุกขึ้นจะหนีเข้าห้อง “หากเจ้ากล้าวิ่งหนี ข้าไม่รังเกียจที่จะยิงเจ้าให้กลายเป็นรังแตนเลย!” องค์หญิงใหญ่กัดฟันบอก
มือธนูในมือองครักษ์สิบกว่านายข้างหลังนางเพ่งเป้าไปที่โหลวซิงเจ๋อ ท่าทางตั้งมั่นรอยิง
พอโหลวซิงเจ๋อเห็นอย่างนั้นก็ลนลานทันที “ไม่มั้ง คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ไม่ต้องเล่นใหญ่เพียงนี้ดอกกระมัง”
“เจ้าลองก้าวเดินดูสิ!” องค์หญิงใหญ่ยิ้มเย็น
โหลวซิงเจ๋อหมุนตัวออกเดินจริงๆ แต่เท้ายังไม่ทันลงพื้น ธนูสามดอกก็ยิงมาตรงพื้นหน้าเขาแล้ว
“เจ้ามันช่างชั่วร้ายนัก ข้าไม่เดินก็ได้”
องค์หญิงใหญ่เดินเข้ามาอย่างเย่อหยิ่ง “เจ้าไม่กล้าเดินมากกว่า สารเลว เจ้ากล้าหลบหน้าข้า ยังกล้าหนี ข้าจะอัดเจ้าให้ตายเลย!” พูดพลางอัดเตะต่อยใส่โหลวซิงเจ๋อทันที
หลายปีก่อน องค์หญิงใหญ่ไปตอนเหนือหาเขาโดยเฉพาะ ตอนแรกทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอดีอยู่ แต่ต่อมามีครั้งหนึ่งทั้งคู่ดื่มเหล้าเมาด้วยกัน หลังจากมีสัมพันธ์กันแล้ว หมอนี่ก็เริ่มหลบหน้าหลบตาตน ทำเอาองค์หญิงใหญ่ตามหาเขาไปทั่วทั้งตอนเหนือและสี่แคว้น แต่ไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะหนีมาซ่อนตัวอยู่ในถิ่นนางเอง ซ่อนตัวอยู่ในจวนซื่อจื่อ ชั่วร้ายนัก
“ไอ้หยา เจ็บนะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย!” โหลวซิงเจ๋อร้องเสียงดัง
พวกหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวรีบมา ก็เห็นภาพนี้เข้าพอดี
หยุนถิงสะใจทันที “คู่ปรับกันจริงๆนะ ท่านพี่ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่กำราบเขาได้?”
จวินหย่วนโยวยิ้มมุมปาก “ข้าส่งคนไปสืบเรื่องโหลวซิงเจ๋อ เลยรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับองค์หญิงใหญ่นั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นเลยส่งคนไปบอกองค์หญิงใหญ่น่ะ”
หยุนถิงยกนิ้วโป้งให้เขา “สมเป็นสามี”
“แน่นอนอยู่แล้ว” จวินหย่วนโยวภูมิใจนัก
องค์หญิงใหญ่ออกแรงจนเหนื่อยแล้ว ก็หยิกหูโหลวซิงเจ๋อว่า “ไป กลับจวนองค์หญิงใหญ่กับข้า หากกล้าหนีอีก ข้าจะหักขาเจ้าซะ”
“ไอ้โหย หูข้า เจ้าจะอ่อนโยนหน่อยมิได้รึ ไว้หน้าข้าบ้างสิ ทุกคนดูอยู่นะ” โหลวซิงเจ๋อโอดครวญ
“เจ้ายังต้องการหน้ารึ ข้าคิดว่าเจ้าหน้าไม่อายเสียอีก หยุดพล่ามเหลวไหล จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย ขออภัยด้วยที่หลายวันนี้เขามารบกวนพวกท่าน” องค์หญิงใหญ่บอกทั้งๆที่หยิกหูเขา
“องค์หญิงใหญ่เกรงใจไปแล้ว เรื่องกินดื่มเป็นเรื่องเล็ก แต่เขายังติดค้างมิได้บอกข่าวข้าเรื่องหนึ่ง” หยุนถิงบอก
องค์หญิงใหญ่ออกแรงบิดหูหนักขึ้น “ข่าวอะไร รีบพูดเร็วสิ?”
โหลวซิงเจ๋อเจ็บจนหน้าซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจนั่นประหนึ่งสตรีที่โดนรังแกไม่มีผิด ดูน่าขันนัก
“ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง หากไม่พูดอย่างนั้น พวกเจ้าก็ไม่ยอมให้ข้าเข้าจวนซื่อจื่อสิ” โหลวซิงเจ๋อสารภาพทันที
ถึงหยุนถิงจะเดาได้ว่าหมอนี่ต้องหลอกตนแน่ แต่พอมาได้ยินจากปากเขาก็ยังอดไม่พอใจไม่ได้
เพียงแต่หยุนถิงยังไม่ทันออกปาก องค์หญิงใหญ่ก็เตะก้นโหลวซิงเจ๋ออย่างแรงไปหนึ่งที “สารเลว เจ้ากล้าหลอกหยุนถิง ข้าจะอัดเจ้าให้ตายเลย!”
“อ๊าก สตรีบ้า เจ้ากล้าเตะข้า ข้าน่ะเป็นดาวเด่นนะ เจ้ากล้าเหยียดหยามข้าเช่นนี้ ข้าไม่อยู่แล้ว” โหลวซิงเจ๋อแหกปากร้อง
“อยากตายไม่ง่ายอย่างนั้นดอก ไปกับข้า!”