จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 589 ท่านพี่ ลูกของเรารังเกียจท่านแหน่ะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 589 ท่านพี่ ลูกของเรารังเกียจท่านแหน่ะ
“พ่อหนุ่มบริการไม่เลว ฝีมือการนวดใช้ได้ ต่อไปถ้าทำงานไม่ได้แล้ว ก็ยังมีฝีมือมาหาเลี้ยงตัวเองได้!” หยุนถิงแสร้งพูด จากนั้นก็รู้สึกเจ็บขา
“ไอ้โหย เจ้ากล้าหยิกข้า พ่อหนุ่มบังอาจมากนะ!”
จวินหย่วนโยวสีหน้าดำทะมึนนัก นังหนูนี่ต้องจงใจแน่ ซื่อจื่ออย่างเขากลับถูกนางพูดเป็นคนที่ใช้ฝีมือนวดหาเลี้ยงตนเอง นางจะวาดหวังให้ตนดีหน่อยมิได้รึ
“หากพูดเหลวไหลอีก ข้าจะมิเกรงใจแล้วนะ” จวินหย่วนโยวทำหน้าตึง
“กล้าจริงนะ ยังไม่เกรงใจอีกแหน่ะ ท่านลองไม่เกรงใจให้ข้าดูสิ?” หยุนถิงเบ้ปากบอก
เธอไม่เชื่อหรอกว่า จวินหย่วนโยวจะกล้าทำอะไรตน
วินาทีต่อมา จวินหย่วนโยวพลันลุกขึ้น เข้าใกล้หยุนถิง “เจ้าหาเรื่องเองนะ!”
หยุนถิงยังไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาของจวินหย่วนโยวก็แนบเข้ามาหาแล้ว และจูบปิดปากเธอทันที
ไม่เหมือนความอ่อนโยนอย่างปกติ กลับเพิ่มเติมความเร่าร้อนบ้าอำนาจขึ้นหลายส่วน
หยุนถิงขมวดคิ้ว จะผลักเขาออก และถอยไปด้านหลัง สุดท้ายออกแรงมากไป เลยหงายหลัง
ถ้าเป็นปกติก็ไม่เป็นไร แต่นี่เธอท้องอยู่แล้วจู่ๆหงายหลัง ต้องเป็นอันตรายกับลูกแน่
จวินหย่วนโยวมือไวโอบไหล่หยุนถิงไว้ได้ทัน “ระวังหน่อย ตอนนี้เจ้าเท่ากับสองคนนะ”
“ก็ท่านรังแกข้านี่!” หยุนถิงมองค้อนเขา ลูบท้องตนอัตโนมัติ “ลูกเอ๋ย พ่อเจ้ารังแกแม่ ไว้เจ้าออกมาแล้วต้องสั่งสอนเขาแทนแม่ด้วยนะ!”
จวินหย่วนโยวขบขันยิ่งนัก “เจ้าคิดว่าเขาออกมาแล้ว จะสั่งสอนข้าได้รึ?”
“แน่นอน มิเคยได้ยินรึว่า ลูกแท้ๆน่ะใช้รับมือคนที่ไม่ยอมเขาทุกอย่างน่ะล่ะ!” หยุนถิงพูดอย่างได้ใจ
จวินหย่วนโยวเหล่มองหน้าท้องนาง “เจ้าหนู รอเจ้าออกมา เราค่อยมาสู้กันสักตั้งแล้วกัน!”
หยุนถิงกำลังจะหัวเราะว่าเขาโง่งม สุดท้ายท้องกลับโดนถีบหนึ่งที “ไอ้โหย เขาถีบข้านะ นี่รับคำท้าท่านแล้วล่ะ”
จวินหย่วนโยวนรีบวางมือทาบหน้าท้องนางทันที “เจ้าหนู ข้าคือท่านพ่อนะ!”
จากนั้นจวินหย่วนโยวก็รู้สึกได้ว่ามือของตนโดนเตะหนึ่งที ยินดียิ่งนัก “ถิงเอ๋อร์ เขาเตะข้าแล้วจริงๆ!”
หยุนถิงมองค้อนเขาทันที “ท่านพี่ ลูกเรารังเกียจท่านแหน่ะ”
“เหลวไหล ลูกชายข้าต้องชอบข้าอยู่แล้ว”
หยุนถิงขี้เกียยจเถียงกับเขาแล้ว เธอยกเท้าเปียกๆวางบนเท้าจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ข้าเหนื่อยแล้ว”
“ข้ากำลังพูดกับลูกชายอยู่นะ เจ้ารอประเดี๋ยวก่อน”
“ท่านพี่ พอท่านมีลูกก็ไม่รักข้าแล้วรึ?” หยุนถิงแกล้งเย้าเขา
จวินหย่วนโยวรีบหยิบผ้าด้านข้างมาเช็ดเท้าของหยุนถิงให้แห้งทันที “มิใช่แน่นอน เจ้าสำคัญที่สุดในใจข้า ลูกชายสำคัญเป็นอันดับสอง!”
“หากเป็นลูกสาวเล่า?”
“เช่นนั้นลูกสาวสำคัญเป็นอันดับสอง ลูกชายสำคัญเป็นอันดับสาม!” จวินหย่วนโยวตอบ
“ท่านพูดเช่นนี้ต่อหน้าลูก ไม่กลัวเขาไม่พอใจรึ?”
“ไม่หรอก ลูกของเราจะต้องรักท่านแม่ของพวกเขาที่สุดเหมือนข้าแน่!”
หยุนถิงหัวเราะแผ่วเบา เอนพิงอ้อมกอดจวินหย่วนโยว พลางหลับตาลง
“ถิงเอ๋อร์ ข้าคิดดีแล้ว หากเป็นลูกชายให้ชื่อว่าจวินเทียน ยืนหยัดผงาดสู้ฟ้า หากเป็นลูกสาวให้ชื่อว่าจวินเหยียน งดงามเลิศล้ำ งดงามเหมือนเจ้า เจ้าคิดว่าอย่างไร?” จวินหย่วนโยวตอนนี้วาดภาพยิ่งนัก
“ชื่อดี”
จวินหย่วนโยวยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เอนกายลงข้างหยุนถิง ฮัมเพลงแผ่วเบา
ถิงเอ๋อร์บอกแล้ว นี่เรียกว่าเพลงกล่อมเด็ก ต้องให้ลูกคุ้นเคยเสียงตน พวกเขาจะได้หลับอย่างสบายใจ
ไม่นานหยุนถิงก็หลับจริงๆ จวินหย่วนโยวมองคิ้วตางามงอนของนาง ใบหน้ากลมลื่น ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นไม่น้อย เขาก้มหน้าจูบขมับนางหนึ่งที และหลับตาตามไป
………
พระราชวัง
ฉินเฟยพึ่งสบายใจไม่กี่วัน ก็ได้ยินข่าวว่าเฟิ่งจาวหยีถูกปล่อยตัวออกจากคุก และยังเป็นหลิ่วเฟยไปรับนางกลับมาด้วยตนเองอีก
ทำเอาฉินเฟยโกรธจนสะบัดน้ำแกงสายบัวในมือลงพื้น “นังแพศยาเฟิ่งจาวหยีออกมาจากคุกหลวงแล้ว น่าตายนัก ตอนแรกน่าจะวางยาพิษนางตายไปด้วยเลย!”
ใช่ คนที่วางยาพิษเฟิ่งไท่เว่ยและเฟิ่งหยวนคือฉินเฟย
ก่อนหน้านี้เฟิ่งจาวหยีหาเรื่องฉินเฟยหลายต่อหลายครั้ง ทั้งเสียดสีเย้ยหยัน ถึงฉินเฟยสีหน้าจะเรียบเฉยไม่ว่าอะไร ท่าทางไม่เดือดไม่ร้อนอะไร แต่ในใจนางเกลียดเฟิ่งจาวหยียิ่งนัก
ดังนั้นพอเฟิ่งไท่เว่ยและเฟิ่งหยวนถูกจับเข้าคุก ฉินเฟยก็รีบซื้อตัวคนรับใช้ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปวางยาพิษคนตระกูลเฟิ่งทันที
เดิมนางอยากให้เฟิ่งจาวหยีตายไปกับพ่อและน้องชายทั้งสามคนเลย แบบนี้ตระกูลเฟิ่งก็จบสิ้นกันแล้ว ยังไงซะฝ่าบาทก็จะจัดการกับตระกูลเฟิ่งแล้ว นางเพียงแค่ตามน้ำเท่านั้นเอง ต่อให้ฝ่าบาทสืบรู้ว่าเป็นฝีมือนาง ถึงเวลานั้นคนตระกูลเฟิ่งไร้พยานตรวจสอบหาความจริง ก็ทำอะไรนางมิได้อยู่ดี
แต่ไม่คิดเลยว่า เฟิ่งจาวหยีจะดวงแข็งปานนี้ ไม่ได้กินอาหารชุดนั้น
“เหนียงเหนียง เฟิ่งจาวหยีออกมาต้องล้างแค้นให้เฟิ่งไท่เว่ยและเฟิ่งหยวนแน่ พวกเราจะรับมืออย่างไรดี?” สาวใช้คนสนิทถาม
“กลัวอะไร มีใครรู้บ้างว่าข้าเป็นคนวางยา ศัตรูไม่ขยับข้าก็ไม่ขยับ ตอนนี้เฟิ่งจาวหยีสูญเสียพ่อและน้องชายไป ตระกูลเฟิ่งไม่ต่างอะไรกับล่มสลายแล้ว ข้ามีหรือจะต้องกลัวนาง! ตอนนี้เจ้าออกไปสืบนะว่า เฟิ่งจาวหยีใช้วีธีอะไรถึงได้ออกมากันแน่?” ฉินเฟยออกคำสั่ง
“เพคะ!” สาวใช้รีบไปจัดการทันที
ขันทีน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา “คารวะเหนียงเหนียง องค์หญิงห้าไปห้องทรงพระอักษรนับตั้งแต่ฝ่าบาทว่าราชเช้าเสร็จแล้ว ได้ยินว่าทะเลาะกับฝ่าบาทยกใหญ่ด้วย!”
ฉินเฟยเลิกคิ้วบอก “องค์หญิงห้าผู้นี้เป็นคนอารมณ์ร้าย น่าเสียดายที่ทำเรื่องไร้ยางอายออกมา และยังคิดจะตั้งป้ายพรหมจรรย์ เช่นนั้นข้าจะช่วยนางสักตั้ง!”
จากนั้นฉินเฟยก็พาสาวใช้อีกคนหนึ่งไปห้องทรงพระอักษร และได้ยินเสียงทะเลาะดังมาแต่ไกล
“เสด็จพี่ ต่อให้ตายข้าก็ไม่แต่งงานกับไอ้ขยะอย่างอ๋องเก้าหรอก ขอท่านยกเลิกสมรสพระราชทานด้วย!” องค์หญิงห้าบอกอย่างไม่ยอมแพ้
“ทำเรื่องบัดสีไร้ยางอายเช่นนี้ออกมา เจ้ายังกล้าขัดคำสั่งข้า ไม่อยากแต่งงานก็ออกบวชไปที่วัดฉืออัน สวดมนไหว้พระไปทั้งชาติซะ!” ฮ่องเต้ตะคอกดังอย่างเดือดดาล
“เสด็จพี่ ท่านจะบีบให้ข้าออกบวชรึ?” องค์หญิงห้าเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตนเอง
เสด็จพี่ที่ปกติรักใคร่โปรดปรานนางที่สุด กลับจะให้นางไปเป็นนางชี ไม่ได้เด็ดขาด
ได้ยินเสียงทะเลาะกันดุเดือดในห้องทรงพระอักษร ฉินเฟยก้าวเท้าเข้าไป
ซูกงกงที่อยู่หน้าประตูเห็นคนมา ก็รีบทำการคารวะทันที “คารวะฉินเฟยเหนียงเหนียง ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังทะเลาะถกเถียงกับองค์หญิงห้า หากเหนียงเหนียงมีเรื่องอันใด อีกครู่ค่อยมาเถอะ!”
“มิเป็นไร ข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระให้ฝ่าบาทน่ะ!” ฉินเฟยพูดจบก็เดินเข้าไป “ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ!”
ฮ่องเต้โกรธจนหน้าดำหน้าแดง “ลุกขึ้นเถอะ มีเรื่องอันใดรึ?”
“หม่อมฉันได้ยินว่าองค์หญิงห้าไม่อยากแต่งงานกับอ๋องเก้า แค่อยากมาพูดกับองค์หญิงห้าสักคำ!” ฉินเฟยตอบ
องค์หญิงห้าถลึงตามองมาทางนางอย่างเดือดดาล “ฉินเฟย หากจะมาเกลี้ยกล่อมข้าแทนเสด็จพี่แล้วล่ะก็ อย่าพูดให้เสียแรงเลย”
ฉินเฟยมิได้โกรธกับการเสียมารยาทขององค์หญิงห้า แต่กลับเดินเข้าใกล้นาง และพูดเสียงต่ำข้างหูนางไม่กี่คำ
เห็นเพียงองค์หญิงห้าสีหน้าตกตะลึง จากนั้นก็เคียดแค้นยิ่งนัก เหลือบมองฉินเฟยหนึ่งที ก่อนจะรับปากในที่สุด “ข้ายินดีจะแต่งงานกับอ๋องเก้าตามที่เสด็จพี่จัดการ!”