คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 629 ข้าเหมือนกับพ่อของข้า / ตอนที่ 630 เซียงอี๋เหนียงและคุณหนูรอง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 629 ข้าเหมือนกับพ่อของข้า / ตอนที่ 630 เซียงอี๋เหนียงและคุณหนูรอง
ตอนที่ 629 ข้าเหมือนกับพ่อของข้า
เมื่อได้รู้ว่าตนเองยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ นางกลับไม่ได้ตื่นเต้นดีใจมากนัก เหมือนกับตอนที่รู้ว่าตนเองจะตาย นางก็ไม่ได้โศกาอาลัยมากเช่นกัน
ความเป็นและความตาย นางคล้ายกับมองเห็นทุกอย่างชัดเจนนานแล้ว ชาตินี้ของนาง นอกจากความห่วงหาและเสียใจที่มีต่อบิดาแล้ว นางก็ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดอีก
ไป๋จื่อจับมือของนางไว้ ก่อนจะเลิกแขนเสื้อขึ้น “ฮูหยิน ท่านหลับตาลงก่อน ข้าจะใส่ยาให้ท่าน อาจจะเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่นานก็จะหายขอรับ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์หลับตาลงอย่างว่าง่าย ไป๋จื่อหยิบเข็มฉีดยาออกมา ปลายเข็มบางและแหลมแทงเข้าไปในเส้นเลือดดำของนางอย่างเชื่องช้า นางขมวดคิ้วทันที ก่อนจะลืมตาขึ้นมอง เห็นไป๋จื่อกำลังใช้สิ่งของหน้าตาประหลาดทำอะไรบางอย่างบนข้อมือของตน
“อย่าขยับนะขอรับ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ไป๋จื่อว่า
เสียงของนางคล้ายกับมีเวทมนตร์ ตงฟางหว่านเอ๋อร์เชื่อฟังวาจาของนางดังเดิม
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ขยับ จนกระทั่งไป๋จื่อถอนเข็มออก
ไป๋จื่อใช้สำลีกดลงบนรูเข็มที่ข้อมือ เอ่ยเสียงเบาว่า “ยากนักกว่าข้าจะได้ยาชนิดนี้มา มีเพียงยาชนิดนี้เท่านั้นที่ช่วยชีวิตของท่านได้ มันอาจจะดูแปลกตา แต่ท่านโปรดเชื่อข้า ข้าไม่มีทางทำร้ายท่านแน่นอนขอรับ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ยิ้มจาง “เด็กโง่ ชีวิตนี้ของข้ารอดมาจากปรโลกได้ก็เพราะเจ้า หากข้าไม่เชื่อเจ้า แล้วข้ายังจะเชื่อใครได้อีก ไม่ว่าเจ้าคิดจะรักษาข้าเช่นไร ข้าล้วนเชื่อฟังเจ้า เจ้าว่าอย่างไร ข้าก็จะทำตามนั้น”
ไป๋จื่อยิ้มกว้าง ลักยิ้มเล็กๆ ที่พวงแก้มกดลึก น่าดูชมทีเดียว
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ไม่เคยสังเกตเห็นลักยิ้มบนแก้มนางเลย บัดนี้เห็นแล้วจึงรู้สึกตกใจอยู่หลายส่วน
ลักยิ้มของเด็กคนนี้ เหมือนกับลักยิ้มของเผยชิงหานอย่างน่าประหลาด ตอนที่เผยชิงหานยิ้ม เขาก็มีลักยิ้มสองจุดเช่นนี้เหมือนกัน
“ข้าสังเกตว่าเจ้าไม่ค่อยเหมือนแม่ของเจ้าเท่าไร เจ้าคงเหมือนพ่อของเจ้ามากกว่ากระมัง” ตงฟางมู่ถาม
ไป๋จื่อรู้ว่านางไต่ถามไปอย่างนั้น จึงรีบตอบว่า “ขอรับ พวกเขาล้วนบอกเช่นนั้น บอกว่าข้าไม่เหมือนท่านแม่ของข้า แต่เหมือนท่านพ่อมากกว่า”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์พยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรมากอีก เพราะนี่อาจจะเป็นแค่เพียงเรื่องบังเอิญ
เดิมทีกำหนดการเดินทางกลับเมืองหลวงคือวันที่สิบเจ็ด ทว่าไป๋จื่อร้องขอให้เลื่อนออกไปอีกสองวัน ป้องกันไม่ให้ร่างกายของตงฟางหว่านเอ๋อร์รับไม่ไหว หากได้พักอีกสักสองวันจะปลอดภัยมากกว่า
…
จวนชางหยวนโหว
ไป๋เจินจูมองเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่อยู่เบื้องหน้าโดยไม่ละสายตา “ของพวกนี้ มอบให้ข้าหมดเลยหรือ” นางถามสาวใช้ที่นำข้าวของมาให้
สาวใช้มองท่าทางของนาง มุมปากยกยิ้มเบาๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มเหยียดหยาม “คุณหนูใหญ่ นายท่านสั่งให้ข้านำมาให้เจ้าค่ะ ท่านชอบหรือไม่”
ไป๋เจินรู้รีบพยักหน้า “ชอบสิ ชอบมาก ข้าต้องชอบแน่นอนอยู่แล้ว ของดีเช่นนี้ ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก” ยามที่เพิ่งเข้ามาในจวน นายท่านเผยผู้นั้นให้คนส่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับเหล่านี้มาให้ ทั้งยังเรียกสาวใช้กลุ่มใหญ่ให้มารับใช้นางด้วย หลายวันที่ผ่านมานี้ นับว่าเขาส่งข้าวของมาให้นางไม่น้อยเลย
“เสื้อผ้าที่มอบให้ข้าเมื่อหลายวันก่อน ข้าเพิ่งจะใส่ไปได้หนเดียวเท่านั้น ไยส่งมาให้อีกแล้วเล่า สิ้นเปลืองนัก” ไป๋เจินจูว่า
สาวใช้กวาดสายตามองเสื้อผ้าและเครื่องประดับบนกายนางครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ที่ท่านสวมอยู่ตอนนี้ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มันเป็นเสื้อผ้าเก่าของคุณหนูรองทั้งสิ้น นายท่านไม่มีทางให้ท่านสวมชุดเก่าไปตลอดอยู่แล้ว จึงสั่งทำชุดใหม่ให้เจ้าค่ะ”
ไป๋เจินจูก้มหน้ามองเสื้อผ้าบนกาย ดวงตาเกือบจะถลนออกมา “นี่เป็นเสื้อผ้าเก่าหรือ ข้าว่ามันยังใหม่ทีเดียว ไม่ต่างอะไรกับเสื้อผ้าใหม่เลย”
สาวใช้หัวเราะ “นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรองเคยสวมอยู่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เสื้อผ้าที่นางสวมไปแล้วครั้งหนึ่ง หากนางไม่ชอบ นางก็จะไม่ใส่ซ้ำอีกเป็นคราที่สอง”
ความนัยของคำพูดนี้ก็คือ แม้นางจะเป็นคุณหนูใหญ่ แต่ความจริงสวมใช้สิ่งของที่คุณหนูรองไม่ต้องการแล้ว แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หัวสมองของไป๋เจินจูมีเพียงสิ่งของตรงหน้า ไหนเลยจะสนใจว่าสิ่งที่สาวพูดมีความหมายอื่นใด
……….
ตอนที่ 630 เซียงอี๋เหนียงและคุณหนูรอง
“คุณหนูใหญ่ ฮูหยินเซียงและคุณหนูรองมาเจ้าค่ะ” สาวใช้อีกคนหนึ่งรายงาน
ไป๋เจินจูตอบรับเสียงหนึ่ง คราวนี้ถึงจะละสายตาจากเครื่องประดับเต็มกล่องได้ แล้วหมุนกายไปต้อนรับผู้มาเยือน
สาวใช้ที่ตามหลังไป๋เจินจูกลอกตาขาวยกใหญ่ ‘เจ้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่ อีกฝ่ายคือฮูหยินเซียง ไม่ใช่สิ เป็นเพียงแค่เซียงอี๋เหนียง ที่ยกย่องฐานะของตนเองเป็นฮูหยินเท่านั้น แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็เป็นเพียงอี๋เหนียงอยู่วันยันค่ำ เมื่อเซียงอี๋เหนียงผู้นั้นยืนอยู่ต่อหน้าคุณหนูใหญ่ นางก็เทียบคุณหนูใหญ่ไม่ติดอยู่แล้ว ยังต้องไปต้อนรับถึงหน้าประตูด้วยหรือไร ลดฐานะของตนเองเช่นนี้ ข้าจะคอยดูว่าต่อไปเจ้าจะมีชีวิตรอดอยู่ในจวนหลังนี้เช่นไร’
เผยเซี่ยเฉินจูงมือเซียงอี๋เหนียง สองแม่ลูกค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาในเรือน บนใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนโยน ทว่านัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและเฉยเมย
ไป๋เจินจูมองพวกนางที่มีทีท่าสง่างามและสูงส่ง ในใจนางรู้ตัวว่าตนเองเป็นตัวปลอม จึงเกิดปอดแหกขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยกว่า พาให้ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองพวกนางตรงๆ นางก้มหน้างุด พลางย่อกายให้เซียงอี๋เหนียง เรียกอีกฝ่ายว่า “อี๋เหนียง!”
เซียงอี๋เหนียงเชิดหน้าขึ้น พิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจมีแต่เสียงหัวเราะเยาะดังก้อง นางเป็นใครกันหรือนี่
นางสำรวมท่าทางเย่อหยิ่ง ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วประคองร่างของไป๋เจินจู เอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ไยคุณหนูใหญ่ต้องแสดงความเคารพข้าด้วย พวกเราคนกันเองทั้งนั้น”
ไป๋เจินจูยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ พวกสาวใช้ในเรือนก็ยังไม่ได้สอนนาง นางคิดว่าคนที่ถูกเรียกว่าฮูหยิน ย่อมเป็นผู้มีอาวุโสมากกว่านาง ในเมื่ออายุมากกว่า ก็ย่อมต้องรับความเคารพจากนาง
เซียงอี๋เหนียงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงจูงมือไป๋เจินจูเข้าไปในเรือน ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองข้าวของในเรือนด้วย นางยิ้มถามว่า “เจ้าชอบของพวกนี้หรือไม่ นายท่านให้ข้าจัดเตรียมพวกมัน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ จึงจัดหาให้เจ้าตามความชอบของข้าเอง หากเจ้าไม่ชอบก็บอกข้านะ ข้าจะให้คนจัดหาให้ใหม่ทันที”
ไป๋เจินจูโบกมือ “ไม่ต้องๆ ของพวกนี้ดีมากแล้ว ข้าชอบมาก ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”
เซียงอี๋เหนียงพานางนั่งลง ก่อนจะกวักมือเรียกเผยเซี่ยเฉินที่อยู่ข้างหลัง “เฉินเอ๋อร์ มานี่เร็ว ทักทายพี่สาวของเจ้าสักหน่อย”
เผยเซี่ยเฉินเดินเข้ามาอย่างว่าง่าย นางปกปิดความเยาะเย้ยในแววตาเอาไว้ แล้วย่อกายให้ไป๋เจินจู ยิ้มหวานเอ่ยว่า “เฉินเอ๋อร์คารวะท่านพี่!”
ไป๋เจินจูลุกขึ้น ขณะกำลังจะทำความเคารพอีกฝ่ายคืนบ้าง เซียงอี๋เหนียงก็กดกายนางให้นั่งลงดังเดิม “นางเป็นน้องรองของเจ้า ทำความเคารพเจ้าก็สมควรแล้ว เจ้าไม่ต้องทำความเคารพคืนนางหรอก”
ฝ่ายไป๋เจินจูยิ้มรับอย่างโง่งม สายตากวาดมองบนร่างกายของเผยเซี่ยเฉิน แล้วเอ่ยด้วยความอิจฉา “น้องรองงดงามนัก”
เซียงอี๋เหนียงได้ยินดังนั้นก็ลำพองใจอย่างยิ่งยวด เฉินเอ๋อร์ถอดแบบนางมา ทั้งผิวขาวและใบหน้าที่สะสวย ผู้ใดได้มองสักสองสามครั้งแล้ว จะอดใจไม่เอ่ยปากชมได้อย่างไร
“เจ้าก็งดงามเช่นกัน แต่อาจจะเป็นเพราะตากลมแถบตะวันตกเฉียงเหนือมากเกินไป ผิวของเจ้าถึงได้ไม่ผ่องใสเหมือนสตรีในเมืองหลวงเช่นพวกเรา ทว่าเจ้าไม่ต้องกังวลไป พรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งเครื่องประทินผิวมาให้ เจ้าหมั่นทามันทั้งเช้าเย็น ไม่นานก็กลับมาขาวดังเดิมแล้ว”
ไป๋เจินจูฟังแล้วก็รู้สึกดีใจมาก นางอิจฉาไป๋จื่อที่ตากแดดอย่างไรก็ไม่ดำมาตั้งแต่เด็ก ส่วนตัวนางไม่ได้ออกไปตากลมตากแดดแท้ๆ แต่กลับดำคล้ำเช่นนี้เสมอ
“ต่อไปที่นี่เป็นบ้านของเจ้า เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนชางหยวนโหวแล้ว หากเจ้าต้องการอะไร หรือมีเรื่องขุ่นข้องใจอะไร ล้วนมาพูดกับข้าได้ทั้งสิ้น ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ไป๋เจินจูก็รู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก นางกล่าวขอบคุณไม่ยอมหยุด กล่าวเพียงว่าฮูหยินเซียงช่างเป็นคนดีเหลือเกิน
เซียงอี๋เหนียงกล่าวอีกว่า “เมื่อเจ้าแต่งให้จิ้นอ๋องแล้ว ก็อย่าได้ลืมเฉินเอ๋อร์เสียละ นางเป็นน้องสาวคนเดียวของเจ้าในจวนหลังนี้”
ไป๋จื่อจูรีบพยักหน้ารับ “แน่นอนว่าไม่มีทางลืมเจ้าค่ะ ข้าจะลืมน้องรองได้เช่นไร ต่อแต่นี้ไปพวกท่านล้วนเป็นครอบครัวของข้าแล้ว”