คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 173 เหม็นอย่างมาก
ตอนที่ 173 เหม็นอย่างมาก
“ไม่ได้ขอรับ นายน้อย!”
ที่ปรึกษาหวังทำหน้าจริงจัง
“นายน้อยอย่าได้ถูกหลิงฉางเฟิงหลอกลวงเป็นอันขาด! เขาไม่ได้กำลังช่วยนายน้อย แต่เขากำลังทำร้ายนายน้อย!”
เยียนอวิ๋นฉวนนั่งพิงหัวเตียงอย่างเงียบๆ
ที่ปรึกษาหวังทำหน้าเจ็บปวดใจ เขากดเสียงต่ำพลันพูด “ฟังจากวาจาของหลิงฉางเฟิง เขาดูไม่พอใจเยียนอวิ๋นเพ่ย อยากจะใช้โอกาสที่เยียนอวิ๋นเพ่ยตั้งครรภ์กำจัดนางทิ้ง แต่เขาไม่อยากแปดเปื้อนข้อหาสังหารภรรยา จึงอยากให้นายน้อยลงมือ เขาช่างวางแผนได้อย่างดียิ่งนัก
การกระทำนี้จะดึงให้นายน้อยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้คุณธรรม ทำให้นายน้อยต้องสังเวยชีวิต! คนผู้นี้โหดเหี้ยม นายน้อยอย่าได้ไปมาหาสู่กับเขาอีก”
เยียนอวิ๋นฉวนขมวดคิ้ว “มันร้ายแรงเหมือนที่ท่านพูดมาเชียวหรือ”
ที่ปรึกษาหวังทำหน้าโกรธเคือง “มีแต่จะร้ายแรงยิ่งกว่าที่ข้าพูด นายน้อยอย่าเพิ่งคำนึงถึงผลประโยชน์ แต่ท่านลองคำนึงดูก่อนว่าหากทำตามที่เขาพูดจริงจะมีผลอย่างไร เท่ากับว่านับจากนี้นายน้อยจะมีจุดด่างพร้อยและความผิด
หากนายน้อยมีความผิดตกอยู่ในมือของหลิงฉางเฟิง เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะทำอย่างไรต่อนายน้อย เขาย่อมจะให้นายน้อยจัดการเรื่องสกปรกหรือเรื่องที่ไม่อาจเปิดเผยได้แทนเขาไม่ใช่หรือ หากไม่รับปากเขา เขาก็จะเปิดโปงความจริงที่นายน้อยสังหารเยียนอวิ๋นเพ่ย”
เยียนอวิ๋นฉวนขมวดคิ้วมุ่น “ข้ารู้แผนการของเขาแล้ว เขาจะปล่อยข้าไปหรือ”
“ชายผู้นี้ร้ายกาจนัก เขาตั้งใจทำให้นายน้อยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้คุณธรรม โชคดีที่นายน้อยป่วย จึงใช้โอกาสนี้ปิดประตูไม่ต้อนรับแขก หลิงฉางเฟิงย่อมต้องลองเชิงท่าทีของนายน้อย นายน้อยก็แสร้งทำเป็นดื่มสุราจนเมา จำสิ่งใดไม่ได้ทั้งสิ้น”
เยียนอวิ๋นฉวนส่ายหน้าช้าๆ “ท่านเองก็บอกว่าหลิงฉางเฟิงโหดเหี้ยม เขาไม่มีทางเชื่อว่าข้าป่วยเพราะดื่มสุราจนลืมเรื่องที่สนทนากัน ย่อมต้องลองเชิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องนี้ไม่มีทางผ่านไปอย่างง่ายดาย ข้าในฐานะบุตรของตระกูลเยียน จะทนมองเขาฆ่าเยียนอวิ๋นเพ่ยได้อย่างไร”
เวลานี้เขาก็ลำบากมากเหมือนกัน
เขากุมศีรษะเอาไว้ สมองของเขาอาจถูกฤทธิ์ของสุราทำลาย ดังนั้นจึงไม่อาจคิดหาหนทางออกมาได้แม้แต่น้อย
ภายในใจของเขามีปีศาจที่กำลังล่อลวงเขา
ทำตามวิธีการของหลิงฉางเฟิงเสียเถิด
เพียงแค่เยียนอวิ๋นเพ่ยตาย เขาก็สามารถแต่งงานกับสตรีตระกูลหลิงได้แล้ว
นับจากนี้ชีวิตของเขาจะเดินไปถึงจุดสูงสุด ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเหยียดหยามในฐานะบุตรชายที่กำเนิดจากอนุภรรยาอีก
พลังดึงดูดนี้ยิ่งใหญ่มาก
เยียนอวิ๋นฉวนแทบจะต้านไว้ไม่ไหว
เขากุมศีรษะด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ที่ปรึกษาหวังก็เจ็บปวดอย่างมาก เขาแค้นหลิงฉางเฟิงที่ทำให้เยียนอวิ๋นฉวนตกอยู่ในสถานการณ์ไร้คุณธรรม
อีกทั้งเขายังแค้นตัวเอง เหตุใดเมื่อคืนเขาไม่อยู่ในเหตุการณ์
หากเขาอยู่ในเหตุการณ์ ย่อมต้องยับยั้งไม่ให้หลิงฉางเฟิงพูดจาเหลวไหล
เรื่องระหว่างเขากับเยียนอวิ๋นเพ่ย อย่าได้ดึงเยียนอวิ๋นฉวนเข้าไปเกี่ยวข้อง
นึกออกแล้ว!
“นายน้อยรายงานเรื่องนี้ให้ฮูหยินทราบดีกว่า ไม่ว่าอย่างไร เยียนอวิ๋นเพ่ยถูกฮูหยินรับเลี้ยงแล้ว เรื่องสำคัญเพียงนี้ ฮูหยินย่อมต้องลงมือ”
เยียนอวิ๋นฉวนผงะไป “รายงานฮูหยินหรือ”
ที่ปรึกษาหวังพยักหน้าระรัว
แต่เยียนอวิ๋นฉวนกลับลังเลใจ “หลังจากรายงานให้ฮูหยินทราบแล้วจะเป็นอย่างไร ให้ฮูหยินลงมือฉีกหน้าตระกูลหลิงหรือ หลิงฉางเฟิงย่อมไม่มีทางยอมรับ อีกทั้งยังจะย้อนกลับมาใส่ร้ายข้า พี่ฉางจื้อก็จะไม่ให้อภัยข้า แม้แต่เยียนอวิ๋นเพ่ยก็อาจหาว่าข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ท่านคิดว่ารายงานฮูหยิน ทำให้ผู้คนต่างรู้ทั่วกันเป็นวิธีที่ดีจริงหรือ”
“ถึงแม้วิธีอาจไม่ดี แต่อย่างน้อยก็สามารถดึงนายน้อยออกจากเรื่องนี้ได้ รักษาชื่อเสียงของนายน้อยเอาไว้ได้”
ที่ปรึกษาหวังพูดอย่างจริงจัง
เยียนอวิ๋นฉวนยังคงส่ายหน้า “วิธีของท่านอันตราย หากฮูหยินไม่ออกหน้า ท่านจะทำอย่างไร”
ที่ปรึกษาหวังทำหน้าฉงน เขากัดฟันพูด “ถึงแม้ฮูหยินจะไม่ยอมออกหน้า แต่อย่างน้อยนายน้อยก็ทำเรื่องที่สมควรทำแล้ว เรื่องหลังจากนั้น หากเยียนอวิ๋นเพ่ยยังคงเกิดเรื่อง เรื่องนี้ก็ไม่อาจโทษนายน้อยได้”
เยียนอวิ๋นฉวนถอนหายใจ เขาช่างยากลำบากเสียจริง
ที่ปรึกษาหวังลองถาม “นายน้อยคงไม่ได้หวั่นไหวแล้วใช่หรือไม่ หลิงฉางเฟิงเป็นผู้ใดกัน เขาไม่มีสิทธิ์ออกเสียงหรือตัดสินใจเรื่องใดในตระกูลหลิงด้วยซ้ำ เรื่องที่เขารับปากนายน้อย นายน้อยไม่จำเป็นต้องคิดว่าเป็นเรื่องจริง เพราะมันเป็นเพียงลมปาก ข้าสามารถบอกว่าได้ ถึงแม้เยียนอวิ๋นเพ่ยจะตาย แต่โอกาสที่นายน้อยจะได้แต่งงานกับหญิงสาวตระกูลหลิงก็มีเพียงครึ่งหนึ่ง”
เยียนอวิ๋นฉวนกลับไม่คิดเช่นนี้ “เจ้าลืมความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพี่ฉางจื้อแล้วหรือ จากความสัมพันธ์ของเราสองคน หากข้าจะแต่งงานกับบุตรสาวบ้านรองของตระกูลหลิงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
“นายน้อยเหลวไหล! ข้าคิดว่าท่านควรแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลใหญ่ในโยวโจว ไม่ควรแต่งงานกับบุตรสาวของตระกูลหลิง สิ่งที่นายน้อยต้องการไม่ใช่เพียงชื่อเสียงของตระกูล หากแต่ยิ่งต้องการภรรยาที่มีความรู้และมีการสนับสนุนจากตระกูล นายน้อยคงไม่อยากให้บุตรของตนเองถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะใช่หรือไม่!”
“อย่าได้พูดเหลวไหล! คุณหนูของตระกูลหลิง ผู้ใดจะกล้าหัวเราะเยาะ”
“ผู้อื่นอาจไม่กล้าหัวเราะเยาะ แต่ตระกูลที่มีฐานะเท่าเทียมกับตระกูลหลิงจะกล้าหัวเราะเยาะหรือไม่ ตระกูลที่มีฐานะสูงกว่าตระกูลหลิงจะกล้าหัวเราะเยาะหรือไม่”
คำถามที่มาจากจิตวิญญาณของที่ปรึกษาหวังทำให้เยียนอวิ๋นฉวนสับสน
เขาถอนหายใจยาว โบกมือพลันพูด “ท่านให้ข้าสงบสติก่อน ข้าต้องคิดอีกที”
ที่ปรึกษาหวังร้อนใจจนกระทืบเท้า “นายน้อยลองไตร่ตรองข้อดีและข้อเสีย ข้าต้องออกจากจวนไปสักรอบ”
“เจ้าอย่าได้หาเรื่องหลิงฉางเฟิง!”
“นายน้อยวางใจ ข้ามีขอบเขต”
ที่ปรึกษาหวังออกจากห้องนอน เขาออกจากจวนตามที่กล่าว
เขาไม่ได้ไปหาหลิงฉางเฟิงที่จวน หากแต่เดินทางไปจวนท่านหญิง
แต่เขาไม่ได้ไปหาท่านหญิงเซียวฮูหยิน หากแต่เป็นคุณหนูสี่เยียนอวิ๋นเกอ
…
เมื่อเยียนอวิ๋นเกอรู้ว่าที่ปรึกษาหวังเดินทางมา นางก็ฉงนเล็กน้อย
แต่นางยังคงมาพบอีกฝ่ายที่ห้องโถงรับแขก
“เหตุใดวันนี้ที่ปรึกษาหวังจึงมีเวลาเดินทางมา ท่านเป็นถึงแขกที่พบเจอได้ยากยิ่งเชียว!”
นางหยอกล้อ
ปกติแล้ว ที่ปรึกษาหวังไม่อยากไปมาหาสู่กับเยียนอวิ๋นเกอ หนึ่งเพราะเขาที่แก่ชราแล้วกลัวถูกตี เขาอยากมีชีวิตยืนยาวร้อยปี
แต่จิตใต้สำนึกเขานั้นคิดว่าตนเองไม่อาจเอาชนะเยียนอวิ๋นเกอได้
เหมือนดังที่กล่าวว่าอย่าถือสาสตรี
แต่วันนี้เขาจำเป็นต้องมาพบอีกฝ่าย
“ที่ข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องหนึ่งต้องบอกคุณหนู”
“ช้าก่อน! ท่านอย่าเพิ่งพูด ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่สนใจเรื่องของท่านแม้แต่น้อย”
เยียนอวิ๋นเกอฉลาดอย่างมาก
ที่ปรึกษาหวังที่ไม่เคยปรากฏตัวเดินทางมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังกล่าวว่ามีเรื่องจะบอกนาง นางใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ได้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
เรื่องแบบนี้ไม่รู้ก็แล้วไป หากรู้แล้วย่อมต้องเปรอะเปื้อนความเหม็นคาว
เยียนอวิ๋นเกอมีชีวิตอยู่อย่างดี นางไม่ต้องการหาปัญหา
นางอยากขับไล่ที่ปรึกษาหวังออกไป
ชายชราผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก!
ที่ปรึกษาหวัง “…”
เขาได้รับการทำร้ายในชั่วขณะ ทำให้เขาเกือบจะเก็บสีหน้าไม่อยู่
เขาพูดด้วยความจริงจัง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและผลประโยชน์ของตระกูลเยียน คุณหนูจะทนดูอยู่เฉยๆ ได้หรือ”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา “ในเมื่อเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและผลประโยชน์ของตระกูลเยียน ที่ปรึกษาหวังก็รีบเขียนจดหมายให้ท่านโหว ให้ท่านโหวคิดหาหนทางจัดการ”
“ไม่ทันการ!”
“ข้าไม่เชื่อ!”
เยียนอวิ๋นเกอตอบกลับ
นางลุกขึ้นขับไล่ที่ปรึกษาหวัง
“วันนี้ข้ายุ่ง ไม่อาจต้อนรับที่ปรึกษาหวังได้ ท่านรีบกลับไปเสียเถิด ต่อจากนี้ไม่ว่ามีเรื่องหรือไม่ ท่านล้วนไม่ต้องมา”
“คุณหนูสี่ ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ เรื่องที่ข้าต้องการพูดคือ…อื้อๆ…”
เยียนอวิ๋นเกอไม่พูดพล่ามทำเพลง
นางเอื้อมมือปิดปากของที่ปรึกษาหวังเอาไว้
โอย ปากของที่ปรึกษาหวังไม่มีกลิ่นเหม็นใช่หรือไม่!
เป็นนางช่างยากลำบากเสียจริง!
เพื่อกินดีอยู่ดี ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไม่ง่ายเลย
การยื่นมืออุดปากของชายชราอย่างที่ปรึกษาหวัง ลำบากใจนางเหลือเกิน
ที่ปรึกษาหวังถลึงตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
นางๆๆ …
เขารู้ว่าเยียนอวิ๋นเกอเจรจาด้วยยาก เพียงแค่ไม่คิดว่าจะยากเพียงนี้
เยียนอวิ๋นเกอตะโกนเสียงดัง “เข้ามาสองคน ปิดปากของที่ปรึกษาหวังเอาไว้ เชิญเขาออกไป อย่าให้เขาพูดออกมาแม้แต่คำเดียว”
บ่าวรับใช้รับคำสั่ง ก่อนจะหยิบผ้ามาอุดปากของที่ปรึกษาหวังเอาไว้ หิ้วแขนของเขาออกไป
ที่ปรึกษาหวังรู้สึกอับอายอย่างมาก เขาดิ้นรนอยู่หลายครั้ง
แต่แขนขาที่ชราภาพของเขาไม่อาจสู้แรงของบรรดาสตรีที่แข็งแกร่งได้ มีแต่จะสิ้นเปลืองแรง
ที่ปรึกษาหวังอยากร้องไห้!
ในใจของเขาขมขื่นอย่างมาก
คุณหนูสี่ไม่ทำตามกฎเกณฑ์ เกินไปแล้ว!
การกระทำนี้เป็นการรังแกคนแก่!
ฮือๆๆ …
“โอย!”
เยียนอวิ๋นเกอร้องเสียงดัง นางรีบให้สาวรับใช้นำน้ำร้อนมา นางจะล้างมือ
หลังจากล้างไปหลายรอบแล้วลองดม นางก็ยังรู้สึกว่าบนมือมีกลิ่น
อาเป่ยชะเง้อหน้าไปดม “คุณหนูหยุดล้างได้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวดมแล้ว ไม่มีกลิ่น หอมมาก”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้ารังเกียจ “จมูกเจ้าเป็นอันใดกัน เหม็นอย่างมากต่างหาก หอมได้อย่างไร”
“คุณหนูใช้เครื่องหอมมากมายเพียงนั้น จะไม่หอมได้อย่างไร คุณหนูไม่ต้องล้างแล้ว ไม่มีกลิ่นแล้วเจ้าค่ะ”
“ไม่มีจริงหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอไม่ค่อยมั่นใจ นางลองดมดู เหมือนจะไม่มีกลิ่นจริงๆ
แต่ในใจของนางก็ยังคงรู้สึกอึดอัด รู้สึกสกปรกอย่างมาก
อย่างไรนางก็ไม่เสียดายน้ำ ดังนั้นจึงล้างอีกสองรอบ
จนกระทั่งเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาเข้ามา นางจึงจะหยุด