คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 875 นางผู้นี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องศีลธรรม
ตอนที่ 875 นางผู้นี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องศีลธรรม
แม้ดินแดนแห่งความว่างเปล่าจะเป็นดินแดนที่ไม่มีผู้ใดดูแล แต่ก็ใช่ว่าจะปิดกั้นจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง พวกเขาพอจะรู้ถึงความเคลื่อนไหวในยมโลกอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าต่างฝ่ายต่างไม่ก้าวก่ายกัน หากอยู่ในแดนนี้ ก็จะไม่มีการคาบเกี่ยวกัน แต่สิ่งที่ควรรู้ก็พอจะรู้กันอยู่บ้าง
ยกตัวอย่างเช่น สมบัติล้ำค่าอย่างหินเก้าตาของเทพเฟิงตู ถูกคนชิงไป ท่านเทพกลับไม่โกรธแม้เพียงนิด
นั่นเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่แห่งยมโลกนะ สมบัติถูกหยิบชิงไป เพราะเขาต่อต้านไม่ได้หรือ
ไม่ใช่ เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ หรือเอ่ยได้ว่า ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
และจากข่าวลับที่พวกเขาได้ยินมา ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ได้ยินว่าท่านเทพยอมใช้หินเก้าตาเพื่อซื้อความสงบสุข
และในเวลานี้หินเก้าตาก็อยู่ที่คอของฉินหลิวซี
นางคือเทพอสูรน้อยผู้เลื่องลือ ที่แม้แต่ท่านเทพยังไม่อาจทำอะไรได้
ไม่แปลกใจเลยที่นางจะหยิ่งยโส ทำให้ที่นี่เกิดความวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ เพราะมีที่พึ่งจึงไร้ความหวาดกลัว
คุณชายแห่งความว่างเปล่ากลอกตาของเขาไปมา โบกพัดเอ่ย “แม้จะเป็นสหายไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรู”
“หรือว่าเจ้าจะอยากเป็นครอบครัวกับข้า” ฉินหลิวซีเล่นหินเก้าตาคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม
ความว่างเปล่าสะอึก
ฉินหลิวซีจึงเอ่ย “เอาเถิด การพบกันก็คงเป็นวาสนา ข้าไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เพื่อท้าทายพวกเจ้าเสียหน่อย อย่างน้อยโลกภายนอกก็น่าตื่นเต้นกว่า ได้ข่าวมาว่าดินแดนแห่งความว่างเปล่ามีเห็ดหลินจือพันปี ข้ามาที่นี่ หนึ่งเพื่อช่วยเหลือคน สองเพื่อหาสมุนไพรล้ำค่านี้ ดังนั้นพวกเจ้ารู้ว่ามันอยู่ที่ใดหรือไม่”
วาจานี้ นางกล่าวด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง หากสามารถแก้ไขอย่างสันติได้ก็จะเลือกทางนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับทุกคน โดยเฉพาะในดินแดนแห่งความว่างเปล่านี้ นางไม่ได้กลัว แต่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเสียเวลา หากสามารถได้สิ่งที่ต้องการโดยเร็วที่สุดจะเป็นการดีที่สุด
ดังนั้นการผูกมิตรกับคนในถิ่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น
นางเข้าใจดีว่า ควรใช้การพูดคุยก่อนใช้กำลัง
วาสนา วาส…
คุณชายแห่งความว่างเปล่ารู้สึกคลื่นไส้ คำนี้ไม่กล่าวได้หรือไม่
ปรมาจารย์ไท่เฉิงได้ยินชื่อสมุนไพรนี้ มองไปยังฉินหลิวซี นี่เป็นหนี่งในสมุนไพรใช้ในการปรุงยาสร้างรากฐาน นางจะปรุงยาหรือ
ยังต้องการอายุพันปีอีกด้วย
นี่เป็นการใช้สมุนไพรอย่างฟุ่มเฟือยสักหน่อย
แต่หากนางเตรียมสมุนไพรสำหรับเม็ดยาสร้างฐานจริงๆ หรือนักพรตเฒ่าชื่อหยวนใกล้ถึงขั้นบรรลุแล้วอย่างนั้นหรือ
ปรมาจารย์ไท่เฉิงรู้สึกอิจฉา
หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาบรรลุฐานได้สำเร็จ อารามชิงผิงก็จะมีปรมาจารย์เพิ่มหนึ่งคน ยังมีศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ อารามนี้คงเยี่ยมยอดแล้ว
“เห็ดหลินจือพันปีหรือ” เมี่ยเจวี๋ยใช้เสียงกึ่งหญิงกึ่งชายเอ่ยขึ้น “เจ้าช่างกล้าเอ่ย”
“มีสิ่งใดที่ข้าไม่กล้า มันก็ไม่ได้มีหนามสักหน่อย หากข้าเอ่ยออกมา มันจะทิ่มแทงข้าหรือ ดูผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ประหลาดใจ รู้ที่อยู่ของเห็ดหลินจือพันปีใช่หรือไม่”
ผะผู้อาวุโสหรือ
เมี่ยเจวี๋ยสีหน้าพลันเปลี่ยน ตอนเขาตายเพิ่งยี่สิบสอง กำลังอยู่ในวัยองอาจ ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น นางเรียกข้าว่าผู้อาวุโสหรือ
ความว่างเปล่าอดหัวเราะไม่ได้ ใช้พัดชี้ไปที่เขา “ข้าบอกแล้ว เจ้าไม่ควรสวมเสื้อผ้าสีดำทั้งหมด หน้าก็ดำ มันแก่”
“หุบปาก” เมี่ยเจวี๋ยตวัดสายตาไปยังเขา จากนั้นก็หันกลับมามองฉินหลิวซี เอ่ยด้วยท่าทางยินดีที่เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ “แน่นอนว่าเรารู้ที่อยู่ของเห็ดหลินจือพันปี แต่กลัวว่าเจ้าจะเอาไปไม่ได้”
“อยู่ที่ใด” ฉินหลิวซีถามดวงตาเป็นประกาย
“อยู่ในมือของปีศาจกินคน” เมี่ยเจวี๋ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฉินหลิวซีไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ แต่หยวนอิงกลับสีหน้าเปลี่ยนทันที ปีศาจกินคนนี้ คือปีศาจที่โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง ในชีวิตของเขาเขาไม่เพียงแต่ฆ่าคนและกินศพ ตายแล้วยังกินผีด้วย กล่าวกันว่าเมื่อยมโลกไล่ล่าเขา เขาจึงหนีมายังดินดินแดนแห่งความว่างเปล่านี้ และยังคงนิสัยเดิมไม่เปลี่ยน เพราะอยู่ที่นี่สามโลกนั้นไม่สนใจ เอ่ยได้ว่าเขาโหดร้ายยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่ามีวิญญาณบริสุทธิ์มากเพียงใดที่ตกอยู่ในมือและถูกเขากลืนกิน
ดินแดนของปีศาจกินคนเต็มไปด้วยกระโหลกศีรษะมนุษย์จำนวนมหาศาล เขาเป็นปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ผู้ใดได้ยินชื่อเขาก็ต้องตัวสั่น
แต่แน่นอนว่า พวกเมี่ยเจวี๋ยไม่ได้หวาดกลัวก็พอแล้ว
เมื่อฉินหลิวซีได้ยินเรื่องราวของปีศาจกินคนจากหยวนอิง คิ้วของนางก็ขมวดเป็นปมด้วยความรังเกียจ
“เจ้าเห็ดหลินจือนี้ เขาแย่งมาจากมือของวิญญาณตนอื่น”
ฉินหลิวซียิ้มอย่างชั่วร้าย “อย่างนี้สินะ แย่งของคนอื่น ก็ต้องถูกแย่งกลับบ้างสิ”
ศีลธรรม กับปีศาจที่เลวร้ายแบบนี้ จะเอ่ยถึงศีลธรรมไปทำไมกัน แถมนางเองก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องศีลธรรมอยู่แล้ว
แต่ก่อนจะไปหาปีศาจกินคน ฉินหลิวซีก็สั่งให้ปรมาจารย์ไท่เฉิงกับพวกเขาออกไปจากที่นี่ก่อน นางเกรงว่าอยู่ต่อไปอาจเกิดเรื่องร้ายได้
เมื่อรู้ว่าฉินหลิวซีมีเรื่องสำคัญจริงๆ ปรมาจารย์ไท่เฉิงและคนอื่นๆ จึงไม่ปฏิเสธ เดินกลับไปยังทางออก
ความว่างเปล่าและเมี่ยเจวี๋ยต่างแปลกใจ บอกจะไปก็ไป จริงหรือ
แต่เห็นฉินหลิวซีเปิดช่องทางหนึ่งขึ้นมาจริงๆ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“จะออกไปด้วยหรือไม่” ฉินหลิวซีหันไปมองทั้งสองคน
ทั้งคู่ชะงัก ส่ายศีรษะ
ดินแดนแห่งความว่างเปล่าขึ้นชื่อว่าเข้ามาง่ายแต่ยากจะออกไป แต่หากมีพลังพอสมควรก็ไม่ใช่ว่าจะออกไม่ได้ เพียงแต่อยู่ที่นี่นานจนเคยชินไปแล้วเท่านั้น
โลกสวรรค์พวกเขาไปไม่ได้ และไม่แน่ใจว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่ยมโลกนั้น พวกเขาไปได้แน่ เพียงแต่กลัวว่าจะถูกบังคับให้ไปเกิดใหม่ และโลกมนุษย์ก็ไม่เหมาะกับการที่พวกเขาจะเดินเที่ยวไปตามใจชอบ อย่างไรที่นั่นก็มีกฎเกณฑ์บังคับอยู่
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ออกไป
ฉินหลิวซีมองพวกเขาอย่างลึกซึ้ง “พวกเจ้าเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ”
ทั้งสองคน “?”
หลังจากส่งพวกปรมาจารย์ไท่เฉิงกลับไปแล้ว ฉินหลิวซีก็พาเถิงเจาไปด้วย ให้ทั้งสองคนนำทาง ไปยังถิ่นของปีศาจกินคน
ตามที่เมี่ยเจวี๋ยเอ่ยไว้ ที่นี่เต็มไปด้วยความมืดมน น่ากลัวจนแม้แต่บ้านเรือนก็สร้างจากโครงกระดูก กระจายพลังงานมืดออกมา
ฉินหลิวซีมองบ้านที่ทำจากกระดูกนั้น แล้วหันไปหาความว่างเปล่าเอ่ยด้วยความหมายลึกซึ้ง “คนในดินแดนแห่งความว่างเปล่าชอบใช้กระดูกคนตายทำบ้านทำรถกันจริงๆ ไม่กลัวว่าจะโชคร้ายหรือ”
ความว่างเปล่ารีบอธิบาย “ของข้าคือกระดูกมังกร ไม่ใช่กระดูกมนุษย์”
ฉินหลิวซีส่งเสียงหยัน
นางไม่รีรอมากความ เดินเข้าไปใกล้ แล้วจุดไฟเผาทันที
สถานที่ที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายเช่นนี้ ในเมื่อสร้างความโกรธแค้น ไยต้องเก็บเอาไว้
ในดินแดนที่ไม่มีใครดูแล นางนี่แหละจะดูแลเอง
โยนไฟลงไป ลุกท่วมทันที
เมี่ยเจวี๋ยมองไฟนั้น แล้วดึงความว่างเปล่าถอยไปสองก้าว สายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวังขณะที่มองฉินหลิวซี นางจุดไฟนรก
ไฟนรก ที่สามารถเผาผลาญทุกสิ่งที่เป็นบาปได้
แม้แต่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าก็ไม่อาจหนีรอดได้
เพราะนั่นคือหนึ่งในสิบเทพอัคคีโบราณ
นางเป็นเพียงเทียนซือน้อยจริงๆ หรือ
เทียนซือคนไหนในโลกมนุษย์จะมีพลังถึงขนาดกล้าแย่งชิงสมบัติของเทพเฟิงตู แล้วยังพกเอาไฟนรกเดินไปทั่วเช่นนี้
“ผู้ใดรนหาที่ตายบังอาจมาเผาที่ของข้า อยากตายหรืออย่างไร” เสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากในบ้านกระดูก พร้อมกับที่ร่างปีศาจกินคนพุ่งออกมา ในมือยังจับวิญญาณบริสุทธิ์ที่เพิ่งถูกเขากินไปครึ่งหนึ่งอยู่
ฉินหลิวซีเห็นแล้วก็คิ้วขมวด บาปกรรมหนาแน่นบนร่างของปีศาจทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้ นางไม่เอ่ยอะไรแม้เพียงสักคำ เพียงดีดเปลวไฟนรกใส่เขา
ใช้มารยาทก่อนใช้กำลังหรือ
กับปีศาจที่ชั่วร้ายเช่นนี้ไม่มีความจำเป็น
แม้แต่จะสู้กับเขา นางยังไม่อยากแปดเปื้อนมือ แค่เผาให้มอดไหม้ไปเสีย เขาไม่คู่ควรให้นางเปลืองแรง
เปลวไฟนรกในตานาง สว่างวูบวาบ
พวกในโลกแห่งความว่างเปล่าทั้งสามถอยออกไปหลายก้าวอย่างเงียบๆ ไฟนรกร้อนแรง แต่พวกเขากลับรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง ตื่นตระหนกเป็นที่สุด