คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 585 ที่ให้คำชี้แนะเพราะได้ค่าตอบแทนมากมาย
ตอนที่ 585 ที่ให้คำชี้แนะเพราะได้ค่าตอบแทนมากมาย
แม้ว่าปรมาจารย์ไท่เฉิงจะรู้สึกหงุดหงิดกับการพัวพันของฉังอันโหวเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธคำขอของฉังอันโหวและคนอื่นๆ มอบเครื่องรางปกป้องจวนให้ กระทั่งรับปากว่าหากนักพรตไท่หยางกล้ามาแก้แค้นจริงๆ เขาจะจัดการให้อย่างเป็นธรรม ประการแรกคือเขาไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธจริงๆ ประการที่สอง เขาเองก็กลัวว่าหากไท่หยางบ้าคลั่งขึ้นมาจะทำให้การฝึกบำเพ็ญมาเป็นระยะเวลาร้อยปีของเขาและอารามจินหัวเดือดร้อน
“ไม่ว่าท่านโหวจะเชื่อหรือไม่ ตั้งแต่ที่ท่านมาที่อารามในตอนนั้น ศิษย์อกตัญญูผู้นั้นได้จากไปแล้ว ทุกการกระทำของเขา ข้าไม่รู้เรื่องด้วย”
ฉังอันโหวหัวเราะในลำคอพลางเอ่ย “ไม่ว่าเจ้าอาวาสจะว่าอย่างไร นักพรตไท่หยางผู้นั้นก็คือบุคคลที่เพิกเฉยต่อคุณธรรมของคนและบุญกรรม หวังว่าท่านเจ้าอาวาสจะรู้จักแยกแยะอย่างชัดเจน เพื่อที่อารามของท่านจะได้ไม่ถูกเขาทำให้เป็นภาระอีก”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น จริงสิ ไม่ทราบว่าตอนนี้สหายเต๋าอารามชิงผิงอยู่ที่ไหน” ปรมาจารย์ไท่เฉิงเอ่ยถาม
เขาอยากจะเห็นจริงๆ ว่าตาเฒ่าชื่อหยวนผู้นั้นเลี้ยงปีศาจอะไรอยู่กันแน่ เอาแต่มุ่งเป้ามาที่เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อไม่ได้รับอนุญาตจากฉินหลิวซี จิ่งเสี่ยวซื่อจึงไม่ได้บอกว่าตอนนี้นางพักอยู่ที่ไหน เมื่อนางตกลงแล้ว จึงจะส่งคนไปแจ้งให้เขาทราบ
ฉังอันโหวคิดอยากจะขายฉินหลิวซี แต่เมื่อนึกถึงกลอุบายอันชั่วร้ายของฉินหลิวซี เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยโดยปริยาย บอกว่าไม่สนิท เป็นจิ่งเสี่ยวซื่อที่ติดต่อนาง
ปรมาจารย์ไท่เฉิงรู้ว่าพวกเขากำลังปิดบังเขาอยู่แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิด คาดว่าคนผู้นั้นก็คงอยู่ในเมือง เขาแค่ไปถามทางกับผีน้อยก็รู้แล้ว
หลังจากมอบเครื่องรางแคล้วคลาดให้พวกเขาแล้ว ปรมาจารย์ไท่เฉิงก็อ้างว่าจะปิดตัวเพื่อฝึกบำเพ็ญ ไล่แขกออกไปอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเข้าไปในห้องเต๋า ก็รีบพับนกกระเรียนกระดาษ เขียนคำเตือน แล้วใช้คาถามอบวิญญาณปล่อยให้มันบินไป
มองดูนกกระเรียนบินจากไป ปรมาจารย์ไท่เฉิงโกรธมาก หยิบกระบี่ไม้ท้อไปรำกระบี่ที่ภูเขาด้านหลังอยู่พักหนึ่งจนเหนื่อยหอบ กุมหน้าอกพลางสูดหายใจอย่างแรง ดวงตาทั้งสองข้างเย็นชา
ให้ตายเถอะไท่หยาง เขากล้าดีอย่างไร กล้าดีอย่างไรใช้วิชามารอันชั่วร้ายมาทำลายมโนธรรมไปจนหมดสิ้น หากรู้แต่แรก หากรู้แต่แรกก็คง…
ปรมาจารย์ไท่เฉิงเดินไปทางภูเขาด้านหลังอย่างอิดโรย มาถึงพื้นที่ต้องห้ามของอาราม คุกเข่าลงอยู่หน้าหลุมศพของอดีตเจ้าอาวาส หมอบลงบนพื้น “ท่านอาจารย์ ศิษย์มีความผิด”
นักพรตไท่หยางกำลังแอบพยายามทำการใหญ่บางอย่างอยู่จริงๆ เป็นเพราะฉังอันโหวทำให้เขากลายเห็นหนูข้างถนน ครอบครัวถูกทำลาย จะให้ปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้ เขายอมไม่ได้จริงๆ
เช่นนั้นควรจะส่งโชคร้ายไป หรือจะทำอย่างไรดี ไม่ได้ โชคร้ายอะไรเหล่านั้นเป็นเพียงเรื่องที่เด็กๆ ทำกัน ไม่แสบไม่คัน ไม่สู้ส่งผีร้ายไปทำร้ายพวกเขา?
ความจริงแล้วสิ่งที่เหมาะสมที่สุดคือชีวิตแลกชีวิต ให้บุตรชายดูดซับแก่นแท้ของเลือดและจิตวิญญาณของพวกเขาด้วยตัวเอง เช่นนี้เขาจึงจะดุร้ายและน่ากลัวมากขึ้น แต่พวกเขาเป็นบุรุษ มีความเป็นชาย ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสม
“พวกเขาโชคดีจริงๆ” นักพรตไท่หยางมองออกไปด้วยแววตาขุ่นมัว สวมชุดคลุมดำอยู่ในเงามืด สบถอย่างเย็นชา
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็มีนกกระเรียนกระดาษบินมาหาเขา นักพรตไท่หยางเพ่งสายตา มองดูนกกระเรียนกระดาษตกลงบนไหล่ของเขาและไม่ขยับแล้ว หยิบมาคลี่ออกดู สีหน้าดูแย่ลง
พี่ชายที่แสนดีของเขากลับต้องการปกป้องฉังอันโหวสองพ่อลูก เหอะ ซ้ำยังใช้คุณธรรมและบาปกรรมมากดดันเขา
นักพรตไท่หยางกัดฟัน เผานกกระเรียนกระดาษ สบถอย่างไม่พอใจ
ได้ บุรุษแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ไปอีกสักพัก เขาจะไม่จัดการพวกเขาโดยตรง
แต่เขาจะลงมือกับหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลจิ่ง
อย่างไรเสียตัวเองก็ไม่มีลูกหลานแล้ว พวกเขาก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดี
นักพรตไท่หยางเหมือนเคยได้ยินสะใภ้หนิวพูดถึงลางๆ ว่าบ้านเกิดของตระกูลจิ่งอยู่ที่ใด ตอนนี้จึงออกเดินทางไปที่นั่นแทนที่จะเข้าเมือง
…
ฉินหลิวซีมองดูเจียงเหวินหลิวบัณฑิตจิ้นซื่อคนใหม่ ที่ดูสง่าผ่าเผย ยิ้มพลางกล่าวด้วยความยินดี
“ได้ยินข่าวการมาถึงของท่านมานานแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้ต้องเลี้ยงฉลองตอบแทนอาจารย์ จึงไม่สามารถหาเวลามาได้” เจียงเหวินหลิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “การมาเมืองหลวงเป็นเรื่องยาก ท่านต้องอยู่ต่อให้นานสักหน่อย ข้าจะได้ทำหน้าที่ในฐานะของเจ้าบ้านให้เต็มที่ อีกไม่กี่วันอาจารย์ก็จะมาที่เมืองหลวง”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “เขามาทำอะไรที่เมืองหลวง”
“ตระกูลเหยียนก็มีสองคนได้เป็นบัณฑิตจิ้นซื่อ เรื่องตำแหน่งทางการก็ต้องปรึกษารายละเอียดด้วย ปีนี้ข้ากับท่านอาจารย์ได้เดินทางไปทั่วทุกที่ในต้าเฟิง ความคิดเห็นของเขาจะแน่นอนกว่า”
“แล้วท่านล่ะ วางแผนไว้ว่าจะไปไหน”
เจียงเหวินหลิวผลักกล่องไม้แดงไปให้ “อยากจะขอให้เจ้าอาวาสน้อยช่วยชี้ทางสว่าง”
ฉินหลิวซีมุมปากกระตุกเล็กน้อย “อย่างไรเสียท่านก็มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง สอบได้อันดับสี่ หากให้คนรู้ว่าท่านเชื่อในอำนาจลี้ลับ ไม่กลัวจะถูกนินทาหรือ”
“ศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าเดิมทีก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่ข้าจะศรัทธาในลัทธิเต๋า” เจียงเหวินหลิวเอ่ยอย่างใจกว้างว่า “การขอให้ผู้มีความรู้ให้คำแนะนำนั้นมีปัญหาอะไรด้วยหรือ”
ฉินหลิวซีอยากบอกว่าอย่าได้ยกย่องเช่นนี้ นางรับไว้ไม่ไหว แต่นิ้วมือได้เปิดกล่องใบเล็กตามอำเภอใจ ด้านในเต็มไปด้วยไข่มุกทองคำ สว่างไสวจนเกือบทำให้ตาบอด
ช่างเถิด คำยกย่องนี้นางรับไว้ได้ อย่างไรเสียเขาก็ให้มาค่อนข้างมาก
“บอกแปดอักษรเวลาตกฟากมา”
เจียงเหวินหลิวดีใจมาก ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่เตรียมไว้นานแล้วไปให้
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาพลางยิ้มด้วยใบหน้านิ่ง มองดูแปดอักษรเวลาตกฟากแล้วคำนวณโดยการนับข้อนิ้ว ผ่านไปสักพักจึงเอ่ย “ท่านมีวาสนาด้านเงินทอง ในปีขาลจะมีโชคลาภ เป็นสิริมงคล การงานเจริญรุ่งเรืองจะปรากฏให้เห็น แปดอักษรของคุณชายเจียงนั้นไม่เลวเลย ในอนาคตจะก้าวหน้า ในฐานะผู้ศรัทธา เจ้าต้องบูชาเจ้าลัทธิเต๋าของพวกเราให้มากๆ”
เจียงเหวินหลิวใบหน้ายิ้มแย้ม “ย่อมเป็นเช่นนั้น ข้าจะถวายค่าน้ำมันตะเกียงให้อารามทุกปี”
“เป็นความเมตตาอย่างยิ่ง”
เถิงเจายืนอยู่ข้างฉินหลิวซี เหลือบมองแปดอักษร ในใจคิดว่า ‘ที่แท้นี่ก็หาผู้ศรัทธาด้วยวิธีนี้ ได้เรียนรู้แล้ว’
“แปดอักษรของคุณชายเจียงไม่เลวเลย แต่ต้องระมัดระวังโชคลาภใหญ่ในสิบปีนี้ที่กำลังจะเข้ามา เพราะตำแหน่งการงานนั้นมีอยู่แล้ว อาจเลี่ยงไม่ให้โชคลาภใหญ่หล่นหายไป เพราะหากได้พบก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดี สามารถเกิดภัยพิบัติได้ทุกที่ทุกเวลา คาดว่าหลังจากสามปีท่านต้องระมัดระวัง การพกเครื่องรางหยกสามารถปัดเป่าภัยพิบัติได้” ฉินหลิวซีมองเขาพลางเอ่ย “แปดอักษรธาตุทั้งห้าของท่านเป็นธาตุไฟ ไฟชนะทอง ไม้ทำให้เกิดไฟ หากจะสามารถก้าวหน้าได้ ให้ไปที่มณฑลเสฉวนเป็นจุดเริ่มต้นของหน้าที่การงาน ที่นั่นมีเหมืองแร่และป่าไม้มากมาย ท่านจะเจริญรุ่งเรืองขึ้น และต้องมีการทำอะไรบางอย่างด้วย”
เจียงเหวินหลิวสีหน้าตกตะลึง
“ทำไมหรือ”
“ไม่ขอปิดบัง ท่านปู่ของข้าเคยวิเคราะห์ไว้ว่าแม้ว่าเงื่อนไขในเสฉวนจะยากลำบากเล็กน้อย แต่หากมีความกล้าหาญ ก็จะบรรลุความสำเร็จทางการเมืองได้ง่าย” เจียงเหวินหลิวกล่าวว่า “และท่านพ่อของข้าก็เอนไปทางภาคกลาง”
ฉินหลิวซีเอ่ย “พื้นที่ภาคกลางส่วนใหญ่อุดมสมบูรณ์ และการแข่งขันเพื่อความสำเร็จทางการเมืองย่อมสูงมาก ขุนนางส่วนใหญ่ในภาคกลางได้รวมตัวกันแล้ว แน่นอนว่าคุณชายจากตระกูลขุนนางเช่นท่านอาจจะไม่เสียเปรียบมาก แต่จะรั้งเท้าท่านไว้ ไม่สามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ ก็ไม่รู้ว่าปีไหนจะได้มีผลงาน”
เจียงเหวินหลิวได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งให้ความนับถือ ยกมือคำนับพลางเอ่ย “ข้าคิดว่าเจ้าอาวาสน้อยอย่างท่านจะรู้จักแต่ศึกษาศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมินเท่านั้น แต่เส้นทางราชการก็ยังรู้จักเป็นอย่างดี ซ้ำยังมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง”
ฉินหลิวซีขยำกระดาษที่เขียนแปดอักษรของเขาจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เอ่ย “ท่านชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่ได้ยินข่าวลือมาเท่านั้น มีผีบางตนเตร็ดเตร่ในโลกมนุษย์เป็นเวลานาน ย่อมรู้มาก เรื่องข่าวลือต่างๆ ถ่ายทอดต่อกันไปเรื่อยๆ ก็รู้แล้ว”
เจียงเหวินหลิวคิดในใจว่า ‘แค่นี้ก็ทำให้นางรู้ได้’
“ความจริงแล้วที่มาในวันนี้ การขอให้ท่านช่วยให้คำแนะนำเป็นเพียงเรื่องหนึ่ง ยังมีเรื่องการรักษาอีกหนึ่งเรื่อง อยากถามว่าท่านมีความสนใจจะตรวจดูหรือไม่” เจียงเหวินหลิวทำท่าทางรู้สึกผิด กล่าวว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นเส้นสาย”
อ้อ ที่แท้ก็มาแนะนำผู้ศรัทธา นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าลัทธิเต๋าของนางมีความสุข แน่นอนว่าต้องรับอยู่แล้ว!
เจ้าลัทธิเต๋า ‘เป็นเพราะเจ้าตื่นตาตื่นใจกับไข่มุกทองคำที่เขามอบให้ไม่ใช่หรือ’