คุณคนเดียวเท่านั้น - ตอนที่ 52 เหตุผลข้อที่สาม
ซ่งอีนั่วเจ็บจนหายใจเข้าลึกอยู่ตลอด เธอก้มมองลงไป ไม่รู้ว่าตอนไหน ในมือของเธอก็มีสำลีที่เกินมา ด้านบนชุบด้วยเลือดสีแดงสด บาดแผลที่อยู่ด้านหลังฝาเท้าของเธอไหลๆหยุดๆ
ได้ยินเสียงสูดลมหายใจของเธอ เสิ่นฉวนชีเงยหน้าขึ้นมามองที่เธอ "เจ็บมากไหม"
ความเจ็บปวดในช่วงแรกได้ผ่านไป ความเจ็บปวดในช่วงเวลาต่อมาก็ไม่เจ็บสักเท่าไหร่แล้ว เธอสายหน้าไปมา "ไม่เจ็บ"
สีหน้าของเสิ่นฉวนชีจ้องมองที่เธอระยะหนึ่ง มองจนเธอรู้สึกเขินอาย เขาถึงก้มหน้าเพื่อนทายาให้กับเธอต่อ ทั้งทาไปทั้งเป่าลมไปด้วย ทำเหมือนเธอเป็นเด็ก
ความเย็นของแอลกอฮอลได้นำเอาความเจ็บปวดออกไป ซ่งอีนั่วได้ดูพฤติกรรมของเสิ่นฉวนชี ในใจก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นอีกทังยังรู้สึกเขินอาย ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่ห่างกันอยู่มากยังไม่มีท่าทีที่จะสนิทสนมกัน แต่วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก เธอไม่คิดที่จะปฏิเสธเอาความอบอุ่นที่ยากจะได้มานั้น
ในเมื่องยามค่ำคืนที่เงียบสงัด
เสิ่นฉวนชีได้ใส่ยาให้เธอเสร็จแล้ว ก็ได้นำเท้าของเธอวางลงในรองเท้า เขาลุกขึ้นมานั่งข้างๆกับเธอ ในดวงตาเหมือนซ่อนอะไรไว้บางอย่าง ค่อยๆขยับตัว เขายื่นมือออกมากุ้มมือของเธอ ผิวของเธอนั้นขาวมาก ออกแรงหนักนิดหน่อย ก็จะทำให้เกิดรอยช้ำเขียวได้
เมื่อกี้ที่เธอล้มลงกับพื้น ในตอนนั้นข้อศอกของเธอเขียวเป็นวงใหญ่ เขายื่นมือค่อยๆแตะและได้เห็นอาการของเธอที่ได้รับความเจ็บปวด เขาเกิดอาการสงสารแล้วพูดถามว่า "เจ็บไหม"
ซ่งอีนั่วได้สายหน้าไปมา "ไม่เจ็บหรอก เธออย่าดูแค่ว่าแขนเขียวเป็นวงใหญ่ ความจริงแล้วผิวของฉันช้ำง่ายมาก แตะนิดหน่อยก็จะเกิดอาการบวมเขียวได้ ไม่เป็นไรหรอก"
เสิ่นฉวนชีได้ว่างมือของเธอลง พลิกมือของเธอแล้วกุมมือเธอ ใช้นิ้วง้างนิ้วมือทั้งห้าของเธอออก ทั้งสิบนิ้วประกบเข้าด้วยกันแน่น กับเธอที่นั่งอยู่ในสวนดอกไม้ แบ่งปันความสุขเงียบๆที่ยากจะได้มา
เขาไม่พูดอะไรสักอย่าง ซ่งอีนั่วค่อยๆรู้สึกว่าเป็นกังวลขึ้น เหงื่อยค่อยๆไหลออกมา เธอขยับไปมา เธอใช้แรงอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ของเธอเพื่อเอามือของตัวเองออก แต่เขาเพิ่มแรงอีกนิดหน่อยเธอก็แกะมือออกไม่ได้
ทันใดนั้นเองเสิ่นฉวนชีก็ได้หันไปมองที่เธอ มองเธอด้วยสายตา พูดขำๆไปเรื่อย"เธอเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนเหรอ"
"….."แก้มของซ่งอีนั่วร้อนแดงขึ้นมา ไอ้คนนี้การพูดจาทำไมถึง……… เธอได้พูดความในออกมาแบบไม่ดิ้นรน โดยที่เขาจับมือของเธออยู่ เธอก็ได้แหงนมองบนท้องฟ้า ผ่านไปได้สักพัก เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ได้ถามว่า"พี่เขย เธอทำไมถึงมาขอพี่สาวฉัน"
เสิ่นฉวนชีไม่ได้มีอาการโกรธอะไร เขาถามกลับว่า"เธอคิดว่าเพราะอะไรล่ะ"
ซ่งอีนั่วได้เริ่มวิเคราะห์อย่างจริงจัง "จุดยืนของตระกูลเสิ่นที่อยู่ในถงเฉิง คงไม่จำเป็นต้องใช้การแต่งงานแบบธุรกิจมาทำให้ตัวเองเกิดความมั่นคง ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ ถ้าอย่างงั้นก็คงเป็นส่วนของความรู้สึก เธอกับเขาเป็นรักแรกพบเหรอ"
เสิ่นฉวนชีมองที่เธอ "เธอยังเด็ก เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ฉันขอจื่อจินแต่งงาน เพราะเหตุผลข้อที่สาม
"เหตุผลอะไร" ซ่งอีนั่วแปลกใจแล้วตามถาม
เสิ่นฉวนซีไม่ยอมที่จะพูดออกมา เขายื่นมือลูบเบาๆที่ศีรษะของเธอ ลุกขึ้นมา ไม่ละสายตาจ้องมองที่เธอ "ดึกแล้ว ฉันส่งเธอกับตึก"
ซ่งอีนั่วยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธ ก็โดนเขาอุ้มขึ้นมา เขาตกใจอย่างหวาดผวาจนยื่นมืออกมาคองที่คอของเขา "พี่เขย เธอว่างฉันลง ถ้าโดนคนอื่นเห็นเข้าผลกระทบที่ตามมาจะไม่ดีนะ"
ความจริงแล้วเสิ่นฉวนซีแค่อยากจะแกรงเธอเท่านั้น ได้ฟังคำพูดประโยคนี้ของเธอ หน้าตาก็เริ่มขรึมขึ้นมา น้ำเสียงก็เหมือนจะดุร้าย" ผลกระทบไม่ดีกับใคร"
"ผลกระทบไม่ดีกับเราสองคน" ซ่งอีนั่วพูดอย่างติดขัด ความสัมพันธ์ของพวกเขายุ้งเหยิงมากแล้ว เป็นแบบนี้ต่อไปจะยุ่งเหยิงมากกว่านี้ ถ้าเผยแพร่ออกไป เป็นภัยต่อชีวิตของเขาและเธอ
หลายปีที่ผ่านมา คนที่ทำดีกับเขามีน้อย เธอไม่อยากทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย เพียงเพราะว่า เธอ
เสิ่นฉวนซีเม้มปากเป็นเส้นยาว แสดงถึงความไม่ดีใจ เท้าของเขาไม่ได้หยุดเดิน อุ้มเธอเดินไปทางที่พัก
เขาไม่ได้เปร่งเสียงอะไรออกมา ซ่งอีนั่วก็ไม่กล้าที่จะพูด เยี่ยนเฉงเคยพูดไว้ว่า หัวหน้าที่บ้านของเขาอารมณ์ไม่ดี อารมณ์ของเขาเลยได้ไม่ดีตามด้วย อารมณ์แปรปรวนตลอด เมื่อกี้ยังยิ้มหัวเราะกับเธอ สักพักจะเปลี่ยนอารมณ์ก็เปลี่ยน
ซ่งอีนั่วอุ้มเธอมาถึงหน้าประตูของอพาตเมนต์ ประตูกันขโมยก็ได้ถูกเปิดจากด้านในออกมา บนศีรษะของฮันเหม่ยซินซึ่งได้คาดที่คาดผม ใส่กางเกงขาสัน ยื่นอยู่ประตูด้านใน ในมือยังถือขยะ พอเจอซ่งอีนั่วที่กำลังโดนผู้ชายที่คุณหน้าคุณตาอุ้มอยู่ เธอตกใจจนคางเธอจะตกลงมา "อี่นั่ว พวกเธอ…"
"รบกวนหลีกทางให้หน่อยครับ" หน้าตาของเสิ่นฉวนซีไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา
ฮันเหม่ยซินรีบขยับไปข้างๆเพื่อหลีกทาง เจอเสิ่นฉวนซีอุ้มซ่งอีนั่วเข้าไป เธอที่กำลังจะทิ้งขยะกลับเดินตามเข้าไปที่ห้องรับแขก
เสิ่นฉวนซีอุ้มซ่งอีนั่งวางบนโซฟา เขาได้ลุกขึ้นมา บนเสื้อเชิ๊ตสีขาวยังซึมไปด้วยรอยหยดไวน์สีแดงบางๆ แต่ไม่ได้เกิดผลกระทบอะไรกับความหล่อเหลาของเขา เขามองฮันเหม่ยซิน และได้ชี้แจงอย่างจริงจัง " เธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของอีนั่วใช่ไหม พอดีเท้าของเธอได้รับบาดเจ็บ สองสามวันนี้รบกวนเธอดูแลเขาหน่อยนะ"
ฮันเหม่ยซินโดนเขาทำให้ตัวเองต้องตกตะลึง เธอรู้จักถังโย่วหนาน แล้วก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ถังโย่วหนาน แต่เขาได้เป็นห่วงเป็นใยต่ออี่นั่ว ด้วยความเป็นมิตรภาพที่ยื่นอยู่ข้างๆก็ ก็ปฏิเสธไม่ได้ ได้แต่พยักหน้า "คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลเขาแน่นอน"
เสิ่นฉวนซีได้รับคำตอบที่ตัวเองพอใจแล้ว ก็ได้จ้องมองไปที่ซ่งอีนั่ว "รีบพักผ่อนเถอะ ฉันไปก่อนละ"
สุดท้าย เสิ่นฉวนซีก็ได้จากไป และได้นำขยะที่ฮันเหม่ยซินถืออยู่ในมือนั้นไปด้วย
"หว่า โครตหล่อเลย" เสิ่นฉวนซีพึ่งจะเดินจากไป ฮันเหม่ยซินอดไม่ได้ที่เกิดอาการชอบขึ้นมา "อีนั่ว เธอจะเลิกกับถังโย่วหนานแล้วใช่ไหม งั้นเธอก็จะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้นะ ผู้ชายที่ทิ้งขยะเป็นมันมีไม่เยอะ"
"……"ซ่งอีนั่วโดนฮันเหม่ยซินใช้คำพูดหลอกล่อจนเอาชนะได้ เธอที่ขี้เกลียดก็นั่งพิงไปยังโซฟา พูดว่า "เหม่ยซิน เขาเป็นอาสี่ของถังโย่วหนาน สามีของซ่งจื่อจิน หัวหน้าบริษัทเฉินชื่อกรุ๊ปเสิ่งฉวนซี
"โอ้ว พระเจ้า"
วันต่อมา ตอนที่ซ่งอีนั่วตื่นขึ้นมา หลังฝาเท้าที่โดนรองเท้าได้รับบาดเจ็บก็ดีขึ้นมาก เธอเดินเข้าไปในห้องครัวฮันเหม่ยซินก็ได้ออกมาจากในนั้น ในถาดได้วางซุปไก่ไว้สองถ้วย กลิ่นของซุปไก่นั้นเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยมากเหมือนเคยได้กลิ่นมากก่อน
"อีนั่ว นี้เป็นซุปของคุณซ่งที่ลงมือทำด้วยตัวเองได้ส่งมาให้ พอดีเธอไม่อยู่ เขาเลยบอกให้ฉันบอกกับเธอว่าเขามา " ฮันเหม่ยซินได้นำถาดวางไว้บนโต๊ะกับข้าว นำซุปไก่ยกออกจากถาด เธอพูดออกมาอย่างขำๆว่า "เพราะบุญของเธอ ฉันเลยได้กินซุปที่คุณซ่งได้ทำกับมือ เธอว่าเขาจะวางยาเราไหม"
ซ่งอีนั่วนั่งลงบนเก้าอี้ มองซุปไก่ที่อยู่ตรงหน้า เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ฮันเหม่ยซินก็ได้นั่งลง เธอนิ่งขรึมมองไปยังซ่งอี่นั่ว "คุณซ่งทำไมถึงได้หันมาใส่ใจเธอแล้วล่ะ มีคำพูดคำหนึ่งที่ว่า ทำดีหวังผล อี่นั่ว ยังไงก็ต้องระมัดระวังนะ ไม่แน่สักวันซุปไก่ที่คิดว่าหอมหวานอาจจะเปลี่ยนไปใส่ยาพิษ"
"มีที่ไหนกัน เธอพูดซะน่ากลัวเกินไป อาจจะเป็นเพราะว่าเธอคิดถึงฉันขึ้นมาเมื่อนานมาแล้ว" ซ่งอี่นั่วหัวเราะ แล้วได้หยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำซุปไก่เข้าไปในปาก
ฮันเหม่ยซินบุ้ยปาก แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย "อี่นั่ว พึงระวังคนที่คิดร้ายกับเรา"
ซ่งอี่นั่วหัวเราะและรู้ว่าเธอหวังดี เธอยอมที่จะเชื่อว่าคุณซ่งจริงใจต่อเธอ ดีกว่าจะคิดสัยสัยว่าเขามีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่ เธอคิดว่า อาจจะเพราะว่าเธอหวังที่จะได้รับความรัก ความรักจากแม่ ถึงได้ทำให้หลุ่มหลงอยู่กับตัวเองอย่างนี้
พอคิดแบบนี้ เธอก็นึกถึงเมื่อวานตอนเย็นชองใบหน้าที่เย็นชานั้น ซุปไก่ที่มีรสชาติอร่อยก็ยังยากที่จะกลืนลงไป