คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 306 ลิงหมู่บ้านภูเขา
จินเฟยเหยาที่ดื่มสุราและรับประทานอาหารจนอิ่มหนำกอดหัวหุ่นเชิดนั่งอยู่บนหลังคาลูบหัวกะโหลกอันเรียบลื่นพลางเอ่ยว่า “เนี่ยนซี รูบนหัวเจ้าจะทำอย่างไรดี? ข้าใช้ดินซ่อมให้ดีหรือไม่” สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงกึกๆ
จินเฟยเหยาก้มหน้าลงมอง นิ้วถูกหัวกะโหลกงับอีกแล้ว หดนิ้ว งับแน่นจริงๆ นางลุกขึ้นมองไปยังบนภูเขาด้านหลัง สะบัดมืออย่างแรงทันที หัวกะโหลกถูกนางสะบัดออกลอยเข้าไปในป่าด้านหลังภูเขาราวกับลูกธนู
จินเฟยเหยายืนอยู่บนหลังคา เชิดคางขึ้นมองหัวกะโหลกลอยออกไป เห็นมันเข้าไปในป่าก็ใช้พลังใต้เท้าคนก็พุ่งปราดออกไปราวกับลูกธนู พริบตาก็เข้าไปในป่าหลังภูเขา
หลินชิงเจียงกำลังเข้าฌานอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงดังมาจากภายนอก ก็ลืมตาขึ้นอย่างสงบและอดเอ่ยไม่ได้ “หรือนางคิดว่าใครไวกว่าก็คว้าได้ ชิงซานเซ่ามาไว้ในมือก่อน?”
นางก็อยากได้ซานเซ่า ยามนี้จึงสงบนิ่งไม่ไหวได้แต่หยุดแล้วลุกขึ้น พุ่งตัวออกนอกบ้านเหินขึ้นหลังคาใช้การรับรู้กวาดไปด้านหลังภูเขา จากนั้นหลินชิงเจียงก็ขมวดคิ้วและเหาะเหินไปยังสถานที่นั้นเช่นเดียวกัน
จินเฟยเหยาพุ่งเข้าไปในป่าเห็นกะโหลกตกลงในกองใบไม้ร่วง บนฟันงับขนลิงสีเทากระจุกหนึ่ง ทว่ารอบด้านเงียบสงัดไม่มีเสียงเลยสักนิด นางเก็บหัวกะโหลกขึ้นสูดลมหายใจกลางอากาศแล้วดมหัวกะโหลกอีก เป็นซานเซ่าจริงๆ หนีได้รวดเร็วนัก ถูกงับแค่ขนกระจุกเดียว
“เจ้าตามข้ามาทำไม กลัวว่าซานเซ่าจะถูกข้าชิงไปหรือ?” จินเฟยเหยาตบฝุ่นบนหัวกะโหลกพลางเอ่ยถาม หลินชิงเจียงยืนอยู่บนยอดไม้ มองจินเฟยเหยาเช็ดหัวกะโหลกด้วยพฤติกรรมประหลาดแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ามาเพื่อซานเซ่า ไม่อาจให้เจ้าแย่งชิงไปก่อน”
จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมองนาง เอ่ยถามอย่างสงสัย “เจ้าคิดจะสู้กันสักยก?”
“ยังหาซานเซ่าไม่พบ มีอะไรน่าต่อสู้ อีกทั้งพวกเรายังไม่มีความแค้นต่อกัน ขั้นกำเนิดใหม่ลงมือรัศมีการโจมตีค่อนข้างกว้าง บนเกาะตันหลินมีคนธรรมดาจำนวนมาก ทำลายที่นี่แล้วพวกเราสามารถจากไปโดยไม่สนใจ แต่ตระกูลเยวี่ยและคนธรรมดาที่อาศัยอยู่ที่นี่จะทำอย่างไร คงไม่อาจย้ายบ้านไปเกาะอื่น แม้แต่ขณะที่จับซานเซ่าข้ายังหวังว่าสหายเซียนจะยั้งมือไว้ไมตรี อย่าทำลายที่นี่มากเกินไป” หลินชิงเจียงบอกเรียบๆ
ภายใต้ภาพลักษณ์อันสว่างไสวของนาง จินเฟยเหยาพลันรู้สึกว่าตนเองเล็กจ้อย คนผู้นี้เป็นคนมีจิตใจดี ได้ยินว่าฉีหลินเป็นสัตว์เทพที่มีเมตตา แม้แต่ยามเดินเหินยังตัดใจเหยียบมดตัวหนึ่งตายไม่ได้ คาดว่าคงไม่สังหารคนตามอำเภอใจ?
จินเฟยเหยาได้รับผลกระทบจากนางจึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “สหายเซียนหลินโปรดวางใจ ข้าจะควบคุมพลังอย่างระมัดระวังไม่ให้ทำลายเกาะตันหลิน แต่ข้าคิดว่าถ้าข้าไม่ทันระวังทำลายสิ่งของเหล่านี้ภายใต้สภาพที่ถูกบีบคั้นและไม่มีทางเลือก สหายเซียนหลินก็จะช่วยสร้างขึ้นใหม่สินะ”
หลินชิงเจียงตะลึงงัน ตอบอย่างเย็นชา “สหายเซียนจิน ผู้ใดทำผู้นั้นก็รับผิดชอบ ถ้าเป็นเรื่องที่เจ้ากระทำ ข้ายังหวังว่าเจ้าจะรับผิดชอบ การผลักภาระให้ผู้อื่นไม่ใช่เรื่องที่ผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่งพึงกระทำ”
หลังจากบริภาษ หลินชิงเจียงก็หายวับไปจากบนยอดไม้ในป่า
ใช้การรับรู้รู้สึกได้ว่านางจากไปไกลแล้ว จินเฟยเหยาโยนกะโหลกศีรษะในมือพลางเอ่ยยิ้มๆ “ข้าตกใจหมด นึกว่าวิญญาณจริงของฉีหลินยึดครองเป็นส่วนใหญ่ ท่าทางความรู้สึกของมนุษย์จะยึดครองเป็นส่วนใหญ่ มีความเห็นแก่ตัวย่อมสามารถร่วมมือกันได้ ถ้าไร้ความเห็นแก่ตัวไร้ความปรารถนาจริงๆ คงเป็นแม่พระของปวงชน เกรงว่าคงจัดการได้ยาก ไม่กลัวคนดีที่ในใจมีความเมตตา กลัวเพียงคนดีที่คิดจะทำแต่ความดี”
จินเฟยเหยาพูดคำพูดอันงุนงงเหล่านี้แล้วสูดจมูกอีกครั้ง กลิ่นของหลินชิงเจียงเข้มข้นมากเกินไปจนเกือบจะกลบกลิ่นซานเซ่า ฟ้ามืดต้นไม้มากมาย รออีกสองวันให้หลังค่อยผนึกภูเขาล้อมปราบเถอะ
คิดถึงตรงนี้ จินเฟยเหยาพลันอุ้มหัวกะโหลกกลับคฤหาสน์ตระกูลเยวี่ย พอนางกลับถึงคฤหาสน์พอดีเจอพ่อบ้าน พอเห็นหัวกะโหลกในมือจินเฟยเหยา พ่อบ้านก็ตะลึงงันเอ่ยถามด้วยสีหน้าซีดเผือด “ผู้อาวุโส นี่ท่านออกไปสังหารคนหรือ?”
“คิดอะไรอยู่น่ะ” จินเฟยเหยาถือหัวกะโหลกยื่นมาด้านหน้าพ่อบ้าน “ดูให้ชัดเจน นี่ไม่ใช่กะโหลกตามธรรมชาติ นี่คือของวิเศษที่ข้าหลอมสร้างออกมา”
กะโหลกศีรษะที่อยู่ตรงหน้าพ่อบ้านจงใจขยับกรามล่างดังกึกๆ ราวกับมีวิญญาณคนตายสิงสู่ สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำพูดติดอ่าง “ผู้อาวุโส ท่านเป็นคนของโลกวิญญาณน้ำพุเหลือง[1]!”
“โลกวิญญาณน้ำพุเหลืองอะไร ฟังแล้วไม่เป็นมงคล!” จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างไม่ยินยอม
ได้ยินว่าจินเฟยเหยาไม่ใช่คนของโลกวิญญาณน้ำพุเหลือง พ่อบ้านก็โล่งอก “ผู้อาวุโสคงยังไม่รู้ โลกวิญญาณน้ำพุเหลืองอยู่รอบโลกวิญญาณซิงหลัว มาเข้าร่วมงานประชุมวิญญาณทุกครั้ง พวกเขามีทั้งชั่วร้ายและเที่ยงธรรม แยกแยะไม่ออกว่าคนดีหรือคนชั่ว โลกวิญญาณไม่กว้างนักทว่าทั้งโลกวิญญาณกลับแปลกประหลาด เมื่อลงมือหากมิใช่กะโหลกศีรษะก็เป็นวิญญาณ ชอบนำจิตวิญญาณดั้งเดิมและวิญญาณของคนไปที่สุด หลังจากนำไปหลอมสร้างของวิเศษก็จะกลับมาเกิดใหม่ไม่ได้ไปชั่วนิรันดร”
“ทั้งโลกวิญญาณล้วนฝึกวิชาชั่วร้าย! หรือว่ายังวิปริตกว่าเจ้านายแห่งคฤหาสน์อิน?” จินเฟยเหยาตกตะลึง สิ่งที่พูดไม่ใช่ผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายแต่เป็นทั้งโลกวิญญาณ ที่ชั่วร้ายที่สุดคือยังตั้งชื่อว่าน้ำพุเหลือง แสดงว่าโลกวิญญาณของตนเองทำให้คนมาได้กลับไม่ได้ อหังการจริงๆ
เพียงแต่สมองผู้จัดงานประชุมวิญญาณคงมีปัญหา ทั้งหมดเป็นผู้ฝึกวิชาชั่วร้ายนะ คิดไม่ถึงว่าจะให้พวกเขามาเข้าร่วมงานประชุมวิญญาณ สองมาตรฐานจริงๆ น่าสนุก
ขณะที่คนทั้งสองสนทนากัน หลังภูเขามีเสียงร้องของลิงซานเซ่าเทียมดังมา พ่อบ้านเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ผู้ใดกัน เหตุใดจึงขึ้นภูเขาไปจับซานเซ่า ถ้าถูกซานเซ่าทำร้ายบาดเจ็บจะทำอย่างไร”
เสียงลิงซานเซ่าเทียมโหยหวน พอฟังดูก็รู้ว่าถูกทุบตีจนอเนจอนาถ ลิงตัวหนึ่งร้องลิงตัวอื่นๆ ก็ร้องตาม ชั่วเวลาหนึ่งจิบชา บนยอดเขาสามลูกล้วนเต็มไปด้วยเสียงลิงซานเซ่าเทียม ผู้บำเพ็ญเซียนในคฤหาสน์ตระกูลเยวี่ยต่างวิ่งออกมา มองป่าอันมืดมิดด้านหลัง ไม่รู้ว่าใครขึ้นภูเขาไปล่าซานเซ่าเพียงลำพังกลางดึก
เจ้าคนประเภทไม่รู้จักกฎเกณฑ์ จงใจทิ้งทุกคนไว้เพื่อจะได้ศิลาวิญญาณและซานเซ่าไปคนเดียวช่างน่าชังจริงๆ ถูกซานเซ่าทุบตีจนตายอยู่บนภูเขาเป็นดีที่สุด
จินเฟยเหยามองหลังภูเขาแล้วยิ้มแย้มขึ้น “คนที่ไปคือสหายเซียนหลิน นางต้องไม่ถูกซานเซ่าทำร้ายแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่านางหาซานเซ่าพบหรือไม่ อาละวาดจนความเคลื่อนไหวใหญ่โต”
พ่อบ้านส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “ผู้อาวุโสหลินพลังการบำเพ็ญเพียรสูงส่ง คิดจะจับซานเซ่ากลับง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ ผู้อาวุโสจินไม่ไปหรือ? ถ้าไปช้า ซานเซ่าตกอยู่ในมือผู้อาวุโสหลิน ถึงตอนนั้นคิดจะจับก็สายไปแล้ว”
“จะว่าไปก็จริง เพียงแต่…” จินเฟยเหยาพยักหน้า แต่กลับมีสีหน้าลำบากใจอีก
พ่อบ้านเอ่ยถามอย่างห่วงใย “ผู้อาวุโสจินเป็นอะไรไป? หรือขัดเขินที่จะแย่งชิงซานเซ่ากับผู้อาวุโสหลิน รู้สึกว่าพลังการบำเพ็ญเพียรของผู้อาวุโสหลินสูงกว่า ท่านจึงคิดจะยอมมอบซานเซ่าให้แก่ผู้อาวุโสหลิน? ที่จริงนี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องอาศัยความสามารถของตนเอง ขอเพียงอาศัยความแข็งแกร่งได้มา คาดว่าผู้อาวุโสหลินคงไม่ว่าอะไร”
“เฮ้อ” จินเฟยเหยาถอนหายใจ พลันยื่นมือไปวางบนไหล่พ่อบ้าน พ่อบ้านตะลึง มือไม้ปั่นป่วนทันที เอ่ยอย่างแตกตื่น “ผู้อาวุโสจิน ข้าเป็นเพียงพ่อบ้านขั้นฝึกปราณตัวเล็กๆ หากมีที่ใดล่วงเกินโปรดให้อภัยด้วย”
จินเฟยเหยายื่นมือไปตบใบหน้าของเขาแล้วเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “เจ้ารู้สึกว่าพลังการบำเพ็ญเพียรของผู้อาวุโสหลินสูงส่ง หน้าตาก็ฉลาดเฉลียว หลอกลวงได้ยากเย็นดังนั้นจึงมาหาข้าใช่หรือไม่ หรือว่าข้าหน้าตาเหมือนคนโง่งม บนหน้าผากเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สี่ตัวว่าคนโง่หลอกง่าย?”
“ข้าไม่รู้ว่าสหายเซียนจินกำลังพูดอะไร ข้าหลอกลวงอะไรผู้อาวุโสจิน? ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย” พ่อบ้านรีบอธิบายด้วยสีหน้างุนงง
“ให้ข้าคิดก่อน เจ้าหลอกอะไรข้านะ” จินเฟยเหยาแสร้งทำเป็นครุ่นคิด จากนั้นพลันเงยหน้าขึ้นเอ่ยว่า “เจ้าคิดจะกระตุ้นให้ข้าไปแย่งสิ่งที่เรียกว่าซานเซ่ากับหลินชิงเจียง จากนั้นให้พวกเราเข่นฆ่ากันเอง ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่สองคนที่ร้ายกาจที่สุดที่นี่ตายแล้วค่อยถูกซานเซ่ากิน มันก็จะสามารถเพิ่มพลังการบำเพ็ญเพียรได้”
พ่อบ้านมีสีหน้าตกตะลึง “ผู้อาวุโส ท่านพูดอะไรน่ะ ซานเซ่ามีอยู่จริง เรื่องอื่นข้าไม่รู้ ข้าทำเช่นนี้จะได้ประโยชน์ใด ท่านอย่าเป็นผู้ใหญ่ข่มเหงผู้น้อย ขั้นกำเนิดใหม่รังแกขั้นฝึกปราณ นี่ถือว่าเป็นผู้อาวุโสและเซียนแบบใด”
“ถ้าคนที่ถูกรังแกไม่ใช่คนขั้นฝึกปราณแต่เป็นซานเซ่าขั้นแปดตัวหนึ่งล่ะ?” จินเฟยเหยาหรี่ตายิ้มแย้ม
“ผู้อาวุโส…ท่านเข้าใจผิดแล้ว” พ่อบ้านยังดิ้นรน พยายามจะแก้ตัว
ทว่าจินเฟยเหยากลับไม่หวั่นไหว “ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว ต่อให้เจ้าปลอมตัวจนเหมือนพ่อบ้านก็หนีไม่รอด เวทแปลงกายของเจ้าไม่เลวนี่ ดูแล้วเหมือนราวกับพิมพ์เดียวกันจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาเจอข้า ยายปัญญาอ่อนหลินชิงเจียงยังตามหาเจ้าอยู่บนภูเขา เจ้ากลับใจกล้าวิ่งมาที่คฤหาสน์ตระกูลเยวี่ย ท่าทางจะบ้าระห่ำจริงๆ”
“ผู้อาวุโส! ท่านจะพูดใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้!” พ่อบ้านสีหน้าแปรเปลี่ยน ปฏิเสธอย่างสุดกำลัง
“หลักฐานหรือ? ข้าจะให้เจ้าดูเดี๋ยวนี้แหละ” จินเฟยเหยากดบ่าของมันและออกแรงอย่างกะทันหัน ได้ยินเสียงดังกร๊อบกระดูกไหล่ของพ่อบ้านก็หัก
“กี๊!” พ่อบ้านพลันส่งเสียงลิงร้องโหยหวน ร่างยืดขยายอย่างบ้าคลั่ง พริบตาก็กลายเป็นลิงหน้าคนขนสีเทาสูงหนึ่งจั้ง
ขณะที่มันแปลงกายพลังปิศาจก็ทะลักออกมา มันยื่นกรงเล็บมาตะปบใส่จินเฟยเหยา จินเฟยเหยารีบคลายมือแล้วกระโดดถอยหลัง ส่วนในมือของมันมีคลื่นการโจมตีออกมาเฉียดผ่านจินเฟยเหยาไป
จินเฟยเหยารู้สึกเจ็บบนเอว พอก้มหน้าลงมองก็เห็นเสื้อผ้าตรงเอวถูกกรีดเป็นรูขนาดใหญ่เผยเนื้อหนังด้านในออกมา บนผิวหนังปรากฏบาดแผลขนาดเท่านิ้วมือรอยหนึ่ง
กำแพงล้อมรอบคฤหาสน์ตระกูลเยวี่ยถูกคลื่นการโจมตีสายนี้ทำลายไปกว่าครึ่ง อย่าเห็นว่าซานเซ่ามีขนาดตัวเล็กกว่าสัตว์ปิศาจอื่นๆ ทว่าพละกำลังไม่อาจดูเบาได้
ถ้าถูกการปลอมแปลงของมันหลอกเอา ระยะใกล้แค่นี้ให้มันใช้กรงเล็บควักหัวใจ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ก็ต้องถูกมันทำร้ายบาดเจ็บสาหัส จุดที่ร้ายกาจของซานเซ่าอยู่ตรงนี้ เป็นการลอบทำร้ายโดยแท้
ซานเซ่ารูปร่างไม่สูงนัก ผิวหนังก็ไม่หนา ใช้การเล่นละครหลอกลวงคน เห็นการโจมตีครั้งนี้เพียงทำให้เกิดบาดแผลภายนอกเล็กน้อย มันก็รีบกระโดดเข้าไปในลานเรือนด้านข้างที่ไม่ถูกทำลาย เมื่อจินเฟยเหยาตามมาค้นหาก็ไม่เห็นร่องรอยของซานเซ่าแล้ว
ทว่ากลิ่นหอมของเนื้อซานเซ่ากลับยังอยู่ในลานเรือนดังเดิม อีกทั้งยังไม่อ่อนจางมากกว่าเมื่อครู่เท่าใด ท่าทางเจ้านี่จะเปลี่ยนเป็นทิวทัศน์อย่างหนึ่งในลานเรือน
…………………………………
[1] น้ำพุเหลือง หมายถึง ยมโลก โลกของคนตาย