คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 293 เวทเสน่ห์หมื่นกระดูก
จินเฟยเหยาจัดแจงเสื้อผ้า เอ่ยกับเจ้าเมืองลั่วรื่อด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าเมืองของพวกเราได้กิติศัพท์ความงามของเจ้าเมืองและชื่นชมมานานแล้ว จึงให้พวกเรามาขอเจ้าเมืองแต่งงานโดยเฉพาะ”
ฟุ่บ เหรินเซวียนจือที่มีสีหน้าเขียวคล้ำก็ลุกขึ้นยืน สายตาของคนทั้งหมดมารวมกันที่ร่างเขา เห็นตนเองเสียกิริยา เขาก็นั่งลงอย่างสงบนิ่ง
“จินเฟยเหยา เจ้าหมายความว่าอย่างไร!” เหรินเซวียนจือถ่ายทอดเสียงมาด้วยสีหน้าเย็นชา
จินเฟยเหยาไม่สนใจเขา เอ่ยกับเจ้าเมืองลั่วรื่อต่อ “พวกเรายินดียกเมืองจุ้ยเทียนและดินแดนทั้งหมดให้เจ้าเมืองเป็นสินสอด เช่นนี้พวกเราจะกลายเป็นขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลกวิญญาณหนานเฟิง จากนั้นค่อยกลืนกินเมืองหยวน แล้วกลายเป็นเจ้านายแห่งโลกวิญญาณหนานเฟิง”
ยายสารเลวนี่! เมืองจุ้ยเทียนก็มอบออกไป เจ้าคนไร้ยางอาย ไม่น่าร่วมมือกับคนแบบนี้เลย ร่วมมือกับสำนักอันเที่ยงธรรมยังดีเสียกว่า! เหรินเซวียนจือเดือดดาล บวกกับตอนนี้เขาไม่มีความคิดจะดึงพลังเจ้าเมืองลั่วรื่อแล้ว จินเฟยเหยาพูดแบบนี้อย่างกะทันหัน ทำให้เขารับมือไม่ทัน
ส่วนเจ้าเมืองลั่วรื่ออ้าปากหัวเราะ “ข้าไม่สนใจบุรุษ ถ้าแต่งกับเจ้า ข้าก็จะขอรับเมืองจุ้ยเทียนไว้ เมื่อครู่คนผู้นั้นยืนขึ้นหมายความว่าอย่างไร ดูแล้วเหมือนไม่พอใจที่พวกเจ้ามาขอแต่งงาน”
“เจ้าเมืองคิดมากไปแล้ว ที่จริงเขาชื่นชมเจ้าเมืองมาก ก่อนมาไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อครู่พอได้ฟังจึงรับไม่ได้ไปชั่วขณะ เจ้าเมืองไม่รู้หรอกว่าบุรุษมากมายเพียงใดต่างอยากให้ตนเองเป็นสตรีจะได้เข้ากระโจมเจ้าเมืองได้” จินเฟยเหยาเอ่ยยิ้มๆ
ในทางลับนางกลับถ่ายทอดเสียงหาเหรินเซวียนจือ “เจ้าอย่าอาละวาด มาถึงแล้ว นำกระต่ายไปแค่ตัวเดียวไม่ค่อยดี เจ้าเมืองคนนี้ก็นำไปด้วย ถึงอย่างไรเดิมทีเจ้าก็มาเพื่อดึงพลังนาง อย่าจู้จี้นัก ข้าเอาหยวนอิงไป เจ้าเอาคนไปดึงพลัง”
เหรินเซวียนจือเอ่ยถามด้วยสีหน้าอึมครึม “เจ้าเอาหยวนอิงไปนางก็ตายน่ะสิ แล้วข้าจะดึงอะไร! อีกทั้งข้าไม่มีความอยากขนาดนั้น พวกเราแบ่งหยวนอิงกันคนละครึ่ง”
“เอ๋?” จินเฟยเหยาถ่ายทอดเสียงไปอย่างตกตะลึง “ที่แท้เจ้าก็กินหยวนอิง จริงๆ เลย เลือกมากเกินไป ยังรังเกียจว่านางหน้าตาไม่งดงามอีก มีให้เจ้าดึงพลังก็นับว่าไม่เลวแล้ว”
“ข้าจะทำลายเมืองลั่วรือ รวมทั้งเจ้าด้วย!” เหรินเซวียนจือเดือดดาลอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ เจ้าเมืองลั่วรื่อพลันเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา “ฮึ พวกเจ้าเห็นข้าโง่งมหรือ!”
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าพูดตามมารยาท?” จินเฟยเหยาตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าเจ้าเมืองลั่วรื่อจะหัวไว นึกว่านางให้ทุกคนหลอกได้เสียอีก ทำอยู่นานคิดไม่ถึงว่ามองแวบเดียวก็ดูออก
เจ้าเมืองลั่วรื่อแค่อยากบอกว่าตนเองชอบสตรี นี่เป็นเรื่องที่คนทั้งหมดต่างก็รู้ดี ยังเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานกับบุรุษ จึงรู้สึกว่าตนเองถูกคนอื่นเห็นว่าโง่งม แต่คิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยาจะพูดแบบนี้ออกมา นางชะงักไปและอับอายจนกลายเป็นโทสะทันที
บ่าวรับใช้ข้างกายนางก็ตะลึงงันเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนพูดความจริง สิ่งที่อวี้เจียวเจี๋ย เจ้าเมืองลั่วรื่อเกลียดที่สุดคือมีคนบอกว่านางไม่งดงาม ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเพียงใดตายเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ชมว่านางสวย ยายนี่จบสิ้นแล้ว ถึงกับกล้าพูดแบบนี้
“ความหมายของเจ้าคือข้าไม่งดงาม?” อวี้เจียวเจี๋ยลุกขึ้นยืน สตรีทางด้านข้างล้วนถูกอานุภาพกดดันผลักออกไป ส่วนการประมูลถูกขัดจังหวะในพริบตา ผู้บำเพ็ญเซียนในนั้นส่วนมากรู้จักนิสัยของอวี้เจียวเจี๋ยดี ทุกคนแตกฮือทันที ผู้บำเพ็ญเซียนในหอสมบัติหนีหายไปกว่าครึ่ง คนที่ยังเหลืออยู่ก็กำลังเตรียมหลบหนี
จินเฟยเหยาอุ้มโห่วที่กลิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมา จากนั้นเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “เจ้าเมืองเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ปกติล้วนต้องพูดตามธรรมเนียมอย่างเกรงอกเกรงใจมิใช่หรือ?”
อวี้เจียวเจี๋ยกำมือเสียงดังกร๊อบ ถลึงตาตวาดอย่างมีโทสะ “พวกเจ้าจงใจมาหยามเกียรติข้า!”
“ที่จริงเขาคือเจ้าเมืองแห่งเมืองจุ้ยเทียน ข้าแค่ถูกเขาบังคับให้มา! แค้นมีศัตรูหนี้มีเจ้าหนี้[1] ถ้าท่านมีอะไรไม่พอใจก็ไปหาเขา” จินเฟยเหยายื่นมือไปดึงเหรินเซวียนจือมาแล้วผลักเขาไปข้างหน้า
เหรินเซวียนจือใช้มือฉุดดึงจินเฟยเหยาแล้วตวาดใส่นางด้วยสีหน้าน่าเกลียดผิดปกติ “นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
จินเฟยเหยากอดโห่วแน่น เอ่ยตอบอย่างสงบนิ่ง “เดิมทีพวกเราสองคนก็มารวมตัวกันอย่างไร้ระเบียบ ก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้ว สตรีเป็นของเจ้า กระต่ายเป็นของข้า ข้าจะเหลือโลหิตไว้ให้เจ้านิดหน่อย อีกทั้งเจ้าก็บอกว่าจะทำลายเมืองลั่วรื่อ เจ้าพยายามเข้า ข้าจะคอยให้กำลังใจอยู่ข้างหลัง”
“อะไรนะ!” เหรินเซวียนจือและอวี้เจียวเจี๋ยอุทานออกมาในเวลาเดียวกัน เหรินเซวียนจือมีโทสะที่จินเฟยเหยาอุ้มโห่วแล้วคิดจะหนีไป ส่วนอวี้เจียวเจี๋ยกลับเดือดดาล คิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะมาทำลายเมืองลั่วรื่อของตนเอง
ในเมืองลั่วรื่อมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่จำนวนไม่น้อย แต่ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนอิสระหรือคนของสำนักชั่วร้ายโดยรอบ ถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนคนใดยินยอมอาศัยอยู่ในกระโจมระยะยาว
ดังนั้นเหรินเซวียนจือจึงกล้าเรียกให้จินเฟยเหยามาที่เมืองลั่วรื่อเนื่องจากสาเหตุนี้ อีกทั้งอวี้เจียวเจี๋ยยังมีพฤติกรรมไม่ดี ผู้บำเพ็ญเซียนที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคงมีไม่มาก
“พวกเจ้าสองคนสู้กันไป ข้าจะออกไปรอข้างนอกก่อน” จินเฟยเหยาใช้พลังวิญญาณสะกดโห่วไว้แล้วหิ้วหูของมันวิ่งออกไป
เหรินเซวียนจือมีโทสะแทบตาย ต่อให้ตนเองคิดจะทำลายเมืองลั่วรื่อ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะยั่วโทสะอวี้เจียวเจี๋ย! นี่ไม่เหมือนกับที่ตกลงกันไว้ในตอนแรกเลยสักนิด ตนเองวางแผนไว้แล้วว่าจะให้จินเฟยเหยาใกล้ชิดกับอวี้เจียวเจี๋ยก่อน จากนั้นตนเองค่อยปะปนเข้าไปแอบดึงพลังนาง
ทว่าเพราะเหตุใดเรื่องจึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้! นอกจากแผนการและเส้นทางที่มาเหมือนเดิมแล้ว นับตั้งแต่ร่อนลงพื้นเรื่องอื่นๆ ก็ไม่เหมือนเดิมสักนิด
เทาเที่ยที่น่าตาย! เจ้าตัวประเภทไม่ทำตามหลักการปกติ ชาตินี้จะไม่ร่วมมือกับนางอีก จัดการอวี้เจียวเจี๋ย แล้วหาโอกาสกำจัดยายนี่ทิ้ง! เหรินเซวียนจือเดือดดาลสุดขีด คิดไม่ถึงว่าตนเองจะร่วมมือกับคนไร้มโนธรรมโดยสมบูรณ์ บ้าไปแล้วจริงๆ
อวี้เจียวเจี๋ยก็มีโทสะอย่างยิ่ง เจ้าพวกนี้ไม่เพียงมาก่อเรื่องในดินแดนของตนเอง ตอนนี้ยังแทะโลมตนเองอีก ข้าจะให้พวกเจ้ามาได้กลับไม่ได้!
อย่าเห็นว่าลักษณะของอวี้เจียวเจี๋ยเป็นเช่นนี้ แต่สิ่งที่นางฝึกคือเวทเสน่ห์ ขอเพียงนางใช้เวทเสน่ห์ออกมา ผู้บำเพ็ญเซียนคนใดก็อย่าหมายจะหนีรอดจากเงื้อมมือนาง เห็นอวี้เจียวเจี๋ยถอดเสื้อตัวนอกบนร่างออก เผยให้เห็นชุดอันเซ็กซี่ด้านใน พอถอดจึงรู้ว่าเรือนร่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าของนางดูดีอย่างยิ่ง ก้อนเนื้ออวบอัดเบียดออกมาจากในชุดรัดรูปอันเซ็กซี่แขวนอยู่บนร่าง ยามเดินเหินก้อนเนื้อเหล่านั้นยังขยับเขยื้อน นับรวมทั้งหมดมียี่สิบสามสิบอัน
เหรินเซวียนจือรู้สึกกระเพาะปั่นป่วน ก้มหน้าลงอาเจียน
ทว่าในเวลานี้อวี้เจียวเจี๋ยยังบิดร่าง ร่างกายเริ่มเกิดภาพมายา จากอวี้เจียวเจี๋ยหนึ่งคนกลายเป็นสองคน สองคนกลายเป็นสี่คน สุดท้ายกลายเป็นอวี้เจียวเจี๋ยสิบแปดคน
“ยายอัปลักษณ์! ไสหัวไป!” อวี้เจียวเจี๋ยคนเดียวก็มากพอแล้ว เวลานี้ยังปรากฏอวี้เจียวเจี๋ยสิบแปดคน ทำให้เหรินเซวียนจือขยะแขยงจนถึงขีดสุด คำรามด้วยโทสะดึงกระบี่บินบนเอวออกมา
กระบี่บินดังวิ้งๆ แล้วดีดตัวออกไปราวกับอสรพิษ ที่แท้เป็นแส้เส้นหนึ่ง
แส้สีเงินวิบวับฟาดลงบนร่างของอวี้เจียวเจี๋ยอย่างกะทันหัน เสียงดังควับ เสื้อตัวบนของอวี้เจียวเจี๋ยถูกฟาดขาดเป็นชิ้นๆ ก้อนขนาดใหญ่สองก้อนตรงหน้าอกก็เผยออกมา
มีเสียงแหวะ เหรินเซวียนจืออาเจียนออกมาอีก
อวี้เจียวเจี๋ยกลับตะลึงงัน เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดเวทเสน่ห์จึงถูกมองทะลุ! เวทเสน่ห์หมื่นกระดูกที่อวี้เจียวเจี๋ยฝึกปรือเป็นเวทเสน่ห์ที่ลึกล้ำที่สุดแขนงหนึ่ง ต่อให้อัปลักษณ์จนแม้แต่ภูติเทพยังหวาดกลัว ยามใช้เวทเสน่ห์จะเปลี่ยนเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามเป็นเอกและมีเสน่ห์ดึงดูดเนื่องจากฝึกเวทเสน่ห์แขนงนี้
คนที่โดนเวทเสน่ห์หมื่นกระดูกจะเชื่อฟังวาจาของผู้ใช้เวท อย่าว่าแต่ต่อต้านเลย ถึงให้ฆ่าตัวตายก็ย่อมได้ ถึงอวี้เจียวเจี๋ยจะหน้าตาแปลกประหลาด แต่กลับฝึกเวทเสน่ห์หมื่นกระดูกถึงขั้นสูงสุด ขอเพียงใช้ออกก็จะกลายเป็นสตรีที่ในใจเจ้ารู้สึกว่างดงามที่สุดสิบแปดนาง แม้แต่สติสัมปชัญญะก็จะถูกมอมเมา ร่างจะไม่เป็นตัวของตัวเองและตกลงสู่เส้นทางที่ไม่มีทางหวนคืนมาชั่วนิรันดร์
เวทเสน่ห์หมื่นกระดูกไม่เคยล้มเหลวมาก่อน อย่างน้อยมันก็ไม่เคยล้มเหลวในมือของอวี้เจียวเจี๋ยมาก่อน ถึงสติสัมปชัญญะผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังระดับเดียวกันจะไม่ถูกมอมเมาโดยสมบูรณ์แต่ก็จะเห็นสาวงามสิบแปดนาง ใช้เวทเสน่ห์หมื่นกระดูกแล้วกลับถูกคนด่าว่าอัปลักษณ์ นางไม่เคยเจอมาก่อน เวลานี้หน้าอกโผล่ออกมาข้างนอก นางยังไม่มีความคิดจะปิดบังไว้
โชคดีที่ข้ามีเนตรแห่งฉยงฉี สามารถมองทะลุเวทเสน่ห์ใดๆ ได้ แต่นี่น่าสะอิดสะเอียดเกินไปแล้ว หน้าตาแบบนี้ยังฝึกเวทเสน่ห์อีก เหรินเซวียนจือมองสตรีอัปลักษณ์สิบแปดนางล้อมตนเองไว้อย่างหงุดหงิด นี่เป็นครั้งแรกที่แค้นผู้บำเพ็ญเพียรสตรีที่ฝึกเวทเสน่ห์ขนาดนี้ เมื่อก่อนพบผู้บำเพ็ญเซียนสตรีที่ฝึกเวทเสน่ห์ เขายังมองดูพวกนางยั่วยวนราวกับชมละคร ถือเป็นความสำราญที่ไม่เลวอย่างหนึ่ง
ทว่าตอนนี้นอกจากอยากอาเจียนแล้วเขาก็เหลือเพียงอารมณ์อยากจะสังหารคน
จินเฟยเหยาหิ้วโห่ววิ่งออกมาจากหอสมบัติ พบบ่าวรับใช้สตรีขั้นหลอมรวมห้าคนสกัดไว้ พวกนางยกของวิเศษขึ้นขวางเบื้องหน้า สามารถดูออกจากมือที่สั่นไม่หยุดได้ว่าพวกนางหวาดกลัวอย่างยิ่ง ขั้นหลอมรวมวิ่งมาสกัดขั้นกำเนิดใหม่ มิใช่รำคาญในการมีชีวิตสืบไปหรือ
“ถอยไป!” จินเฟยเหยาตวาดใส่พวกนาง
ส่วนบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนสตรีเหล่านี้ไม่รู้ว่าหวั่นเกรงหรือไม่ ถึงจะหวาดกลัวแต่กลับไม่กล้าถอยให้ เพียงใช้เสียงอันสั่นเทาเอ่ยยืนกราน “คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาก่อเรื่องที่เมืองลั่วรื่อของพวกเรา มีความกล้ามากนะ พอเจ้าเมืองของพวกเรากำจัดสหายร่วมทางของเจ้าแล้ว รายต่อไปก็คือเจ้า”
“อาศัยยายอัปลักษณ์นั่น?” จินเฟยเหยาหัวเราะอย่างเย็นชา ยกมือขึ้นไฟนรกสีดำดวงหนึ่งแล่นปราดออกมา สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมเหล่านี้ แม้แต่อาคมนางก็ไม่ใช้ โยนไฟนรกออกไปโดยตรง
อานุภาพของไฟนรกแตกต่างจากตอนขั้นหลอมรวม บวกกับจินเฟยเหยาคิดจะข่มขู่ผู้บำเพ็ญเซียนรอบด้านให้พวกเขาอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ไฟนรกจึงทะยานขึ้นกลางอากาศสิบกว่าจั้งและอ้าปากกว้างคำรามไปรอบด้านราวกับสัตว์ปิศาจขนาดยักษ์ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่บ่าวรับใช้สตรีขั้นหลอมรวมกลุ่มนั้น
สีหน้าบ่าวรับใช้สตรีซีดขาวในพริบตา ถึงแม้การลงโทษของอวี้เจียวเจี๋ยจะรุนแรง พวกนางก็ยังหมุนตัววิ่งหลบหนี ส่วนไฟนรกจู่โจมมาจากด้านหลังราวกับคลื่นทะเล พอคลื่นขนาดยักษ์ผ่านไป บ่าวรับใช้สตรีแปดนางก็หายไปจากที่เดิม
รอจนไฟนรกกลับคืนสู่ร่างจินเฟยเหยา ในมือของนางก็มีจินตันที่ส่องแสงวิบวับแปดเม็ดปรากฏขึ้น ฉวยโอกาสที่ทุกคนมองเห็นไม่ชัดเจน นางพลิกมือซุกเก็บจินตันแปดเม็ดนั้น
……………………………….
[1] แค้นมีศัตรูหนี้มีเจ้าหนี้ หมายถึง เรื่องไม่ยุติธรรมทั้งหลายล้วนมีต้นเหตุ