ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 6 บทที่ 179 ศพหญิงนิรนาม
ยังไม่ทันจะย่ำกรายผ่านธรณีประตู กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งโชยออกมาเตะจมูก ไท่จื่อยกมือหนาผลักประตูบานใหญ่เปิดออก เห็นร่างไร้วิญญาณของคุณหนูหวัง “นี่คือ…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” ไท่จื่อโกรธเกรี้ยว ทั้งที่วางแผนทุกอย่างเป็นอย่างดีแล้ว เหตุใดคุณหนูหวังจึงเหลือเพียงแต่ร่างไร้วิญญาณ “ตรวจสอบหรือยังว่าศพนิรนามผู้นั้นเป็นใคร?” บนพื้น นอกจากเลือดของคุณหนูหวังแล้ว ยังมีรอยเลือดสีแดงสดเป็นทางยาวของผู้อื่น สิ่งที่น่าสยดสยองยิ่งกว่านั้นคือภายในห้องแห่งนี้ยังมีเศษผิวหนังและเส้นผมของใครบางคน “ในห้องนี้มีเสื้อผ้าที่มิใช่ของคุณหนูหวังอยู่พ่ะย่ะค่ะ หลังจากองครักษ์ได้ตรวจสอบดูแล้ว พบว่า…พบว่าเป็นขององค์หญิงหมิงเยว่แห่งซีฟานพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์รายงาน ร่างของไท่จื่อสั่นเทิ้ม ผลปรากฏว่า ศพนิรนามที่นอนตายอยู่ในสระน้ำคือองค์หญิงหมิงเยว่แห่งซีฟาน หลินเมิ้งหยา…จิตใจอำมหิตยิ่งนัก! แอบหยิบยาแก้ปวดออกจากล่องเล็ก ก่อนจะใส่ลงในแก้วเหล้าแล้วดื่มลงไป ก่อนเข้ามา ป๋ายซูทำแผลที่มือให้นางก่อนแล้ว เมื่อครู่ยังมิมีความรู้สึกอันใด ทว่า ตอนนี้มือของนางกลับปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว “นายหญิง พวกเรากลับกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ บาดแผลของท่าน…” ป๋ายซูรู้สึกปวดใจยิ่งนัก มองดูนายหญิงที่พยายามฝืนทน สีหน้าของนางขาวซีดไร้สีเลือด “ไม่ได้ หากพวกเรากลับไปตอนนี้จะต้องถูกสงสัยอย่างแน่นอน แต่พวกเขายังไม่มีหลักฐาน ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเรา” ซุกมือข้างที่บาดเจ็บเข้าไปในแขนเสื้อ หลินเมิ้งหยาพยายามฝืนแสดงสีหน้าเป็นปกติ โชคดีที่ไม่ถูกแทงลึกจนถึงกระดูก มิเช่นนั้น มือข้างนี้คงใช้การไม่ได้อีก ไม่นาน ไท่จื่อที่ไปตรวจสอบเหตุการณ์ด้านนอกมาแล้วก็กลับเข้ามา สบตากับหลินเมิ้งหยา ทว่า หญิงสาวกลับไร้ซึ่งท่าทางน่าสงสัย หรือนางจะมีคนคอยช่วยเหลือ? มิเช่นนั้น หมิงเยว่กับคุณหนูหวังจะตายอย่างเอน็จอนาจเช่นนั้นได้อย่างไร? หรือนางเองก็มีฝีมือเก็บซ่อนไว้เช่นเดียวกับหมิงเยว่? เป็นครั้งแรกที่ไท่จื่อผู้หยิ่งทะนงรู้สึกหวาดกลัวหญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงาม “ฮวงเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง?” ฮองเฮายังคงนั่งอยู่บนที่ประทับ ดังนั้นจึงมิอาจแสดงท่าทีตื่นตระหนกได้ มองดูสีหน้าของไท่จื่อ สายตาของฮองเฮาพลันเลื่อนไปทางหลินเมิ้งหยา แต่เพราะเป็นการปรายหางตาไปเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็น คนสอดแนมที่อยู่ข้างกายไท่จื่อเล่าให้นางฟังว่าไท่จื่อต้องการเอาชีวิตหลินเมิ้งหยา ดังนั้น นางจึงแอบช่วยเหลือเขา ทว่า ดูเหมือนฝ่ายที่ได้รับชัยชนะจะมิใช่ไท่จื่อ “ทูลหมู่โฮ้ว ที่สระน้ำในสวนดอกไม้พบศพหญิงนิรนามที่ตายอย่างน่าเอน็จอนาจ ตอนนี้ตรวจสอบยังไม่ชัดเจน แต่…ดูเหมือนจะเป็นองค์หญิงหมิงเยว่แห่งซีฟาน” คำพูดของไท่จื่อทำให้บรรยากาศภายในตำหนักฉุนเอินตกอยู่ในความโกลาหล สายตาของหลงเทียนหยู๋ตกลงบนร่างบางของหลินเมิ้งหยา หมิงเยว่มิพึงพอใจหลินเมิ้งหยานานมากแล้ว ฉะนั้น ทันทีที่ไท่จื่อเอ่ยว่าผู้ตายคือหมิงเยว่ เขาจึงรู้ได้เลยว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับชายาของเขาอย่างแน่นอน แต่…แล้วอย่างไรเล่า? หากเขาอยู่ เขาจะปกป้องนางเอง “ว่าอย่างไรนะ? เยว่เอ๋อร์ของข้าตายแล้ว! ไท่จื่อ ท่านพูดจริงหรือ!” ฮ่องเต้หมิงหันไปมองทางไท่จื่ออย่างไม่อยากจะเชื่อ เหตุใดหมิงเยว่จึงตาย? ไท่จื่อแสดงท่าทางลำบากใจ หมิงเยว่มิเหมือนกับหูลู่หนาน นางเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของฮ่องเต้หมิง ยิ่งไปกว่านั้น นางยังตายอย่างเอน็จอนาจ “ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด แต่….แต่ศพของหญิงนิรนามไร้ซึ่งเนื้อหนัง ดังนั้นจึงมิอาจยืนยันตัวตนที่ชัดเจนได้” ไร้ซึ่งผิวหนัง? เพียงได้ยินประโยคนี้ คนทั้งตำหนักฉุนเอินต่างพากันหวาดผวา “ใครเป็นคนทำ?” ฮ่องเต้มหิงสูดลมหายใจ สายตาอำมหิตจ้องไท่จื่อเขม็ง แม้จะรู้ว่าหมิงเยว่กับไท่จื่อร่วมมือกัน แต่ครอบครัวมังกรเช่นพวกเขาล้วนเข่นฆ่าเป้าหมายได้สำเร็จทุกครั้ง “ยังไม่รู้เหตุการณ์ที่แน่นอน ข้าสั่งให้ทหารของวังหลวงตรวจสอบแล้ว ส่วนจะใช่องค์หญิงหมิงเยว่หรือไม่ คงต้องรอผลการตรวจสอบ” สีหน้าของไท่จื่อไม่น่ามองอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าคนที่กระทำการนี้จะต้องไม่ใช่หลินเมิ้งหยา เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว หลินเมิ้งหยาเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น แม้สาวใช้ข้างกายนางจะเก่งกาจ แต่ก็หาใช่คู่ปรับของหมิงเยว่ อย่าว่าแต่เข้าไปเลาะเนื้อแล่หนังของหมิงเยว่เลย แม้แต่จะหลบหนีคมหอกคมดาบของนางยังยาก แต่นอกจากนางแล้ว ยังมีใครอื่นที่มีความแค้นกับหมิงเยว่อีกหรือ? “ดี หากมิใช่เยว่เอ๋อร์ก็มิเป็นไร แต่ถ้าหากเป็นเยว่เอ๋อร์แล้วล่ะก็ เช่นนั้นไท่จื่อกับฮองเฮาจะต้องมอบคำอธิบายให่แก่ข้า” การมาเยือนในครั้งนี้ ฮ่องเต้หมิงมาด้วยความจริงใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะต้องสูญเสียลูกชายและลูกสาวไปถึงสองคน ความโกรธเกรี้ยวแผ่ซ่านออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน คราวนี้ฮองเฮาและไท่จื่อมิอาจรับมือด้วยได้ง่าย ๆ “ฮ่องเต้หมิงโปรดวางพระทัย หากนางคือหมิงเยว่จริง พวกเราจะจัดการเรื่องนี้แทนพระองค์เอง” ไท่จื่อทำได้เพียงปลอบโยนฮ่องเต้หมิงเท่านั้น หากหญิงที่ตายเป็นองค์หญิงหมิงเยว่จริง คาดว่าฮ่องเต้หมิงจะต้องระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างแน่นอน สายตาหันไปสบกับดวงตาของฮองเฮา แม้จะรู้อยู่แล้วว่าศพนั้นคือหมิงเยว่ แต่ก็มิอาจพูดออกมาได้ตามตรง หลินเมิ้งหยานั่งเงียบอยู่บนที่นั่งของตนเอง ก่อนจะจิบสุราและลิ้มรสอาหารตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์ เหตุที่หมิงเยว่ต้องตายก็เพราะพวกเขาประเมินความสามารถของนางต่ำจนเกินไป โชคดีที่วิชาแพทย์พิษของนางมิเคยเปิดเผยให้ใครเห็นง่าย ๆ คนที่รู้ล้วนเป็นคนที่นางเชื่อใจ ฉะนั้น ไท่จื่อกับหมิงเยว่จึงเป็นเพียงคู่ปรับธรรมดาแต่เพียงเท่านั้น ถัดต่อจากไปนี้จะต้องมีเรื่องสนุกให้ดูอย่างแน่นอน เหตุเพราะมีศะนิรนามลอยอยู่ในสระน้ำของสวน ดังนั้น ผู้คนในตำหนักฉุนเอินจึงตื่นตระหนก สีหน้าหวาดผวา ใครกันที่บังอาจก่อเรื่องในเจตพระราชวังแห่งนี้? “พระชายา พระสนมเต๋อเฟยเชิญท่านไปนั่งด้วยเพคะ” หัวใจของมนุษย์ เมื่อเจอกับเรื่องน่ากลัวก็อดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล พระสนมเต๋อเฟยเองก็เช่นเดียวกัน สิ่งเดียวที่นางพอจะทำได้คือปกป้องลูกชายและลูกสะใภ้ของตนเอง “หย๋าเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าออกไปข้างนอก ได้พบเจอใครหรือไม่?” กุมมือหลินเมิ้งหยา ก่อนจะพานางมานั่งยังที่นั่งข้างตนเอง พระสนมเต๋อเฟยกระวนกระวายยิ่งนัก หลินเมิ้งหยาออกไปหนึ่งรอบ เมื่อลองคิดดูแล้ว นางเกือบจะตกอยู่อันตราย ครุ่นคิด ส่ายหน้า “หม่อมฉันไปนั่งพักอยู่ตำหนักทางด้านข้างเพคะ ป๋ายซูเองก็ไปเป็นเพื่อนหม่อมฉัน แต่มิพบเจอผู้ใด” ทว่า หางตาของพระสนมเต๋อเฟยกลับเหลือบไปเห็นมือที่กำลังซุกอยู่ภายใต้แขนเสื้อของหลินเมิ้งหยา ไม่ส่งเสียงใด ๆ ดึงมือข้างนั้นของนางขึ้นมา ก่อนจะแหวกแขนเสื้อออก ทว่า นางกลับได้เห็นมือข้างนั้นถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าสีขาว ร่องรอยของความสงสัยปรากฏขึ้นในหัวใจ มองดูนัยน์ตาของหลินเมิ้งหยา ความสงสัยยิ่งทวีคูณ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในเขตของวังหลวง ช่วงนี้เหตุการณ์ไม่ปกติเอาเสียเลย” สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเผยให้เห็นความตื่นตระหนก คราวก่อนเกิดเรื่องของฮูหยินหวังในจวนก็ว่าน่าตกใจแล้ว ตอนนี้ยังเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ขึ้นอีก แม้นางจะเคยผ่านร้อนผ่านหนาวหรือกระทั่งห่าพายุมาก่อนยังอดที่จะรู้สึกประหลาดใจและตื่นกลัวไม่ได้ “เป็นเช่นหมู่เฟยรับสั่งเพคะ” หลินเมิ้งหยากับพระสนมเต๋อเฟยมิได้แสดงท่าทางดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น มีเพียงหลงเทียนหยู๋ที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเมิ้งหยา แม้ใบหน้าจะถูกแต่งแต้มเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่อาจปกปิดสีหน้าขาวซีดของนางได้ ภายในห้องโถงแห่งนี้มีคนตกใจกลัวจนหน้าขาวซีดมากมาย แต่หลินเมิ้งหยาหาใช่คนขี้ขลาดไม่ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? “จะเป็นองค์หญิงหมิงเยว่หรือไม่นั้น เปิ่นกงจะหาคำอธิบายให้กับฮ่องเต้หมิงเอง ตอนนี้ดึกมากแล้ว แยกย้ายกันเถิด” ฮองเฮามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าชีวิตของลูกชายและลูกสาวฮ่องเต้หมิงจะตกอยู่ในกำมือของหลินเมิ้งหยา เกรงว่า ฮ่องเต้หมิงจะต้องตามราวีหลินเมิ้งหยาไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน เป็นครั้งแรกที่นางเริ่มให้ความสำคัญกับหลินเมิ้งหยา คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะเก่งกาจเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะดูถูกบุตรสาวสกุลหลินเกินไป “หมู่โฮ้ว ตอนนี้ยังหาตัวฆาตกรไม่พบ หากปล่อยทุกคนไปคงไม่ดีอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่ออยากจะลากคอคนร้ายออกมาเสียเดี๋ยวนี้ แต่ฮองเฮากับให้ความสำคัญกับคนส่วนใหญ่มากกว่า หากระหว่างตรวจสอบขังเหล่าราชนิกูลเอาไว้ เกรงว่าความหวาดกลัวจะยิ่งทวีคูณ “ไม่มีทางเลือก ทว่า เครือญาติทั้งหมดล้วนอาศัยอยู่ในวังหลวง หากมีเรื่องอันใดก็สามารถตามตัวมาได้” คำพูดของฮองเฮาได้รับความเห็นด้วยจากคนส่วนใหญ่ ไท่จื่อไม่มีทางเลือก สุดท้ายต้องน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี “เต๋อเฟย เจ้าอยู่ที่นี่ก่อนเถิด พวกเรามิได้เจอกันนานแล้ว เจ้าอยู่รำลึกความรักกับเปิ่นกงก่อนเถิด” อยู่ ๆ ฮองเฮาหันไปทางพระสนมเต๋อเฟย หัวใจของหลินเมิ้งหยาจึงสั่นไหว สั่งให้พระสนมเต๋อเฟยอยู่ที่นี่ ฮองเฮาวางแผนอะไรไว้กันแน่? “เพคะ เฉินเซี่ยน้อบรับพระบัญชา” สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยแสดงให้เห็นความลำบากใจ ตอนแรก ฮองเฮาเป็นผู้ไล่นางออกจากวัง ทว่า เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฮองเฮากลับรั้งนางเอาไว้ที่นี่ ทันใดนั้น คนที่ชอบประติดประต่อเรื่องราวพลันฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพระสนมเต๋อเฟย? “หย๋าเอ๋อร์ เจ้ากลับไปกับหยู๋เอ๋อร์ก่อนเถิด หลังจากพูดคุยกับฮองเฮาเสร็จแล้ว เปิ่นกงจึงจะกลับไป” ตบหลังมือหลินเมิ้งหยาเพื่อปลอบโยนให้นางสบายใจ หลงเทียนหยู๋สาวเท้ายาว ๆ เข้ามาหาหลินเมิ้งหยา ก่อนจะพยักหน้าลงให้กับผู้เป็นแม่ ฮองเฮาจะต้องไม่ประสงค์ดีอย่างแน่นอน แต่หากคิดจะรังแกหมู่เฟยของเขา นางจะต้องข้ามศพเขาไปก่อน หลินเมิ้งหยาที่หันกลับไปมองอยู่เนือง ๆ เดินออกจากตำหนักฉุนเอินพร้อมกับหลงเทียนหยู๋ คนส่วนใหญ่ต่างพากันกังวล แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองก็แสดงท่าทางตื่นตระหนกเช่นกัน ขันทีต่างพาแขกเหรื่อนั่งเกี้ยวออกจากประตูวัง นั่งอยู่บนรถม้าของตนเอง หลินเมิ้งหยารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก หรือฮองเฮากับไท่จื่อจะสงสัยว่าใครกำลังบงการนาง? เช่นนั้นการขังพระสนมเต๋อเฟยเอาไว้ก็แสดงว่าพวกเขากำลังบีบบังคับนาง? หากเป็นเช่นนั้น ทั้งสองคนก็อ่อนหัดจนเกินไป ขณะที่นางกำลังปวดหัวจนแทบระเบิด ผ้าม่านของรถม้าพลันถูกแหวกออก
ยังไม่ทันจะย่ำกรายผ่านธรณีประตู กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งโชยออกมาเตะจมูก
ไท่จื่อยกมือหนาผลักประตูบานใหญ่เปิดออก เห็นร่างไร้วิญญาณของคุณหนูหวัง
“นี่คือ…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ไท่จื่อโกรธเกรี้ยว ทั้งที่วางแผนทุกอย่างเป็นอย่างดีแล้ว เหตุใดคุณหนูหวังจึงเหลือเพียงแต่ร่างไร้วิญญาณ
“ตรวจสอบหรือยังว่าศพนิรนามผู้นั้นเป็นใคร?”
บนพื้น นอกจากเลือดของคุณหนูหวังแล้ว ยังมีรอยเลือดสีแดงสดเป็นทางยาวของผู้อื่น
สิ่งที่น่าสยดสยองยิ่งกว่านั้นคือภายในห้องแห่งนี้ยังมีเศษผิวหนังและเส้นผมของใครบางคน
“ในห้องนี้มีเสื้อผ้าที่มิใช่ของคุณหนูหวังอยู่พ่ะย่ะค่ะ หลังจากองครักษ์ได้ตรวจสอบดูแล้ว พบว่า…พบว่าเป็นขององค์หญิงหมิงเยว่แห่งซีฟานพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์รายงาน ร่างของไท่จื่อสั่นเทิ้ม
ผลปรากฏว่า ศพนิรนามที่นอนตายอยู่ในสระน้ำคือองค์หญิงหมิงเยว่แห่งซีฟาน
หลินเมิ้งหยา…จิตใจอำมหิตยิ่งนัก!
แอบหยิบยาแก้ปวดออกจากล่องเล็ก ก่อนจะใส่ลงในแก้วเหล้าแล้วดื่มลงไป
ก่อนเข้ามา ป๋ายซูทำแผลที่มือให้นางก่อนแล้ว
เมื่อครู่ยังมิมีความรู้สึกอันใด ทว่า ตอนนี้มือของนางกลับปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว
“นายหญิง พวกเรากลับกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ บาดแผลของท่าน…”
ป๋ายซูรู้สึกปวดใจยิ่งนัก มองดูนายหญิงที่พยายามฝืนทน สีหน้าของนางขาวซีดไร้สีเลือด
“ไม่ได้ หากพวกเรากลับไปตอนนี้จะต้องถูกสงสัยอย่างแน่นอน แต่พวกเขายังไม่มีหลักฐาน ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเรา”
ซุกมือข้างที่บาดเจ็บเข้าไปในแขนเสื้อ หลินเมิ้งหยาพยายามฝืนแสดงสีหน้าเป็นปกติ
โชคดีที่ไม่ถูกแทงลึกจนถึงกระดูก มิเช่นนั้น มือข้างนี้คงใช้การไม่ได้อีก
ไม่นาน ไท่จื่อที่ไปตรวจสอบเหตุการณ์ด้านนอกมาแล้วก็กลับเข้ามา
สบตากับหลินเมิ้งหยา ทว่า หญิงสาวกลับไร้ซึ่งท่าทางน่าสงสัย
หรือนางจะมีคนคอยช่วยเหลือ?
มิเช่นนั้น หมิงเยว่กับคุณหนูหวังจะตายอย่างเอน็จอนาจเช่นนั้นได้อย่างไร?
หรือนางเองก็มีฝีมือเก็บซ่อนไว้เช่นเดียวกับหมิงเยว่?
เป็นครั้งแรกที่ไท่จื่อผู้หยิ่งทะนงรู้สึกหวาดกลัวหญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงาม
“ฮวงเอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฮองเฮายังคงนั่งอยู่บนที่ประทับ ดังนั้นจึงมิอาจแสดงท่าทีตื่นตระหนกได้
มองดูสีหน้าของไท่จื่อ สายตาของฮองเฮาพลันเลื่อนไปทางหลินเมิ้งหยา
แต่เพราะเป็นการปรายหางตาไปเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็น
คนสอดแนมที่อยู่ข้างกายไท่จื่อเล่าให้นางฟังว่าไท่จื่อต้องการเอาชีวิตหลินเมิ้งหยา
ดังนั้น นางจึงแอบช่วยเหลือเขา
ทว่า ดูเหมือนฝ่ายที่ได้รับชัยชนะจะมิใช่ไท่จื่อ
“ทูลหมู่โฮ้ว ที่สระน้ำในสวนดอกไม้พบศพหญิงนิรนามที่ตายอย่างน่าเอน็จอนาจ ตอนนี้ตรวจสอบยังไม่ชัดเจน แต่…ดูเหมือนจะเป็นองค์หญิงหมิงเยว่แห่งซีฟาน”
คำพูดของไท่จื่อทำให้บรรยากาศภายในตำหนักฉุนเอินตกอยู่ในความโกลาหล
สายตาของหลงเทียนหยู๋ตกลงบนร่างบางของหลินเมิ้งหยา
หมิงเยว่มิพึงพอใจหลินเมิ้งหยานานมากแล้ว
ฉะนั้น ทันทีที่ไท่จื่อเอ่ยว่าผู้ตายคือหมิงเยว่ เขาจึงรู้ได้เลยว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับชายาของเขาอย่างแน่นอน
แต่…แล้วอย่างไรเล่า?
หากเขาอยู่ เขาจะปกป้องนางเอง
“ว่าอย่างไรนะ? เยว่เอ๋อร์ของข้าตายแล้ว! ไท่จื่อ ท่านพูดจริงหรือ!”
ฮ่องเต้หมิงหันไปมองทางไท่จื่ออย่างไม่อยากจะเชื่อ เหตุใดหมิงเยว่จึงตาย?
ไท่จื่อแสดงท่าทางลำบากใจ หมิงเยว่มิเหมือนกับหูลู่หนาน นางเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของฮ่องเต้หมิง
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังตายอย่างเอน็จอนาจ
“ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด แต่….แต่ศพของหญิงนิรนามไร้ซึ่งเนื้อหนัง ดังนั้นจึงมิอาจยืนยันตัวตนที่ชัดเจนได้”
ไร้ซึ่งผิวหนัง? เพียงได้ยินประโยคนี้ คนทั้งตำหนักฉุนเอินต่างพากันหวาดผวา
“ใครเป็นคนทำ?”
ฮ่องเต้มหิงสูดลมหายใจ สายตาอำมหิตจ้องไท่จื่อเขม็ง
แม้จะรู้ว่าหมิงเยว่กับไท่จื่อร่วมมือกัน แต่ครอบครัวมังกรเช่นพวกเขาล้วนเข่นฆ่าเป้าหมายได้สำเร็จทุกครั้ง
“ยังไม่รู้เหตุการณ์ที่แน่นอน ข้าสั่งให้ทหารของวังหลวงตรวจสอบแล้ว ส่วนจะใช่องค์หญิงหมิงเยว่หรือไม่ คงต้องรอผลการตรวจสอบ”
สีหน้าของไท่จื่อไม่น่ามองอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าคนที่กระทำการนี้จะต้องไม่ใช่หลินเมิ้งหยา
เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว หลินเมิ้งหยาเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น แม้สาวใช้ข้างกายนางจะเก่งกาจ แต่ก็หาใช่คู่ปรับของหมิงเยว่
อย่าว่าแต่เข้าไปเลาะเนื้อแล่หนังของหมิงเยว่เลย แม้แต่จะหลบหนีคมหอกคมดาบของนางยังยาก
แต่นอกจากนางแล้ว ยังมีใครอื่นที่มีความแค้นกับหมิงเยว่อีกหรือ?
“ดี หากมิใช่เยว่เอ๋อร์ก็มิเป็นไร แต่ถ้าหากเป็นเยว่เอ๋อร์แล้วล่ะก็ เช่นนั้นไท่จื่อกับฮองเฮาจะต้องมอบคำอธิบายให่แก่ข้า”
การมาเยือนในครั้งนี้ ฮ่องเต้หมิงมาด้วยความจริงใจ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะต้องสูญเสียลูกชายและลูกสาวไปถึงสองคน
ความโกรธเกรี้ยวแผ่ซ่านออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน คราวนี้ฮองเฮาและไท่จื่อมิอาจรับมือด้วยได้ง่าย ๆ
“ฮ่องเต้หมิงโปรดวางพระทัย หากนางคือหมิงเยว่จริง พวกเราจะจัดการเรื่องนี้แทนพระองค์เอง”
ไท่จื่อทำได้เพียงปลอบโยนฮ่องเต้หมิงเท่านั้น หากหญิงที่ตายเป็นองค์หญิงหมิงเยว่จริง คาดว่าฮ่องเต้หมิงจะต้องระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างแน่นอน
สายตาหันไปสบกับดวงตาของฮองเฮา
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าศพนั้นคือหมิงเยว่ แต่ก็มิอาจพูดออกมาได้ตามตรง
หลินเมิ้งหยานั่งเงียบอยู่บนที่นั่งของตนเอง ก่อนจะจิบสุราและลิ้มรสอาหารตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์
เหตุที่หมิงเยว่ต้องตายก็เพราะพวกเขาประเมินความสามารถของนางต่ำจนเกินไป
โชคดีที่วิชาแพทย์พิษของนางมิเคยเปิดเผยให้ใครเห็นง่าย ๆ
คนที่รู้ล้วนเป็นคนที่นางเชื่อใจ ฉะนั้น ไท่จื่อกับหมิงเยว่จึงเป็นเพียงคู่ปรับธรรมดาแต่เพียงเท่านั้น
ถัดต่อจากไปนี้จะต้องมีเรื่องสนุกให้ดูอย่างแน่นอน
เหตุเพราะมีศะนิรนามลอยอยู่ในสระน้ำของสวน
ดังนั้น ผู้คนในตำหนักฉุนเอินจึงตื่นตระหนก
สีหน้าหวาดผวา ใครกันที่บังอาจก่อเรื่องในเจตพระราชวังแห่งนี้?
“พระชายา พระสนมเต๋อเฟยเชิญท่านไปนั่งด้วยเพคะ”
หัวใจของมนุษย์ เมื่อเจอกับเรื่องน่ากลัวก็อดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล
พระสนมเต๋อเฟยเองก็เช่นเดียวกัน สิ่งเดียวที่นางพอจะทำได้คือปกป้องลูกชายและลูกสะใภ้ของตนเอง
“หย๋าเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าออกไปข้างนอก ได้พบเจอใครหรือไม่?”
กุมมือหลินเมิ้งหยา ก่อนจะพานางมานั่งยังที่นั่งข้างตนเอง
พระสนมเต๋อเฟยกระวนกระวายยิ่งนัก หลินเมิ้งหยาออกไปหนึ่งรอบ เมื่อลองคิดดูแล้ว นางเกือบจะตกอยู่อันตราย
ครุ่นคิด ส่ายหน้า
“หม่อมฉันไปนั่งพักอยู่ตำหนักทางด้านข้างเพคะ ป๋ายซูเองก็ไปเป็นเพื่อนหม่อมฉัน แต่มิพบเจอผู้ใด”
ทว่า หางตาของพระสนมเต๋อเฟยกลับเหลือบไปเห็นมือที่กำลังซุกอยู่ภายใต้แขนเสื้อของหลินเมิ้งหยา
ไม่ส่งเสียงใด ๆ ดึงมือข้างนั้นของนางขึ้นมา ก่อนจะแหวกแขนเสื้อออก ทว่า นางกลับได้เห็นมือข้างนั้นถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าสีขาว
ร่องรอยของความสงสัยปรากฏขึ้นในหัวใจ มองดูนัยน์ตาของหลินเมิ้งหยา ความสงสัยยิ่งทวีคูณ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในเขตของวังหลวง ช่วงนี้เหตุการณ์ไม่ปกติเอาเสียเลย”
สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเผยให้เห็นความตื่นตระหนก คราวก่อนเกิดเรื่องของฮูหยินหวังในจวนก็ว่าน่าตกใจแล้ว
ตอนนี้ยังเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ขึ้นอีก แม้นางจะเคยผ่านร้อนผ่านหนาวหรือกระทั่งห่าพายุมาก่อนยังอดที่จะรู้สึกประหลาดใจและตื่นกลัวไม่ได้
“เป็นเช่นหมู่เฟยรับสั่งเพคะ”
หลินเมิ้งหยากับพระสนมเต๋อเฟยมิได้แสดงท่าทางดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น
มีเพียงหลงเทียนหยู๋ที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเมิ้งหยา
แม้ใบหน้าจะถูกแต่งแต้มเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่อาจปกปิดสีหน้าขาวซีดของนางได้
ภายในห้องโถงแห่งนี้มีคนตกใจกลัวจนหน้าขาวซีดมากมาย แต่หลินเมิ้งหยาหาใช่คนขี้ขลาดไม่
ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
“จะเป็นองค์หญิงหมิงเยว่หรือไม่นั้น เปิ่นกงจะหาคำอธิบายให้กับฮ่องเต้หมิงเอง ตอนนี้ดึกมากแล้ว แยกย้ายกันเถิด”
ฮองเฮามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าชีวิตของลูกชายและลูกสาวฮ่องเต้หมิงจะตกอยู่ในกำมือของหลินเมิ้งหยา
เกรงว่า ฮ่องเต้หมิงจะต้องตามราวีหลินเมิ้งหยาไม่ยอมเลิกราอย่างแน่นอน
เป็นครั้งแรกที่นางเริ่มให้ความสำคัญกับหลินเมิ้งหยา
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะเก่งกาจเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะดูถูกบุตรสาวสกุลหลินเกินไป
“หมู่โฮ้ว ตอนนี้ยังหาตัวฆาตกรไม่พบ หากปล่อยทุกคนไปคงไม่ดีอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่จื่ออยากจะลากคอคนร้ายออกมาเสียเดี๋ยวนี้ แต่ฮองเฮากับให้ความสำคัญกับคนส่วนใหญ่มากกว่า
หากระหว่างตรวจสอบขังเหล่าราชนิกูลเอาไว้
เกรงว่าความหวาดกลัวจะยิ่งทวีคูณ
“ไม่มีทางเลือก ทว่า เครือญาติทั้งหมดล้วนอาศัยอยู่ในวังหลวง หากมีเรื่องอันใดก็สามารถตามตัวมาได้”
คำพูดของฮองเฮาได้รับความเห็นด้วยจากคนส่วนใหญ่
ไท่จื่อไม่มีทางเลือก สุดท้ายต้องน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี
“เต๋อเฟย เจ้าอยู่ที่นี่ก่อนเถิด พวกเรามิได้เจอกันนานแล้ว เจ้าอยู่รำลึกความรักกับเปิ่นกงก่อนเถิด”
อยู่ ๆ ฮองเฮาหันไปทางพระสนมเต๋อเฟย หัวใจของหลินเมิ้งหยาจึงสั่นไหว
สั่งให้พระสนมเต๋อเฟยอยู่ที่นี่ ฮองเฮาวางแผนอะไรไว้กันแน่?
“เพคะ เฉินเซี่ยน้อบรับพระบัญชา”
สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยแสดงให้เห็นความลำบากใจ
ตอนแรก ฮองเฮาเป็นผู้ไล่นางออกจากวัง ทว่า เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฮองเฮากลับรั้งนางเอาไว้ที่นี่
ทันใดนั้น คนที่ชอบประติดประต่อเรื่องราวพลันฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา
หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพระสนมเต๋อเฟย?
“หย๋าเอ๋อร์ เจ้ากลับไปกับหยู๋เอ๋อร์ก่อนเถิด หลังจากพูดคุยกับฮองเฮาเสร็จแล้ว เปิ่นกงจึงจะกลับไป”
ตบหลังมือหลินเมิ้งหยาเพื่อปลอบโยนให้นางสบายใจ
หลงเทียนหยู๋สาวเท้ายาว ๆ เข้ามาหาหลินเมิ้งหยา ก่อนจะพยักหน้าลงให้กับผู้เป็นแม่
ฮองเฮาจะต้องไม่ประสงค์ดีอย่างแน่นอน แต่หากคิดจะรังแกหมู่เฟยของเขา นางจะต้องข้ามศพเขาไปก่อน
หลินเมิ้งหยาที่หันกลับไปมองอยู่เนือง ๆ เดินออกจากตำหนักฉุนเอินพร้อมกับหลงเทียนหยู๋
คนส่วนใหญ่ต่างพากันกังวล
แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองก็แสดงท่าทางตื่นตระหนกเช่นกัน
ขันทีต่างพาแขกเหรื่อนั่งเกี้ยวออกจากประตูวัง
นั่งอยู่บนรถม้าของตนเอง หลินเมิ้งหยารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
หรือฮองเฮากับไท่จื่อจะสงสัยว่าใครกำลังบงการนาง?
เช่นนั้นการขังพระสนมเต๋อเฟยเอาไว้ก็แสดงว่าพวกเขากำลังบีบบังคับนาง?
หากเป็นเช่นนั้น ทั้งสองคนก็อ่อนหัดจนเกินไป
ขณะที่นางกำลังปวดหัวจนแทบระเบิด ผ้าม่านของรถม้าพลันถูกแหวกออก