ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 6 บทที่ 178 ตัวสั่นงันงก
“น้ำ? ด้านนอกมีน้ำ ไปเถิด ขอเพียงเจ้ามีเรี่ยวแรงไปถึงที่นั่นก็พอ” สายตาไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ หลินเมิ้งหยามองดูหมิงเยว่อย่างดูแคลน “โอ๊ย คัน! คันจะตายอยู่แล้ว! ฆ่าข้า! ฆ่าข้าที!” หมิงเยว่กรีดร้องพลางเกลือกกลิ้งไปมา “นายหญิง ท่านมิกลัวจะมีคนมาช่วยนางหรือเจ้าคะ?” เมื่อออกจากประตูสีของท้องฟ้ามืดสนิท “ไม่มีใครมาช่วยนางหรอก เพราะพวกเขาอยากให้ข้าตายจึงกันทุกคนออกไปข้างนอก เจ้าลองดูสิ ด้านนอกอย่าว่าแต่องครักษ์เลย แม้แต่เงาคนสักคนยังไม่มี เจ้าคิดหรือว่าจะมีคนมาพบนาง” จนกระทั่งตอนนี้ หลินเมิ้งหยาเพิ่งเห็นว่าเรือนเล็กของตำหนักฉุนเอินเงียบเหลือเกิน หากมิใช่เพราะได้รับคำสั่งของไท่จื่อ องครักษ์จะยอมละทิ้งหน้าที่ตรงนี้อย่างนั้นหรือ? คิดจะเอาชีวิตของนางยังเร็วเกินไป “ถูกต้องเจ้าค่ะ นางสมควรตาย” อยู่กับหลินเมิ้งหยามานาน ป๋ายซูตัวติดกับหลินเมิ้งหยาเสมือนดั่งเงา ใครคิดจะแตะต้องคนของนางจะต้องไม่ตายดี เบื้องหลังได้ยินเสียงหมิงเยว่กรีดร้องอย่างทรมาน “ตาย? ความตายสำหรับนางเป็นสิ่งที่สวยงามเกินไป” มุมปากของหลินเมิ้งหยายกขึ้น นางเอี้ยวมองไปเบื้องหลังด้วยสายตาโหดเหี้ยม “ไปเถิด พวกเรากลับไปที่งานเลี้ยงกัน ดูว่าคนเหล่านั้นจะมีท่าทางเช่นไรเมื่อได้เห็นข้า” หลินเมิ้งหยาจัดแจงชุดให้เรียบร้อยก่อนจะกลับไปยังห้องโถงของตำหนักฉุนเอิน ภายในมีเสียงพูดคุยคึกครื้นราวกับไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าชายาอวี้ได้หายไปจัดการกับหมิงเยว่มา ทว่าสายตาของไท่จื่อกับชายารองตู๋กูกลับกังวล หากคุณหนูหวังฆ่าไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็ยังมีหมิงเยว่เข้าไปจัดการต่อ หลินเมิ้งหยาต้องตายอย่างแน่นอน เพียงแค่…เหตุใดจึงนานถึงเพียงนี้ ทำไมหมิงเยว่ยังไม่ส่งข่าวมา? “ไท่จื่อ ควรส่งคนไปดูลาดเลาหรือไม่เพคะ?” ชายารองตู๋กูกระซิบถามไท่จื่อ เหตุที่ไท่จื่อไม่ไปดูด้วยตนเองก็เพราะกลัวจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น หากพบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาเกรงว่าจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากแล้ว “ไม่ต้อง พวกเราเตรียมการเอาไว้อย่างดี แม้วิทยายุทธ์ของสาวใช้นางจะไม่อ่อนด้อยแต่ก็ไร้อาวุธ พวกนางไม่มีทางสู้หมิงเยว่ได้หรอก” แม้ไท่จื่อจะกังวลแต่ก็ไม่มาก ฮองเฮาเองก็แอบเห็นด้วยกับเรื่องนี้ มิเช่นนั้นป่านนี้คงมีคนพบเห็นไปแล้ว แม้เขาจะตัดสินใจเรื่องในวังได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด ฮ่องเต้หมิงแห่งซีฟานและเหล่าข้าราชบริพารล้วนนั่งประจำที่ คิ้วขมวดเข้าหากัน ฮ่องเต้หมิงรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก “อาเป่ย เจ้าเห็นเยว่เอ๋อร์หรือไม่?” หูเทียนเป่ยมองไปรอบๆ อย่างประหลาดใจ เมื่อครู่หมิงเยว่เอ่ยว่าไม่สบายจึงขอตัวออกไปเดินเล่น เหตุใดจึงหายไปนานขนาดนี้? “กระหม่อมเองก็ไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมออกไปตามหานางดีหรือไม่?” ฮ่องเต้หมิงชำเลืองไปทางไท่จื่อ ดวงตาเผยให้เห็นความกังวล ช่วงนี้หมิงเยว่ใกล้ชิดกับไท่จื่อมากขึ้น แม้หมิงเยว่จะฉลาดอีกทั้งยังมีวิทยายุทธ์แต่เด็กคนนั้นหยิ่งผยองจนเกินไป โดยเฉพาะความแค้นที่มีต่ออ๋องอวี้ เขาที่เป็นพ่อย่อมรู้ดีแก่ใจ “ไม่ต้อง หากดูจากวิทยายุทธ์ของเยว่เอ๋อร์ คาดว่าคงไม่มีใครทำร้ายนางได้ บางทีข้าอาจจะกังวลเกินไป” ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้หมิงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง อีกไม่กี่วันพวกเขาก็ต้องกลับซีฟานแล้ว แม้ว่าเมื่อหลายวันก่อนฮองเฮาจะส่งคนมาขอหมิงเยว่ให้แต่งงานกับไท่จื่อ แต่เขากลับปฏิเสธ ฮ่องเต้หมิงมีดวงตาแหลมคม เขามองออกว่าแผ่นดินของต้าจิ้นไม่มีทางตกเป็นของคนไร้น้ำยาเช่นนี้ แม้ฮองเฮาจะฉลาดเฉลียวแต่น่าเสียดายที่นางมิอาจควบคุมได้ทุกสิ่ง หมิงเยว่เป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาชุบเลี้ยงมา เขาควรจะใช้ในกรณีสำคัญเท่านั้น หากไท่จื่อสามารถครองบัลลังก์ได้ ถึงเวลานั้นจะแต่งงานกันก็ไม่สาย เขาลอบถอนหายใจ หวังว่าเด็กคนนั้นจะไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้น ร่างบางปรากฏขึ้นที่หน้าประตู สายตาของไท่จื่อและชายารองตู๋กูหันไปมอง หากเป็นไปตามคาด คนที่กลับมาต้องเป็นหมิงเยว่ ทว่ายิ่งร่างนั้นเดินเข้ามา พวกเขายิ่งได้เห็นใบหน้านวลงดงามใสซื่อ หลินเมิ้งหยาปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของทุกคน สีหน้าของไท่จื่อและชายารองตู๋กูเปลี่ยนไป เป็นไปไม่ได้ เหตุใดนางจึงอยู่ที่นี่? ไท่จื่อเบิกตากว้าง หลินเมิ้งหยาเยื้องย่างไปยังตำแหน่งของตน หลงเทียนอวี้ลุกขึ้นยืนเบื้องหน้านาง แม้หลินเมิ้งหยาจะมีท่าทีสงบนิ่ง แต่เขากลับสัมผัสได้ว่านางเพิ่งผ่านเรื่องบางอย่างมา “เจ้า…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ” ลมหายใจของป๋ายซูยังไม่ปกติ ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงสั่งให้นางแอบดูว่ามีคนมาพบหมิงเยว่หรือไม่ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น หลงเทียนอวี้รู้สึกว่านางมีเรื่องปิดบังเขาอยู่ “ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวหากกลับจวนแล้ว หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยด้วยเพคะ” แม้ดวงตาคมคู่นั้นจะจ้องมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน ทว่าหลินเมิ้งหยากลับต้องเพิกเฉย ไม่มีทางเลือก ดูเหมือนต้องกลับไปก่อนจึงจะคุยเรื่องนี้ได้ เขาพยักหนารับ กำชับนางอีกสองสามประโยคก่อนที่หลงเทียนอวี้จะกลับไปยังที่นั่งของตนเอง บรรดาหญิงสาวล้วนอ้าปากค้างจ้องมองหลงเทียนอวี้ สวรรค์โปรด นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องอวี้เป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับผู้หญิงก่อน ดูเหมือนเรื่องที่อ๋องอวี้รักพระชายาหัวปักหัวปำจะเป็นเรื่องจริง! หลินเมิ้งหยามิรู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองด้วยความอิจฉา ทว่านับตั้งแต่ที่นางกลับมา สายตาของหลงเทียนอวี้ก็จับจ้องมองมาไม่คลาดสายตา ดังนั้นนางจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่นานป๋ายซูก็เดินกลับเข้ามา ทั้งสองสบตากัน หลินเมิ้งหยามั่นใจว่ามีคนพบหมิงเยว่แล้ว “แย่แล้ว! มีคนตาย!” ด้านนอกมีเสียงแผดร้องดังขึ้น ไท่จื่อกับชายารองตู๋กูสบตากันก่อนจะเดินออกไป “ไท่จื่อรีบร้อนขนาดนี้หรือจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?” มีคนกล่าวขึ้นมาทันควัน แต่เพราะคนส่วนใหญ่กำลังร่ำสุราดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องด้านนอก “ใครบังอาจร้องโวยวาย!” ฮองเฮาที่อยู่ทางฝั่งแขกฝ่ายหญิงปรากฏตัว ด้านนอกมีขันทีคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา “มีเรื่องอันใด?” ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นปกติ ขันทีส่งเสียงละล่ำละลัก ผู้ดูแลงานฝ่ายหญิงส่งสัญญาณให้ขันทีพูด สุดท้ายหลังจากถูกตะคอกไปสองครั้ง ขันทีจึงส่งเสียงออกมา “ที่สวน…ที่สระน้ำในสวนมีศพคนตายไร้ผิวหนังพ่ะย่ะค่ะ! น่ากลัว น่ากลัวมาก” ไม่มีผิวหนัง? เสียงสูดลมหายใจเย็นยะเยือกดังขึ้น ไม่มีทางที่ในวังจะไม่มีคนตาย การตายในสระน้ำล้วนเห็นได้บ่อยครั้ง แต่การตายที่ทำให้ขันทีหวาดกลัวได้จะต้องไม่ธรรมดา “เจ้าออกไปดู คนอื่นให้รอที่นี่” ฮองเฮาสั่ง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน นางกำนัลประจำตัวจึงรีบออกไป สายตาของฮองเฮากวาดมาทางหลินเมิ้งหยาแต่กลับได้เห็นสีหน้าปกติของนาง “เกิดอะไรขึ้น” หลินเมิ้งหยาเมินสายตาของฮองเฮา ก่อนจะหันไปถามป๋ายซู ทว่ากลับเห็นรอยยิ้มของเด็กสาว “นางคันมากจนกัดร่างกายของตนเอง สุดท้ายทนไม่ไหวจึงใช้มีดตัดผิวหนังจนตายเจ้าค่ะ ก่อนตายยังร้องด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัส” การตอบโต้ศัตรูของหลินเมิ้งหยาโหดร้ายและทารุณเป็นอย่างมาก เพียงแค่หากนางตาย คนสนิทและเพื่อนของนางคงต้องตายตกกัน “ดี ข้าเข้าใจแล้ว รอดูก่อนเถิด” นางอยากให้ความตายของหมิงเยว่บอกทุกคนว่าอย่ามายุ่งกับนางและคนของนาง หากเลือดมิอาจเตือนพวกเขาได้ เช่นนั้นทุกคนจะต้องเจอกับฝันร้าย “ศพอยู่ที่ใด?” ไท่จื่อกับชายารองรีบไปที่สระน้ำในสวน องครักษ์นำศพขึ้นมาแล้ว ทว่าสีหน้าของพวกเขากลับขาวซีด “ทูลไท่จื่อ ศพอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ แต่…พระองค์อย่าดูเลยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์พยายามรักษาท่าทางสงบนิ่ง ทว่าลูกน้องของเขาอ้วกไปแล้วหลายรอบ “เพราะเหตุใด? หรือข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ?” หัวใจของไท่จื่อเต้นไม่เป็นระส่ำ หลินเมิ้งหยากลับมาแต่หมิงเยว่หายไป หรือศพนี้จะเป็นหมิงเยว่? “ทูลไท่จื่อ ศพในสระน้ำ…น่ากลัวมากพ่ะย่ะค่ะ พวกเราเดินตามรอยเลือดไปทางเรือนเล็ก ด้านในยังมีอีกศพ แต่ยังดีกว่าศพนี้มากพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์ตัวสั่น ศพในสระน้ำไร้ผิวหนัง อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าตะเกียกตะกายมาจากเรือนเล็ก ระหว่างทางก้อนหินและผืนหญ้าถูกเลือดสีแดงสดอาบย้อมเป็นทาง เมื่อลองนึกดูแล้ว ผู้ตายจะต้องทรมานเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ผู้ชายยังเหงื่อออกท่วมตัว “ไป ไปดูศพที่เรือนเล็กก่อน” มองดูท่าทางองครักษ์แล้วไท่จื่อจึงไม่กล้าดูศพนี้ เขาหมุนตัวเดินตามองครักษ์ไปทางเรือนเล็ก
“น้ำ? ด้านนอกมีน้ำ ไปเถิด ขอเพียงเจ้ามีเรี่ยวแรงไปถึงที่นั่นก็พอ”
สายตาไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์
หลินเมิ้งหยามองดูหมิงเยว่อย่างดูแคลน
“โอ๊ย คัน! คันจะตายอยู่แล้ว! ฆ่าข้า! ฆ่าข้าที!”
หมิงเยว่กรีดร้องพลางเกลือกกลิ้งไปมา
“นายหญิง ท่านมิกลัวจะมีคนมาช่วยนางหรือเจ้าคะ?”
เมื่อออกจากประตูสีของท้องฟ้ามืดสนิท
“ไม่มีใครมาช่วยนางหรอก เพราะพวกเขาอยากให้ข้าตายจึงกันทุกคนออกไปข้างนอก เจ้าลองดูสิ ด้านนอกอย่าว่าแต่องครักษ์เลย แม้แต่เงาคนสักคนยังไม่มี เจ้าคิดหรือว่าจะมีคนมาพบนาง”
จนกระทั่งตอนนี้ หลินเมิ้งหยาเพิ่งเห็นว่าเรือนเล็กของตำหนักฉุนเอินเงียบเหลือเกิน
หากมิใช่เพราะได้รับคำสั่งของไท่จื่อ องครักษ์จะยอมละทิ้งหน้าที่ตรงนี้อย่างนั้นหรือ?
คิดจะเอาชีวิตของนางยังเร็วเกินไป
“ถูกต้องเจ้าค่ะ นางสมควรตาย”
อยู่กับหลินเมิ้งหยามานาน ป๋ายซูตัวติดกับหลินเมิ้งหยาเสมือนดั่งเงา ใครคิดจะแตะต้องคนของนางจะต้องไม่ตายดี
เบื้องหลังได้ยินเสียงหมิงเยว่กรีดร้องอย่างทรมาน
“ตาย? ความตายสำหรับนางเป็นสิ่งที่สวยงามเกินไป”
มุมปากของหลินเมิ้งหยายกขึ้น นางเอี้ยวมองไปเบื้องหลังด้วยสายตาโหดเหี้ยม
“ไปเถิด พวกเรากลับไปที่งานเลี้ยงกัน ดูว่าคนเหล่านั้นจะมีท่าทางเช่นไรเมื่อได้เห็นข้า”
หลินเมิ้งหยาจัดแจงชุดให้เรียบร้อยก่อนจะกลับไปยังห้องโถงของตำหนักฉุนเอิน
ภายในมีเสียงพูดคุยคึกครื้นราวกับไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าชายาอวี้ได้หายไปจัดการกับหมิงเยว่มา
ทว่าสายตาของไท่จื่อกับชายารองตู๋กูกลับกังวล
หากคุณหนูหวังฆ่าไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็ยังมีหมิงเยว่เข้าไปจัดการต่อ
หลินเมิ้งหยาต้องตายอย่างแน่นอน เพียงแค่…เหตุใดจึงนานถึงเพียงนี้ ทำไมหมิงเยว่ยังไม่ส่งข่าวมา?
“ไท่จื่อ ควรส่งคนไปดูลาดเลาหรือไม่เพคะ?”
ชายารองตู๋กูกระซิบถามไท่จื่อ
เหตุที่ไท่จื่อไม่ไปดูด้วยตนเองก็เพราะกลัวจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
หากพบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาเกรงว่าจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากแล้ว
“ไม่ต้อง พวกเราเตรียมการเอาไว้อย่างดี แม้วิทยายุทธ์ของสาวใช้นางจะไม่อ่อนด้อยแต่ก็ไร้อาวุธ พวกนางไม่มีทางสู้หมิงเยว่ได้หรอก”
แม้ไท่จื่อจะกังวลแต่ก็ไม่มาก
ฮองเฮาเองก็แอบเห็นด้วยกับเรื่องนี้
มิเช่นนั้นป่านนี้คงมีคนพบเห็นไปแล้ว
แม้เขาจะตัดสินใจเรื่องในวังได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด
ฮ่องเต้หมิงแห่งซีฟานและเหล่าข้าราชบริพารล้วนนั่งประจำที่
คิ้วขมวดเข้าหากัน ฮ่องเต้หมิงรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“อาเป่ย เจ้าเห็นเยว่เอ๋อร์หรือไม่?”
หูเทียนเป่ยมองไปรอบๆ อย่างประหลาดใจ เมื่อครู่หมิงเยว่เอ่ยว่าไม่สบายจึงขอตัวออกไปเดินเล่น
เหตุใดจึงหายไปนานขนาดนี้?
“กระหม่อมเองก็ไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมออกไปตามหานางดีหรือไม่?”
ฮ่องเต้หมิงชำเลืองไปทางไท่จื่อ ดวงตาเผยให้เห็นความกังวล
ช่วงนี้หมิงเยว่ใกล้ชิดกับไท่จื่อมากขึ้น
แม้หมิงเยว่จะฉลาดอีกทั้งยังมีวิทยายุทธ์แต่เด็กคนนั้นหยิ่งผยองจนเกินไป
โดยเฉพาะความแค้นที่มีต่ออ๋องอวี้ เขาที่เป็นพ่อย่อมรู้ดีแก่ใจ
“ไม่ต้อง หากดูจากวิทยายุทธ์ของเยว่เอ๋อร์ คาดว่าคงไม่มีใครทำร้ายนางได้ บางทีข้าอาจจะกังวลเกินไป”
ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้หมิงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง
อีกไม่กี่วันพวกเขาก็ต้องกลับซีฟานแล้ว
แม้ว่าเมื่อหลายวันก่อนฮองเฮาจะส่งคนมาขอหมิงเยว่ให้แต่งงานกับไท่จื่อ
แต่เขากลับปฏิเสธ
ฮ่องเต้หมิงมีดวงตาแหลมคม เขามองออกว่าแผ่นดินของต้าจิ้นไม่มีทางตกเป็นของคนไร้น้ำยาเช่นนี้
แม้ฮองเฮาจะฉลาดเฉลียวแต่น่าเสียดายที่นางมิอาจควบคุมได้ทุกสิ่ง
หมิงเยว่เป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาชุบเลี้ยงมา เขาควรจะใช้ในกรณีสำคัญเท่านั้น
หากไท่จื่อสามารถครองบัลลังก์ได้ ถึงเวลานั้นจะแต่งงานกันก็ไม่สาย
เขาลอบถอนหายใจ หวังว่าเด็กคนนั้นจะไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้น
ร่างบางปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
สายตาของไท่จื่อและชายารองตู๋กูหันไปมอง
หากเป็นไปตามคาด คนที่กลับมาต้องเป็นหมิงเยว่
ทว่ายิ่งร่างนั้นเดินเข้ามา พวกเขายิ่งได้เห็นใบหน้านวลงดงามใสซื่อ
หลินเมิ้งหยาปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของทุกคน
สีหน้าของไท่จื่อและชายารองตู๋กูเปลี่ยนไป
เป็นไปไม่ได้ เหตุใดนางจึงอยู่ที่นี่?
ไท่จื่อเบิกตากว้าง หลินเมิ้งหยาเยื้องย่างไปยังตำแหน่งของตน
หลงเทียนอวี้ลุกขึ้นยืนเบื้องหน้านาง
แม้หลินเมิ้งหยาจะมีท่าทีสงบนิ่ง แต่เขากลับสัมผัสได้ว่านางเพิ่งผ่านเรื่องบางอย่างมา
“เจ้า…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า
“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ”
ลมหายใจของป๋ายซูยังไม่ปกติ ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงสั่งให้นางแอบดูว่ามีคนมาพบหมิงเยว่หรือไม่
คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น หลงเทียนอวี้รู้สึกว่านางมีเรื่องปิดบังเขาอยู่
“ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวหากกลับจวนแล้ว หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยด้วยเพคะ”
แม้ดวงตาคมคู่นั้นจะจ้องมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับต้องเพิกเฉย
ไม่มีทางเลือก ดูเหมือนต้องกลับไปก่อนจึงจะคุยเรื่องนี้ได้
เขาพยักหนารับ กำชับนางอีกสองสามประโยคก่อนที่หลงเทียนอวี้จะกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
บรรดาหญิงสาวล้วนอ้าปากค้างจ้องมองหลงเทียนอวี้
สวรรค์โปรด นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องอวี้เป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับผู้หญิงก่อน
ดูเหมือนเรื่องที่อ๋องอวี้รักพระชายาหัวปักหัวปำจะเป็นเรื่องจริง!
หลินเมิ้งหยามิรู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองด้วยความอิจฉา
ทว่านับตั้งแต่ที่นางกลับมา สายตาของหลงเทียนอวี้ก็จับจ้องมองมาไม่คลาดสายตา ดังนั้นนางจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ไม่นานป๋ายซูก็เดินกลับเข้ามา
ทั้งสองสบตากัน หลินเมิ้งหยามั่นใจว่ามีคนพบหมิงเยว่แล้ว
“แย่แล้ว! มีคนตาย!”
ด้านนอกมีเสียงแผดร้องดังขึ้น
ไท่จื่อกับชายารองตู๋กูสบตากันก่อนจะเดินออกไป
“ไท่จื่อรีบร้อนขนาดนี้หรือจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
มีคนกล่าวขึ้นมาทันควัน
แต่เพราะคนส่วนใหญ่กำลังร่ำสุราดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องด้านนอก
“ใครบังอาจร้องโวยวาย!”
ฮองเฮาที่อยู่ทางฝั่งแขกฝ่ายหญิงปรากฏตัว
ด้านนอกมีขันทีคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา
“มีเรื่องอันใด?”
ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นปกติ ขันทีส่งเสียงละล่ำละลัก
ผู้ดูแลงานฝ่ายหญิงส่งสัญญาณให้ขันทีพูด สุดท้ายหลังจากถูกตะคอกไปสองครั้ง ขันทีจึงส่งเสียงออกมา
“ที่สวน…ที่สระน้ำในสวนมีศพคนตายไร้ผิวหนังพ่ะย่ะค่ะ! น่ากลัว น่ากลัวมาก”
ไม่มีผิวหนัง? เสียงสูดลมหายใจเย็นยะเยือกดังขึ้น
ไม่มีทางที่ในวังจะไม่มีคนตาย
การตายในสระน้ำล้วนเห็นได้บ่อยครั้ง
แต่การตายที่ทำให้ขันทีหวาดกลัวได้จะต้องไม่ธรรมดา
“เจ้าออกไปดู คนอื่นให้รอที่นี่”
ฮองเฮาสั่ง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
นางกำนัลประจำตัวจึงรีบออกไป
สายตาของฮองเฮากวาดมาทางหลินเมิ้งหยาแต่กลับได้เห็นสีหน้าปกติของนาง
“เกิดอะไรขึ้น”
หลินเมิ้งหยาเมินสายตาของฮองเฮา ก่อนจะหันไปถามป๋ายซู
ทว่ากลับเห็นรอยยิ้มของเด็กสาว
“นางคันมากจนกัดร่างกายของตนเอง สุดท้ายทนไม่ไหวจึงใช้มีดตัดผิวหนังจนตายเจ้าค่ะ ก่อนตายยังร้องด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัส”
การตอบโต้ศัตรูของหลินเมิ้งหยาโหดร้ายและทารุณเป็นอย่างมาก
เพียงแค่หากนางตาย คนสนิทและเพื่อนของนางคงต้องตายตกกัน
“ดี ข้าเข้าใจแล้ว รอดูก่อนเถิด”
นางอยากให้ความตายของหมิงเยว่บอกทุกคนว่าอย่ามายุ่งกับนางและคนของนาง
หากเลือดมิอาจเตือนพวกเขาได้ เช่นนั้นทุกคนจะต้องเจอกับฝันร้าย
“ศพอยู่ที่ใด?”
ไท่จื่อกับชายารองรีบไปที่สระน้ำในสวน
องครักษ์นำศพขึ้นมาแล้ว
ทว่าสีหน้าของพวกเขากลับขาวซีด
“ทูลไท่จื่อ ศพอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ แต่…พระองค์อย่าดูเลยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าองครักษ์พยายามรักษาท่าทางสงบนิ่ง
ทว่าลูกน้องของเขาอ้วกไปแล้วหลายรอบ
“เพราะเหตุใด? หรือข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ?”
หัวใจของไท่จื่อเต้นไม่เป็นระส่ำ
หลินเมิ้งหยากลับมาแต่หมิงเยว่หายไป
หรือศพนี้จะเป็นหมิงเยว่?
“ทูลไท่จื่อ ศพในสระน้ำ…น่ากลัวมากพ่ะย่ะค่ะ พวกเราเดินตามรอยเลือดไปทางเรือนเล็ก ด้านในยังมีอีกศพ แต่ยังดีกว่าศพนี้มากพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าองครักษ์ตัวสั่น
ศพในสระน้ำไร้ผิวหนัง
อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าตะเกียกตะกายมาจากเรือนเล็ก
ระหว่างทางก้อนหินและผืนหญ้าถูกเลือดสีแดงสดอาบย้อมเป็นทาง
เมื่อลองนึกดูแล้ว ผู้ตายจะต้องทรมานเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่ผู้ชายยังเหงื่อออกท่วมตัว
“ไป ไปดูศพที่เรือนเล็กก่อน”
มองดูท่าทางองครักษ์แล้วไท่จื่อจึงไม่กล้าดูศพนี้
เขาหมุนตัวเดินตามองครักษ์ไปทางเรือนเล็ก