ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 63 เธอเกลียดฉัน
"อะไรนะ" เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วและรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
แต่เซี่ยอันหรานไม่จำเป็นต้องค้นหาเลย ทันทีที่เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นข่าวแนะนำจากเว็บไซต์บนมือถือโดยตรง หัวข้อพาดหัวข่าวขนาดใหญ่: หมิงเยี่ยนเฟยและหญิงสาวลึกลับในงานปาร์ตี้ลับกลางดึก แฟนสาวที่ซ่อนอยู่ของเขาก็ถูกเปิดโปง!
จากนั้นก็เป็นรูปถ่ายในงานปาร์ตี้เมื่อวานนี้ แม้ว่ารูปถ่ายจะไม่ชัดเจนมากนักแต่ก็เห็นได้ชัดว่าหมิงเยี่ยนเฟยนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ในภาพเขากำลังยิ้มในขณะที่คีบผักให้เธอ อาจเป็นเพราะเลนส์พร่ามัว ทำให้ทั้งเธอและหมิงเยี่ยนเฟยถูกปกคลุมไปด้วยแสงอ่อนๆ ดูๆแล้วรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย
ด้านล่างภาพนี้เป็นตอนที่เซี่ยอันหรานและหมิงเยี่ยนเฟยอยู่ในกองถ่ายเรื่อง《ภาพยนต์เรื่องจิ้งจอกหยก》ที่กำลังคุยกันที่ทะเลสาบ เซี่ยอันหรานจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนที่ถูกถ่ายภาพนี้ไว้เธอคุยอะไรกับหมิงเยี่ยนเฟย
แต่ดูจากภาพเพียงอย่างเดียว เธอและหมิงเยี่ยนเฟยหัวเราะให้กันแลดูหวานเล็กน้อย
เซี่ยอันหรานเบิกตากว้างและส่ายหัวไปทางโอวหยางเชี่ยนหรง: "พี่เชี่ยนหรง ฉัน ฉันไม่ได้คบกับหมิงเยี่ยนเฟย ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับโม่เซ่าเหยียนเป็นแบบนี้ แล้วฉันจะกล้าไปคบกับผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร ฉันไม่เอาคนในครอบครัวฉันแล้วงั้นหรอ? "
โอวหยางเชี่ยนหรงมองดูข้อมูลที่ส่งมาทางโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วและลูบขมับของเธอ: "ฉันรู้สถานการณ์ของเธอ แต่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างไร บอกว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับ….ประธานโม่ ก็เลยเป็นไปไม่ได้ว่าเธอกำลังคบกับหมิงเยี่ยนเฟยนะหรอ?”
"ไม่ได้!" เซี่ยอันหรานส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า : "ไม่ได้เด็ดขาด!"
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าคนอื่นรู้ความสัมพันธ์เกี่ยวกับเธอและโม่เซ่าเหยียนเข้า จะพูดถึงเซี่ยอันหรานอย่างไร ถ้าพวกเขา แค่พูดถึงครอบครัวของเธอเมื่อได้ยินว่าเธอกับโม่เซ่าเหยียนคบกัน พวกเขาต้องสงสัยแน่ๆ หากพวกเขารู้ว่าเธอถูกบังคับ ถ้าเป็นเช่นนั้นพ่อแม่และพี่ชายของเธอจะทำอะไรลงไปบ้างเพื่อปกป้องเธอ
โอวหยางเชี่ยนหรงดูข่าวพร้อมกับขมวดคิ้วไปด้วยและถอนหายใจเบา ๆ : "ฉันคุยกับผู้จัดการของหมิงเยี่ยนเฟย ก่อน หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขาคิดว่าเรากำลังสร้างกระแส ไม่ต้องห่วง นี้เป็นงานของฉัน ฉันจัดการได้ ตอนนี้เธอหลับตานอนพักผ่อนก่อนเถอะ”
เซี่ยอันหรานขยี้คิ้วของเธอเบาๆและพึมพำว่า “มีข่าวแบบนี้ออกมาฉันจะนอนหลับได้อย่างไร?ถ้ารู้งี้ เมื่อคืนฉันก็ไม่ควรออกไปข้างนอกกับหมิงเยี่ยนเฟย ทำให้ฉันปวดกระเพาะแล้วยังมีเรื่องอื้อฉาวอีก"
“เมื่อวานนี้ทีมงานถ่ายโฆษณาออกไปด้วยกันทั้งหมด การเข้าสังคมแบบนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องหงุดหงิดหรอก" โอวหยางเชี่ยนหรงกล่าวในขณะที่เลื่อนดูข้อมูลในโทรศัพท์ของเธอไปด้วย: “ต่อไปเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พอเธอมีชื่อเสียงกว่านี้ หลายๆคนที่เธอไม่รู้จักอาจกล้ามายุ่งกับเธอจนกลายเป็นคนรัก เธอต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว … พักผ่อนก่อนเถอะ … "
เมื่อโอวหยางเชี่ยนหรงพูดจบ เธอก็เอื่อมมือออกมาดึงผ้าห่มของเซียอานหรานขึ้น จากนั้นโอวหยางเชี่ยนหรงก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องนอนของเซี่ยอันหราน
เซี่ยอันหรานขดตัวใต้ผ้านวมและได้ยินเสียงของโอวหยางเชี่ยนหรงที่กำลังคุยกับอีกฝ่าย เธอเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของโม่เซ่าเหยียน เดิมทีเซี่ยอันหรานอยากอธิบายให้โม่เซ่าเหยียนรู้ว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมิงเยี่ยนเฟยและไม่สนิทกันเหมือนที่เขียนไว้ในข่าว อีกทั้งเธอยังเกลียดหมิงเยี่ยนเฟยด้วยซ้ำ
แต่ในตอนที่เซี่ยอันหรานกำลังจะโทรหาโม่เซ่าเหยียนเธอก็ถอยมือกลับ ทำไมต้องอธิบายทำไมล่ะ? บางทีโม่เซ่าเหยียนอาจไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะสนิทกับผู้ชายคนไหน เขาอาจสนใจแค่ว่าประจำเดือนเธอมาหรือเปล่าและจะนอนกับเขาได้ไหม ร่างกายของเธออ่อนนุ่มพอที่จะเล่นท่าทางที่เกินจริงเหมือนภาพในอัลบั้มเหล่านั้นได้หรือเปล่าและทนต่อแรงกระแทกที่หยาบคายและทรงพลังของเขาได้ไหม?
เซี่ยอันหรานค่อยๆถอยมือกลับแล้ววางโทรศัพท์ลงข้างเตียง จากนั้นก็ขดตัวลงใต้ผ้าห่มและขมวดคิ้วเพื่อทนกับอาการปวดท้องที่บิดไปมา จากนั้นก็หลับตาลง
ท้องฟ้าค่อยๆหนาวเย็นลงเรื่อยๆ ทันทีที่แสงอาทิตย์ออกมา ก็ทำให้กระจกที่หนาวเย็นมาทั้งคืนละลายกลายเป็นหมอกบางๆ โม่เซ่าเหยียนยืนพิงประตูรถอยู่ชั้นล่างและมองขึ้นไปที่ห้องของเซี่ยอันหราน จนกระทั่งหมอกนั้นหนาขึ้นทำให้เขามองไม่เห็นร่างของเซี่ยอันหรานผ่านกระจกอีก
ในความเป็นจริงแม้จะไม่มีชั้นหมอกนั้น โม่เซ่าเหยียนที่ยืนอยู่ชั้นล่างก็มองเห็นเพียงด้านหลังที่เลือนลางของเซี่ยอันหรานเท่านั้น ถึงจะเป็นเช่นนั้นโม่เซ่าเหยียนก็ยังคงยืนอยู่ที่ชั้นล่างและมองขึ้นไปที่หน้าต่างห้องนอนของเซี่ยอันหราน จนกระทั่งหลิวเฟยผู้ช่วยของโม่เซ่าเหยียนคอยเตือนเขาอย่างระมัดระวังในขณะที่มองนาฬิกาของเขาไปด้วย: “ประธานโม่ ยังมีประชุมในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า"
โม่เซ่าเหยียนจึงละสายตาจากหน้าต่างห้องของเซี่ยอันหรานแล้วหันไปมองหลิวเฟย
แม้ว่าโม่เซ่าเหยียนจะมีสีหน้าที่เย็นชาอยู่ตลอดเวลา แต่หลิวเฟยที่เป็นผู้ช่วยของโม่เซ่าเหยียนมาหลายปีก็สามารถมองเห็นความสุข ความโกรธ ความเสียใจจากการแสดงออกที่เย็นชาของเขา ตัวอย่างเช่นในตอนที่โม่เซ่าเหยียนมีความสุขคิ้วของเขาจะยืดออกเล็กน้อย และในตอนที่เขาคิดแก้ไขปัญหาหรือพบกับความลำบากเขาจะเม้มปากเล็กน้อย ในตอนที่เขาขมวดคิ้วไม่ได้หมายความว่าเขากำลังโกรธจริงๆ แต่มันอาจจะเป็นแค่เพราะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ
แต่ถ้าการแสดงออกของโม่เซ่าเหยียนไม่แยแส เย็นชาจนเหมือนกับรูปปั้นและไม่สามารถมองเห็นร่องรอยการแสดงออกใดๆได้นั่นเป็นเพราะเขาอารมณ์ไม่ดีและกำลังโกรธอย่างแน่นอน ตอนนี้ที่โม่เซ่าเหยียนอารมณ์ร้อนก็เป็นเช่นนั้นและเขาดูเย็นชายิ่งกว่าก่อนหน้านี้ที่เจอเซี่ยอันหราน ราวกับรูปสลักน้ำแข็งอย่างนั้น
หลิวเฟยตกใจจนตัวสั่นและพูดอย่างประหม่าว่า: “ถ้าประธานโม่ไม่ต้องการเข้าร่วมการประชุมนี้ ผมจะโทรไปยกเลิกเดี๋ยวนี้"
“ฉันจำได้ว่าการประชุมครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเซี่ยเหมยกรุ๊ป?” โม่เซ่าเหยียนถามอย่างเย็นชา
หลิวเฟยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว: “ใช่ครับๆ เกี่ยวกับการร่วมมือกันระหว่างเราและเซี่ยเหมยกรุ๊ป"
“ไม่ต้องยกเลิก ฉันจะเข้าร่วม" โม่เซ่าเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา
โม่เซ่าเหยียนเข้าไปในรถทันทีที่เขาพูดจบ เขานั่งตัวตรงที่เบาะหลังของรถ ขณะที่รถขับออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ คฤหาสน์ที่เซี่ยอันหรานอาศัยอยู่ก็ห่างออกไปจากเขามากขึ้น เมื่อโม่เซ่าเหยียนมองไม่เห็นร่องรอยของคฤหาสน์แล้ว เขาก็ค่อยๆกำมือขวาแน่น มีรอยแผลถูกลวกที่หลังมือขวาของโม่เซ่าเหยียนซึ่งดูเหมือนจะเพิ่งถูกลวกไป
ตอนนี้เนื่องจากโม่เซ่าเหยียนกำมือขวาของเขาแน่นเกินไป แผลพุพองที่ได้รับการรักษาแล้วก็แตกออกอีกครั้ง จากนั้นเลือดสีแดงก็ไหลออกมา
แต่ดูเหมือนโม่เซ่าเหยียนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด เขาหลับตาลงและเสียงร้องไห้ของเซี่ยอันหรานยังคงก้องอยู่ในหูของเขา: "โม่เซ่าเหยียน ฉันเกลียดคุณ … "
เสียงพูดช้าๆของเซี่ยอันหรานผสานเข้ากับเสียงของผู้หญิงอีกคน เสียงของผู้หญิงคนนั้นกำลังคร่ำครวญด้วยความไม่พอใจและโกรธมากขึ้น: “ผู้ชายในตระกูลโม่ของพวกคุณล้วนแต่เป็นคนวิปริตและไม่มีใครถูกลิขิตไว้ให้รักพวกคุณ ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดเด็กคนนี้ ฉันเกลียดพวกคุณทุกคน! "
โม่เซ่าเหยียนลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ลมหายใจของเขาถี่มาก ทำให้หลิวเฟยซึ่งนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ด้านหน้ารีบหันศีรษะไปมองโม่เซ่าเหยียนอย่างกระวนกระวาย: "ประ ประธานโม่ คุณเป็นอะไรไป?"
"ไม่เป็นไร" โม่เซ่าเหยียนส่ายหัวพร้อมกับลูบขมับที่ลุกเป็นไฟ ดูเหมือนเมื่อกี้เขาจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่พอเขาลืมตาขึ้นมาก็จำสิ่งที่ได้ยินไม่ได้ เพียงแค่รู้สึกปวดหัวอย่างมาก
“ถ้า ถ้าอย่างนั้นก็โอเค" หลิวเฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ในตอนที่เขาพูดน้ำเสียงก็สั่นเล็กน้อย
โม่เซ่าเหยียนลูบขมับของเขาและมองไปที่หลิวเฟยด้วยสายตาที่เฉียบคม "ทำไมคุณถึงดูกระวนกระวายขนาดนี้?"
ทันใดนั้นหลิวเฟยก็บีบโทรศัพท์แน่นและค่อยๆเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าพร้อมกับส่ายหัวและพูดว่า "เป็นเพราะผมเป็นห่วงประธานโม่ไง"
โม่เซ่าเหยียนจ้องมือของหลิวเฟยที่ถือโทรศัพท์ไว้แน่น และพูดเสียงทุ้มว่า “ถ้าไม่พูดความจริง ก็ถือว่าฉันมีเหตุผลที่จะรับรู้ได้ว่าคุณกำลังปกปิดฉันเพื่อทำเรื่องอื่นๆอยู่ ตัวอย่างเช่นการขายข้อมูลของบริษัท เช่น…"
“จริงๆแล้วผมแค่กำลังดูข่าวอื้อฉาวของคุณเซี่ยอันหราน” โม่เซ่าเหยียนทำให้หลิวเฟยตกใจกลัวจึงรีบบอกความจริงออกไปทันที
"อื้อฉาว?" รูม่านตาสีดำของโม่เซ่าเหยียนลึกลงเล็กน้อยและยื่นมือออกไปหาหลิวเฟย: "ส่งมาให้ฉัน"
หลิวเฟยรีบยื่นโทรศัพท์แล้ววางไว้บนมือโม่เซ่าเหยียนทันที จากนั้นก็ปิดปากแน่นพร้อมกับกลั้นหายใจไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา
เมื่อโม่เซ่าเหยียนรับโทรศัพท์มา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือรูปถ่ายของเซี่ยอันหรานและหมิงเยี่ยนเฟยที่กำลังหัวเราะให้กัน โม่เซ่าเหยียนมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเซี่ยอันหรานผ่านภาพนั้น แลดูผ่อนคลายและมีความสุขมาก ใบหน้าของเธอยกขึ้นเล็กน้อยและหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ ทั้งใบหน้าของเธอดูสดใสเป็นพิเศษและรอยยิ้มนั้นถูกคลุกเคล้าจนดูสดใสราวกับดวงอาทิตย์อย่างนั้น
ในรูปถ่ายนั้นดูแตกต่างกับท่าทางตอนอยู่ต่อหน้าโม่เซ่าเหยียนที่ดูขี้คลาดและคอยระมัดระวังอย่างสิ้นเชิง โม่เซ่าเหยียนขมวดคิ้วพร้อมกับยกนิ้วขึ้นแล้วใช้นิ้วที่เรียวยาวของเขาแตะไปที่แก้มของเซี่ยอันหรานที่อยู่ในรูปเบาๆ
จากนั้นโม่เซ่าเหยียนก็เห็นตัวอักษรที่อยู่ใต้ภาพ (หมิงเยี่ยนเฟยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับหญิงสาวลึกลับและคาดว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน) เขาขมวดคิ้วพร้อมกับบีบโทรศัพท์แน่น ทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปทุบกระจกหน้าต่างรถและโยนโทรศัพท์ออกนอกหน้าต่างไป
คนขับรีบจอดรถไว้ข้างทางทันที หลินเฟยมองดูโทรศัพท์มือถือของเขาที่ถูกโม่เซ่าเหยียนโยนออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้เขาตกใจกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ดวงตาของโม่เซ่าเหยียนมืดสนิท เขาพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า "หมิงเยี่ยนเฟย เพศชาย อายุ 27 ปี นักร้อง … นักแสดง … "
"แล้วก็ … " โม่เซ่าเหยียนลูบขมับของเขา: "แล้วก็ … "
ทันใดนั้นโม่เซ่าเหยียนก็ขมวดคิ้วและทุบกระจกหน้าต่างอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด “เขายังมีข้อมูลอื่นอีก ฉันนึกไม่ออก"
หลิวเฟยรีบพูดเสริมอย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้หมิงเยี่ยนเฟยเป็นศิลปินของบริษัทหวนอี้ สัญญาของเขาหมดลงเมื่อ 2 เดือนก่อน เขากำลังถ่ายทำ《ภาพยนต์เรื่องจิ้งจอกหยก》 รับบทเป็นพระเอกที่ชื่อลัวฉี”
"เซี่ยอันหรานรับบทเป็น 'อวี้เอ๋อร์' … " โม่เซ่าเหยียนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
โม่เซ่าเหยียนพูดซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น: "เซี่ยอันหรานรับบท 'อวี้เอ๋อร์' … "
"เธอรับบท 'อวี้เอ๋อร์' … " โม่เซ่าเหยียนพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ ท่าทีของเขาค่อยๆสงบลง
หลิวเฟยเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาแล้วเหลือบมองไปที่หน้าต่างรถที่ถูกโม่เซ่าเหยียนทุบและเลือดบนมือของเขาที่ถูกกระจกหน้าต่างรถบาดเข้า จากนั้นเขาก็ถามอย่างประหม่า: "ประ ประธานโม่ คุณจะยกเลิกประชุมไหมครับ?”
โม่เซ่าเหยียนมองไปที่หลิวเฟยและเม้มมุมปากของเขา: "ยกเลิกการประชุม แต่ห้ามยุติในการร่วมมือกับเซี่ยเหมยกรุ๊ป สัญญาทั้งหมดที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เซี่ยเหมยกรุ๊ปเสนอไว้ เป็นไปตามข้อกำหนดของพวกเขาทั้งหมด แต่ฉันมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวคือการร่วมมือกับเซี่ยเหมยกรุ๊ปจะถูกเก็บไว้เป็นความลับและไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่ทั้งทางหนังสือพิมพ์หรือทำการประชาสัมพันธ์ "
หลิวเฟยรู้ว่าที่โม่เซ่าเหยียนยอมให้ผลประโยชน์แก่เซี่ยเหมยกรุ๊ป เพราะเซี่ยเหมยกรุ๊ปเป็นธุรกิจของครอบครัวเซี่ยอันหราน เมื่อได้ยินโม่เซ่าเหยียนพูดเช่นนี้ ลำคอของเขาก็รู้สึกเมื่อยขึ้นมาเล็กน้อย: "ประธานโม่, แล้วทางฝั่งคุณเซี่ยอันหราน คุณต้องการปกปิดเรื่องนี้หรือไม่?"
โม่เซ่าเหยียนไม่ได้ตอบ เพียงแต่หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วขมวดคิ้ว
หลังจากผ่านไปนาน โม่เซ่าเหยียนก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ไม่ต้องบอกเธอ เธอเกลียดฉัน ถึงเธอรู้ก็ไม่ได้มีความสุขขึ้นมาหรอก"